ตอนที่ 533 เย็นเฉียบ อธิการบดีเรียกเข้าพบ
เหยียนอันเหอได้ฟังก็หัวเราะ “ทำคอมพิวเตอร์เป็นนิดหน่อยเหรอ นิดหน่อย งั้นเธอก็ช่างเก่งจริงนะ”
เมื่อครู่เฉินฉี่ไปขอให้นักศึกษาปีสี่ของสาขาคอมพิวเตอร์มาช่วย แต่ก็กู้ไฟล์เอกสารไม่สำเร็จ
เหยียนอันเหอรู้ว่าสุดท้ายจะต้องหาข้อมูลการทดลองกลับมาได้แน่นอน
สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่โครงการแลกเปลี่ยนพังลง แต่อยากให้อิ๋งจื่อจินถูกตราหน้าว่าบกพร่องในหน้าที่
เฉินฉี่กวาดตามองไปอย่างเย็นชา “เหยียนอันเหอ ชักจะปากมากเกินไปแล้วนะ”
อิ๋งจื่อจินเอาสติกเกอร์ที่ดึงออกวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็นั่งหน้าคอมพิวเตอร์
นิ้วเรียวยาวเคาะบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว เร็วจนแทบเห็นเป็นริ้วเงา
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีพวกเอกสารที่หายไปก็กลับมาอยู่ในไดร์ฟดีอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันก็มีกรอบหน้าต่างปรากฏที่ด้านขวาของเอกสาร
แสดงลำดับเวลาทั้งหมด รวมถึงการแก้ไขและจัดเก็บของทุกครั้ง
ศาสตราจารย์กู่มองหน้าจอ เช็ดเหงื่อ พูดพึมพำ “ในที่สุดฉันก็เข้าใจความรู้สึกของเสี่ยวจั่วแล้ว…”
มิน่าสุดท้ายอธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตูถึงอนุมัติให้อิ๋งจื่อจินเป็นกรณีพิเศษ ไม่ต้องไปอยู่คณะไหน
รอยยิ้มที่มุมปากเหยียนอันเหอค้างเติ่ง รู้สึกเหลือเชื่อ
อิ๋งจื่อจินกู้เอกสารพวกนี้กลับมาได้ ไม่เท่ากับเป็นการบอกว่าทักษะด้านคอมพิวเตอร์ของเธอเหนือกว่านักศึกษาปริญญาโทปีสามเลยเหรอ
อย่าว่าแต่นักศึกษาปริญญาโทเลย ต่อให้เป็นนักศึกษาปริญญาตรีที่เรียนจบสาขาคอมพิวเตอร์ต่างก็ถูกพวกบริษัทใหญ่ๆ แย่งตัวกัน
ด้วยเหตุนี้สาขาคอมพิวเตอร์ถึงได้เป็นหนึ่งในสามคณะที่ยิ่งใหญ่
“ดูจากเวลา ข้อมูลการทดลองถูกจัดเก็บครั้งสุดท้ายเวลาห้าโมงครึ่งของวันศุกร์” เฉินฉี่ดูหน้าต่างที่เด้งขึ้นมา ขมวดคิ้วพลางพูด “เอกสารถูกลบไปตอนสองทุ่มกว่า”
เขาหยุดเล็กน้อยแล้วถาม “เวลานี้รุ่นน้องอิ๋งน่าจะออกจากห้องทดลองไปแล้วหรือเปล่า”
อิ๋งจื่อจินไม่เคยจำเรื่องเล็กน้อยแบบนี้
เธอนั่งนึก ในที่สุดก็ค้นเจอความทรงจำ พยักหน้า “ค่ะ ฉันอยู่บ้าน แฟนช่วยเช็ดผมให้”
ศาสตราจารย์กู่ “…”
เฉินฉี่ “…”
เกิดความเงียบภายในห้องทดลอง
สิ่งที่พวกเขาสนใจไม่ใช่เรื่องที่ว่ามีหลักฐานสถานที่อยู่ แต่เป็น…
อิ๋งจื่อจินมีแฟนแล้วเหรอ
แบบนี้พวกรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยตี้ตูไม่ฝันสลายกันหมดเหรอ
อย่าว่าแต่เฉินฉี่เลย แม้แต่เวลาศาสตราจารย์กู่เดินๆ อยู่ก็มักจะได้ยินพวกนักศึกษาคุยกันเรื่องอิ๋งจื่อจิน
