ตอนที่ 530 อิ๋งจื่อจิน ‘ฝูซี ลูกศิษย์ฉันเอง’
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เหยียนอันเหอก็ตรวจสอบหลายครั้ง จากนั้นถึงวางใจ
เธอเข้าออกห้องทดลองมานาน รู้ว่ามีกล้องวงจรปิดแค่ตรงระเบียงทางเดิน ในห้องทดลองไม่มี
ตอนเข้ามาเธอได้เลี่ยงจุดที่มีกล้องวงจรปิดแล้ว ไม่มีทางที่กล้องจะถ่ายติดเธอ
เหยียนอันเหอรู้จักคนในมหาวิทยาลัยตี้ตูอยู่ไม่น้อย โปรแกรมทำลายเอกสารเธอไปขอมาจากนักศึกษาปริญญาโทปีสามของสาขาคอมพิวเตอร์
เธอทำแบบนี้ก็เพื่อปิดกั้นความเป็นไปได้ที่อิ๋งจื่อจินจะไปขอความช่วยเหลือจากหลีหาน
หลีหานเป็นแค่นักศึกษาปริญญาตรีปีสาม ก็เก่งอยู่หรอก แต่ก็ยังห่างชั้นกับนักศึกษาปริญญาโทปีสาม
เอกสารถูกทำลายไปหมดจดแบบนี้ ย่อมไม่มีทางกู้คืนได้
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือ อิ๋งจื่อจินเป็นคนที่ดูแลข้อมูล หากข้อมูลหายก็เท่ากับเป็นความบกพร่องในหน้าที่ของเธอ
ต่อให้ภายหลังหากลับมาได้ ต่อไปโครงการแลกเปลี่ยนที่คล้ายกันแบบนี้ทางมหาวิทยาลัยก็จะพิจารณาอย่างจริงจังว่าสมควรให้เธอเข้าร่วมหรือไม่
เกิดเรื่องผิดพลาดหลายครั้ง ผู้บริหารมหาวิทยาลัยยังจะเข้าข้างอิ๋งจื่อจินได้อีกเหรอ
จึ๊
เหยียนอันเหอสีหน้าเย็นชา ถอดถุงมือออกแล้วเอาใส่กระเป๋าเสื้อ
เธอเหลือบมอง สังเกตเห็นสติกเกอร์หมูบนคอมพิวเตอร์
เป็นรูปหมูหน้าทะเล้น ดวงตากลมโต
เหยียนอันเหอเสยผม หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ
ชอบหมู ก็ไม่รู้ว่ามีรสนิยมแบบไหน
…
อีกด้านหนึ่ง
ภายในห้องพัก
อิ๋งจื่อจินเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมา ผมยังมีน้ำหยดอยู่
เธอสวมชุดนอนกระโปรงสีขาว เผยให้เห็นสัดส่วนอันสมบูรณ์แบบ
บนโซฟา
ฟู่อวิ๋นเซินจงใจหันไปแล้วพูดขึ้น “เยาเยา มีคนส่งคลิปวิดีโอมาให้เธอ”
อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไป เธอนั่งลงแล้วขยับเมาส์
ดูเสร็จก็กดเซฟ
คนบางคน เรื่องบางเรื่อง ก็น่าสนใจดี
ฟู่อวิ๋นเซินรับผ้าขนหนูมาจากมือเธอแล้วเริ่มเช็ดผมให้
อิ๋งจื่อจินมองโทรทัศน์ อยู่ๆ ก็พูดขึ้น “คุณเหมือนหมีตัวใหญ่ในร่างคน”
“หืม?”
