คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 555 ฮวนเสียสติ

ตอนที่ 555 ฮวนเสียสติ

คล้ายฉากในละครจอมยุทธที่ฉายในโทรทัศน์หลายครั้ง วิชาตัวเบาล้ำเลิศ ดุจลมที่ลอยผ่านเหนือน้ำ

นี่ก็คือการใช้กำลังภายใน

จอมยุทธที่มีวรยุทธห้าสิบปีขึ้นไปก็จะสามารถฝึกใช้วิชาตัวเบาแบบนี้ได้

ใช้ประโยชน์จากกำลังภายในยืนหรือเดินบนพื้นผิวที่ไม่สามารถรับน้ำหนักได้

หรือแม้กระทั่งบนใบไม้ก็ทำได้

หมอกขาวเย็นยะเยือกที่ลอยอยู่เหนือผิวทะเลสาบได้จางหายไปในเวลานี้ ทำให้รูปร่างของงูยักษ์ตัวนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น

ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าดวงใหญ่ แต่แสงแดดกลับไม่สามารถทะลุชั้นเมฆที่หนาทึบออกมาได้ อุณหภูมิต่ำถึงติดลบ

ฮวนกลับมองไม่เห็นแล้ว

พิษของงูน้ำซึมเข้าไปในร่างกาย กัดกร่อนจนถึงเส้นประสาทของเขา ไม่ใช่แค่ดวงตา แม้แต่หูก็เริ่มมีเค้าลางว่าจะไม่ได้ยิน

โดยเฉพาะแขนขวาที่ถูกพิษกัดกร่อนโดยตรง ทำให้เขาเจ็บปวดจนนอนดิ้นทุรนทรายบนพื้นไม่หยุด

ถึงแม้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ตันอีกสองคนจะเห็นแล้ว แต่ขาของพวกเขาขยับไม่ได้ แม้แต่สมองก็หยุดสั่งการ

ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไหว

อิ๋งจื่อจินที่อยู่เหนือผิวน้ำหันหน้ามา “เสี่ยวหลาน”

เวินทิงหลานเข้าใจ

เขาวางรุ่นพี่ไว้ด้านข้างแล้วเดินเข้าไปฟันคอให้สองคนนั้นสลบ

งูน้ำไม่เคลื่อนไหว มันมีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้มีระดับสติปัญญาที่ไม่ต่ำ

ย่อมสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่มาจากเด็กสาว

มันแลบลิ้นฟ่อๆ ยังคงสังเกต

“ฉันมาแล้วๆ” เวลานี้มีเสียงหอบดังขึ้น “ทำไมฉันต้องเข็นรถคันนี้ขึ้นเขามาด้วยนะ”

ตี้อู่เย่ว์เกือบตายระหว่างทาง

เธอเป็นแค่นักพยากรณ์ เดิมทีร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว นี่เป็นการทรมานเธอชัดๆ

แต่เวินทิงหลานกลับเข้าใจ

เขาย้ายรุ่นพี่กับนักศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ตันสองคนขึ้นรถเข็น จากนั้นก็เข็นลงจากเขา

ส่วนฮวน เขาไม่สนใจ

ถึงแม้เขาจะเคยคลุกคลีกับคนไม่มาก แต่ก็ขี้ระแวงตั้งแต่เด็ก

ฮวนอยากทำร้ายเขา ตอนนี้ก็รับผลกรรมไปเอง

เขาไม่ได้ใจดีขนาดที่จะช่วยชีวิตฮวน และการทำร้ายคนอื่นก่อน เขาก็ไม่มีทางทำ

ทำเป็นมองไม่เห็นก็พอแล้ว

ตี้อู่เย่ว์เช็ดเหงื่อ ค่อยๆ หันหน้าไป

พอเห็นงูยักษ์ตัวนั้นก็ร้องตกใจออกมาทันที “โอ้โห!”

