ตอนที่ 531 ฮือฮาไปทั้งสมาพันธ์โอสถ หนุนหลัง
ก่อนเข้ามาในป่าอิ๋งจื่อจินก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะถูกดักฆ่าระหว่างทาง
เพราะเป้าหมายของจอมยุทธพวกนี้คือเจียงหราน ไม่ใช่เธอ เธอก็เลยพยากรณ์ได้
ตระกูลเหยียนเป็นแค่ตระกูลเล็กๆ ที่อยู่ภายใต้ตระกูลเซี่ย ส่งจอมยุทธออกมาได้กลุ่มขนาดนี้ก็ถือว่าทุ่มเทมากแล้ว
หากจอมยุทธพวกนี้ถูกจัดการที่นี่ ตระกูลเหยียนก็ถือว่าจบสิ้น
อิ๋งจื่อจินหาก้อนหินที่เหมาะๆ แล้วนั่งลง “อย่ามองฉัน ลุยสิ”
เจียงหรานกำหมัด ภายในกำลังพลุ่งพล่าน
เพราะเขารู้สึกได้ว่าวรยุทธองเขาก้าวหน้าขึ้นแล้ว
แถมยังไม่ใช่แค่นิดหน่อย
เขาในตอนนี้มีวรยุทธอย่างน้อยก็ห้าสิบปี
ยี่สิบปีกับห้าสิบปีแตกต่างกันมาก
หากมีวรยุทธถึงร้อยปีก็เรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ
“คุณชายหลิงไปอยู่ในโลกปุถุชนนานเกินไปคงไม่รู้แล้วใช่ไหมว่าวรยุทธของจอมยุทธสำคัญขนาดไหน” ชายวัยกลางคนยังคงยิ้ม ไม่เห็นเจียงหรานอยู่ในสายตา “ขอเตือนเลยนะว่าอย่าเปลืองแรงดีกว่า วางใจเถอะ พวกเราจะไว้…”
ยังไม่ทันพูดจบเขาก็ถูกถีบกระเด็น
“พูดหาพ่อเหรอ!” เจียงหรานหวดไปอีกหมัด แสยะยิ้ม “ยังจะกล้ารังแกพ่ออิ๋ง ไอ้กร๊วกเอ๊ย แกคู่ควรเหรอ”
ชายวัยกลางคนล้มลงไปกองบนพื้น ถูกซัดไปสองทีถึงกับมึน
ตระกูลเหยียนเป็นตระกูลที่ผ่านมาเกือบร้อยปีถึงจะปรากฏ สาเหตุที่อยู่ภายใต้ตระกูลเซี่ยเป็นเพราะไม่มีแม้แต่วิทยายุทธที่เป็นของตัวเอง
แต่ตระกูลหลิงไม่เหมือนกัน ตระกูลหลิงลองผิดลองถูกจนมีวิทยายุทธของตัวเอง ถึงได้เลื่อนขึ้นเป็นตระกูลขนาดกลาง
ตระกูลเซี่ยอยากทำลายตระกูลหลิงก็เพราะอยากชิงวิทยายุทธของตระกูลหลิง
เจียงหรานฝึกวิทยายุทธของตระกูลหลิงตั้งแต่เด็ก ตอนนี้วรยุทธสูงขึ้น จัดการแค่สองสามทีจอมยุทธยี่สิบคนก็ล้มระเนระนาด
หลังจากเขาจัดการจอมยุทธคนสุดท้ายเสร็จ ทันใดนั้นเขาก็หมดแรง “ตุบ” ร่างกายทรุดลงบนพื้น
เจียงหรานรู้สึกแปลกๆ “ทำไมวรยุทธของฉันกลับมาเหมือนเดิมแล้วล่ะ”
“ก็ได้แค่ชั่วคราวไง” อิ๋งจื่อจินปัดเสื้อแล้วลุกขึ้น “นายคิดว่าวรยุทธของตัวเองก้าวหน้าขึ้นจริงๆ เหรอ ก็แค่ให้นายได้ฝึกฝน”
แต่ก็มีวิชาฝังเข็มที่ช่วยให้วรยุทธของจอมยุทธเลื่อนขึ้นได้จริงๆ
แต่นั่นก็เอาไว้ใช้สำหรับจอมยุทธที่อายุขัยใกล้หมดลง วรยุทธเสื่อมถอย
ใช้เข็มทองเปิดทางเดินลมปราณ ช่วยพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง
เพียงแต่การทำแบบนี้ วันหน้าต่อให้พวกเขาฝึกฝนยังไงก็ไม่มีทางก้าวหน้าได้อีกแล้ว
พึ่งพาปัจจัยภายนอกย่อมสู้ฝึกเองไม่ได้
เจียงหราน “…”
ทำไมเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงเครื่องมือ
“ไม่ได้เรื่อง” อิ๋งจื่อจินเดินขึ้นหน้า ย่อตัวลงแล้วพูด “โลกจอมยุทธฃสมัยนี้ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”
ชายวัยกลางคนหูอื้อ ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของอิ๋งจื่อจิน
ในสมองของเขาเหลือเพียงความคิดเดียว
เด็กสาวคนนี้เป็นใครกันแน่!
