ตอนที่ 503 อัจฉริยะที่แท้จริง ช็อกทั้งสนาม!
รายการแข่งรถที่ตระกูลแมนสันจัดขึ้นสนามนี้มีระยะทางทั้งสิ้นเกือบพันกิโลเมตร เป็นการแข่งขันแรลลี่ ต้องใช้เวลานานมาก
รถแข่งมีข้อกำหนดเรื่องระยะทางที่เข้มงวดมาก นักแข่งก็ห้ามขับรถออกนอกเส้นทาง
หากพบว่ามีการเบี่ยงออกนอกเส้นทางก็จะถูกตัดคะแนน
โดยทั่วไปการแข่งขันแรลลี่ที่ระยะทางไกลขนาดนี้ ตัวนักแข่งที่เป็นคนขับไม่มีทางจำเส้นทางทั้งหมดได้
การมีอยู่ของเนวิเกเตอร์ก็เพื่อให้ช่วยจำเส้นทางทั้งหมด บอกเส้นทางที่ถูกต้องแม่นยำ ชี้แนะนักแข่ง
จำเป็นต้องใช้คนความจำดี มีความสามารถในการตัดสินใจ และช่างสังเกต ความสามารถในการแข่งรถก็ต้องไม่ด้อยอีกด้วย
บทบาทของเนวิเกเตอร์ในการแข่งครั้งนี้สำคัญมาก ถึงขั้นที่อาจมากกว่าตัวนักแข่งด้วยซ้ำ
เนื่องจากเหยียนอันเหอสนใจการแข่งรถ เธอจึงตั้งใจดูการแข่งขันตอนซิวอวี่อายุสิบห้าปี และก็รู้สึกตะลึงในพรสวรรค์ของซิวอวี่
เรียกได้ว่าถ้านักแข่งมือหนึ่งของทีมรถแข่งตระกูลซิวเปลี่ยนตัวเนวิเกเตอร์ครั้งนั้น อาจไม่ติดสิบอันดับแรกด้วยซ้ำ
เพราะมีซิวอวี่อยู่ถึงได้ที่หนึ่ง
ช่วงหลายปีมานี้ที่ซิวอวี่บาดเจ็บไม่เคยลงแข่งรายการใหญ่ๆ เลย แต่ความรู้เกี่ยวกับการแข่งรถไม่มีทางน้อยแน่นอน
เหยียนอันเหอมั่นใจมากว่า ถ้าซิวอวี่มาเป็นเนวิเกเตอร์ให้เธอได้ เธอก็อาจถึงขั้นคว้าที่หนึ่ง
ถึงแม้เธอจะคิดไว้ว่าหลังแข่งครั้งนี้เสร็จจะอำลาวงการรถแข่งอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ใครกันไม่อยากได้เกียรติยศ
“เธอฝันอยู่!” นักแข่งของตระกูลซิวก็โมโหจนหัวเราะ
“คิดว่าทำแบบนี้แสดงให้เห็นว่าตัวเองใจกว้างเหรอ ให้โอกาสงั้นเหรอ เธออยากเหยียบพี่อวี่เพื่อขึ้นตำแหน่งชัดๆ!”
ถึงแม้เนวิเกเตอร์จะสำคัญมากก็จริง แต่สุดท้ายหลังจากได้อันดับสูงๆ หลายคนก็สนใจแค่นักแข่งรถ
มีคำเรียกราชานักแข่งรถ แต่ไม่มีราชาเนวิเกเตอร์
“เหยียบเพื่อขึ้นตำแหน่งเหรอ” เหยียนอันเหอแสยะยิ้ม พูดถากถาง “อย่าพูดจาให้มันไม่น่าฟังขนาดนั้นเลย งั้นพวกคุณรอดูว่าอีกเดี๋ยวจะแข่งยังไง”
ดูพอแล้ว เธอหมดความสนใจจะอยู่ต่อ หันตัวเดินออก
นักแข่งคนนั้นจับยางรถที่ถูกเจตนาทำให้พัง “พี่อวี่…”
พวกเขารู้ว่าซิวอวี่ทุ่มเทไปมากกว่าจะฟอร์มทีมรถแข่งตระกูลซิวขึ้นมาได้อีกครั้ง
การแข่งขันครั้งนี้เรียกได้ว่าเกี่ยวพันถึงอนาคตของซิวอวี่
แต่ตอนนี้มีคนมาทำลายลงทั้งหมด
ซิวอวี่กลับใจเย็น “ไม่เป็นไร ฉันจะเอารถสำรองมาให้พวกนาย พวกนายไปรอที่ลู่แข่งก่อน”
มีแค่รถของเธอที่เปลี่ยนไม่ได้
นักแข่งเม้มริมฝีปาก ไม่ได้ตามไป ไปรอที่ลู่แข่ง
…
ทางด้านนี้
ทีมรถแข่งทั้งหมดรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็คิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ทั้งยังมีหลายคนที่สะใจ
เมื่อถึงเวลา บรรดานักแข่งรถต่างไปข้างนอกเพื่อเตรียมการแข่งขันที่กำลังจะเริ่ม
เหยียนอันเหอสีหน้าเย็นชามาก
เพราะจนถึงตอนนี้ซิวอวี่ก็ไม่ได้มาหาเธอ ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
ไม่อยากลงสนามแข่งแล้วจริงๆ เหรอ
“หัวหน้าเหยียน อย่าไปถือสาพวกเขาเลยครับ” รองหัวหน้าทีมส่ายหน้า
“รถของพวกเขาพัง แถมยังไม่รับน้ำใจของหัวหน้า ยังจะทำอะไรได้อีกนอกจากถอนตัว”
พวกเขาเป็นเพียงทีมที่นักแข่งรถรวมตัวก่อตั้งขึ้นมาเอง ไม่ได้เป็นของอิทธิพลหรือตระกูลไหน ต่อให้ทำผลงานได้ดีก็ไม่มีทางถูกจับตามอง
ครั้งนี้มีคนจับตาดูตระกูลซิวอยู่ไม่น้อย
“ฉันไม่มีทางถือสาพวกเขาอยู่แล้ว” เหยียนอันเหอพูด “อีกเดี๋ยวคนที่ขายหน้าก็ไม่ใช่ฉันด้วย”
รองหัวหน้าทีมพูด “ไปเถอะครับหัวหน้าเหยียน”
เหยียนอันเหอพยักหน้า ชั่วขณะที่หันตัว สายตาเธอก็ชะงัก
ตรงจุดไม่ไกลออกไปมีเด็กสาวสวมหมวกกันแดด กำลังกินอมยิ้ม มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า
เนื่องจากหันหน้าเข้าหากัน เหยียนอันเหอจึงเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
ใบหน้างดงามดุจเทวดารังสรรค์
อิ๋งจื่อจิน
คนที่สอบได้อันดับหนึ่งของฮู่เฉิงปีนี้ ทำข้อสอบรวมได้คะแนนเต็ม ลือกันไปทั่วมหาวิทยาลัยตี้ตู
แต่เหยียนอันเหอไม่สนใจ
เธอเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูตั้งแต่สองปีก่อน ปีนี้อยู่ชั้นปีสามแล้ว
เหยียนอันเหอเจอคนที่สอบได้อันดับหนึ่งมาไม่น้อย ส่วนใหญ่ต่อมาก็ไม่มีอะไรโดดเด่น
มหาวิทยาลัยไม่ใช่มัธยมปลาย ไม่ใช่แค่การท่องจำกับใช้ความรู้ทางทฤษฎีเท่านั้น