ความนิยมขนาดนี้ใครก็สู้ไม่ได้
เหยียนอันเหอหรี่ตาเล็กน้อย
เธอไม่เคยเห็นอิ๋งจื่อจินใกล้ชิดคนต่างเพศคนไหนมาก่อน แล้วแฟนคือใคร
นิ้วเรียวยาวของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะเบาๆ เลิกคิ้วขึ้น “ข้อมูลการทดลองหายไป ฉันเป็นคนดูแล ต่อให้สุดท้ายกู้คืนมาได้แล้วก็ยังต้องถูกตักเตือนหรือเปล่าคะ”
“มีกฎแบบนั้น” เฉินฉี่พยักหน้า พูดปลอบเธอ “รุ่นน้องอิ๋ง วางใจได้ เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจแกล้ง พวกเราจะตามสืบ”
“ไม่ต้องสืบหรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินหยิบสติกเกอร์หมูขึ้นมา ฉีกตรงกลางออก “ฉันมีกล้องวงจรปิด”
เหยียนอันเหอใจหายวาบ ลุกพรวดทันที
อิ๋งจื่อจินมีกล้องวงจรปิดเหรอ
เฉินฉี่มองท่าทางของอิ๋งจื่อจิน พูดด้วยความตกใจ “นี่เป็นสติกเกอร์สองด้านเหรอ”
“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินฉีกอีกชั้นหนึ่งออก “มีกล้องจิ๋วฝังอยู่”
ตาหมูสองข้างก็คือกล้องสองตัวพอดี
เธอไม่ได้เป็นคนทำสิ่งนี้ เธอค่อนข้างขี้เกียจ เธอสั่งทำกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วมาจากฉินหลิงเยี่ยนจำนวนหนึ่ง พกติดตัวไว้เยอะ
นอกจากกล้องจิ๋วแล้วยังมีเครื่องอัดเสียงขนาดจิ๋ว
เทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดได้สอนเธอว่า ของเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น
ช่วยลดความยุ่งยากได้ไม่น้อย
เฉินฉี่สนใจมาก “รุ่นน้องอิ๋ง แชร์ร้านมาให้หน่อยสิ พี่ก็อยากได้บ้าง”
“ได้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินกดเลือกคลิปที่เมื่อเย็นวันศุกร์กล้องจิ๋วส่งให้เธออัตโนมัติ “นี่เป็นคลิปภาพจากกล้องค่ะ เป็นช่วงที่ฉันออกไปแล้ว”
เวลานี้เหยียนอันเหอหัวใจเต้นแรง มือมีเหงื่อออก
เธอไม่เข้าใจเลยว่า มีใครกันที่เที่ยวติดกล้องวงจรปิดไปเรื่อย
เป็นโรคหลอนกลัวถูกทำร้ายเหรอ
“ขอดูหน่อย” ศาสตราจารย์กู่เดินเข้าไป กดเลื่อนคลิปไปตอนสองทุ่มกว่า
ตอนเหยียนอันเหอเห็นหน้าตัวเองปรากฏในคลิปก็หมดเรี่ยวแรงในทันที
ศาสตราจารย์กู่โมโหเลือดขึ้นหน้า “เหยียนอันเหอ!”
ที่เขาเลือกเหยียนอันเหอมาเข้าร่วมด้วยเป็นเพราะผลการเรียนของเหยียนอันเหอดีมาก
แต่ต่อให้เรียนเก่งแค่ไหน นิสัยแย่ก็ทำลายทุกอย่างได้
เฉินฉี่กับสมาชิกในกลุ่มอีกสองคนมองด้วยสายตาเย็นชา
เฉินฉี่แสยะยิ้ม “โชคดีที่รุ่นน้องอิ๋งแปะสติกเกอร์ไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงล้างมลทินไม่ได้แล้ว”
พอได้ยินแบบนี้เหยียนอันเหอก็เอะใจ หันไปมองอิ๋งจื่อจิน ริมฝีปากสั่น “เธอวางกับดักใส่ฉัน!”
