ตอนที่ 494 อิ๋งจื่อจิน ‘ไสหัวออกไป’
ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เซี่ยมั่นอวี่แสดงมีภูมิหลังของตำนานเทพยุโรป ชื่อเต็มๆ ว่าราชินีเอลฟ์
บทนางเอกที่เธอได้รับเป็นสายเลือดผสมระหว่างเอลฟ์กับคนตะวันออก
ตอนนี้ถ่ายถึงฉากที่นางเอกเข้าเผ่าเอลฟ์ไปพบองค์หญิงเอลฟ์พอดี
หนึ่งในนั้นมีฉากที่ว่า นางเอกกับองค์หญิงเอลฟ์ไปต่อต้านศัตรูที่รุกรานเผ่าเอลฟ์ด้วยกัน
แต่ระหว่างถ่ายทำนักแสดงที่เล่นเป็นองค์หญิงเอลฟ์กลับเผลอยิงธนูพลาดเป้า
ลูกธนูไปถูกเซี่ยมั่นอวี่ อีกทั้งยังเป็นตำแหน่งหัวใจ
เดิมทีธนูเป็นของประกอบฉาก ไม่มีทางทำให้บาดเจ็บได้จริง
แต่จะแย่ก็ตรงที่ลูกธนูที่ถูกยิงออกไปนี้ถูกเปลี่ยนเป็นของจริง
พอเซี่ยมั่นอวี่ถูกยิงก็หมดสติไปทันที ตอนนี้เพิ่งถูกส่งไปโรงพยาบาล การถ่ายทำต้องหยุดลงทั้งหมด
“บอกว่าเผลอ แต่ใครจะรู้ว่าจงใจหรือเปล่า” เลขาสาวกัดฟันพูด ไม่เชื่อคำพูดในโทรศัพท์แม้แต่น้อย “ทั้งๆ ที่มีสองทิศทาง แล้วจะเกิดพลาดหลุดมือได้ยังไง แถมยังถูกตำแหน่งเหมาะเจาะ”
อีกนิดเดียวก็ทะลุหัวใจแล้ว
อีกทั้งอุปกรณ์ประกอบฉากยังถูกสับเปลี่ยน
แล้วจะไม่ใช่การวางแผนล่วงหน้าได้อย่างไร
อิ๋งจื่อจินจับศีรษะ “นักแสดงคนนั้นชื่ออะไร”
ต่อให้เธอมีญาณพยากรณ์ก็ไม่มีทางติดตามคนหมดทั้งโลกได้
ไม่อย่างนั้นหัวเธอคงระเบิด
เลขาสาวลังเล สุดท้ายก็บอก “เบ็ตตี้ เบวิน คุณหนูของตระกูลเบวินค่ะ”
มือของอิ๋งจื่อจินที่ติดกระดุมชะงัก “คนตระกูลเบวินเหรอ”
“ค่ะ” เลขาสาวเม้มริมฝีปาก “เดิมทีคุณหนูเบ็ตตี้คนนี้ต้องได้เล่นเป็นนางเอก แต่ต่อมาบริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สเปลี่ยนเป็นราชินีภาพยนตร์เซี่ย เธอก็เลยต้องเล่นบทรองแทน”
“ฉากของเธอเพิ่งเริ่มถ่ายเดือนนี้ บอสคะ พวกเรา…”
ตระกูลเบวินเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรป อำนาจล้นฟ้า
อยู่ในอาณาเขตของคนอื่น พวกเราจะรับมือยังไง
“ไปโรงพยาบาลก่อน” อิ๋งจื่อจินบอก “ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า”
เลขาสาวพยักหน้าแล้วตามบอสขึ้นรถ
บริษัทภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์สได้เตรียมรถไว้ให้หลายคันเพื่ออำนวยความสะดวกให้ มีรถสปอร์ต และยังมีรถตู้นักธุรกิจ
อิ๋งจื่อจินขับรถเอง เร่งความเร็วสูงสุด วิ่งแซงรถคันอื่นไปมากมาย
เลขาสาวเพิ่งนั่งไปไม่กี่สิบวินาทีก็เวียนหัวสุดๆ ใบหน้าซีดเซียว
ท่ามกลางความมึนหัวเธอก็พบจุดบอดอยู่อย่าง ดูเหมือนเธอ…จะยังไม่ได้บอกว่าโรงพยาบาลอยู่ไหน
…
ยี่สิบนาทีต่อมา
ณ โรงพยาบาลใจกลางเมือง
อิ๋งจื่อจินตรงขึ้นไปชั้นบน
ภายในห้องผู้ป่วยของเซี่ยมั่นอวี่ที่อยู่ชั้นบนมีพยาบาลแค่สองคน
พยาบาลสองคนให้น้ำเกลือเซี่ยมั่นอวี่แบบขอไปทีแล้วยืนด้านข้าง
เซี่ยมั่นอวี่ที่อยู่บนเตียงหน้าซีด ลูกธนูที่ปักอยู่ตรงอกยังไม่ได้ถูกเอาออก มีเลือดซึมออกมาด้านนอก
“หมอล่ะ” เลขาสาวชักสีหน้า “ที่นี่ขาดหมอขนาดนี้เลยเหรอ ต้องรอคิวด้วยเหรอ หมอสักคนก็มาไม่ได้เหรอ”
พอได้ยินแบบนี้พยาบาลคนหนึ่งก็เงยหน้า พูดประชด “ไม่รู้ว่าพวกคุณไปล่วงเกินอะไรคุณหนูเบ็ตตี้ ตระกูลเบวินเลยมีคำสั่ง หมอคนไหนจะกล้ารักษา เว้นเสียแต่พวกเราไม่รักชีวิตแล้ว”
เลขาสาวโมโห “พวกคุณ…”
“บอสคะ ฉันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” ผู้จัดการส่วนตัวของเซี่ยมั่นอวี่กลับมาในเวลานี้ พอเห็นอิ๋งจื่อจินก็น้ำตาคลอ “ฉันไปขอร้องพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่มา”
อิ๋งจื่อจินตอบ “ไม่ต้องการพวกเขา”
เธอพกถุงมือกับหน้ากากทางการแพทย์มาด้วยตลอด เธอก้มตัวตรวจบาดแผลของเซี่ยมั่นอวี่
“ทำอะไรน่ะ” พยาบาลคนนั้นเห็นท่าทางของอิ๋งจื่อจินก็สีหน้าเปลี่ยน เดินเข้าไป “เธอไม่ใช่หมอ ห้ามแตะต้องนะ”
เบ็ตตี้ เบวินต้องการให้ถ่วงเวลาไว้ จนถึงตอนสุดท้ายค่อยรักษาเซี่ยมั่นอวี่ ขอแค่ไม่ตายเป็นพอ
นี่ถ้าถูกคนนอกวงการแตะต้องแล้วเซี่ยมั่นอวี่ตายอยู่ที่นี่จะทำอย่างไร
พยาบาลทั้งสองคนต่างรู้ว่าเซี่ยมั่นอวี่เป็นราชินีภาพยนตร์ระดับโลก ชื่อเสียงโด่งดังมากโดยเฉพาะในประเทศจีน
ไม่มีใครกล้าขัดตระกูลเบวิน ไม่อย่างนั้นโรงพยาบาลนี้ของพวกเขาได้ซวยแน่
อิ๋งจื่อจินหันมา ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
เธอจับมือพยาบาลที่ยื่นเข้ามา แค่ออกแรงนิดหน่อยข้อมือของพยาบาลก็แพลงแล้ว
อิ๋งจื่อจินมองพยาบาลอีกคน “ไสหัวออกไป”
พยาบาลสองคนตกใจ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ประคองกันออกไปแบบที่เรียกได้ว่าวิ่งหนี
หลังจากพยาบาลสองคนนั้นออกไปก็เจอหัวหน้าพยาบาลเดินเข้ามาหา
หัวหน้าพยาบาลเห็นสภาพลูกน้องดูแย่จึงขมวดคิ้วถาม “พวกเธอออกมาทำไม”
“ผะ ผู้บริหารระดับสูงของชูกวงมีเดียมาค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งพูดตะกุกตะกัก “ให้พวกเราออกมา”
หัวหน้าพยาบาลขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม แต่ไม่พูดอะไรอีก “ไปดูผู้ป่วยคนอื่น”
เบ็ตตี้ เบวินยิงธนูปักลึกมาก หมอของโรงพยาบาลก็ไม่กล้าดึงออกส่งเดช ต้องใช้เครื่องมือ
คนนอกอย่างพวกชูกวงมีเดียจะทำอะไรได้
หัวหน้าพยาบาลคิด สุดท้ายก็ไปขอคำแนะนำจากคนตระกูลเบวิน
ไม่ว่าอย่างไรก็จะปล่อยให้เซี่ยมั่นอวี่ตายอยู่ที่ยุโรปไม่ได้
ภายในห้องผู้ป่วย
อิ๋งจื่อจินสำรวจบาดแผลของเซี่ยมั่นอวี่เสร็จก็เข้าใจแล้ว หันไปมองเลขาสาวกับผู้จัดการส่วนตัว “พวกคุณออกไปก่อน”
“บอสคะ คือ…” ผู้จัดการส่วนตัวยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเลขาสาวลากออกไปและช่วยปิดประตูให้
อิ๋งจื่อจินหยิบเข็มเงินและเข็มทองออกมา ปักลงไปตามจุดลมปราณหลายจุดแล้วเริ่มดึงลูกธนูออก
…
เซี่ยมั่นอวี่บาดเจ็บในขณะถ่ายทำ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก
โดยเฉพาะทางด้านประเทศจีนที่ติดตามความคืบหน้าภาพยนตร์เรื่องราชินีเอลฟ์มาตลอด
แค่มีข่าวเพียงนิดเดียวก็จะขึ้นคำค้นยอดนิยม
ประเทศเอสเป็นเวลาบ่าย ประเทศจีนเป็นเวลากลางดึก
คำค้นยอดนิยมแทบระเบิด
#เซี่ยมั่นอวี่เป็นตายไม่รู้#
ข้างใต้ยังมีคลิปวิดีโอ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ถ่ายมาแค่ตอนเซี่ยมั่นอวี่ถูกลูกธนูปักจนหมดสติไป
[เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงแบบนี้ในกองถ่าย! ทีมงานมัวแต่ทำอะไรอยู่]
[มีข่าววงในบอกมาว่าเบ็ตตี้ เบวินจงใจ ตระกูลเบวินเห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาได้ขนาดนี้เลยเหรอ]
[ปกติเซี่ยมั่นอวี่อยู่ในประเทศโด่งดังขนาดนั้น ทำไมไปต่างประเทศก็ไม่ไหวแล้ว ทำไมไม่ใช่คนอื่นบาดเจ็บแต่เป็นเธอ เธอต้องไปทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้แน่]
[ยังมีคนไม่รู้ว่าสี่ตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรปร้ายกาจขนาดไหนอีกเหรอ งั้นก็อย่าไปเรียนหนังสือให้ขายหน้าเลย ยุโรปไม่เหมือนพวกเราที่นี่หรอกนะ ที่ยุโรปสี่ตระกูลมหาเศรษฐีมีอำนาจล้นฟ้า เข้าใจไหม]
[สี่ตระกูลมหาเศรษฐีอำนาจล้นฟ้างั้นเหรอ พวกเธอเอาตระกูลลอเรนท์ไปไว้ไหน]
คนในประเทศจีนติดตามเรื่องนี้เยอะมาก คนต่างประเทศก็ไม่น้อย
หลักๆ คือปิดเรื่องนี้ไม่ได้ ทางกองถ่ายก็กดดันมาก
ทางด้านกองถ่าย โปรดิวเซอร์อ่านคอมเมนต์ในเน็ตจนหัวแทบระเบิดแล้ว
อีกด้านหนึ่ง เบ็ตตี้กำลังคุยกับผู้กำกับ น้ำเสียงหงุดหงิด “ฉันบอกว่า อาการบาดเจ็บของเธอคงไม่หายเร็วๆ แน่ พวกคุณจะทำฉันเสียเวลาก็ไม่ได้”
“ถ้าไม่เปลี่ยนตัวนางเอกทันทีตระกูลเบวินก็จะถอนเงินลงทุน เลือกสักอย่างแล้วกัน”
ขณะที่ผู้กำกับกำลังจะพูด สายตาก็ทอดไปที่ด้านหลังเบ็ตตี้ เขาไม่พูด รีบเข้าไปหาทันที
สีหน้าของเบ็ตตี้เย็นชาลง หันมองไป
ตอนที่สายตาของเธอเห็นเด็กสาวคนหนึ่งก็หรี่ตาลงเล็กน้อย สาวเท้าเดินเข้าไป “ทำไม ชูกวงมีเดียหานักแสดงมาใหม่อีกคนแล้วเหรอ”
สีหน้าของเธอเริ่มฉายแววหวาดระแวง
เซี่ยมั่นอวี่มีใบหน้าที่เหมาะกับการเล่นภาพยนตร์ หญิงงามตามแบบฉบับของฝั่งตะวันออก
แต่ความงามของเด็กสาวคนนี้มันเกินความแตกต่างทางด้านความงามของตะวันตกกับตะวันออกไปแล้ว ไม่มีใครปฏิเสธหน้าตาของเธอได้
“ประธานอิ๋ง ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ” มีเบ็ตตี้กดดันอยู่ ผู้กำกับก็พูดลำบาก “คุณเซี่ยได้รับบาดเจ็บที่นี่ พวกผมจะชดใช้ให้แน่นอนครับ”
ประธานอิ๋งเหรอ
เบ็ตตี้สีหน้าเปลี่ยน
นี่น่ะเหรอซีอีโอของชูกวงมีเดีย
ทำไมเด็กขนาดนี้
ในขณะเดียวกันเธอก็สบายใจแล้ว
ในเมื่อเป็นซีอีโอก็ไม่มีทางมาแย่งบทนางเอกกับเธอ
“ค่าชดใช้ คิดต่างหาก” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้วพูด “พวกเราไม่มีทางจบเรื่องนี้ง่ายๆ”
ผู้กำกับยังไม่ทันพูดอะไร เบ็ตตี้ก็หัวเราะขึ้นมาก่อน “ไม่มีทางจบเหรอ งั้นก็พูดมาหน่อยสิว่าจะไม่จบยังไง”
“รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นคุณหนูตระกูลเบวิน อ่อ พวกเธอเป็นคนจีน อาจไม่รู้ว่าตระกูลเบวินสุดยอดขนาดไหน”
ผู้กำกับก็เกลี้ยกล่อม “ประธานอิ๋งครับ อย่าไปมีเรื่องเลยครับ ตระกูลเบวิน…”
พวกเขาเป็นคนในวงการบันเทิง แข็งข้อกับพวกมหาเศรษฐีไม่ได้
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจ หันไปถาม “กล้องวงจรปิดล่ะ”
“อยู่นี่ค่ะ” เลขาสาวถือไอแพดเดินเข้ามา “ถูกตัดต่ออย่างมีเจตนาไม่ดี ตอนนี้กู้มาได้แล้ว เพิ่งส่งให้ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ เตรียมเอาไปโพสต์ให้ทั่วในเน็ตค่ะ”
ภาพในกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าเบ็ตตี้จงใจหันมายิงธนูใส่เซี่ยมั่นอวี่
หลังเกิดเรื่องยังหัวเราะด้วยความสะใจ
“ใช่ ฉันจงใจ” เบ็ตตี้ขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ “แต่แล้วไงล่ะ เธอจะทำอะไรฉันได้ ฉันมีลูกน้องที่เป็นแฮกเกอร์ชั้นแนวหน้า ก็ลองดูว่าพวกเธอจะเอาไปโพสต์ทั่วเน็ตได้หรือเปล่า”
เธอกอดอก เชิดคางเล็กน้อย พูดเยาะเย้ย “ที่นี่ยุโรป ไม่ใช่ประเทศจีนบ้านพวกเธอ ฉันอวดดีได้ แต่พวกเธอ ทำไม่ได้ เรื่องนี้ยังต้องให้ฉันย้ำอีกรอบไหม”
พอคำพูดนี้ออกมา คนที่อยู่ตรงนั้นต่างสีหน้าเปลี่ยน
อิทธิพลของสี่ตระกูลมหาเศรษฐีในยุโรปเรียกได้ว่ามีอำนาจล้นฟ้า อิทธิพลเหนือกว่าตระกูลมหาเศรษฐีในตี้ตูทุกตระกูล
ต่อให้ตอนนี้นายใหญ่เบวินป่วยหนัก อิทธิพลของตระกูลเบวินก็ไม่ได้ลดลง
เหมือนกับตระกูลเทเลอร์ พวกเขาก็มีทหารรับจ้างเป็นลูกน้องอยู่ไม่น้อย หลังจากได้รับยากระตุ้น ฝีมือก็ทัดเทียมกับพวกจอมยุทธ์
ที่นี่ถือเป็นอาณาเขตของตระกูลเบวิน ไม่ว่าเรื่องไหนก็ต้องเชื่อฟังตระกูลเบวิน
“ฉันก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรมากมายหรือเปล่า” เบ็ตตี้เล่นเล็บเหมือนไม่ใส่ใจ ยักไหล่อย่างไม่แคร์ “ใครใช้ให้ยัยนั่นฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ล่ะ อายุสามสิบ สาวแก่ มาแย่งบทนางเอกกับฉันทำไม”
ถ้าไม่มีเซี่ยมั่นอวี่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะแก้บทนางเอก และคนแสดงก็คือเธอ
เบ็ตตี้คิดว่าเรื่องนี้กำหนดไว้แบบนี้มาตลอด เพราะในวงการภาพยนตร์ของประเทศจีนไม่มีคนหน้าใหม่ที่โดดเด่นมานานแล้ว
ใครจะไปรู้ อยู่ๆ ก็มีเซี่ยมั่นอวี่โผล่มา
อิ๋งจื่อจินสีหน้าเรื่อยเปื่อย กดส่งข้อความ
[ถ้าฉันทำร้ายคุณหนูในตระกูลเธอสักคน ไม่ถือสาใช่ไหม]
ริต้าตอบกลับทันที
[?]
[คุณหนูคนไหนเหรอ เดี๋ยวนะ ฉันไปมีพี่สาวน้องสาวตั้งแต่เมื่อไร]
ริต้าที่จับมือถือกำลังหาสมุนไพรอยู่ถึงกับงง
นายใหญ่เบวินมีลูกเจ็ดแปดคน แต่มีเธอเป็นลูกสาวคนเดียว บางครั้งเธอก็ถูกตามใจจนเคยตัว
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว
[เบ็ตตี้ เบวิน]
[เบ็ตตี้เหรอ ขอหาก่อน ไม่เคยได้ยินชื่อนี้]
ตระกูลเบวิน เอาแค่สมาชิกของตระกูลดั้งเดิมก็มีหลายพันคนแล้ว
ริต้าไม่มีทางรู้จักทั้งหมด
ไม่นานเธอก็ตอบกลับอีกครั้ง
[เป็นคนตระกูลเบวินของพวกเราจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นญาติห่างกับฉันขนาดไหน สายที่แตกออกไปแหละ ทำงานในวงการบันเทิง ชอบเล่นสกปรก เคยฆ่าคนไปหลายคนแล้ว เรื่องถนัดเพียงอย่างเดียวคือยิงธนู ถ้ายัยนั่นหาเรื่องเธอ ฆ่าทิ้งก็ได้นะ]
[ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ ฉันละเชื่อเลย ไม่ดูตัวเองบ้างว่าเป็นใครเก่งมาจากไหน]
ขนาดเธอยังไม่กล้ามีเรื่องด้วยเลยไหมล่ะ
“เอาล่ะ ฉันไม่ว่างมาเสียเวลากับพวกเธอที่นี่” ทันใดนั้นเบ็ตตี้ก็หมดความอดทน “ถ้าพวกเธอว่างไม่สู้ไปหาหมอมาให้ยัยนั่น ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวได้ทิ้งอาการอะไรไว้ ต่อไปคงได้แค่นอนอยู่บนเตียง”
เธอหันไป “ผู้กำกับ ทางที่ดีเร็วหน่อย ไม่อย่างนั้นอนาคตของคุณจะจบสิ้น”
ผู้กำกับก็โมโหมาก แต่ไม่อยากสนใจเบ็ตตี้ มองแค่อิ๋งจื่อจิน “ประธานอิ๋ง?”
“ได้” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ยื่นมือออกไป “เอาธนูมา”
ผู้กำกับอึ้ง ไม่เข้าใจคำพูดนี้
แต่เลขาสาวรีบไปที่ลังอุปกรณ์ถ่ายทำที่อยู่ด้านหลังแล้วเอาคันธนูออกมายื่นให้อิ๋งจื่อจิน “บอสคะ นี่เป็นลูกธนูของจริงค่ะ”
อิ๋งจื่อจินหมุนคันธนู ใส่ลูกธนูที่เหลือทั้งหมดตั้งท่าให้ดี ง้างลูกธนูเล็งไปที่เบ็ตตี้
ผู้กำกับสีหน้าเปลี่ยน “ประธานอิ๋ง คุณ…”
“เธอคิดจะทำอะไร อยากเลียนแบบฉันเหรอ” เบ็ตตี้พูดเสียงแข็ง “ได้ ฉันจะยืนตรงนี้ เธอจะยิงโดนเหรอ หรือต้องพูดอีกอย่างว่า เธอกล้าเหรอ”
เธอเป็นถึงคนของตระกูลเบวิน บอสของบริษัทบันเทิงยังจะกล้าแตะต้องเธออีกเหรอ
สงสัยไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ
อิ๋งจื่อจินสายตาเรียบเฉย ปล่อยมือออก
“สวบ สวบ สวบ…”
ลูกธนูเจ็ดดอกถูกปล่อยออกไปพร้อมกัน!