ตอนที่ 500 คนที่อิ๋งจื่อจินรู้จักพิสดารทั้งนั้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ทันตั้งตัว ฉินหลิงอวี๋ยังอึ้งไปชั่วขณะ
อิ๋งจื่อจินมือไว คว้าซิวอวี่ไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลงบนพื้น เอามือจับชีพจรของซิวอวี่
กำลังภายในที่บริสุทธิ์ถูกถ่ายทอดผ่านข้อมือของซิวอวี่เพื่อตรวจเช็กร่างกายของเธอจากล่างขึ้นบน
พอกำลังภายในออกจากตัวไป สีหน้าของอิ๋งจื่อจินก็เริ่มซีดลงทีละนิด
เมื่อตอนกลางวันเธอรักษาให้นายใหญ่เบวิน สูญเสียกำลังภายในไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
เมื่อครู่ตอนนั่งพักเพิ่งจะฟื้นคืนมาได้หน่อย
แน่นอนว่าเธอไปรักษาให้นายใหญ่เบวินในนามของนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่ง ไม่ได้เปิดเผยเรื่องที่เธอมีกำลังภายใน
ยังมีข่าวลืออีกอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับนักปรุงยาพิษที่เธอไม่รู้ว่าลือกันไปได้อย่างไร
นั่นก็คือร่างกายของนักปรุงยาพิษอ่อนแอมาก เมื่อถูกประชิดตัวได้ ไม่ว่าจะปล่อยพิษหรือไม่ก็จะตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ในความเป็นจริงนักปรุงยาพิษที่สามารถขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ ร่างกายไม่มีทางอ่อนแอ
ตอนนี้สูญเสียกำลังภายในไปมาก ขนาดที่เธอยังสังเกตไม่ได้ว่าซิวอวี่ก็ถูกพิษเข้าแล้ว
แววตาของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลง
จากการใช้กำลังภายในตรวจเช็กดู เธอสัมผัสได้ว่า พิษนี้หลบในมาแล้วแปดชั่วโมง
ตอนนี้ได้ออกฤทธิ์แล้ว กำลังกัดกร่อนอวัยวะของซิวอวี่
อิ๋งจื่อจินหยิบเข็มทองหลายเล่มออกมาทันที จากนั้นได้ปักเข้าไปตามจุดลมปราณบนร่างกายของซิวอวี่ตามลำดับ
หลังจากฝังเข็มเสร็จ กำลังภายในในร่างกายของเธอก็ถูกใช้จนหมด สายตาพร่ามัวทันที
ฉินหลิงอวี๋ประคองซิวอวี่ มองอิ๋งจื่อจิน “เธอโอเคใช่ไหม”
เพียงแค่ประตูขวางกั้น ต่อให้ห้องชุดเพรสซิเด้นท์สวีทจะเก็บเสียงดีแค่ไหน หูของจอมยุทธ์ก็ยังได้ยินอยู่ดี
อวิ๋นซานวิ่งออกมาทันที เขาตกใจมาก “คุณอิ๋ง!”
“ไปโรงพยาบาล” ฟู่อวิ๋นเซินใช้มือข้างหนึ่งประคองอิ๋งจื่อจิน อุ้มเธอขึ้นมา มืออีกข้างล้วงโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทร “ทะเบียนรถ XX56 กับ XX78 ฉันต้องการบัตรผ่านพิเศษสองใบ”
“พวกคุณไปก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินกดตัดสาย “อวิ๋นซาน”
อวิ๋นซานเพิ่งเดินขึ้นหน้า ยังไม่ทันทำอะไร
“ได้ ฉันจะพาซิวอวี่ไปก่อน” ฉินหลิงอวี๋พูด จากนั้นก็อุ้มซิวอวี่ขึ้นมา
เดินตัวปลิว ย่างก้าวเหมือนเหาะไป
ลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งแค่นี้สบายมาก
อวิ๋นซาน “?!”