“คิดมากแล้ว” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ เหลือบตาขึ้น “ก็แค่ป้องกันตัว”
“เหยียนอันเหอ เธอนี่มันสุดยอดเลยจริงๆ ตอนนี้ยังคิดจะโยนความผิดให้รุ่นน้องอิ๋งอีกเหรอ” เฉินฉี่โมโหจนหัวเราะ “ถ้าเธอไม่เล่นสกปรก กล้องวงจรปิดจะถ่ายติดเธอเหรอ”
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องข้อมูลการทดลองหายธรรมดาๆ แล้ว
“ศาสตราจารย์กู่ครับ ผมจะไปหาอธิการบดี รวมถึงคณบดีด้วยครับ” เฉินฉี่ยืนขึ้น “ศาสตราจารย์บอกทางมหา’ลัยตูรินให้หน่อยนะครับ ตอนบ่ายพวกเราจะไปช้าหน่อย”
ศาสตราจารย์กู่ดันแว่นตา พูดเสียงขรึม “ไปเถอะ”
“เรื่องจบแล้ว” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น “หนูขอกลับไปพักหน่อยนะคะ”
ศาสตราจารย์กู่พยักหน้า
อิ๋งจื่อจินออกไปก็ส่งนามบัตรของฉินหลิงเยี่ยนให้เฉินฉี่ จากนั้นก็พิมพ์ข้อความหาฉินหลิงเยี่ยน
[อิ๋งจื่อจิน : ช่วยขยายกิจการให้]
[ฉินหลิงเยี่ยน : ?]
[อิ๋งจื่อจิน : ต่อไปนายจะมีเงินไปซื้อบะหมี่ถ้วยเยอะขึ้น]
ภายในห้องใต้ดินของอีกฟากมหาสมุทร
พอเห็นสองข้อความนี้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ของฉินหลิงเยี่ยนก็มีเครื่องหมายคำถามอันเบ้อเร่อ
เขายังไม่ได้ตอบกลับก็เห็นมีคนแอดวีแชทเขามา
[สวัสดีครับ ผมอยากขอซื้อกล้องวงจรปิดจิ๋วจำนวนหนึ่ง มีลิงก์ร้านให้กดซื้อไหมครับ]
ฉินหลิงเยี่ยน “…”
เขา ประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามกลายเป็นเถ้าแก่ร้านค้าออนไลน์ไปแล้ว!
…
เหยียนอันเหอยังอยู่ในห้องทดลอง มือเท้าเย็นเฉียบ
ผ่านไปสักพักราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เธอรีบโทรหาเหยียนรั่วเสวี่ย
เหยียนรั่วเสวี่ยกำลังยุ่งอยู่ แต่ก็กดรับ “มีอะไรเหรออันเหอ”
“ป้า ป้าคะ หนูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอิ๋งจื่อจิน” เหยียนอันเหอร้องไห้ “ยัยนั่น ยัยนั่นเก่งเกินไปแล้ว แถมยังเก่งคอมพิวเตอร์มากด้วย หนูถูกจับได้ ทำไงดีคะ”
เหยียนรั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”
ช่วงหลายวันมานี้เธอกำลังยุ่งอยู่กับการติดต่อห้องทดลองทางยุโรป รอแค่การโหวตผู้สืบทอดที่กำลังจะมาถึงแล้ว
เมื่อตระกูลจี้มาอยู่ในมือเธอ เธอก็จะขับไล่เวินเฟิงเหมียนกับคนของพวกจี้อี้หางออกไปทั้งหมด
การทดลองบนเกาะที่ตอนนั้นเวินเฟิงเหมียนทำ ผู้รับผิดชอบโปรเจ็กต์ก็จะมีแค่เธอคนเดียว
เหยียนอันเหอเป็นประธานสภานักศึกษา มีหน้ามีตาในมหาวิทยาลัยตี้ตู เหยียนรั่วเสวี่ยเลยไม่เข้าไปยุ่ง
เธอไว้ใจหลานสาวคนนี้มาตลอด
คนจากโลกปุถุชนที่เข้าไปในโลกจอมยุทธได้มีน้อยมาก
เหยียนรั่วเสวี่ยยังรอให้เหยียนอันเหอไปฝากตัวเป็นศิษย์สำนักเทียนอีที่เป็นอันดับหนึ่งของโลกแพทย์แผนโบราณ ต่อให้เป็นศิษย์นอกสำนักก็ยังดี
เหยียนอันเหอยังไม่ทันตอบเฉินฉี่ก็กลับมาแล้ว เดินมาตรงหน้าเธอแล้วยิ้มพลางพูด “เหยียนอันเหอ ยินดีด้วย การแลกเปลี่ยนข้อมูลในตอนบ่ายเธอไม่ต้องไปแล้ว อธิการบดีเรียกเธอไปหา”
…
ภายในห้องทำงานอธิการบดี
นอกจากเฉินจวิ้นเซียนแล้วยังมีคณบดีคณะแพทยศาสตร์อยู่อีกคน
เหยียนอันเหอเข้าไป หน้าซีด ริมฝีปากสั่น “ท่านคณบดี”
คณบดีมองเธอ ไม่พูดอะไร แสดงสีหน้าผิดหวัง
“รอก่อน” เฉินจวิ้นเซียนกำลังดูเอกสาร พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “รอผู้ปกครองของเธอมา”
พ่อแม่ของเหยียนอันเหอไม่อยู่แล้ว ผู้ปกครองคือเหยียนรั่วเสวี่ย
อธิการบดีโทรหาด้วยตัวเอง ต่อให้เหยียนรั่วเสวี่ยยุ่งแค่ไหนก็ต้องรีบมา
สามสิบนาทีต่อมาเหยียนรั่วเสวี่ยก็มาถึง “ท่านอธิการ ท่านคณบดี”
เฉินจวิ้นเซียนเงยหน้า ยื่นเอกสารที่เพิ่งพิมพ์ออกมาให้ “นี่เป็นบทลงโทษสำหรับเหยียนอันเหอ ศาสตราจารย์เหยียนรั่วเสวี่ยลองอ่านดูนะครับ”
เหยียนรั่วเสวี่ยรับมาดู น้ำเสียงเปลี่ยนไปทันที “คุมประพฤติเหรอคะ”
เหยียนอันเหอหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม
ระดับความรุนแรงของการคุมประพฤติเป็นรองก็แค่ไล่ออกแล้ว
และสิ่งสำคัญที่สุดคือจะถูกบันทึกลงในประวัติด้วย
เธอเรียนคณะแพทย์ ต่อไปต้องทำงานในโรงพยาบาล ต่อให้เรียนจบได้สำเร็จ ยังจะมีโรงพยาบาลไหนกล้ารับเธออีก
ระหว่างทางเหยียนรั่วเสวี่ยรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เธอรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ตระกูลจี้เล่นงานกันแบบนี้ถมเถไป แม้แต่คนตายก็มี
แล้วเรื่องแค่นี้มันจะอะไรกันนักหนา
“ท่านอธิการคะ อันเหอเป็นเด็กของหนึ่งในสามคณะใหญ่ เธอทำคะแนนเรียนแพทย์ได้สูงขนาดนี้ ท่านลองดูผลการเรียนของเธอก็ได้” อีกฝ่ายคือเฉินจวิ้นเซียน เหยียนรั่วเสวี่ยทำได้เพียงอดทนไว้ “ท่านอธิการจะยอมสูญเสียเด็กเก่งของคณะแพทย์ไปเพียงเพราะนักศึกษาของสาขาชีวะเคมีคนเดียวเหรอคะ”
“ศาสตราจารย์เหยียนรั่วเสวี่ย คุณคงไม่ได้คิดจริงว่า นักศึกษาอิ๋งจื่อจินอยู่สาขาชีวะเคมีหรอกนะ” ใบหน้าที่อ่อนโยนใจดีมาตลอดของเฉินจวิ้นเซียนขรึมลง “เธออยู่ทุกคณะ ทุกคณะของมหาวิทยาลัยตี้ตู คุณรู้หรือเปล่าว่าหมายความว่าอะไร”