ตอนที่ 525 ทั้งหล่อทั้งเท่ห์ เห็นธาตุแท้ของเหยียนอันเหอ
ในฐานะที่เป็นชนชั้นระดับบนสุดในแวดวงตี้ตู มหาวิทยาลัยตี้ตูกับหน่วยอีจื้อก็มีแค่ความสัมพันธ์ร่วมงานกัน
มหาวิทยาลัยตี้ตูไม่มีทางสั่งการหน่วยอีจื้อได้
สมาชิกทางการของหน่วยอีจื้อก็ถูกรับเข้ายากมาโดยตลอด เข้มงวดเรื่องรูปร่างและสมรรถภาพทางร่างกายสูง เขาเป็นกลุ่มที่สอดคล้องกับเงื่อนไขทั้งหมดพอดี
เว่ยจื่อซวี่ก็เลยใจกล้ามากหน่อย
แต่เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่า การฝึกระเบียบทหารครั้งเดียวจะสามารถสะเทือนถึงคนของสำนักงานใหญ่ได้
อีกทั้งเรื่องเปลี่ยนครูฝึกเมื่อตอนบ่ายก็ฮือฮาจนเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้เว่ยจื่อซวี่ชักลนลานขึ้นมาแล้ว
เรื่องที่เขากลัวไม่ใช่การถูกจดโทษ แต่กลัวว่าจะไม่ได้เลื่อนเป็นสมาชิกทางการ
“นายยังไม่มีสิทธิ์จะได้รู้ อย่าพูดมาก” หัวหน้าทีมสองแสยะยิ้ม “เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฝึกระเบียบทหารในมหาวิทยาลัยตี้ตูช่วงไม่กี่วันมานี้ พวกเราก็ได้ขอหลักฐานจากทางมหาวิทยาลัยกับพวกนักศึกษามาแล้ว”
“ตอนนี้สารภาพมาตามตรง ทำไมนายต้องจงใจเล่นงานนักศึกษาหญิงแค่คนเดียว”
พอได้ยินแบบนี้เว่ยจื่อซวี่ก็เงียบ เส้นเลือดปูดที่หน้าผาก
“เพราะเธอเอาชนะนายได้งั้นเหรอ” หัวหน้าทีมสองเค้นถาม “ทำให้นายเสียหน้างั้นสิ”
เว่ยจื่อซวี่เม้มริมฝีปาก “หัวหน้าสองครับ บอกโทษของผมมาเลยดีกว่าครับ”
เขาชอบเหยียนอันเหอ ไม่มีทางพูดชื่อเหยียนอันเหอออกไป
อีกทั้งก็เป็นเขาที่ใช้วิธีไม่ดีเอง
“ลงโทษเหรอ” หัวหน้าทีมสองหัวเราะ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ นายไม่มีโทษ ยังไงซะนายก็ไม่ใช่สมาชิกของหน่วยอีจื้อ พวกเราไม่ลงโทษนายหรอก”
เว่ยจื่อซวี่ตัวเกร็ง เขาเงยหน้าทันที รู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย “หัวหน้าสอง!”
เขาเตรียมตัวมาห้าปีเพื่อเข้าหน่วยอีจื้อ แถมระหว่างนั้นยังเคยไปฝึกที่ต่างประเทศ
แค่เพราะบกพร่องในหน้าที่ในการฝึกระเบียบทหารครั้งเดียวก็จะไล่เขาออกจากหน่วยอีจื้อเลยเหรอ
“ในเมื่อนายไม่ยอมพูด พวกเราก็ไม่บังคับนาย” หัวหน้าทีมสองยักไหล่ “น่าเสียดายนะ เว่ยจื่อซวี่ นายไม่ผ่านการประเมินรอบนี้”
หยุดเล็กน้อย เขาพูดประชด “ขนาดนักศึกษาหญิงคนเดียวนายยังจ้องเล่นงานได้ ถ้าถึงเวลาไปเข้าหน่วยจริงๆ เกิดวันไหนนายถูกส่งออกไปทำภารกิจแล้วเหม็นขี้หน้าคนก่อเหตุ นายก็จะทำตามใจชอบหรือเปล่า”
ต่อให้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจิน หน่วยอีจื้อก็ไม่มีทางให้เว่ยจื่อซวี่เข้าหน่วยแล้ว
ขนาดเนี่ยอี้ยังเลือกที่จะออกจากตระกูลเนี่ยเพื่อรับรองความยุติธรรม
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเนี่ยสายตรงหรือสายเครือญาติ หากทำผิดกฎหมายก็ไม่มีทางลำเอียงเข้าข้าง
พวกเขาที่เป็นลูกน้องยิ่งต้องเข้มงวดกับตัวเอง
…
ตอนที่เว่ยจื่อซวี่ออกจากหน่วยอีจื้อ สมองของเขายังตื้ออยู่ แขนขาหดเกร็ง
อากาศในกลางเดือนตุลาคมเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ พอมีลมพัดมาเขาก็อดตัวสั่นไม่ได้ เริ่มตื่นตัวขึ้นมาบ้าง
เว่ยจื่อซวี่ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา
ในนั้นมีหลายข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน หนึ่งในนั้นส่งมาจากเหยียนอันเหอ
[จื่อซวี่ นายโอเคไหม ฉันได้ยินว่าเปลี่ยนครูฝึก ส่งผลกระทบอะไรกับนายหรือเปล่า]
เว่ยจื่อซวี่สูดลมหายใจเข้าลึก พิมพ์ตอบ
[ไม่เป็นไร ก็แค่ถูกตำหนิ พี่สะใภ้ ไม่ต้องกังวลนะ คบกับหัวหน้าดีๆ]
เหยียนอันเหอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
[ขอโทษจริงๆ นึกไม่ถึงว่ายัยนั่นจะใจแคบขนาดนี้ ไปขอให้ผู้บริหารมหา’ลัยเปลี่ยนครูฝึก นายไม่เป็นไรก็ดี พรุ่งนี้ฉันจะเอายาไปให้ ทาแล้วเห็นผลไว]
เว่ยจื่อซวี่ไม่ตอบอะไรอีก
เขานึกเสียใจที่ช่วยเหยียนอันเหอแล้ว ตอนนี้เดือดร้อนมาถึงอนาคตของตัวเอง
แต่ถ้าไม่ใช่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยตี้ตูขอให้หน่วยอีจื้อเปลี่ยนตัวเขาออก ยังจะเป็นใครได้
ไม่ว่าอย่างไรเว่ยจื่อซวี่ก็คิดไม่ออก เขายืนเหม่อ
…
ในสนามกีฬามหาวิทยาลัยตี้ตู
หลังจากเว่ยจื่อซวี่ไปแล้วการฝึกระเบียบทหารก็ราบรื่นมาก
อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่ที่เก้าอี้ มองฟู่อวิ๋นเซินฝึกหมู่สิบเก้า
ตอนนี้กำลังสั่งให้วิ่ง
ตอนฟู่อวิ๋นเซินวิ่งผ่านเธอ อยู่ๆ ก็หยุดลง เอามือจับคางเธอยกขึ้นแล้วก้มจูบ
เขาแอบทำ นักศึกษาคนอื่นไม่เห็น
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็กระทืบเท้าเขา
“มีอยู่คำพูดหนึ่งที่ว่า ตบเพราะรัก ด่าเพราะคิดถึง รักจนถึงขั้นกระทืบเท้า พี่ชายสัมผัสได้แล้ว”
ฟู่อวิ๋นเซินพูดจบก็หันไปเป่านกหวีดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มเบาๆ “พักยี่สิบนาที”
อิ๋งจื่อจิน “…”
เก่งจริงๆ เกรียนสู้ไม่ไหว
ระหว่างพักนักศึกษาหญิงคนอื่นก็วิ่งมา ทั้งยังมีนักศึกษาชาย
พวกเขาต่างเคยเห็นรูปถ่ายของฟู่อวิ๋นเซินในเวยปั๋วหรือตามนิตยสาร แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงที่อยู่ในชุดเครื่องแบบ
ลึกลับ ชวนให้ค้นหาเหลือเกิน
“อ๊ะ โทษที” ฟู่อวิ๋นเซินพับแขนเสื้อขึ้น น้ำเสียงไม่จริงจัง
“ที่บ้านคุมเข้ม ต้องรักษาระยะห่างกับคนต่างเพศสามเมตร ยืนตรงนั้น อย่าเข้ามา”
คำพูดเดียวทำเอานักศึกษาหญิงที่แห่มาดูต่างตะลึง
พวกนักศึกษาชายดีใจกันใหญ่ “ครูฝึก ครูฝึกครับ งั้นพวกเราเข้าไปได้ไหมครับ”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น มองอิ๋งจื่อจินที่อยู่ในกลุ่มนักศึกษาหญิงก่อนแล้วตอบ
“เพศเดียวกันเข้ามาจะใช้ความรุนแรงทันที”
“…”
“เทพอิ๋ง รู้หรือเปล่าแบบนี้เรียกอะไร” จี้หลีคิด พูดเสียงเบา “แบบนี้เรียกว่าคนอื่นได้แต่มองอยู่ไกลๆ มีแค่เธอที่ได้ดื่มด่ำตามใจชอบ”
มือของอิ๋งจื่อจินหยุดชะงัก
ดื่มด่ำตามใจชอบ
ช่างเป็นคำที่ชวนให้คิดเลยเถิด
การฝึกในช่วงบ่ายจบลงอย่างรวดเร็ว
ตอนเย็นขณะที่พวกนักศึกษาเหนื่อยอยู่ในหอพักไม่อยากขยับตัว ภายในผืนป่าข้างสนามกีฬา
ฟู่อวิ๋นเซินยื่นน้ำผลไม้อุ่นๆ ให้อิ๋งจื่อจินขวดหนึ่ง มืออีกข้างก็ลูบหัวเธอ ดวงตาดอกท้อโค้งมน
“อยากเจอแฟนแต่ละทีไม่ง่ายเลยนะ แถมยังต้องหาข้ออ้างมาทำงาน”
อิ๋งจื่อจินรับมาดื่ม เหม่อมองไปไกล
“เยาเยา คิดอะไรอยู่”
“นึกถึงคำว่าดื่มด่ำตามใจชอบ”
พอพูดจบ แม้แต่ตัวอิ๋งจื่อจินเองก็ชะงัก
เธอเงียบ
ไม่ควรคุยกับจี้หลีนานเกินไปเลยจริงๆ ส่งผลต่อความคิดของเธอ เป็นครั้งแรกที่พูดออกไปโดยไม่ผ่านสมอง
แต่ฟู่อวิ๋นเซินฟังแล้วกลับยิ้ม
เขาคิดแล้วปลดกระดุมเครื่องแบบสองเม็ด พูดเสียงหยอกเย้าพร้อมอมยิ้ม “อยากดื่มด่ำยังไงเหรอ”
“…”
…
ถึงแม้ฟู่อวิ๋นเซินจะเป็นครูฝึกของแค่หมู่เดียว แต่พวกสมาชิกฝึกหัดต่างรู้ว่าสถานะของฟู่อวิ๋นเซินสูงกว่าพวกเขามาก
ตอนนี้หัวหน้าทีมสองนอบน้อมกับเขายิ่งกว่าเดิม
บรรดาสมาชิกฝึกหัดยังคาดเดากันอีกว่า ฟู่อวิ๋นเซินจะใช่ผู้บัญชาการลึกลับของหน่วยอีจื้อหรือเปล่า
หัวหน้าทีมสองตามฟู่อวิ๋นเซินเข้าไปในหอพักเดี่ยวแล้วปิดประตู
“เว่ยจื่อซวี่หมอนั่นคิดว่าตัวเองไม่พูดแล้วพวกเราจะสืบไม่ได้” หัวหน้าทีมสองทำเสียงฮึดฮัด “คุณชายฟู่ครับ พวกเราสืบได้ว่าช่วงไม่กี่วันมานี้เขาติดต่อพูดคุยกับเหยียนอันเหอบ่อยมากครับ”
“จงใจกลั่นแกล้งคุณอิ๋งก็เป็นเพราะเหยียนอันเหอสั่งเขา นี่เป็นบันทึกการสนทนาของพวกเขาครับ”
ฟู่อวิ๋นเซินรับมา ความเย็นชาเริ่มแผ่ขยายในดวงตาดอกท้อ
“สืบแล้วครับ เธอเป็นแฟนของหนิงอวี่เจ๋อ” หัวหน้าทีมสองกระชับเสื้อ “เธอมีเรื่องขัดแย้งกับคุณอิ๋ง เท่าที่ดูจากคนในเว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยตี้ตูคุยกัน ดูเหมือนจะเกิดขึ้นตอนคุณอิ๋งไปมหาวิทยาลัยตี้ตูครั้งแรกครับ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ไม่ใช่แค่นั้น”
เขาเคาะโต๊ะเบาๆ “เรื่องนี้มอบหมายให้เขาไปจัดการเอง”
หัวหน้าทีมสองพยักหน้า หลังจากส่งฟู่อวิ๋นเซินออกไปแล้วเขาก็เรียกหนิงอวี่เจ๋อเข้ามา
หนิงอวี่เจ๋อยืนตรง ก้มหน้าลง “หัวหน้าสอง ผมไม่ดูแลสมาชิกในทีมให้ดี ผมยินดีรับโทษครับ”
แต่ละทีมในหน่วยอีจื้อถือเป็นหนึ่งเดียว หากสมาชิกในทีมทำผิด หัวหน้าก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย อีกทั้งเขาก็ไม่ใช่สมาชิกฝึกหัดแล้ว” หัวหน้าทีมสองส่ายมือ ยื่นปึกเอกสารให้
“ที่ฉันเรียกนายมาเพราะอยากให้ดูนี่”
หนิงอวี่เจ๋ออึ้ง รับมาดู
อ่านได้ไม่กี่บรรทัดสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “หัวหน้าสอง นี่มัน…”
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของนาย” หัวหน้าทีมสองพูด “ฉันเลยจะให้นายไปจัดการเอง พวกเราจะไม่ยุ่ง”
หนิงอวี่เจ๋อกำเอกสารแน่น กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
เขากับเหยียนอันเหอรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมต้น
ต่อมาเขาไปฝึกเพื่อเข้าหน่วยอีจื้อ เหยียนอันเหอก็เรียนในโรงเรียนสังกัดมหาวิทยาลัยตี้ตูจนเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตู
เป็นคู่ที่เหมาะสมกัน
หนิงอวี่เจ๋อให้ความสำคัญมาก พ่อแม่ของเขาก็พอใจในตัวเหยียนอันเหอ
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ต่อไปพวกเขาก็จะแต่งงานกัน
หนิงอวี่เจ๋อนึกไม่ถึงเลยว่า เหยียนอันเหอจะมีมุมนี้ด้วย
พอเขาเห็นประโยคที่ว่า ‘อย่ามองว่าเธอเป็นคน’ เขาก็กำมือแน่นจนซีด
เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่พูดจารุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ
“แล้วก็ เธอยังคุยกับสมาชิกคนอื่นในทีมนายด้วยนะ ชอบส่งข้อความคลุมเครืออยู่เรื่อยๆ” หัวหน้าทีมสองพูดต่อ “หนิงอวี่เจ๋อ นายทำผลงานได้ดี พ่อแม่ก็ภูมิใจในตัวนาย พวกเราไม่อยากเห็นนายถูกหลอกแล้ว”
หนิงอวี่เจ๋อเม้มริมฝีปากแน่น เงยหน้าขึ้น “ผมรู้ว่าต้องทำยังไงครับหัวหน้าสอง”
หัวหน้าทีมสองตบบ่าเขาเบาๆ แล้วให้เขาออกไป
หนิงอวี่เจ๋อไปที่หน้าหอของเหยียนอันเหอ
เนื่องจากเขาหน้าตาดี อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าของค่ายสอง คนในมหาวิทยาลัยตี้ตูที่รู้จักเขาจึงมีอยู่ไม่น้อย
เหยียนอันเหอเคยเปิดเผยทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ พวกนักศึกษาก็เลยรู้ว่าเขาเป็นแฟนของเหยียนอันเหอ
“อันเหอ แฟนเธอมาหาแน่ะ”
“อิจฉารุ่นพี่เหยียนจริงๆ เลยนะ ครูฝึกหนิงหล่อมากเลย รูปร่างยังดีขนาดนั้น แถมเป็นหัวหน้าด้วย”
“ถ้าฉันมีแฟนแบบนี้คงไหว้ธูปดอกใหญ่ไปแล้ว”
“รุ่นพี่เหยียนสุดยอดมาก ยังไงซะรุ่นพี่หลีก็ไม่มีแฟนดีๆ แบบนี้ รุ่นพี่เหยียนต่างหากที่เป็นผู้ชนะ”
เหยียนอันเหอเอาผมทัดหู เม้มริมฝีปากยิ้ม “อวี่เจ๋อ เย็นขนาดนี้มาทำอะไร พวกนายต้องเตรียมการฝึกวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมอยู่ๆ ก็ว่างมาหาฉันล่ะ”
หนิงอวี่เจ๋อจ้องเธอ สายตาเคร่งขรึม เขาพูดอย่างชัดเจน “เราเลิกกันเถอะ”