ว้ากกก
คุณอิ๋งมีเพื่อนแบบไหนกันเนี่ย
ทำไมแต่ละคนพิสดารได้ขนาดนี้
อวิ๋นซานไม่มีเวลาให้ตะลึงนาน ใช้กำลังภายในตามหลังฉินหลิงอวี๋ไปอย่างรวดเร็ว
รถจอดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงแรม เป็นรถที่ผ่านการปรับแต่ง มีทั้งอุปกรณ์ป้องกันและโจมตี
อวิ๋นซานขับรถพาฉินหลิงอวี๋กับซิวอวี่รีบไปโรงพยาบาล
ไม่กี่นาทีต่อมาฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินก็ลงมา ขับรถอีกคันตามหลังไป
“หนุ่มหน้าเด็กเคยบอกเธอหรือเปล่าว่า…” ระหว่างทางฟู่อวิ๋นเซินมองไปข้างหน้า ดวงตาดอกท้อหรี่ลงเล็กน้อย “น้องสาวของเขาเป็นผลงานดัดแปลงพันธุกรรมที่ล้มเหลว”
“ความเร็วกับพลังก็เลยล้ำเกินคนทั่วไปมาก”
“ดัดแปลงพันธุกรรม แถมยังล้มเหลวด้วยเหรอ” สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก “วิทยาการทางการแพทย์สมัยนี้ทำได้ถึงขั้นนี้แล้วเหรอ”
ไม่มีอาชีพไหนที่สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง แม้แต่แพทย์แผนโบราณเองก็มีจุดด้อยอยู่ไม่น้อย
อย่างน้อยในด้านยีน การถ่ายทอดทางพันธุกรรม แพทย์แผนโบราณก็จนปัญญา
นักปรุงยาพิษก็ทำไม่ได้ เพราะยาพิษไม่มีทางแค่ดัดแปลงยีนบางอย่างได้ อีกทั้งความเป็นไปได้ที่ตัวเองจะตายเสียเองก็มีสูง
อิ๋งจื่อจินเคยศึกษาการดัดแปลงยีน แต่อย่างมากก็แค่ทำกับสัตว์หรือพืช เธอเคยได้ยินเคสที่ทำกับมนุษย์อยู่เคสหนึ่ง
ต่อมาเคสนี้ก็เป็นที่ถกเถียงกันมาก เหมือนกับเคสโคลนนิ่งมนุษย์ ผิดหลักมนุษยธรรม การทดลองที่ดัดแปลงยีนของมนุษย์ก็ถูกหยุดกลางคันไปหมดด้วย
มีแค่ในหนังไซไฟที่จะปรากฏเหตุการณ์แบบนี้บ้าง
การดัดแปลงยีนจะทำให้มนุษย์มีความสามารถที่เหนือกว่าคนธรรมดา น่ากลัวจริงๆ
เธอไม่รู้ระดับฝีมือของฉินหลิงอวี๋ และไม่เคยประลองด้วย
แต่เป็นถึงนักฆ่าห้าอันดับแรกของชาร์ต คงไม่ต้องสงสัยในฝีมือของฉินหลิงอวี๋
อีกทั้งฉินหลิงอวี๋ยังไม่เคยฝึกวิทยายุทธ์
ผลงานล้มเหลวฝีมือยังเหนือกว่าทหารรับจ้างระดับดับเบิลเอสที่สี่ตระกูลมหาเศรษฐีแห่งยุโรปใช้ยาต้องห้ามฝึกออกมาเลยเหรอ
แบบนี้ผลงานที่สำเร็จจะแข็งแกร่งถึงขั้นไหนกัน
ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปเล็กน้อย “อย่างน้อยวีนัสกรุ๊ปก็ยังไม่มีเทคโนโลยีนี้”
พวกห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของวีนัสกรุ๊ปมีศาสตราจารย์รวมตัวกันอยู่ไม่น้อย นอกจากห้องปฏิบัติการในสังกัดแล้วก็ยังมีการติดต่อกับห้องทดลองชั้นแนวหน้าระดับโลกด้วย
วีนัสกรุ๊ปไม่มีก็แสดงว่าตอนนี้ยังไม่มีบนโลก
รถเคลื่อนที่ไปเร็วมากเพราะมีบัตรผ่านพิเศษ ต่อให้เจอสัญญาณไฟแดงก็ยังผ่านไปได้ฉลุย
อิ๋งจื่อจินป้อนยาตัวเองหนึ่งเม็ด เรี่ยวแรงเริ่มกลับมาบ้าง “หนุ่มหน้าเด็กล่ะ”