นี่…งูตัวนี้มันโคตรใหญ่เลยนะ!

เป็นนางพญางูขาวได้กี่ตัวเนี่ย

“พะ…พี่สาว” ตี้อู่เย่ว์แข้งขาอ่อนแรง “ฉะ…ฉันดูอยู่ข้างๆ ได้ไหม”

ในมือของอิ๋งจื่อจินมีเข็มทองอยู่เก้าเล่ม ดวงตาหลุบลง “เดิมทีเธอก็เป็นเครื่องมืออยู่แล้ว”

จอมยุทธที่วรยุทธหกสิบปีเมื่อเผชิญหน้ากับงูน้ำตัวนี้ไม่มีข้อได้เปรียบเลยสักนิด

วรยุทธ์ของเธอตอนนี้เริ่มฟื้นฟูมาถึงเจ็ดสิบสามปี สามารถจัดการคนเดียวได้

ตี้อู่เยว์ “…”

ไม่ เธอเป็นแค่ปลาเค็มตัวหนึ่ง

งูน้ำสังเกตอยู่นาน ในที่สุดมันก็เคลื่อนไหวร่างที่ใหญ่โต

มันส่งเสียงฟ่ออันน่าสะพรึงกลัว หางยาวตวัดขึ้น สร้างคลื่นน้ำอย่างรุนแรง

อิ๋งจื่อจินยังคงยืนอยู่เหนือน้ำไม่ขยับ เข็มทองเก้าเล่มในมือถูกปล่อยออกไปในเวลานี้

กำลังภายในที่แข็งแกร่งถูกปล่อยออกไปพร้อมกัน เข็มทองทั้งเก้าเล่มจึงเปรียบเสมือนกระบี่คมปลาบ

ทะลุเกล็ดงูในชั่วพริบตา เข้าไปถึงกระดูกของมัน

คามเจ็บปวดแผ่ซ่าน งูน้ำส่งเสียงฟ่ออีกครั้ง

แต่เข็มทองทั้งเก้าเล่มนี้วิ่งไปทั่วร่างของมันโดยมีกำลังภายในเป็นตัวขับเคลื่อน เจ็บปวดจนมันไม่สามารถขยับร่างกายได้

ในขณะเดียวกันเข็มทองเมื่อถูกพิษก็กัดกร่อนอย่างสิ้นเชิง เกิดเสียงระเบิด ‘ปุงๆ’ ร่างกายของงูน้ำระเบิดเลือดกระจาย

มันยังไม่ทันจะได้พ่นพิษครั้งสุดท้ายร่างกายขนาดใหญ่ก็ล้มลง กระแทกผิวน้ำแล้วจมไปอย่างรวดเร็ว

ตี้อู่เย่ว์ตะลึง “แค่นี้จบแล้วเหรอ”

นักพยากรณ์พวกนั้นยังจะรวมตัวกันขึ้นมาทำเบื๊อกอะไร!

“ใช่ ‘แค่นี้’” อิ๋งจื่อจินนั่งยองลงบนพื้น เช็ดเหงื่อ หน้าซีดเล็กน้อย “ว่ายน้ำเป็นไหม”

ดูเหมือนไม่ได้สู้อะไรมาก แต่กำลังภายในของเธอสูญเสียไปถึงสี่ในห้า แทบจะหมดแล้ว

งูน้ำตัวนี้ร้ายกาจมาก

ทั้งยังทำให้เธอเสียเข็มทองไปเก้าเล่ม

เป็นเงินมหาศาล

“เป็นๆ” ตี้อู่เย่ว์ถกแขนเสื้อขึ้น “ข้างล่างมีสมบัติใช่ไหม ฮี่ๆ เดี๋ยวฉันจะไปเอาออกมาให้หมด”

อิ๋งจื่อจิน “…”

ครึ่งชั่วโมงต่อมาตี้อู่เย่ว์ก็แบกถุงว่ายขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ

มีสมุนไพรหายากฤทธิ์เย็นจำนวนหนึ่ง และยังมีแร่ต่างๆ

แหล่งอุดมด้วยทรัพยากรแบบนี้ มนุษย์สรรค์สร้างก็ยังทำไม่ได้

“ของดี…ของดี” ไม่เพียงแต่ตี้อู่เย่ว์จะไม่เหนื่อย ยังตื่นเต้นมากด้วย อยู่ๆ เธอก็ลูบหัว

“ไอ๊หยา พี่สาวไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้ฉันว่ายน้ำลงไปเจอซากกระดูกเยอะแยะเลยล่ะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “น่าจะมีคนเผลอหลงเข้ามาที่นี่แล้วตกลงไป”

ตอนงูน้ำยังไม่ตาย เดิมทีก็ห้ามมาว่ายน้ำในทะเลสาบแห่งนี้อยู่แล้ว

“ช่วยกำจัดภัย” ตี้อู่เย่ว์พูด “พี่สาว คราวนี้พี่ได้ของตอบแทนเยอะแยะเลยนะ”

“มีคนมาแล้ว” หูของอิ๋งจื่อจินขยับ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย “ไปก่อน”

ตี้อู่เย่ว์เข้าไปพยุงเธอ ทั้งสองคนลงไปอีกทาง

พอพวกเธอออกไป ทีมที่ประกอบด้วยนักพยากรณ์ จอมยุทธ์ และแพทย์แผนโบราณก็ขึ้นมากัน

มองสภาพที่ชวนสยอง ผู้อาวุโสที่นำมาก็แทบหยุดหายใจ “มาช้าไป มันตายแล้ว”

ทันใดนั้นมีคนตะโกนขึ้น “ปรมาจารย์เหวิน ตรงนี้มีคนครับ!”

ผู้อาวุโสมองไปทันที

บนพื้นหญ้า ฮวนนอนอยู่ตรงนั้น ปากมีสีม่วงคล้ำ ร่างกายสั่นไม่หยุด

“คนตะวันตกเหรอ” ผู้อาวุโสขมวดคิ้ว “อาจมาท่องเที่ยวแล้วหลงเข้ามาที่นี่ ทำงูน้ำตัวนี้ตกใจ”

“งูน้ำออกมาทำร้ายคน ดึงดูดความสนใจของปรมาจารย์คนนั้น เธอถึงได้ลงมือฆ่างูน้ำตัวนี้”

ขณะพูดเขาก็อดทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่ได้ “ท่านปรมาจารย์สมเป็นแบบอย่าง พวกเจ้าต้องหัดเรียนรู้ให้มากๆ”

พวกเขาอยู่ห่างเกินไป

แต่เห็นด้านหลังของเธอลางๆ

ทำให้บรรดานักพยากรณ์ที่วันนั้นไปรวมตัวบนเขาอวี้ซงนึกถึงเด็กสาวที่แค่ตวัดมือทีเดียวก็ล็อกตัวโหลวเหวินไห่ได้ทันที

จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังหาไม่พบว่าเป็นใคร

นี่คือปรมาจารย์ที่แท้จริง

แต่ตอนนี้เธอฆ่างูน้ำตัวยักษ์ไปอีก นี่ไม่เท่ากับเป็นการพิสูจน์ว่าไม่เพียงแต่เธอจะพยากรณ์ได้ วรยุทธก็ยังแข็งแกร่งด้วยหรอกเหรอ

ทุกคนมองหน้ากัน ต่างเห็นอารมณ์ตกใจในดวงตาของกันและกัน

จอมยุทธ์ที่อยู่ในกลุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นหน้า สกัดจุดบนตัวฮวนหลายทีเพื่อผนึกจุดลมปราณและชีพจรหัวใจของเขา