“น่าหยิก”
“…” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว พูดลากเสียง “เด็กน้อย จีบเสร็จไม่รับผิดชอบ ไร้เยื่อใยขนาดนี้เลยเหรอ”
อิ๋งจื่อจิน “งั้นคุณจีบฉันตั้งหลายครั้งนับไม่ถ้วนตั้งแต่ฉันยังไม่บรรลุนิติภาวะ”
พอเข้าใจเรื่องบางอย่างเธอถึงได้รู้สึกตัวว่า ดูเหมือนเธอจะถูกจีบมานานแล้ว
“นั่นเรียกจีบได้เหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา โน้มตัวเล็กน้อย “นั่นมัน…”
ชะงักเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็เจอคำที่เหมาะสม “แสดงความเป็นมิตรหรือเปล่า”
ตอนแรกสุดเขาไม่ได้คิดกับเธอเป็นอื่นจริงๆ
แค่รู้สึกว่าสาวน้อยน่ารัก
“อืม” อิ๋งจื่อจินหลับตาลง “ถ้าเป็นอย่างคุณว่า แสดงว่าคุณจีบแม้กระทั่งหมา”
“…”
อิ๋งจื่อจินพิงบ่าของฟู่อวิ๋นเซิน หรี่ตาลงเล็กน้อย “พรุ่งนี้ฉันกะว่าจะไปเดินเตร่แถวสมาพันธ์โอสถ”
ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “พี่ชายจะให้คนติดตามไป”
สมาพันธ์โอสถอยู่ในโลกแพทย์แผนโบราณ
ถึงแม้โลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ์จะเชื่อมต่อกัน แต่ก็ห้ามลงมือในโลกแพทย์แผนโบราณหากไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรเสียแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของแพทย์แผนโบราณก็ร่างกายอ่อนแอ จึงถือว่ามีความปลอดภัยอยู่บ้าง
“ไม่ต้อง” อิ๋งจื่อจินรู้ว่าคนที่เขาพูดถึงคือฮู่ฝ่าของศาลสถิตยุติธรรม “ยุ่งยาก ฉันไปกับคนตระกูลหลิง”
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก ยิ้มพลางพยักหน้า “ก็จริง”
เขาเองก็ไม่ได้โกหก คนในโลกจอมยุทธ์ที่อยากฆ่าเขามีอยู่ไม่น้อย
พูดให้ถูกก็คือ อยากฆ่า ‘เงา’
เพียงแต่มีไม่กี่คนที่รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเขา
หลินจิ่นอวิ๋นถือเป็นหนึ่งในนั้น
ฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่กลัวว่าหลินจิ่นอวิ๋นจะพูดออกไป เพราะคงมีไม่กี่คนที่เชื่อ
ช่วยไม่ได้ ภาพลักษณ์เสเพลของเขามันตราตรึงใจเหลือเกิน
…
วันต่อมาเป็นสุดสัปดาห์
ในฐานะที่มหาวิทยาลัยตี้ตูเป็นเจ้าภาพ จึงต้องพานักศึกษาของมหาวิทยาลัยตูรินไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยว
“นักศึกษาอิ๋ง ไม่ไปด้วยเหรอ” ศาสตราจารย์กู่แอบเสียดาย “เห็นเสี่ยวจั่วบอกว่าเธอชอบกินเป็นพิเศษ ฉันยังคิดอยู่ว่าจะแนะนำของกินให้เธอ”
“ค่ะ ไม่ไปค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบ “มีธุระนิดหน่อยค่ะ”
“งั้นก็ตามใจ” ศาสตราจารย์กู่ก็ไม่ตื๊ออีกต่อไป แค่พูดขึ้นอย่างไม่คิดอะไร “เธอกับนักศึกษาเหยียนต่างไม่ไป”
อิ๋งจื่อจินเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า มองเจียงหราน “ไปเถอะ”
“อ่อๆ” เจียงหรานกระตือรือร้น “พ่ออิ๋ง ทางนี้คือห้องยา”
อิ๋งจื่อจินเดินตามเขาเข้าไป
ที่ด้านนอก
เหยียนอันเหอที่กำลังซื้อยาอึ้งไปชั่วขณะ สีหน้าสงสัย
ทำไมเหมือนเธอเห็นอิ๋งจื่อจิน
แต่ที่นี่เป็นสมาพันธ์โอสถ ไม่ใช่สถานที่อื่นของโลกแพทย์แผนโบราณ คนนอกเข้ามาได้อย่างไร
