คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 483 บอสอิ๋งเป็นแค่คนธรรมดา

ตอนที่ 483 บอสอิ๋งเป็นแค่คนธรรมดา

จี้อี้หางยังคุยกับจี้หลีอยู่ “เสี่ยวหลี พ่อบอกแล้วว่าพ่อไปคนเดียวได้ ลูกอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่นี่แหละ”

“ที่นี่โลกจอมยุทธนะคะพ่อ” จี้หลีไม่ยอม “อย่างน้อยหนูก็เป็นวิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง พ่อสายบุ๋นอ่อนแอจะตาย เกิดเรื่องจะทำไงคะ ชั้นสองจอมยุทธเยอะแยะ”

จี้อี้หางจนปัญญา จำต้องยอม

ในความเป็นจริงเขาก็แค่จะลงไปชั้นล่างเพื่อเอาแผนที่ของเมืองศาลสถิตยุติธรรม

คนคุ้มกันของตระกูลจี้ไม่รู้จักจี้อี้หาง และไม่ได้สนใจบทสนทนาของสองคนนั้นเป็นพิเศษ แต่พอจะทราบได้ว่าพ่อลูกคู่นี้น่าจะเป็นคนนอกที่มีตระกูลไหนเชิญมา

ตระกูลจี้ถือเป็นตระกูลขนาดกลางในโลกจอมยุทธ หากจัดอันดับกันจริงๆ ก็ไม่เข้าแม้แต่สามสิบอันดับแรก

ตระกูลจี้ก็เลยได้มาห้องเดียว ไม่เหมือนตระกูลอื่นที่ได้สี่ห้าห้อง

สามตระกูลจอมยุทธตระกูลใหญ่ยิ่งเลือกได้ตามสบาย

แต่จี้อี้หยวนรู้ดีว่าจี้อี้หางเป็นใคร เขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พูดเสียงหลง “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”

พอได้ยินเสียงคุ้นเคยจี้อี้หางก็อึ้ง หันไปมอง ใบหน้าเย็นชาลง

“นายอยู่ได้ แล้วทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้”

จี้หลีโผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังจี้อี้หาง

“พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้เป็นเพราะคุณทำนายเก่งจริงๆ ไงคะ”

จี้อี้หางพูดคำพูดที่จี้อี้หยวนพูดกับเขาตอนนั้น

จี้หลีเองก็อยากถาม ‘คุณรู้ได้ยังไงว่าเทพอิ๋งจะหาบัตรเชิญมาให้พวกเราได้’

“ไม่!” จี้อี้หยวนบ้าไปแล้ว ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดฝอยปรากฏเต็มไปหมด

“นายไม่ควรมาอยู่ที่นี่ นายจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”

ขนาดเขายังได้แค่นั่งอยู่ชั้นล่าง แล้วทำไมจี้อี้หางถึงได้อยู่ในห้อง

จี้อี้หางไม่สนใจ จับจี้หลี “ไปเถอะเสี่ยวหลี”

จี้อี้หยวนยังอยากกระโจนเข้าไปหา แต่ถูกขวางไว้

“บอกแล้วว่าต้องให้เกียรติคนที่อยู่ในห้อง” คนคุ้มกันขมวดคิ้ว “พวกเขาไม่เอาเรื่องคุณ คุณก็อย่าพูดมากเลย อยากให้นายใหญ่กับนายหญิงรอนานเหรอ”

คำพูดนี้เตือนสติจี้อี้หยวน เขาจำต้องเดินตามคนคุ้มกันไปทักทายนายใหญ่ตระกูลจี้ที่อีกห้องหนึ่ง

“ขอถามนายใหญ่หน่อยครับ” หลังจากดื่มน้ำชาตามมารยาทเสร็จ จี้อี้หยวนก็คุกเข่าลง พูดเสียงสั่น

“นายใหญ่ก็ส่งคนไปคุ้มกันจี้อี้หางด้วยเหรอครับ”

อันที่จริงถามแบบนี้ไม่ได้ เพราะนี่ถือเป็นการสงสัยในตัวนายใหญ่ เป็นการท้าทายอำนาจ

ตระกูลจี้ไม่ใช่ตระกูลรักสงบแบบตระกูลหลิน และไม่มีความถ่อมตัวแบบตระกูลเย่ว์

สไตล์และความโหดเหี้ยมของตระกูลจี้เหมือนตระกูลเซี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือไม่เก่งพอ อาจโหดกว่าตระกูลเซี่ยด้วยซ้ำ