ทำไมถึงเพิ่มวรยุทธให้จอมยุทธได้มากขนาดนั้นในเวลาอันสั้นได้
ต่อให้เป็นยาที่ปรุงจากแพทย์แผนโบราณก็ไม่มีทางทำได้
ถ้าอย่างนั้นอีกหน่อยหากเธออยากทำ ไม่สร้างกองทัพที่แข็งแกร่งได้ตามใจชอบเลยเหรอ
อิ๋งจื่อจินแสดงความห่วงใย ป้อนยาเขาหนึ่งเม็ด “กินยาแล้วไปสบายเถอะนะ”
ชายวัยกลางคนถูกบังคับให้กลืนยาเม็ดนั้น ร่างกายบิดเบี้ยวอย่างทุกข์ทรมาน แต่ก็ส่งเสียงไม่ออก
ผ่านไปไม่นานศพของจอมยุทธทั้งยี่สิบคนนี้ก็สลายไปเพราะฤทธิ์ยา
ไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่น้อย
เจียงหรานเคยเจอแพทย์แผนโบราณไม่มากนัก แต่เขาดูทีวี
พอเขาเห็นแบบนี้ก็นึกถึง ‘ยาสลายศพ’ ในละครจอมยุทธทันที อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้
คือ…
มิน่าเขาถึงได้ยินหลิงฉงโหลวกับเจียงฮว่าผิงพูดมาตั้งแต่เด็กว่า ยอมล่วงเกินจอมยุทธดีกว่าล่วงเกินแพทย์แผนโบราณ
หากระหว่างการรักษาแค่แพทย์แผนโบราณจิ้มลงมาหนึ่งเข็มก็สามารถทำลายวรยุทธของจอมยุทธได้
เจียงหรานพยายามตั้งสติ “โชคดีที่แถวนี้ไม่มีคน พวกเขาเลือกทำเลดีจริงๆ”
อิ๋งจื่อจินตอบอืม “นายก็คิดเสียว่าไม่เคยเห็น”
สุดท้ายเธอก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี วรยุทธยังไม่ถึงร้อยปี
ตอนนี้ยังไปสู้กับตระกูลเซี่ยไม่ได้
“ฉันต้องรักษาความลับอยู่แล้ว” เจียงหรานตบอก “ต่อให้ฉันถูกจับไป พวกเขาเอาเหล็กร้อนมานาบ ฉันก็ไม่มีทางพูดหรอก”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก “นายคงดูละครสายลับมาเยอะสินะ”
สมองชักเพี้ยน
…
ทางด้านสมาพันธ์โอสถ
อิ๋งจื่อจินขายยาหวนปราณให้สมาพันธ์โอสถไปแค่ขวดเดียว ในนั้นมีทั้งหมดสิบเม็ด
สิบเม็ดนี้ยังไม่ทันขายออกไปก็ถูกพวกแพทย์แผนโบราณคนในแย่งกันจนหมดแล้ว
ฮือฮาไปทั้งสมาพันธ์โอสถ
หลินชิงจยาซื้อสมุนไพรที่ตัวเองต้องการในสมาพันธ์โอสถเสร็จกำลังจะออก
มีคนเรียกเธอไว้
“คุณชิงจยา” มีผู้ช่วยคนหนึ่งวิ่งออกมายื่นกล่องให้เธอแล้วพูดด้วยความนอบน้อม “นี่เป็นยาหวนปราณที่อาจารย์เพิ่งซื้อจากสมาพันธ์โอสถ ประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ เอามาให้คุณโดยเฉพาะครับ อาจารย์อยากให้คุณชิงจยาเอาไปศึกษา ลองดูว่าจะทำออกมาได้บ้างไหม”
หลินชิงจยาอึ้งเล็กน้อย “ยาหวนปราณที่ประสิทธิภาพเต็มร้อยเลยจริงๆ เหรอ”
ยาหวนปราณช่วยจอมยุทธฟื้นฟูกำลังภายในได้
ยาหวนปราณที่ประสิทธิภาพเต็มร้อยหมายถึงอะไร
ก็หมายความว่าช่วยเพิ่มชีวิตให้จอมยุทธได้ในการต่อสู้
ยาหวนปราณที่ตอนนี้ขายตามท้องตลาดอย่างมากสุดก็ให้ประสิทธิภาพได้เต็มที่แค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
หลินชิงจยารับไว้ “ของใครเหรอ”
“เป็นเด็กสาวคนหนึ่งครับ ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เด็กมาก ไม่ใช่ลูกค้าประจำของสมาพันธ์โอสถ วันนี้เพิ่งมาเป็นครั้งแรกครับ” ผู้ช่วยครุ่นคิด “รูปร่างคล้ายคุณชิงจยา แต่…”
‘ดีกว่า’ เขากลืนคำนี้ได้ทันเวลา
“อย่างนั้นเหรอ” หลินชิงจยาพยักหน้า “ฝากไปบอกอาจารย์ของเธอด้วยว่าฉันจะพยายาม”
ผู้ช่วยคารวะขอบคุณอีกครั้ง
หลินชิงจยากำขวดยาพลางขมวดคิ้ว
เด็กมากเหรอ
เธอครุ่นคิด แต่ก็ไม่เจอใครที่สอดคล้อง
หลินชิงจยาเลิกคิดแล้วรีบร้อนออกไป
…
เวลาเย็น
บ้านตระกูลหลิง
เจียงหรานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางทั้งหมด แต่ตัดตอนที่เกี่ยวข้องกับอิ๋งจื่อจินทิ้งไป
ตระกูลหลิงคนเยอะวุ่นวาย เขาต้องรักษาความลับเรื่องอิ๋งจื่อจิน
ตระกูลหลิงมีอย่างน้อยสองสายที่จับจ้องตำแหน่งนายใหญ่ของหลิงฉงโหลว
“ตระกูลเซี่ยอีกแล้ว” หลิงฉงโหลวขมวดคิ้ว “พวกเขายังไม่ถอดใจสินะ”
“นายใหญ่!” เวลานี้มีคนคุ้มกันวิ่งเข้ามา “ตระกูลเซี่ยส่งตระกูลเหยียนมาบอกว่าให้ส่งตัวคุณชายออกไป ไม่อย่างนั้นจะบุกมาโจมตีตระกูลหลิงครับ”
“พวกเขาแจ้งไปที่ศาลสถิตยุติธรรมแล้วด้วย คนของฝ่ายตรวจตรากำลังมาครับ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น
“พ่อ ผมทำเอง ผมจะไป” เจียงหรานแสยะยิ้ม “ตระกูลเซี่ยมีคนอยู่ในศาลสถิตยุติธรรม คิดจะทำตามใจชอบยังไงก็ได้เหรอ”
ความขัดแย้งระหว่างตระกูลแบบนี้ ศาลสถิตยุติธรรมไม่มีทางเข้ามายุ่ง
แต่ตระกูลเซี่ยมีคนรับหน้าที่ฮู่ฝ่าฝ่ายซ้ายของศาลสถิตยุติธรรม แค่หาข้ออ้างก็ส่งคนมาได้แล้ว
หลิงฉงโหลวมองลูกชาย “คิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“ผม…” เจียงหรานอ้ำอึ้ง ชี้ไปยังสุนัขบอร์เดอร์ คอลลี่ที่อยู่ตรงประตูทันที “ผมเป็นพ่อมัน!”
อิ๋งจื่อจินพูด “หมาบอร์เดอร์ คอลลี่ยังฉลาดกว่านาย”
สุนัขบอร์เดอร์ คอลลี่ฉลาดเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาสุนัข
เจียงหราน “…”
“โต้วโต้ว” เจียงฮว่าผิงเรียก
สุนัขหูกระดิก พอได้ยินเสียงก็กระดิกหางวิ่งไปห้องนอนที่อยู่ด้านในทันที จากนั้นก็รีบวิ่งออกมาพร้อมคาบแผ่นมาร์คหน้า
เจียงฮว่าผิงรับมา “เห็นหรือยัง”
เจียงหรานท้อแท้
“ตระกูลเซี่ยเอาเรื่องแน่นอน พวกเขาไม่มีทางเลิกราง่ายๆ” หลิงฉงโหลวพูดเสียงขรึม “แกคิดว่าแกออกไปแล้วพวกเขาจะเลิกเอาเรื่องตระกูลหลิงงั้นเหรอ”
ตระกูลหลิงเป็นตระกูลจอมยุทธขนาดกลาง ไม่มีพวกพ้องมาตลอด
ตระกูลเซี่ยถึงได้จับจ้องตระกูลหลิงมานานแล้ว ก็แค่ยังหาเหตุผลเหมาะๆ ที่จะลงมือไม่ได้
เจียงหรานเม้มริมฝีปากแน่น
ก็จริง
สาเหตุที่ตระกูลหลิงส่งเขาไปอยู่ฮู่เฉิงก็เป็นเพราะเขามักจะถูกลอบฆ่าในโลกจอมยุทธ
รายชื่อคนเข้าร่วมคัดเลือกคนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมถูกส่งขึ้นไปนานแล้ว ตระกูลเซี่ยย่อมได้ข่าว ต้องการกำจัดเจียงหรานก่อนที่เขาจะเข้าไปอยู่ในศาลสถิตยุติธรรมได้
“แต่จะว่าไป…” หลิงฉงโหลวหันมา “แกฆ่าจอมยุทธตั้งหลายคนได้ยังไง”
เจียงหรานทำตาโต พูดโกหกหน้าตาเฉย “ผมแปลงร่างเป็นชาวไซย่า”
หลิงฉงโหลวทนฟังไม่ไหว ลุกเดินออกไป
เจียงฮว่าผิงก็ตามไป
เจียงหรานอ้าปากค้าง สุดท้ายก็นั่งลง แอบกลุ้มใจ “พ่ออิ๋ง รู้แบบนี้ตอนนั้นพวกเราน่าจะหนีไป”
พวกเขาไม่มีคนอยู่ในศาลสถิตยุติธรรม ฆ่าคนไปแล้วแบบนี้เลยไม่มีใครหนุนหลังให้
“ใจเย็นๆ” อิ๋งจื่อจินดื่มชา เธอหลุบตาลง พูดแค่ให้เจียงหรานได้ยินคนเดียว “พ่อฉันน่าจะมาแล้ว”
ก้งเฟิ่งคนใหม่ของฝ่ายตรวจตราคือเวินเฟิงเหมียน
เจียงหรานอึ้ง
เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว คนของศาลสถิตยุติธรรมก็มาอยู่ด้านนอกแล้ว
คนที่เดินนำมาสวมหน้ากากไม้ ไม่เผยใบหน้า
นายใหญ่ตระกูลเหยียนเดินเข้าไปหาทันที กัดฟันพูดด้วยความโกรธ “ตระกูลหลิงซุ่มฆ่าคนของตระกูลเหยียนไปยี่สิบคน เห็นได้ชัดว่าจงใจ ท่านก้งเฟิ่งช่วยให้ความยุติธรรมกับพวกเราด้วย”
เขาจะรอดูว่า ครั้งนี้ตระกูลหลิงยังจะปกป้องเจียงหรานได้ยังไงอีก