คนติดตามมองเธอด้วยความแปลกใจ “คุณอันเหอมองอะไรเหรอครับ”
เหยียนอันเหอละสายตา ส่ายหน้า เม้มริมฝีปาก “เปล่าค่ะ”
สุดท้ายเธอก็อดถามเจ้าหน้าที่ดูแลที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ไม่ได้ “ถ้าไม่ใช่หมอโอสถเข้าไปในห้องยาได้ด้วยเหรอคะ”
หมอโอสถก็คือหมอที่ปรุงยาเป็น
สมาพันธ์โอสถก็คือชื่อย่อของสมาพันธ์หมอปรุงโอสถ
“ได้ค่ะ แต่ต้องมีหมอโอสถพาเข้าไป” เจ้าหน้าที่เหลือบมองทางห้องยาแล้วหลับตาลง พักผ่อนต่อ “เข้าไปในห้องยาก็ต้องไปซื้อยา หากไม่มีหมอโอสถจะเข้าไปทำไม”
เหยียนอันเหอพยักหน้า ความรู้สึกหวั่นใจลดลงไปบ้าง
ตระกูลเดิมของตระกูลจี้ก็แค่รู้จักหมอโอสถอยู่ไม่กี่คน ขนาดภายในตระกูลยังไม่มีหมอโอสถที่ประจำอยู่
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตระกูลเดิมเลิกยุ่งกับตระกูลจี้ในตี้ตูแล้ว
อิ๋งจื่อจินพึ่งพาตระกูลจี้ย่อมไม่มีทางรู้จักหมอโอสถ
เธอคงมองผิดเอง
…
ภายในห้องยา
“โอ๊ะ คุณชายน้อยตระกูลหลิง” ชายอาวุโสดีดลูกคิด “เดินผิดทางแล้วครับ ด้านนั้นต่างหากที่ขายยา ตรงนี้มีแต่สมุนไพร”
มีหลายคนในสมาพันธ์โอสถที่รู้จักเจียงหราน เพราะหลิงฉงโหลวกับเจียงฮว่าผิงวิ่งวุ่นเรื่องที่กำลังภายในของเจียงหรานพลุ่งพล่านมาตลอด
เจียงหรานจึงมีอีกฉายาหนึ่งในโลกแพทย์แผนโบราณว่า ‘คุณชายขี้โรค’
“ไร้สาระ วันนี้ผมไม่ได้มาซื้อยา” เจียงหรานหน้าบึ้ง “วันนี้ผมมาขายยา!”
หึ
อย่างน้อยเขาก็เป็นขาใหญ่ประจำโรงเรียนมัธยมชิงจื้อ ทำไมพอมาถึงที่นี่กลับกลายเป็นคุณชายขี้โรคจอมอ่อนแอไปได้
“ขายยาเหรอครับ” ชายอาวุโสจริงจังขึ้นมาทันที “หมอโอสถคนไหนเหรอครับ”
เจียงหรานหลีกทางให้ทันที
อิ๋งจื่อจินเอาขวดหยกวางบนเคาน์เตอร์ “ลองดูก่อนค่ะ”
ชายอาวุโสรับมา พอเปิดออกก็ได้กลิ่นหอมอบอวล สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เขารีบลุกพรวดเดินไปด้านหลัง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงชายอาวุโสถึงกลับมาอีกครั้ง
สีหน้าของเขาเคร่งเครียด กำมือคารวะด้วยความเคารพ “ไม่ทราบว่าคุณหนูมีนามว่าอะไร”
แท้จริงแล้วนี่เป็นยาหวนปราณทั่วไป หมอโอสถปรุงเป็นกันทุกคน
แต่จากการตรวจสอบพบว่าประสิทธิภาพของยาหวนปราณเหล่านี้สามารถหวนคืนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ส่วนยาหวนปราณชนิดอื่นแบบที่คุณภาพดีที่สุดอย่างมากก็ได้แค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
สาวน้อยคนนี้สวมผ้าปิดปาก ปกปิดใบหน้า แต่ก็มองออกได้ไม่ยากว่ายังสาว
โลกแพทย์แผนโบราณยังมีหมอแผนโบราณที่เด็กกว่าเก่งกว่าหลินชิงจยาอีกเหรอ
อิ๋งจื่อจินตอบ “แค่ทำการค้า ชื่อไม่สำคัญ”
“ครับ ก็จริง” ชายอาวุโสตกใจ “ผมละลาบละล้วงเอง นี่เป็นของทั้งหมดที่คุณหนูต้องการ วันหน้าหากคุณหนูมียาอะไรอีกก็เอามาขายให้สมาพันธ์โอสถได้หมด”
หมอแผนโบราณที่เก็บตัวบางคนนิสัยไม่ดี หากสมาพันธ์โอสถไปสืบหาพวกเขา กลับจะเป็นการสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ด้วยซ้ำ
สมาพันธ์โอสถทำได้เพียงให้เกียรติ
ขณะพูดเขาก็ยื่นป้ายอนุญาตให้
อิ๋งจื่อจินมองอักษร ‘สวรรค์’ ที่อยู่บนป้าย เธอรับมา
ฟ้าดินสูงต่ำ สวรรค์สูงสุด
เจียงหรานล้วงกระสอบที่พกติดตัวมา โกยสมุนไพร แร่ และเงินทองอัญมณีลงในกระสอบทั้งหมด
ชายอาวุโสมุมปากกระตุก “…”
คุณชายตระกูลหลิงคนนี้ดูเหมือนสมองจะมีปัญหา
ทั้งสองคนออกจากห้องยา
เจียงหรานเริ่มยกยอปอปั้น “พ่ออิ๋ง ฝีมือปรุงยาของพ่ออิ๋งไม่มีใครในรุ่นเดียวกันเทียบติด ไปเรียนมาจากไหนเหรอ”
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ แต่ถามกลับ “สำนักที่ใหญ่สุดในโลกแพทย์แผนโบราณชื่ออะไร”
“สำนักเทียนอีไง” เจียงหรานตอบ “ขนาดเด็กสามขวบยังรู้เลย พ่ออิ๋งก็เป็นศิษย์สำนักเทียนอีเหรอ”
“คนก่อตั้งสำนักเทียนอีคือใคร”
“อ๋อ แซ่ฝู ผู้นำตระกูลของตระกูลฝู แต่ชื่ออะไรฉันไม่รู้หรอก”
“อืม” อิ๋งจื่อจินกัดแอปเปิ้ล “ฝูซี ลูกศิษย์ฉันเอง”
เจียงหราน “…”
ล้อเล่นแบบนี้มันไม่ตลกเลยจริงๆ นะ
เจียงหรานเริ่มสงสัยแล้วว่าสมองของเขามีปัญหาหรือเปล่า
เขาแบกกระสอบพลางฮัมเพลง เดินผ่านจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกจอมยุทธ์กับโลกแพทย์แผนโบราณอย่างรวดเร็ว
ที่นี่เป็นผืนป่า
มักมีสัตว์ป่าปรากฏ แต่ก็มีสมุนไพรหายากอยู่ไม่น้อย
อิ๋งจื่อจินเดินไปขุดไป
ขุดเสร็จก็โยนใส่กระสอบของเจียงหราน
จนกระทั่งเข้าไปในโซนใจกลาง เท้าของเธอก็หยุดชะงัก
เธอหลับตาลง หูขยับ
เจียงหรานไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
ไม่นานก็มีจอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งโผล่มาจากด้านหน้า มีทั้งหมดยี่สิบคน
ปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ
เจียงหรานสีหน้าเปลี่ยน “พวกแก…”
“คุณชายหลิง พวกเราสงสัยว่าคุณชายเจตนาพาคนในโลกปุถุชนลอบเข้ามาในโลกจอมยุทธ์” ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างเย็นชา “พวกเรามาตรวจสอบ อย่าคิดต่อต้านเลยดีกว่า”
คนของโลกจอมยุทธ์ไปข้างนอก ข้อมูลส่วนตัวอย่างใบหน้า รอยนิ้วมือ และอื่นๆ ล้วนไม่มีอยู่ในคลังข้อมูลระดับโลก
แต่เมื่อคนข้างนอกเข้ามาในโลกจอมยุทธ์จะต้องไปทำใบรับรองที่ศาลสถิตยุติธรรม เสมือนใช้เป็นบัตรประชาชน
หากไม่มีจะถือว่าผิดกฎ
“พ่ออิ๋ง คนพวกนี้มาจากตระกูลเหยียนที่เป็นตระกูลภายใต้ตระกูลเซี่ย” เจียงหรานระแวง พูดเสียงเบา “พวกเขาช่วยตระกูลเซี่ยฆ่าฟันชิงปล้นอยู่บ่อยๆ หรือไม่ก็ไล่ฆ่าพวกคนเก่งๆ ของตระกูลอื่น”
เรื่องฆ่าคนชิงปล้นเป็นเรื่องปกติมากในโลกจอมยุทธ์ หากวันไหนไม่มีถือเป็นเรื่องแปลก
อย่างไรเสียโลกจอมยุทธ์ในหลายที่ก็มีสงครามเกิดขึ้นทุกวัน ก็แค่ไม่ถี่เท่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน
เจียงหรานรู้ว่ามีอยู่สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะคนที่มีพรสวรรค์จอมยุทธ์ลดน้อยลงเรื่อยๆ
จอมยุทธ์ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์มีลมปราณในตัวเองอย่างหลิงเหมียนซีมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
มีนักพยากรณ์ทำนายไว้ว่า นี่เป็นสัญญาณการใกล้ล่มสลายของจอมยุทธ์
เจียงหรานเดาว่า นี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่จอมยุทธ์ทั้งหมดกลับเข้าสู่โลกจอมยุทธ์
แต่สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร คงมีแต่พวกผู้นำตระกูลที่รู้
แต่พวกตระกูลเซี่ยก็ทำตัวกำเริบเสิบสานจริงๆ
พวกเขามักจะ ‘สร้างสถานการณ์’ เพื่อฆ่าคนมีพรสวรรค์ที่อายุน้อย
โลกจอมยุทธ์ใหญ่มาก และก็มีร่องรอยของยุคโบราณอยู่ไม่น้อย ที่นี่ก็เช่นกัน
ยังดีที่ช่วงนี้หลิงเหมียนซีไปบ้านตระกูลเย่ว์
ไม่อย่างนั้นเป้าหมายที่ฝ่ายตระกูลเซี่ยจับจ้องก่อนต้องเป็นพี่สาวของเขาแน่นอน
เจียงหรานแสยะยิ้ม “ลอบเข้ามาอะไรกัน จะฆ่าคนก็หาข้ออ้างที่มันฉลาดหน่อย”
ชายวัยกลางคนหน้าบึ้ง พูดกึ่งหัวเราะ “คุณชายหลิง ดูเหมือนจะเอาใหญ่แล้วนะ มีใครไม่รู้บ้างว่าแม่ของคุณชายเป็นคนธรรมดา วรยุทธ์ของคุณชายจะสูงได้สักแค่ไหนกันเชียว”
เขาพูด “ถูกต้อง พวกเรามาฆ่าคุณชาย อย่าคิดหนีเลยดีกว่านะ”
อิ๋งจื่อจินมองท้องฟ้า ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “ฆ่าคนที่นี่จะกลบร่องรอยได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า”
“แน่นอน” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม “ไม่อย่างนั้นพวกเราจะมาขวางพวกแกตรงนี้เหรอ”
เขาพูดแฝงความนัย “ฆ่าคุณชายหลิงทิ้ง ส่วนสาวน้อยคนนี้เราก็ตัดแขนตัดขาตัดลิ้นแล้วเอาไปส่งให้ตระกูลเซี่ย”
เจียงหรานโมโหเดือดดาล “พวกแกรนหาที่ตาย!”
“ในเมื่อทิ้งร่องรอยได้ยาก” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า เธอหันไปมองเจียงหราน “งั้นนายจัดการ”
เธอชอบโลกจอมยุทธ์ที่ไม่มีพวกอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ข้อมูลไม่มีทางถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว ตัดเรื่องยุ่งยากไปได้มาก
หรือแม้กระทั่งบางสถานที่ที่อยู่ห่างจากทางเข้าออกโลกจอมยุทธ์ไปมากก็ยังมีจุดแวะพักของยุคโบราณ ส่งจดหมายยังต้องใช้ม้า
เจียงหรานอึ้ง “เดี๋ยวนะพ่ออิ๋ง ฉัน…”
พรสวรรค์ของเขาไม่ถึงกับดี แต่ก็ไม่ได้แย่
หากบอกว่าแย่ แต่เขารวบรวมลมปราณได้เร็วมาก
แต่หากบอกว่าดี สิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาต้องอดทนต่อความทุกข์ทรมานที่กำลังภายในพลุ่งพล่าน วรยุทธ์จึงก้าวหน้าช้ามาก
ทว่านับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินรักษาเขาจนหายดี เขาฝึกได้ตามปกติ ตอนนี้วรยุทธ์ของเขาก็ยี่สิบปีได้แล้ว
เขาสู้หลิงเหมียนซีไม่ได้ ยัยแม่มดคนนี้เก่งจนถึงขั้นพิสดาร
“อย่าขัดขืนน่า” ชายวัยกลางคนไม่แคร์ “วรยุทธ์ของฉันไม่สูงหรอก แค่ห้าสิบปีเอง เด็กน้อยทั้งสองคิดว่าตัวเองเก่งสักแค่ไหนกันเชียว”
อิ๋งจื่อจินจับบ่าเจียงหราน
ในมือมีเข็มทองสองเล่ม ปักเข้าที่จุดลมปราณของเขา
ร่างกายของเจียงหรานหดเกร็ง เขารู้สึกเหลือเชื่อ
พรึ่บ!
มีพลังพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกายและตามจุดลมปราณ เพียงชั่วขณะกำลังภายในของเขาก็เพิ่มเป็นทวีคูณ
อิ๋งจื่อจินกอดอก พูดอีกครั้ง “อืม นายลุยเดี่ยวเลย อย่าทำขายหน้าล่ะ”