อย่างน้อยตระกูลเซี่ยก็ไม่อนุญาตให้สมาชิกในตระกูลฆ่ากันเอง แต่ตระกูลจี้ทำได้ ไม่จำเป็นต้องแจ้งก่อนด้วยว่าจะมีการต่อสู้ถึงตาย

แต่จี้อี้หยวนทนไม่ไหวจริงๆ เขาอยากรู้มากว่าจี้อี้หางเข้ามาได้ยังไงกันแน่ แถมยังเข้าไปนั่งห้องส่วนตัวได้ทั้งที่ตระกูลจี้ได้รับการจัดสรรแค่ห้องเดียว

ตามคาด พอคำถามนี้ออกไป สีหน้าของนายใหญ่ตระกูลจี้ก็ขรึมลง

เขาทำเสียงฮึดฮัดเป็นการข่ม

จี้อี้หยวนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ รู้สึกเหมือนกระดูกตัวเองจะหัก เขาลนลานร้องขอชีวิต

“นายใหญ่ไว้ชีวิตด้วย นายใหญ่ไว้ชีวิตด้วยครับ!”

“ผมไม่ดูตาม้าตาเรือ บังอาจถามแบบนี้ออกไป”

จี้อี้หยวนพูดไปแบบนี้ แต่ในใจกลับยิ่งอึดอัด

เขาเป็นคนสมัยใหม่ ทุกครั้งที่มาโลกจอมยุทธก็ต้องเรียนรู้ธรรมเนียมประเพณีกับคำพูดของคนโบราณอยู่ไม่น้อย

โชคดีที่นายใหญ่ไม่ได้ถือสาหาความ แค่โบกมือไล่ “พาออกไป”

หลังจากคนคุ้มกันคารวะเสร็จ ครั้งนี้ไม่ไว้หน้าจี้อี้หยวนอีกต่อไป ลากตัวเขาออกไป

เมื่อประตูห้องปิดลงพ่อบ้านถึงพูดขึ้น

“นายใหญ่ครับ จี้อี้หางเป็นคนรุ่นเดียวกับจี้อี้หยวน แต่ผลงานไม่สูงมาก ห้องทดลองของเขาก็อยู่แค่ระดับบีครับ”

“อ่อ” พอได้ยินแบบนี้นายใหญ่ตระกูลจี้ก็หมดความสนใจ

เขาต้องคุมคนในตระกูลเดิมมากขนาดนี้ จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน

พ่อบ้านดูรู้เรื่องเยอะพอสมควร “แต่เวินเฟิงเหมียนเป็นน้องชายของเขา เพิ่งกลับมา ขึ้นไปอยู่ห้าสิบอันดับแรกของการจัดอันดับผลงานแล้วครับ”

นายใหญ่ตระกูลจี้สงสัย “เวินเฟิงเหมียนเหรอ”

“ครับ เดิมก็คือจี้เฟิงเหมียน” พ่อบ้านตอบ “เดิมทีเขาแกล้งตาย หลังจากหนีไปจากตระกูลจี้ก็เปลี่ยนแซ่ ตอนนี้กลับมาแล้วครับ”

“กล้าเปลี่ยนแซ่ด้วยรึ ใครให้สิทธิ์เขา” สายตาของนายใหญ่ตระกูลจี้เริ่มดุดัน

“หาเวลาพาเขามาพบฉันในโลกจอมยุทธหน่อย บอกว่าฉันอยากเจอ”

จอมยุทธไม่สะดวกลงมือนอกโลกจอมยุทธ แต่ถ้าเข้ามาก็จะไม่เหมือนกันแล้ว

การทำให้เวินเฟิงเหมียนหายสาบสูญไปอย่างเงียบๆ เป็นวิธีที่ตระกูลจี้ถนัดที่สุด

คนทรยศ ต่อให้เก่งแค่ไหนตระกูลจี้ก็ไม่เอา

พ่อบ้านพยักหน้าตอบรับ

ตรงด้านขวาของชั้นสอง หน้าห้องที่อยู่ตรงกลางมีป้ายไม้แขวนไว้ว่า ‘สุขสงบ’

อิ๋งจื่อจินจุดเตากำยานที่อยู่ในห้องแล้ววางไว้ข้างเวินเฟิงเหมียน

สิ่งที่จุดอยู่ในเตาเป็นของที่แพทย์แผนโบราณคิดค้น มีสรรพคุณที่ช่วยให้ใจสงบ ได้ผลดีมาก

“พ่อคะ คนที่พ่อเจอเมื่อกี้…” อิ๋งจื่อจินหยุดเล็กน้อย “ภรรยาเก่าเหรอคะ”

บอกว่าเป็นภรรยาเก่าก็ไม่สมเหตุสมผลนัก

เพราะในความเป็นจริงเวินเฟิงเหมียนกับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แต่งงานกัน

พวกเขาอยู่ด้วยกันในอำเภอชิงสุ่ย ที่นั่นขนบธรรมเนียมล้าหลัง เมื่อศตวรรษก่อนการแต่งงานของคนบ้านนอกก็แค่คำนับฟ้าดินต่อหน้าพยานของทั้งสองคน

ไม่มีสำนักงานเขต แม้แต่ทะเบียนสมรสก็ไม่ต้องไปจด

เวินเฟิงเหมียนตอบ “ใช่ เธอชื่ออันโหรวจิ่น”

เรื่องผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาเองก็เคยถามความคิดของเวินทิงหลานแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งจื่อจินก็เป็นลูกสาวของเขา เป็นพี่สาวของเวินทิงหลาน

เรื่องบางอย่างก็พูดออกมาได้แล้ว

“ตอนนั้นถือว่าเธอช่วยชีวิตพ่อไว้” เวินเฟิงเหมียนไอเล็กน้อย “พ่อหนีออกจากเกาะนั้น ร่างกายถูกควันพิษเดธกัดกร่อนไปมาก เจอเรือประมงร้างถึงหนีออกมาได้สำเร็จ”

“ต่อมาก็ระหกระเหินไปที่อำเภอชิงสุ่ย ถึงที่นั่นจะกันดารมาก แต่ก็ดีที่คุณภาพอากาศยังดีอยู่ ถึงพ่อจะไปจากตระกูลจี้ แต่ก็ยังมีทรัพย์สินติดตัว พอรวบรวมขึ้นมาก็ได้ราวสามล้าน”

“ตอนนั้นหลังจากที่พ่อไปถึงอำเภอชิงสุ่ยก็หิวมาก เธอให้โจ๊กมาหนึ่งชาม ทั้งยังบอกว่าจะดูแลพ่อ”

อิ๋งจื่อจินจับมือเวินเฟิงเหมียน หลับตาลง มีหมอกลอยผ่านหางตา ดูเหตุการณ์ในอดีต

“แต่พ่อไม่รู้ว่า อันที่จริงเธอตามดูพ่อมานานแล้ว รู้มาตลอดว่าพ่อเป็นอัจฉริยะของตระกูลจี้ รอพ่อกลับไป”

อย่างไรเสียอันโหรวจิ่นก็ไม่ใช่คนตระกูลจี้ และก็ไม่รู้การจัดการภายในตระกูลจี้

เธอรู้แค่ว่าตระกูลจี้เก่งมากในตี้ตู ทั้งยังมีสถานะที่ไม่ด้อยในระดับโลก

เลยคิดว่าถ้าเวินเฟิงเหมียนกลับไปก็จะได้ครอบครอบเกียรติยศมากมาย

“อืม พ่อดูออก เสื้อผ้าที่เธอใส่ไม่ใช่ระดับคนธรรมดาใส่กัน แต่ตอนนั้นพ่อไม่อยากกลับตระกูลจี้” เวินเฟิงเหมียนยิ้ม สายตาทอดยาวไปไกล

“เยาเยา พ่อไม่ใช่พระเจ้า การทดลองล้มเหลว แถมยังทำให้คนตั้งมากขนาดนั้นบาดเจ็บและล้มตาย พ่อเองก็ช็อกมาก เสียศูนย์ไปหลายปี”

“ตอนแรกพ่อบอกให้เธอไป เธอไม่ไป ต่อมา…”

เวินเฟิงเหมียนหยุดเล็กน้อย ไม่ได้เล่าละเอียด พูดแค่ว่า “พอมีลูกพ่อก็ไม่อยากให้เธอกับลูกลำบาก เลยเอาเงินให้เธอ ต่อมา…พวกเราก็มีอวี้อวี้อีกคน”

“เรื่องที่เหลือก็ตามที่ลูกรู้ เธอคลอดอวี้อวี้ได้ไม่นานก็หอบเงินทั้งหมดหนีไป”

เขาไม่ได้มีความรักให้อันโหรวจิ่น มีแค่ความสำนึกในบุญคุณ ไม่ได้ติดใจเรื่องเงินทอง

แต่เยื่อใยทั้งหมดได้ขาดสะบั้นลงตั้งแต่อันโหรวจิ่นลงไม้ลงมือกับเวินทิงหลาน

อิ๋งจื่อจินเท้าแขน ครุ่นคิดแล้วพูด “แล้วลูกสาวแท้ๆ ของพ่อล่ะคะ”

เวินเฟิงเหมียนเงียบไปชั่วขณะ “ไม่ได้ถูกเธอพาไปด้วย แต่อยากตามไปเอง พ่อก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ไล่ลูกกลับมา แต่ตอนนั้นที่กลับมาเธอเคยเอารูปให้ดู เด็กคนนั้นมีชีวิตที่ดี”

อิ๋งจื่อจินก็ไม่ถามอีก จริงจังแบบที่เห็นได้ยาก

“วางใจได้ค่ะพ่อ หนูกับเสี่ยวหลานจะอยู่ด้วยไปตลอด ไม่มีทางหนีไปไหน”

“พ่อเองก็ผิด” เวินเฟิงเหมียนถอนหายใจ “ตอนนั้นพ่อมันไม่ได้เรื่อง ไร้ประโยชน์”

“พ่อก็เพิ่งบอกไปว่าตัวเองไม่ใช่พระเจ้า” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “ต่อไปจะดีขึ้นค่ะ”

เธอจะปกป้องครอบครัวให้ดี

อีกด้านหนึ่ง

อันโหรวจิ่นนั่งอยู่ในห้องได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว อึดอัดมาก จึงลงไปเดินเล่น

ตอนที่ไปสวนด้านหลังภัตตาคารเธอพบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

เดิมทีเด็กหนุ่มดูโทรศัพท์มือถืออยู่ แต่พอเห็นเธอก็เก็บแล้วคารวะให้ “สวัสดีครับคุณนาย”

พอเห็นจอมยุทธนอบน้อมกับเธอขนาดนี้ อันโหรวจิ่นก็รู้สึกภาคภูมิใจในเกียรติขึ้นมาทันที อารมณ์หงุดหงิดหายไปในชั่วพริบตา

เธอจำเด็กคนนี้ได้ เป็นลูกหลานของตระกูลจี้

อันโหรวจิ่นยิ้ม “เทียนฮ่าวดูอะไรอยู่เหรอ”

“งานประมูลน่าเบื่อ ก่อนมาผมเลยโหลดรายการวาไรตี้ของข้างนอกมาด้วยครับ” จี้เทียนฮ่าวนอบน้อมมาก ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ดู

บนหน้าจอเป็นสัญลักษณ์รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202

เป็นสัปดาห์ที่สองของรายการพอดี อิ๋งจื่อจินไปร่วมแสดงกับอวิ๋นเหอเย่ว์

แสงไฟส่องไปที่ใบหน้าของเธอ เผยให้เห็นความงามอันน่าตะลึง

รอยยิ้มของอันโหรวจิ่นชะงักทันที

“คุณนายก็รู้สึกว่าเธอสวยมากใช่ไหมครับ” จี้เทียนฮ่าวสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอันโหรวจิ่น

“นึกไม่ถึงว่าข้างนอกยังมีคนที่สวยขนาดนี้ด้วย”

ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่จอมยุทธ์ส่วนใหญ่ไม่ชอบโลกภายนอก เป็นเพราะโลกจอมยุทธ์ธรรมชาติอากาศดี ไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างก็หน้าตาดี คนทั่วไปเทียบไม่ได้

“ก็สวยดีจ้ะ” อันโหรวจิ่นดึงสติกลับมา “เธอชอบเหรอ”

จี้เทียนฮ่าวหรี่ตาเล็กน้อย “คุณนาย?”

อันโหรวจิ่นหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาบังริมฝีปาก ไอเล็กน้อย

“ชอบก็แสดงออกไป นั่นแค่คนธรรมดา เธอเป็นจอมยุทธ ใช้เล่ห์เหลี่ยมนิดหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

เวินเฟิงเหมียนแคร์อะไร เธอรู้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว

จะทำลายอีกสักคนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset