คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 50 ช่วยระบายความโกรธให้เด็กน้อยของเรา

ที่แอคเคาท์ทางการของอิ๋งซื่อกรุ๊ปเต็มไปด้วยข้อความรุมด่าเกือบหมื่น

นี่ยังไม่พอ พวกแฟนคลับยังคิดจะตามไปด่าต่อในเวยปั๋วของอิ๋งจื่อจินเหมือนเมื่อครั้งก่อน

ปรากฏว่าพวกเขากลับหาไม่เจอ

ครั้งนี้เด็ดยิ่งกว่าเดิมแล้ว

[ทุกคน นางปิดแอคเคาท์หนีไปแล้วจ้า สงสัยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะมีรูปหลุดออกมาวันนี้ น่าโมโหเป็นบ้า!]

[เอ่อ อันที่จริงพวกเราควรใจเย็นๆ ก่อนไหม ไม่แน่เหตุการณ์อาจพลิก]

[คอมเมนต์บนนี่ใช้แฟนคลับปะ ถ้าเป็นแฟนคลับก็ต้องปกป้องลู่เวย มัวอิดๆ ออดๆ ทำไม แอททีมต้านแอนตี้แฟนอิ๋งลู่เวย บล็อกคนนี้เลย]

[ฉันเดาว่าอิ๋งซื่อกรุ๊ปต้องเห็นแล้วแน่นอน ก็แค่ไม่ยอมออกมา]

พวกแฟนคลับเดาถูก กระแสในเน็ตแรงขนาดนี้ อีกทั้งพวกบริษัทใหญ่ก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลเวยปั๋วโดยเฉพาะ ไม่มีทางที่จะไม่เห็น

แต่จะแย่ก็ตรงที่ตอนนี้สามทุ่มแล้ว คุณนายผู้เฒ่าอิ๋งพักผ่อนไปแล้ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะไปรบกวนได้

อีกทั้งอิ๋งเจิ้นถิงที่เป็นเจ้าบ้านตระกูลอิ๋งก็อยู่ที่ตี้ตู แถมยังยุ่งอยู่กับออเดอร์ใหญ่ ว่างที่ไหนกัน

ส่วนจงมั่นหวา บินไปยุโรปตั้งแต่วันศุกร์แล้ว เที่ยงวันพรุ่งนี้ถึงจะกลับมาได้ ยิ่งไม่มีเวลาเข้าไปใหญ่

เจ้าหน้าที่จึงไม่เก็บเอามาใส่ใจ ล็อกเอาท์ออกจากระบบ

สิบนาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ได้รับภาพกล้องวงจรปิดที่แฮกเกอร์ส่งมา

ไม่เพียงแต่จะกู้กลับมา ยังได้ปรับภาพให้เป็นแบบคมชัดที่สุด

เธอดูหนึ่งรอบ แอบเสียดายที่ตอนนั้นเธอรักษามาดไปหน่อย น่าจะเอาโค้กราดตั้งแต่หัวของเจียงมั่วหย่วน

[เจ๊คร้าบ เจ๊จะโพสต์ตอนนี้เลยเหรอ ไม่สู้ให้ผมโพสต์ดีกว่า]

อิ๋งจื่อจินละสายตา พิมพ์ตอบสองคำ

[ไม่รีบ]

ทางนั้นไม่เข้าใจ

[แต่ผมเห็นทางนั้นเริ่มลามปามเจ๊แล้ว เกิดเอาน้ำกรดไปสาดเจ๊จะทำไงล่ะ]

อิ๋งจื่อจินอ่านคอมเมนต์ในเน็ต สีหน้าไม่เปลี่ยน เคาะแป้นพิมพ์อย่างไม่ใสใจ

[ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่สุด]

อิ๋งลู่เวยอยากใช้กระแสโซเชียลถล่มเธอให้ย่อยยับ เธอก็จะใช้ให้เป็นประโยชน์บ้าง

ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้น กระแสโซเชียลยังไม่ถึงจุดสูงสุด

รีบโพสต์ไปจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่เธอต้องการ ผลประโยชน์จะถึงขีดสูงสุดไม่ได้

[ตามใจ เจ๊พอใจก็พอ แต่ว่าคนที่ลบภาพจากกล้องวงจรปิดมีความสามารถพอตัวเลยนะ ถ้าเจ๊ไปหาคนอื่นก็กู้กลับมาไม่ได้หรอก]