ที่เธอให้ความสนใจอิ๋งจื่อจินยังเป็นเพราะเหยียนรั่วเสวี่ยเล่าเรื่องของตระกูลจี้ให้เธอฟังด้วย
เป็นคนอวดดี ไม่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตัว และที่สำคัญที่สุดคือ พอเธอได้เจออัจฉริยะที่แท้จริงอย่างหลินชิงจยา คนเก่งอย่างอิ๋งจื่อจินก็เทียบไม่ได้แล้ว
เหยียนอันเหอละสายตา ไม่สนใจอีก เดินตามเพื่อนร่วมทีมไปที่ลู่แข่ง
ไม่กี่นาทีต่อมาซิวอวี่ก็กลับมา
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “คนไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร” ซิวอวี่ส่ายหน้า “ตกใจกลัวนิดหน่อย ลงสนามได้ แต่ฉันไม่อยากให้เขาลงสนามแล้ว”
ตามคาด หลังจากที่รถแข่งถูกทำลายด้วยเจตนาไม่ดี เนวิเกเตอร์ของเธอก็เกือบเกิดเรื่อง
สุดท้ายได้อิ๋งจื่อจินไปช่วยมา
“พ่ออิ๋ง เธอพูดถูก มีคนจำนวนไม่น้อยจับตาดูฉันอยู่” ซิวอวี่สายตาเย็นชา
“พวกเขาเลือกที่จะลงมือก่อนการแข่งขันก็เพื่อขัดขวางไม่ให้ฉันลงแข่ง”
ตระกูลทางตี้ตูที่ว่าแก่งแย่งชิงดีกันสุดๆ แล้ว ทางยุโรปยิ่งคูณเข้าไปร้อยเท่า
“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินพูด “แค่เธอลงสนามได้เป็นพอ”
ซิวอวี่รู้สึกหมดแรงอีกครั้ง ครั้งก่อนเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม่เสียชีวิต พ่อหายสาบสูญ
เธอพูดเสียงแหบ “แต่ฉันไม่มีรถ”
“จำไว้ เอาที่หนึ่งมาให้ได้”
“ที่หนึ่งเหรอ”
“เงินรางวัลของที่หนึ่งเป็นสิบเท่าของที่สอง”
“…”
สุดท้ายซิวอวี่ก็ถือหมวกกันน็อคเดินไปที่ลู่แข่ง
ท่ามกลางความงุนงงเธอนึกถึงคำพูดหนึ่งในเน็ต
คนเก่งๆ คนอื่นลงแข่งขัน ถ้าไปถามพวกเขาถึงสาเหตุ พวกเขาก็จะบอกว่าเป็นเพราะสนุก หรือทำแก้เซ็ง
แต่เทพอิ๋งของพวกเราจะถามแค่ว่า มีเงินให้หรือเปล่า
งั้นก็เข้าร่วม
…
บนลู่แข่งรถมีรถแข่งร่วมร้อยคัน ล้วนเป็นผู้เข้าแข่งขันในครั้งนี้
นักพากย์และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็เข้าประจำที่ทั้งหมดแล้ว
“สวัสดีครับผู้ชมทุกท่าน การแข่งขันแรลลี่ที่ตระกูลแมนสันจัดขึ้นกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ต่อไปผมจะแนะนำตัวเต็งแชมป์ในการแข่งครั้งนี้ให้ทุกท่านได้รู้จักกันนะครับ”
แนะนำนักแข่งตามลำดับเลข ซิวอวี่อยู่ลำดับที่สิบเอ็ด
เธอมีชื่อเสียงพอสมควรในวงการแข่งรถ การกลับมาอีกครั้งหลังจากเว้นไปห้าปีกลับดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย
“นักแข่งเบอร์สิบเอ็ด ผมคงไม่ต้องแนะนำอะไรมากให้ผู้ชมหน้าเก่าทราบแล้วครับ เธอเป็นนักแข่งหญิงชาวจีน ชื่อซิวอวี่ครับ”
“เมื่อห้าปีก่อนเธอมีอายุแค่สิบห้าปี เธอเป็นเนวิเกเตอร์ที่ช่วยให้นักแข่งได้อันดับหนึ่งครับ ครั้งนี้เธอมาลงเป็นนักแข่งเอง ทั้งยังเคยถูกยกให้เป็นนักแข่งมากพรสวรรค์…เอ๊ะเดี๋ยวนะครับ!”
บรรดาผู้ชมตกใจมาก พากันมองไป
“มีข่าวด่วนมาครับ รถแข่งของนักแข่งเบอร์สิบเอ็ดเสีย อีกทั้งดูเหมือนจะไม่มีเนวิเกเตอร์ด้วย” นักพากย์ยังคงพูดต่อ “เธอมาแค่คนเดียวคิดจะทำอะไร คงไม่ได้คิดจะวิ่งในแรลลี่ครั้งนี้นะครับ”
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมในสนามหรือผู้ชมที่ชมถ่ายทอดสดในเน็ตต่างก็ส่งเสียงหัวเราะ
[วิ่งเหรอ ขำเป็นบ้า ขนาดนักแข่งรถแข่งเสร็จยังเหนื่อย นี่จะวิ่งเหรอ ไม่กลัวถูกชนหรือไง]
[เนี่ยน่ะเหรอนักแข่งมากพรสวรรค์ ไม่มีแม้แต่รถ]
ตรงที่นั่งแขกวีไอพี นายใหญ่แมนสันขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ ตอบทันที “น่าจะพวกทีมรถแข่งเล่นตุกติกกันเองครับ”
นายใหญ่แมนสันไม่คิดแบบนั้น แต่ก็แค่ตอบอืม
เขาแค่มาดูแข่งรถ ดูนักแข่งเหล่านี้ทำการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจให้เขาชม
เขาไม่มีทางไปยุ่งเรื่องการแก่งแย่งชิงดีระหว่างทีมรถแข่ง
มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด
มีผลประโยชน์ย่อมมีความขัดแย้ง
ความขัดแย้งกลับยิ่งทำให้สนุก
“ไม่มีรถก็ให้เธอออกไป” นายใหญ่แมนสันรู้สึกแค่ว่าหมดสนุก
“การแข่งกำลังจะเริ่มแล้ว อย่ามาทำให้ฉันหมดอารมณ์”
พ่อบ้านพยักหน้า รีบติดต่อหลังเวทีทันที
“น่าเสียดายนะครับ เนื่องด้วยสาเหตุต่างๆ นานา นักแข่งเบอร์สิบเอ็ดของเราจำต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้วครับ” นักพากย์ได้รับคำสั่งจากนายใหญ่แมนสันก็รีบประกาศทันที
“นักแข่งเบอร์สิบเอ็ด เชิญออกไปด้วยครับ”
พอคำพูดนี้ออกมา ทั้งสนามก็เกิดความวุ่นวาย
ผู้ชมที่อยู่บนอัฒจันทร์หลายคนเริ่มส่งเสียงตะโกน
ซิวอวี่ก็ได้ยินแล้ว สีหน้าหนักใจ
แต่เธอเชื่ออิ๋งจื่อจิน ยืนนิ่งไม่ขยับ ทำเป็นไม่ได้ยิน
นักพากย์พูดซ้ำอีกครั้ง “นักแข่งเบอร์สิบเอ็ดครับ”
ดังชัดเจนไปทั้งสนาม
[ยอมใจเลยจริงๆ น่าขายหน้า รถพังแล้วยังจะมาลงสนามอีก ทำไมนะ อยากให้ทีมอื่นหัวเราะเยาะเหรอ]
[ในฐานะที่เป็นคนจีน ฉันไม่อยากดูต่อไปแล้ว ฉันพอจะจินตนาการได้ว่าชาวเน็ตต่างประเทศเยาะเย้ยถากถางยังไง อายมาก ไปแล้วๆ อีกหลายสิบนาทีฉันค่อยมาดูอันดับแล้วกัน]
[น่าหงุดหงิด ฉันจะดูแข่งรถ แค่ออกไปไม่ได้เหรอ]
หลายตระกูลมักจะเล่นตุกติกลับหลังเพื่อช่วงชิงทรัพยากรที่ตระกูลแมนสันจะลงทุนให้
แน่นอนว่าเรื่องสกปรกแบบนี้บรรดาผู้ชมที่แค่สนใจในการแข่งรถไม่มีทางรู้
ในสายตาของพวกเขา นี่ก็คือการไม่ให้เกียรติการแข่งขัน
นายใหญ่แมนสันหมดความอดทน “ให้ยามลากตัวออกไป”
พ่อบ้านพยักหน้า ติดต่อยาม แต่พอหันไปก็เห็นรถแข่งสีน้ำเงินกำลังขับเข้ามาทางนี้ เขาตะลึง
“นายใหญ่ ดูรถคันนั้นสิครับ”
“ว่าไงนะ” นายใหญ่แมนสันมองไป พอเห็นก็ตะลึง ลุกพรวด
พูดไม่ออกไปชั่วขณะ เห็นรถคันนั้นจอดลงตรงหน้านักแข่งเบอร์สิบเอ็ด
แม้แต่ซิวอวี่เองยังอึ้งไม่ได้สติไปชั่วขณะ
ประตูฝั่งข้างคนขับเปิดออก
อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่พร้อมใส่หมวกกันน็อคเรียบร้อย
มองไม่เห็นใบหน้า แต่เสียงเธอหนักแน่น
“ขึ้นรถสิ วันนี้ฉันเป็นเนวิเกเตอร์ให้เธอเอง”
[เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งลุกหนี ดู รีบดูเร็ว!]
[โวะ รถยี่ห้อตระกูลที!]
เมื่อยี่สิบปีก่อนตระกูลทีประกาศถอนตัวออกจากการแข่งขันทุกรายการ ไม่เคยปรากฏอีกเลย
เป็นยี่ห้อรถแข่งอันดับหนึ่งของโลกที่ยอมรับกัน
บรรดาผู้ชมช็อกกันหมด