“ทุกคนต่างมีความลับ” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “เขาไม่บอก พี่ชายก็ไม่ได้ถาม”
หยุดเล็กน้อย เปลือกตาของเขาขยับ หัวเราะเบาๆ “เยาเยา อย่าเห็นว่าเขาชอบทำตลกโปกฮาทั้งวัน แถมยังชอบล้อเธอเล่น ดูเหมือนเป็นคนตลก แต่เขาไม่เหมือนเนี่ยเฉาหรอกนะ”
“เนี่ยเฉาติงต๊องมองโลกในแง่ดีจริงๆ แต่เขาไม่ใช่”
ก็เหมือนที่ฉินหลิงเยี่ยนไม่รู้เรื่องในอดีตของเขา เขาเองก็ไม่รู้อดีตของฉินหลิงเยี่ยน
ด้วยเหตุนี้เวลาฉินหลิงเยี่ยนขอความช่วยเหลืออะไร เขาก็จะช่วย
อิ๋งจื่อจินหลับตาลง “อายุยังน้อยขนาดนี้ก็ประสบความสำเร็จ ไม่มีใครสบายหรอก”
ความพยายามใช่ว่าจะเกิดผลเสมอ แต่ถ้าไม่พยายาม ผลลัพธ์ไม่มีทางเกิด
…
เวลานี้
ณ เมืองเฮบาร์ประเทศเอส
เมืองเฮบาร์อยู่ห่างจากสถานที่ถ่ายทำราชินีเอลฟ์สามร้อยกิโลเมตร และเป็นเมืองที่อยู่อาศัยของตระกูลโคเฮน
หากเทียบทั้งยุโรป ตระกูลโคเฮนไม่ถือเป็นตระกูลใหญ่ แต่ถ้าในเมืองเฮบาร์ เรียกได้ว่าเป็นผู้ปกครอง ค่อนข้างมีอิทธิพล
พวกเขาเล่นรถแข่งตลาดมืด ลักลอบทำการค้าสีเทาอยู่ไม่น้อย มีกลุ่มทหารรับจ้างเป็นลูกน้องเช่นกัน
การแข่งขันเอฟวันที่ตระกูลแมนสันจัดในครั้งนี้ ตระกูลโคเฮนก็ส่งทีมรถแข่งของตัวเองไปลงด้วย
ไม่ว่าใครก็อยากได้อันดับสูง เพื่อที่จะได้รับความสนใจและการลงทุนจากตระกูลแมนสัน
การแข่งขันหลายครั้งก่อนหน้านี้ ตระกูลโคเฮนได้อันดับสามมาตลอด
และก็มีแค่สามอันดับแรกเท่านั้นถึงจะมีประโยชน์
แต่การแข่งขันเอฟวันทุกครั้งจะมีการจัดอันดับใหม่
ถ้าไม่สามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ ตระกูลแมนสันก็จะริบทรัพยากรที่ให้ไปคืน
ดังนั้นการแข่งเอฟวันในครั้งนี้จึงสำคัญมากสำหรับพวกเขา
“นายใหญ่ครับ” พ่อบ้านรีบร้อนเดินมาจากข้างนอกแล้วกระซิบข้างหูนายใหญ่โคเฮน “แต่เนื่องจากปริมาณยาพิษมีจำกัด นักแข่งของพวกเขาก็เลยไม่เป็นอะไรครับ”
“เพียงพอแล้ว” นายใหญ่โคเฮนส่ายมือ ไม่คิดแบบนั้น “พวกนักแข่งคนอื่นไม่มีความสามารถอะไร ขอแค่ซิวอวี่เป็นอะไรไป นั่นก็พอแล้ว”
นายใหญ่โคเฮนรู้ดีว่า
หากว่ากันด้วยเรื่องแข่งรถ พวกเขาไม่มีทางสู้อีกสองตระกูลได้
อีกทั้งสองตระกูลนั้นก็ได้ครอบครองพื้นที่และทรัพยากรที่ตระกูลแมนสันลงทุนให้มาตลอด ตระกูลโคเฮนลงมือไม่ได้
ใครก็ตามที่ให้ความสนใจการแข่งขันหลายปีก่อนหน้านี้ก็จะไม่มีทางลืมชื่อซิวอวี่
แม้เธอจะเป็นแค่เนวิเกเตอร์ แต่ก็ได้รับความสนใจมากกว่านักแข่งรถมือหนึ่ง
แต่ต่อมาซิวอวี่หายไปห้าปี ตระกูลซิวก็ไม่ได้ลงแข่งเอฟวันอีกเลย
นายใหญ่โคเฮนก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
ปรากฏว่าครั้งนี้เขาเข้าไปดูรายชื่อก็เห็นตระกูลซิว นักแข่งที่นำทีมมาคือซิวอวี่
นายใหญ่โคเฮนไม่อยากเห็นเหตุการณ์ที่ซิวอวี่นำทีมรถแข่งเบียดทีมของตระกูลโคเฮนตกจากสามอันดับแรก
เขาก็เลยต้องเล่นตุกติก
พิษนั้นไม่ถึงกับทำให้ตาย ก็แค่ทำให้อ่อนแอไปหลายเดือน
จุดประสงค์ของเขาแค่ต้องการหยุดยั้งไม่ให้ซิวอวี่ลงแข่งเอฟวัน
“ฉันได้ยินมาว่าทางประเทศจีนมีหมอเทวดาอยู่ไม่น้อย ก็เลยให้คนเอาข่าวนี้ไปบอกตระกูลซิวโดยตรง” นายใหญ่โคเฮนทำเสียงจึ๊ “ลองดูว่าพวกเขาอยากให้ตระกูลล่มจมหรือจะแค่ทอดทิ้งชีวิตของคุณหนูใหญ่ตระกูลตัวเอง”
ตระกูลซิวเป็นตระกูลชั้นแนวหน้าของตี้ตูประเทศจีน แต่ก็แค่ในตี้ตู
หากเทียบทั้งโลกก็เล็กนิดเดียว
ต่างกับตระกูลโคเฮนลิบลับ
ย่อมไม่กล้าหือกับพวกเขา
…
เมืองตี้ตู
บ้านตระกูลซิว
ตระกูลโคเฮนส่งข่าวไปที่ผู้เฒ่าซิวโดยตรง
หลังจากเขาฟังจบก็หลับตาลงแล้วพูดอย่างใจเย็น “ตอบตระกูลโคเฮนไปว่า ทอดทิ้งซิวอวี่”
เรื่องที่ซิวอวี่กลับมาฟอร์มทีมรถแข่งอีกครั้งแล้วพาไปร่วมแข่งขันที่ยุโรป อันที่จริงผู้เฒ่าซิวก็สนับสนุน
หากติดสามอันดับแรกก็จะได้ทรัพยากร เป็นการดีต่อตระกูลซิว
ปรากฏว่าตอนนี้กลายเป็นแบบนี้
นั่นเป็นเรื่องที่จนปัญญา ใครใช้ให้ซิวอวี่ไม่ระวังตัวขนาดนี้
ล่วงเกินตระกูลโคเฮนยังไม่พอ ตัวเองก็ถูกพิษไปด้วย
ผู้เฒ่าซิวหมุนเก้าอี้รถเข็น เตรียมไปดูน้องชายของซิวเหยียน
ยังดีที่เขามีแผนสำรอง ตระกูลซิวยังมีทายาทสืบทอด
เพิ่งออกจากห้องทำงานก็เจอซิวเซ่าหว่านที่ยืนอยู่หน้าประตู
ซิวเซ่าหว่านก็รู้เรื่องที่ซิวอวี่ถูกพิษ เดิมทีเธออยากตามซิวอวี่ไปยุโรปด้วย แต่เนื่องจากมีธุระติดพันจึงเลื่อนออกไปหลายวัน
“ซิวปั๋วฮั่น!” ซิวเซ่าหว่านโกรธมาก “ไม่มีความเป็นคน!”
“ไม่มีความเป็นคนเหรอ” ผู้เฒ่าซิวเหลือบมองซิวเซ่าหว่าน “นี่คือการมีสติ หรือว่าแกอยากให้ตระกูลซิวพังพินาศกันหมดเหรอ”
ซิวเซ่าหว่านรู้สึกขุ่นเคืองใจ ตัวเย็นเฉียบ “นั่นหลานสาวแท้ๆ นะ ตอนนี้พ่อเป็นนายใหญ่ตระกูลซิว ไปเชิญแพทย์แผนโบราณที่โลกแพทย์แผนโบราณมันยากนักเหรอ”
“ซิวเซ่าหว่าน เธอเก่งจริง” ผู้เฒ่าซิวไม่สนใจ “ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นลูกสาวของฉัน หลังจากที่เซ่าหนิงหายตัวไป ตระกูลซิวควรอยู่ในมือเธอไปแล้ว”
“หนูไม่เสียดาย หนูรู้ว่าพ่อรักลูกหลานผู้ชายมากกว่า หนูเป็นเหยื่อ เสี่ยวอวี่ก็เหมือนกัน” ซิวเซ่าหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก สายตาเย็นชา “แต่พ่อก็อย่ามานึกเสียใจทีหลังแล้วกัน”
“คนเราทำอะไรสวรรค์มองดูอยู่ สักวันกรรมต้องตามสนองพ่อ ขาที่อยู่ในสภาพนี้ก็เวรกรรมตามทันทั้งนั้น”
ซิวเซ่าหว่านไม่มองผู้เฒ่าซิวอีก รีบลงไปจองตั๋วเครื่องบิน
ผู้เฒ่าซิวเข็นเก้าอี้ไปข้างหน้า แสยะยิ้ม
นึกเสียใจเหรอ
เหลวไหล
…
กว่าซิวอวี่จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นวันที่สามแล้ว
เธอลืมตา กะพริบตา ยังคงรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง
ซิวอวี่กำมือ รู้สึกตัวแข็งไปหมด
ขณะที่เธอจะขยับร่างกายก็มีเสียงดังมาจากบนหัว “อย่าขยับ”
ซิวอวี่เงยหน้ามอง พอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยก็งงนิดหน่อย “พ่ออิ๋ง เธอกลายเป็นนางฟ้าแล้วเหรอ”
“…”
อิ๋งจื่อจินพูดอย่างใจเย็น “เธอเห็นบนหัวฉันมีวงแหวนเหรอ”
“ไม่มี ฉัน…” ดวงตาของซิวอวี่ถึงเปิดเต็มที่ “ฉันไม่เป็นไรเหรอ”
ตอนนั้นเวียนหัวหายใจไม่ออก เธอคิดว่าตัวเองจะไปพบยมทูตแล้วเสียอีก
“ใช่ เธอปลอดภัยแล้ว ฉันก็ไม่ใช่นางฟ้าด้วย” อิ๋งจื่อจินปอกแอปเปิ้ลหนึ่งชิ้นมาป้อนซิวอวี่ “เธอจะบอกว่าบนเครื่องบินมีอะไร มีคนวางยาพิษเธอเหรอ”
ซิวอวี่อึ้ง สีหน้าเริ่มเคร่งเครียด “น่าจะใช่ เครื่องบินลำนั้นทางตระกูลแมนสันส่งมารับทีมรถแข่งของประเทศจีน ทีมรถแข่งไม่ได้มีแค่ทีมของตระกูลซิว ยังมีอีกเจ็ดทีมด้วย”
“พวกแอร์โฮสเตสกับสจ๊วตก็เป็นคนของตระกูลแมนสันหมด”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า ปอกแอปเปิ้ลอีกชิ้น
ซิวอวี่กินเสร็จก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง เอามือยันเตียงลุกขึ้นมานั่ง “พ่ออิ๋งว่าตอนนั้นที่ฉันเกิดอุบัติเหตุ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฝีมือของคู่ต่อสู้ที่แข่งกับทีมของพวกเรา ฉันเลยระวังตัว”
“ฉันก็เลยไม่กินอาหารบนเครื่องบิน และก็ไม่ให้พวกสมาชิกในทีมกินด้วย เอาขนมปังไปเอง ป้องกันไว้ก่อน แถมยังกินยาที่เธอให้ฉันพกไว้ตลอด นึกไม่ถึงว่า…”
เธอถูกพิษได้อย่างไรก็ยังไม่แน่ใจ
แต่จุดเดียวที่น่าสงสัยก็มีแค่เครื่องบิน
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “นี่เป็นพิษของยุโรป ค่อนข้างแตกต่าง”
“อ่อ” ซิวอวี่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว “ตอนนี้สภาพฉันยังลงแข่งได้ไหม”
“ไม่ได้!”
“ได้”
ทั้งสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
เสียงแรกเป็นของซิวเซ่าหว่าน
เธอถือโจ๊กมาหนึ่งชาม “เสี่ยวอวี่ หลานมีสภาพนี้แล้วยังอยากแข่งรถอีกเหรอ”
พูดจบก็หันไปมองอิ๋งจื่อจิน “คุณอิ๋ง อย่าตามใจเธอ เธอเอาแต่ใจจนชินแล้ว เอาเป็นว่าห้ามลงแข่งอีก”
ยังไม่ทันลงสนามก็เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว
ใครจะไปรู้ว่าต่อไปจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือเปล่า
ซิวอวี่พูดเสียงเนือย “อาคะ คำพูดอาไม่ถูกนะคะ พ่ออิ๋งเป็นพ่อหนู ก็ต้องตามใจหนูอยู่แล้ว ใช่ไหมพ่ออิ๋ง”
ซิวเซ่าหว่าน “…คำพูดนี้เธอกล้าให้เซ่าหนิงได้ยินหรือเปล่า”
“อาทิตย์หน้าถึงจะเริ่มการแข่งขัน เพียงพอแล้ว” อิ๋งจื่อจินเช็ดมือ เงยหน้า “คนที่โทรหาพวกคุณคือใครเหรอคะ”
ซิวเซ่าหว่านอึ้ง ไม่เข้าใจความหมาย แต่สุดท้ายก็ตอบ “โคเฮน เมืองเฮบาร์”
อิ๋งจื่อจินตอบ “ค่ะ”