สมกับเป็นเขา

เขานี่มันเก่งเป็นบ้า

แฮกเกอร์กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างตัวก็ดังขึ้น

เขาเหลือบมอง กดรับ

ปลายสายเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย ไม่มีเสียงหัวเราะแบบแต่ก่อน เต็มไปด้วยความเย็นชา

“กู้ภาพวงจรปิดของถนนสี่เส้นในฮู่เฉิงให้ฉันหน่อย ถนนจงซาน ถนนจี๋เสียง ถนนเสี่ยวไจ้ ถนนฝั่งจือ เสร็จแล้วโพสต์ลงในเน็ต”

แฮกเกอร์ที่สำลักบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกครั้ง “…”

ป๊าด แม้แต่ลำดับถนนยังพูดเหมือนกันเป๊ะ

คู่สร้างคู่สม

คู่สยอง

เขาวางบะหมี่ลงอย่างอาลัยอาวรณ์ หมดคำจะพูด “วันนั้นฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอเก่งคอมกว่าฉันอีก เธอจัดการเองได้ นายจำเป็นด้วยเหรอ”

ฟู่อวิ๋นเซินถูถ้วยชา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันจัดการ มันคนละเรื่องกับความเก่งของเธอ”

“หา? มันต่างเหรอ”

“ต่อให้เก่งกว่านี้เธอก็เป็นแค่เด็กน้อย” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง แสยะยิ้ม “ยังไม่โตแล้วฉันจะไม่ปกป้องได้ยังไง”

“อ๋อ ฉันเข้าใจละ แบบนี้มันเหมือนกับ ต่อให้ลูกสาวโตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กในสายตาพ่ออยู่ดี”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองหน้าจอ “ไม่อยากโดนไล่ฆ่าก็อย่าพูดมาก”

“เออๆๆ คิดซะว่าฉันไม่ได้พูด แต่ฝีมือการแฮกของนายก็…” ทันใดนั้นเขาก็หุบปาก “โทษที ฉันพูดผิดอีกแล้ว”

ขนตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับ น้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย “ไม่เป็นไร”

“เพื่อน ถ้าตอนนั้นนายไม่…”

“ฉันบอกแล้วว่าไม่เป็นไร” ฟู่อวิ๋นเซินขัดจังหวะ พูดอย่างใจเย็น “มันผ่านไปแล้ว”

ปลายสายเงียบไปหนึ่งวินาทีแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “อันที่จริงนายมาช้าไปก้าวเดียว ฉันให้ความสนใจเด็กน้อยของนายมาตลอด เมื่อกี้เพิ่งส่งภาพกล้องวงจรปิดให้เธอไป เธอบอกว่าจะเลือกเวลาโพสต์”

เขาไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆ ขายหน้าตัวเองอีกแล้ว

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินแปลกใจนิดหน่อย “นายหงอขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ไสหัวไป๊!”

ปลายสายตัดสายไปด้วยความโมโห

ฟู่อวิ๋นเซินลุกขึ้นอย่างเงียบๆ เดินไปที่ระเบียง

บรรยากาศยามกลางคืนหนาวเล็กน้อย แสงจันทร์ดุจสายน้ำ

เงาต้นไม้ทอดลงสู่พื้น สะท้อนความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา

เขายืนอยู่ตรงนั้นสิบนาทีถึงหยิบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องออกมา

โทรศัพท์ธรรมดามาก เขากดปุ่ม

“ฮัลโหล” ฟู่อวิ๋นเซินพิงกำแพงครึ่งหนึ่ง งอขาที่สูงยาว กลับมามีท่าทางของคุณชายเสเพลเช่นเคย “ให้เวลาพวกนายสองวัน ทำให้หุ้นตระกูลเจียงตก”

ไม่รู้ว่าปลายสายตอบอะไร

“อืม ฉันไม่กลับไป” ฟู่อวิ๋นเซินเอียงหน้า ยิ้มอย่างสบายๆ “แค่ช่วยเด็กน้อยของฉันระบายความโมโห”

เวลาสี่ทุ่ม เจียงมั่วหย่วนเพิ่งเสร็จงาน

เขานวดหว่างคิ้ว ใบหน้าปกปิดความเหนื่อยล้าไม่มิด

“ท่านสามครับ” เลขาเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ โค้งตัวพูดเสียงเบา “คุณลู่เวยติดอันดับคำค้นบนเวยปั๋วอีกแล้วครับ”

สายตาของเจียงมั่วหย่วนดุดันขึ้นมาทันที “เกิดอะไรขึ้น”

“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ ไม่รู้ว่าใครถ่ายรูปของท่านกับคุณหนูรองอิ๋งเอาไว้” เลขายื่นโทรศัพท์ให้ดูพลางอธิบาย “แฟนคลับของคุณลู่เวยคิดว่าคุณหนูรองอิ๋งอยากยั่วยวนท่าน เลยพากันโพสต์ด่าอิ๋งซื่อกรุ๊ปครับ”

“คุณลู่เวยน่าจะยังไม่เห็นเพราะรักษาตัวอยู่ที่ตี้ตูครับ”

ไม่อย่างนั้นคงโทรมานานแล้ว

เจียงมั่วหย่วนมองรูปถ่าย สีหน้าเย็นชาลง “ไม่รู้จักแยกแยะ!”

เลขาอึ้ง “ท่านสามคิดว่าคุณหนูรองอิ๋งเป็นคนถ่ายเหรอครับ”

เจียงมั่วหย่วนไม่ตอบ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาคิดแบบนั้น

บรรยากาศรอบตัวตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม

เลขาครุ่นคิดก็รู้สึกว่าน่าจะใช่

คงอยากใช้รูปนี้จับท่านสาม ปรากฏจับไม่ได้ แถมยังถูกแฟนคลับของคุณลู่เวยจับได้ ถึงได้ติดอันดับคำค้นในวันนี้

เลขาพูดด้วยความนอบน้อม “ท่านสามจะออกหน้ายืนยันความบริสุทธิ์ใจไหมครับ”

“ไม่จำเป็น” เจียงมั่วหย่วนจัดเอกสารให้เรียบร้อย ท่าทางเย็นชา “ไม่เกี่ยวกับผม”

เลขาเข้าใจ

กระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่มีทางส่งผลต่อเจียงซื่อกรุ๊ป ทั้งยังจะช่วยให้คุณลู่เวยมีฐานแฟนคลับที่แน่นขึ้น ไม่จำเป็นต้องยืนยันความบริสุทธิ์

ถ้าไม่ใช่เพราะความบุ่มบ่ามของคุณหนูรองอิ๋งเมื่อตอนกลางวัน ไม่แน่ท่านสามยังจะให้ความช่วยเหลือด้วยซ้ำไป

เลขามองคอมเมนต์ในเน็ตแล้วส่ายหน้าอย่างต่อเนื่อง

น่าเสียดาย ทำตัวเองทั้งนั้น ต้องสูญเสียที่พึ่งอย่างท่านสามไปทั้งแบบนี้

เจียงมั่วหย่วนนวดขมับ หันไปสั่ง “อย่ารบกวนลู่เวย ให้เธอพักผ่อนไป ถ้าเธอเห็นแล้วก็บอกเธอว่าอย่ากังวล ห้ามใจอ่อน”

เลขาพยักหน้า ขณะที่กำลังจะปิดเวยปั๋วกลับเหลือบเห็นคำค้นยอดฮิตอีกอันหนึ่งในแถบคำค้นยอดฮิต

เขาอึ้ง สีหน้าตกใจ “ท่านสาม ทำไมตระกูลจงออกหน้ากับเขาด้วย”

เป็นแค่ลูกเลี้ยง ไม่ใช่คุณหนูของตระกูลอิ๋งจริงๆ สักหน่อย ขนาดตระกูลอิ๋งยังไม่ยุ่ง ตระกูลจงที่เป็นญาติสายนอกยังจะมายุ่งด้วยเหรอ

เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว รับมาดู

เวยปั๋วทางการของจงซื่อกรุ๊ปแท็กแอคเคาท์เชิงพาณิชย์ที่แชร์โพสต์มากที่สุดหลายแอคเคาท์ รวมถึงเวยปั๋วของทีมสนับสนุนอิ๋งลู่เวย

แอทจงซื่อกรุ๊ป : [พวกแอคขยะขยันสร้างข่าวลือ ไสหัวไปเลยนะ รอรับจดหมายจากทนายได้เลย!]

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset