ตอนที่ 501 พรสวรรค์! อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันให้ความกล้าเอง’
ซิวเซ่าหว่านอึ้งไปอีกครั้ง “ค่ะ…เหรอ”
“หมายความว่า…” อิ๋งจื่อจินรับชามโจ๊กร้อนๆ มาจากมือของซิวเซ่าหว่านแล้วเริ่มตักป้อนซิวอวี่ทีละช้อน “ฉันจำชื่อพวกเขาไว้แล้วค่ะ”
“ตระกูลโคเฮนเหรอ” ซิวอวี่ลูบคาง “ไม่เคยได้ยินเลยนะ ฉันรู้จักพวกเขาเหรอ แข่งรถเหมือนกันเหรอ”
“ฉันก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน” อิ๋งจื่อจินไม่แคร์เท่าไร สนใจโจ๊กในชามมากกว่า “ตระกูลเล็กๆ ที่ไม่เข้าตาแหละมั้ง”
ซิวเซ่าหว่านเงียบ “…”
ชั่วขณะนี้เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอคิดมากเกินไปหรือเด็กสาวสองคนนี้ใจกล้าบ้าบิ่นไม่เกรงกลัวอะไรกันแน่
ตระกูลโคเฮนไม่มีชื่อเสียงอะไรในประเทศจีน
ในความเป็นจริง สำหรับกลุ่มคนทั่วไปแล้ว พวกตระกูลเศรษฐีในยุโรปมีชื่อเสียงไม่มากยกเว้นสี่ตระกูลมหาเศรษฐี
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลเหล่านี้ไร้ความสามารถ
ตระกูลโคเฮนแข็งแกร่งกว่าพวกตระกูลชั้นแนวหน้าของตี้ตู อย่างน้อยก็ในด้านการต่อสู้
“เสี่ยวอวี่ หลานอย่าลงแข่งเลย” ซิวเซ่าหว่านพูดเสียงเครียด “พ่อของหลานหายตัวไปก็เพราะไปสร้างศัตรูไว้ อาไม่อยากให้เธอเดินตามรอยพ่อ และอาก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะเก่งอะไรมากมาย มีชีวิตอย่างสงบสุขก็พอแล้ว”
แต่ซิวเซ่าหนิงไปสร้างความแค้นอะไรไว้ จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังสืบไม่พบ
“อาเข้าใจผิดแล้วค่ะ” ซิวอวี่ยักไหล่ “ถ้าหนูไม่ลงแข่ง นั่นต่างหากที่จะทำให้พวกเขาได้ใจ อีกอย่าง พวกเขาทำได้แม้กระทั่งวางยาพิษ ยังจะมีเรื่องอื่นที่ทำไม่ได้อีกเหรอ”
เมื่อห้าปีก่อนเธอเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
ตอนนี้เธอยังมาโดนพิษอีก
ซิวเซ่าหว่านถอนหายใจอีกครั้ง แต่กลับจำต้องยอมรับว่านี่คือความจริง
“เธอพักผ่อนให้ดี” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “เธอลงแข่งได้ ไม่ต้องสนใจเรื่องที่เหลือ อย่าออกไปปรากฏตัวก่อนการแข่งจะเริ่ม”
หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ปล่อยให้พวกเขาคิดว่าเธอล้มป่วยจนไปลงแข่งเอฟวันไม่ได้แล้ว”
แต่ละวงการต่างต้องใช้พรสวรรค์
ซิวอวี่เป็นนักแข่งรถที่มีพรสวรรค์ เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อแข่งรถ
คนที่จับตาดูเธอไม่ได้มีแค่ตระกูลโคเฮนแน่นอน
ความลับไม่ว่าจะปกปิดอย่างไรก็ย่อมมีรั่วไหล
เพื่อความปลอดภัยของซิวอวี่ ให้เธออยู่ในโรงพยาบาลกลับจะเป็นการดีกว่า
ตระกูลโคเฮนก็โง่พอสมควร ทำเรื่องนี้โจ่งแจ้งขนาดนี้ ต้องการให้ตระกูลซิวรู้ให้ได้
ตระกูลที่อยากได้ชีวิตของซิวอวี่จริงๆ กลับปกปิดและแสร้งทำเป็นอย่างดี
ห้ามเกิดเรื่องไม่คาดคิดเป็นอันขาด
ซิวอวี่คิดแล้วก็เห็นด้วย “ก็จริง”
เธอกินโจ๊กเสร็จก็ส่ายมืออย่างเหนื่อยหน่าย
“อาคะ หนูไม่เป็นไรแล้ว อากลับตี้ตูไปเถอะค่ะ แสร้งทำว่าหนูตายไปแล้ว ร้องห่มร้องไห้หน่อยให้ดูสมจริง”
ซิวเซ่าหว่าน “…เธอคิดว่าอาไม่มีทางตีเธอใช่ไหม”
ซิวอวี่จับบ่าอิ๋งจื่อจิน ทำท่าทางเจ็บปวด “พ่ออิ๋ง ฝากด้วยนะ ฉันอ่อนแอเหลือเกิน สู้อาไม่ไหวแน่”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว
“เสี่ยวอวี่ เธอ…” ซิวเซ่าหว่านโมโหจนหัวเราะ พยักหน้า
“เอาเถอะ อาเห็นว่ามีคุณอิ๋งอยู่หรอกนะเธอถึงทำตัวดีๆ ได้ อาไม่กลับตี้ตูแล้ว รอเธอแข่งเสร็จค่อยว่ากัน”
เธอไม่อยากกลับไปเจอหน้าเหี่ยวย่นของผู้เฒ่าซิว
สะอิดสะเอียน
ซิวเซ่าหว่านกำชับอีกครั้ง “พวกเราอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอย่าใช้ไม้แข็งกับเจ้าถิ่น พวกเธอไม่รู้ความสามารถของตระกูลโคเฮน เอาความปลอดภัยไว้ก่อน”
พูดจบเธอก็ออกจากห้องผู้ป่วยแล้วปิดประตู
“พ่ออิ๋ง เธอช่วยชีวิตฉันไว้ก็พอแล้ว” ซิวอวี่ขมวดคิ้ว “อาฉันพูดถูก พวกเราอย่าไปสู้กับตระกูลโคเฮนเลย”
หากว่ากันด้วยเรื่องเส้นสายในตี้ตู พวกเราสู้ตระกูลโคเฮนไม่ได้อยู่แล้ว
อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของตระกูลโคเฮน ตรวจคนกับสิ่งของบนเครื่องแล้วก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ
“วางใจได้” อิ๋งจื่อจินตอบ “บอกแล้วว่าเป็นแค่ตระกูลเล็กๆ ที่ไม่เข้าตา”
“พ่ออิ๋ง เธอดีกับฉันมากเกินไปแล้วหรือเปล่า” ซิวอวี่จ้อง “หนูซึ้งใจนะพ่อ”
อิ๋งจื่อจินตักโจ๊กป้อนซิวอวี่ต่อ พลางเหลือบมอง “ไหนบอกว่าฉันตามใจเธอไม่ใช่หรือไง”
“…”
ซิวอวี่ดึงชายเสื้ออิ๋งจื่อจิน พูดเสียงสั่น “คำพูดนี้เธออย่าให้ผู้ชายของเธอได้ยินเข้านะ”
“หืม?”
“ฉัน ฉันกลัวจะถูกลอบฆ่า”
“…”
…
พอซิวอวี่หลับไปแล้วอิ๋งจื่อจินถึงออกจากห้องผู้ป่วย
ที่นี่เป็นห้องผู้ป่วยลับของไอบีไอ ไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลแก่ภายนอกแม้แต่น้อย
ต่อให้เป็นตระกูลลอเรนท์มาสืบก็ไม่มีประโยชน์
มาตรการเก็บรักษาความลับของไอบีไออยู่ในระดับสูงสุดของโลก
ฟู่อวิ๋นเซินกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าต่าง
สีหน้าของเขาเรียบเฉย ดวงตาดอกท้อที่อมยิ้มโดยธรรมชาติก็เย็นชาลง ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก
นิ้วของเขาเคาะขอบหน้าต่างเบาๆ พลางพูดขึ้น “อืม ตระกูลโคเฮน ตรวจสอบความผิดทั้งหมดแล้วส่งคนไปทันที”
ปลายสายคือลิซิเนียสประธานไอบีไอ “ได้ครับผู้บัญชาการ”
เขาพิมพ์หาข้อมูลของตระกูลโคเฮนในคอมพิวเตอร์ พบว่าตระกูลนี้มีคดี
แต่อิทธิพลอย่างตระกูลโคเฮนมีเยอะมากบนโลก คาบเกี่ยวกับการกระทำความผิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอด
ไอบีไอมีคนไม่พอที่จะจัดการ
แต่ถ้าสืบก็สามารถเอาเรื่องได้ถึงที่สุด
ตระกูลโคเฮนไม่สะดุดตา ก็ไม่รู้ว่าไปทำผู้บัญชาการโมโหได้ยังไง
น่าสมเพชเหลือเกิน
“ด่วนที่สุด ให้เวลามากสุดสี่ชั่วโมง” ฟู่อวิ๋นเซินพูดจบก็กดตัดสาย
เขาหันมา สีหน้าเย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ยิ้มบาง
“เยาเยา อย่าคิดว่าพี่ชายยืนอยู่ไกลขนาดนี้จะไม่ได้ยินที่พวกเธอคุยกันนะ”
อิ๋งจื่อจินหาว “ได้ยินอะไร”
“เธอป้อนโจ๊กให้ซิวอวี่ ทั้งยังปอกแอปเปิ้ลด้วย”
“แถมยังตามใจซิวอวี่” ฟู่อวิ๋นเซินอาศัยความที่ตัวสูงกว่าเขกหัวเธอเบาๆ
“แฟนสาว เมื่อไรแฟนหนุ่มจะได้สัมผัสแบบนั้นบ้างสักครั้ง ให้นอนลงเลยก็ได้นะ”
“ดูสิ” อิ๋งจื่อจินชี้ไปนอกหน้าต่าง “ดวงอาทิตย์ทั้งกลมทั้งใหญ่ กลางวันอยู่ หยุดฝันเถอะ”
“…”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่อิ๋งจื่อจินก็ล้วงส้มออกมาจากกระเป๋า ปอกเปลือก ป้อนเขาหนึ่งกลีบ
ป้อนเสร็จเธอก็เช็ดมือ “ฉันจะไปที่เฮบาร์หน่อย คุณเฝ้าที่นี่ไว้”
เธอเองก็เชื่อแค่ความสามารถของฟู่อวิ๋นเซิน
“เยาเยา เดี๋ยวก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินจับเธอไว้ มืออีกข้างยื่นของให้ ยิ้มพลางพูด “เอานี่ไป”
นี่คือบัตรของไอบีไอที่มีคำว่าผู้กำกับการระดับเอส
บัตรระดับเอสของไอบีไอล้วนอยู่ในมือผู้บริหารระดับสูง มีไม่เกินสิบใบ
หากมีบัตรนี้ ไม่ว่าจะปฏิบัติการที่ไหนบนโลกก็สะดวกมาก
อิ๋งจื่อจินมองบัตรใบนี้ เลิกคิ้ว
“นี่ฉันใช้เส้นเหรอ ผู้บัญชาการ เกิดลือออกไปจะเสื่อมเสียชื่อเสียงเอาได้นะ”
“ชั่วคราว” ฟู่อวิ๋นเซินทำสีหน้าสบายๆ “แต่ถ้าเธออยากเข้าร่วม ถือเป็นเกียรติอย่างสูง”
อิ๋งจื่อจินเก็บบัตรไป “ขอคิดดูก่อน”
ฟู่อวิ๋นเซินยื่นหน้ากากให้
“ไปเถอะ พี่ชายจะให้อวิ๋นซานติดตามไปด้วย ระวังตัวล่ะ”
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เขาก็จะสนับสนุน
…
ช่วงไม่กี่วันมานี้ตระกูลโคเฮนก็จับตาดูที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ในเมืองหลวงประเทศเอสอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้ข่าวว่าซิวอวี่เข้ารักษาตัว
ตระกูลซิวก็เงียบมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการต่อต้าน
นายใหญ่โคเฮนถึงวางใจ
สัปดาห์หน้าจะเป็นการแข่งขันเอฟวัน ขอแค่ซิวอวี่ไม่เข้าร่วม อันดับสามก็ต้องตกเป็นของตระกูลโคเฮนเท่านั้น
“ทีมรถแข่งของตระกูลซิวมาแล้วเหรอ” นายใหญ่โคเฮนเรียกพ่อบ้านมา “คุยแล้วหรือยัง”
พ่อบ้านส่ายหน้า “แต่ละคนหัวรั้นมากครับ”
“ไป ฉันไปเอง” นายใหญ่โคเฮนแสยะยิ้ม “ดื้อไปจะมีประโยชน์อะไร ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
เขาเดินออกไป
ภายในสวนหย่อมมีทีมรถแข่ง ต่างระแวงกันมาก
คนของตระกูลแมนสันบอกว่าจะพาพวกเขาไปดูรถแข่งคันใหม่ แต่นึกไม่ถึงว่ากลับพามาที่นี่
ไม่เพียงเท่านี้ ตระกูลโคเฮนยังบอกอีกว่าจะซื้อตัวพวกเขา
“พวกนายยังไม่รู้อีกเหรอ” พอเห็นนักแข่งเหล่านี้นายใหญ่โคเฮนก็ทำเสียงจึ๊
“นักแข่งหัวหน้าทีมของพวกนายนอนเป็นผักไปแล้ว ลงแข่งไม่ได้ ฉันอุตส่าห์หวังดีช่วยรับซื้อพวกนายไว้ ช่วยให้พวกนายได้ลงแข่ง ไม่ยินดีกันเหรอ”
พอคำพูดนี้ออกมานักแข่งทั้งหมดก็สีหน้าเปลี่ยน
การแข่งขันเอฟวันจัดโดยตระกูลแมนสัน กฎกติกาทั้งหมดก็กำหนดโดยตระกูลแมนสัน
ถึงขั้นที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของนายใหญ่ เอาแต่ใจขนาดนี้
แต่ละทีมจะมีผู้นำทีมได้แค่คนเดียว
ผู้นำทีมแสดงถึงคนที่มีความสามารถสูงสุดของทีมนั้น และก็มีเพียงผู้นำทีมเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติชิงแชมป์ได้
ถึงแม้ซิวอวี่จะบาดเจ็บที่ข้อมือ คนในทีมของตระกูลซิวก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
แต่เกิดเรื่องขึ้นกับซิวอวี่งั้นเหรอ
นักแข่งคนหนึ่งจ้องนายใหญ่โคเฮนตาเขม็ง “หมายความว่าไง”
ช่วงหลายวันมานี้ซิวอวี่ไม่ได้กลับมาจริง แต่ซิวเซ่าหว่านก็มาคุยกับพวกเขาแล้ว บอกว่าซิวอวี่ไปหาเพื่อน แล้วจะไปลงสนามแข่งในวันแข่ง
หรือว่านี่เป็นแค่คำโกหก
“ดูท่าพวกนายจะไม่รู้สินะ” นายใหญ่โคเฮนถอนหายใจ
“ไวรัสเอเอ็กซ์ซีเก้า คนที่โดนไวรัสนี้จะหมดสติ อวัยวะเสื่อมโทรมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งนอนเป็นผัก”
“ไม่มีผู้นำทีม พวกนายจะเอาอะไรไปลงแข่ง ใครให้ความกล้าพวกนายกัน”
“…”
นักแข่งทั้งหมดพากันเงียบ ยังไม่ทันฉุกคิด
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากไกลๆ พูดอย่างไม่รีบร้อน “ฉันเอง”
อิ๋งจื่อจินใส่หน้ากากสีเงินเดินเข้ามาใกล้ ทอประกายเล็กน้อยภายใต้แสงแดด
เธอไม่ได้ปกปิดรูปร่าง นายใหญ่โคเฮนมองออกตั้งแต่แวบแรกว่าเป็นเด็กสาว
รูปร่างสะโอดสะอง ดูอ่อนแอ
แต่เธอหิ้วทหารรับจ้างมาสองคนแล้วโยนเข้ามา
“เธอน่ะเหรอ” นายใหญ่โคเฮนคิดว่านี่เป็นคนคุ้มกันของตระกูลซิว จึงพูดดูถูก “เธอรู้หรือเปล่าว่าที่นี่มีทหารรับจ้างปักหลักอยู่เท่าไร มีอาวุธระยะไกลมากแค่ไหน รถถัง เครื่องบินรบ ล้วนเป็นแค่ของพื้นฐานที่สุดทั้งนั้น”
“เธอคิดว่าตัวเธอคนเดียวจะสู้ตระกูลโคเฮนของพวกเราได้เหรอ”
เหลวไหลสิ้นดี
นายใหญ่โคเฮนทำสีหน้าเย้ยหยัน เขาตบมือ
“ครืน…”
เกิดเสียงดัง พวกหอคอยที่อยู่บนปราสาทเปลี่ยนรูปร่างอย่างรวดเร็ว ปืนใหญ่ประจำการ ต่างเล็งมาที่เด็กสาว
ในเวลาเดียวกันก็ยังมีทหารรับจ้างจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
นายใหญ่โคเฮนสองมือไพล่หลัง มองอิ๋งจื่อจินด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ตอนนี้ยังจะกล้าพูดว่า ฉันเอง อีกไหม”
“เฮ้ๆ!” พอเขาพูดจบก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “มีฉันด้วย ฉันอีกคน!”
นายใหญ่โคเฮนหน้าบึ้ง “ใครอีก”
เขาเงยหน้ามองไป
เครื่องบินสิบกว่าลำกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้
ประตูห้องโดยสารของลำแรกสุดเปิดออก มีชายหนุ่มผมบลอนด์ทอง
หนึ่งในผู้บัญชาการหน่วยรบทางอากาศของไอบีไอ แอนโทนี่!