แพทย์แผนโบราณอีกคนหนึ่งหยิบยาถอนพิษออกมาหนึ่งเม็ดป้อนใส่ปากฮวน

สีหน้าเขียวคล้ำของเขาเริ่มดีขึ้น แต่ตัวยังสั่นอยู่

“พิษของงูน้ำตัวนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะมันไม่ชอบกินซากที่ตายแล้ว “แพทย์แผนโบราณลูบเครา

“แต่ฤทธิ์ชาสูงมาก ถือว่าเด็กหนุ่มคนนี้โชคดีที่แค่เสียสติ”

“แต่น่าเสียดาย ฝีมือการรักษาของผมไม่สูงนัก ถอนพิษให้เขาไม่ได้ คุณหนูเมิ่งอาจทำได้”

แต่ตระกูลเมิ่งมีเหรอจะรักษาให้คนนอกส่งเดช

ในเมื่องูน้ำตายแล้ว ถ้าอย่างนั้นของล้ำค่าที่อยู่ที่นี่ก็คงถูกเอาไปแล้ว

มาเสียเที่ยว

แถมยังไม่ได้เจอปรมาจารย์ที่แท้จริงท่านนั้น

“ช่างเถอะ พาเด็กหนุ่มต่างชาติคนนี้ไปโรงพยาบาล” ผู้อาวุโสส่ายมือ “พวกเราไปเถอะ”

อีกด้านหนึ่ง

เวินทิงหลานยังรออยู่ที่ล่างเขา

พอเห็นอิ๋งจื่อจินลงมาด้วยสภาพอิดโรย เขาก็สีหน้าเปลี่ยน “พี่”

“ไม่เป็นไร หมดแรงน่ะ” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเบาๆ “ปลุกรุ่นพี่ตื่นก่อน”

“ฉันทำได้” ตี้อู่เย่ว์เดินขึ้นหน้าแล้วบีบตรงคอของรุ่นพี่มหาวิทยาลัยตี้ตู

รุ่นพี่ตกใจตื่น ทำหน้างง “น้องชาย นายเห็นงูหรือเปล่า ตัวโคตรใหญ่!”

เวินทิงหลานพูดนิ่งๆ “ไม่มีนี่ครับ รุ่นพี่ดูนางพญางูขาวมากไปแล้วครับ”

รุ่นพี่งงเข้าไปใหญ่ “งะ…งั้นเหรอ”

“เมื่อกี้มีดินถล่ม รุ่นพี่ถูกกระแทกสลบไปค่ะ” อิ๋งจื่อจินหันมา “รีบกลับมหา’ลัยดีกว่าค่ะ”

เวินทิงหลานก็พูด “ไปกันเถอะครับรุ่นพี่”

รุ่นพี่เดินตามเวินทิงหลานไปอย่างงงๆ แต่ก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ

สุดท้ายคิดๆ แล้วก็จริง จะมีงูตัวขนาดนั้นได้ยังไง ไม่ใช่ละครเสียหน่อย

ตี้อู่เย่ว์พูดขึ้น “สองคนนี้ล่ะ”

“ปลุกด้วย”

นักศึกษาสองคนเจ็บปวดจนตื่น พอพวกเขาเห็นตี้อู่เย่ว์ก็กระเด้งขึ้นมา

“ธะ…เธอ”

“ทำตัวดีๆ” ตี้อู่เย่ว์เอามือกดไว้ “ฉันสู้งูตัวนั้นไม่ได้ยังจะสู้นายไม่ได้อีกเหรอ”

อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาติดต่ออวี้เสวี่ยเซิงที่ไม่รู้ว่าไปทำภารกิจอยู่ที่ไหน

“ช่วยลบความทรงจำส่วนนี้ของพวกเขาให้หน่อยค่ะ”

นักสะกดจิตคนอื่นจะลบความทรงจำต้องทำต่อหน้า

แต่สำหรับอวี้เสวี่ยเซิงไม่จำเป็น

“เกรงใจเกินไปแล้วครับคุณอิ๋ง” อวี้เสวี่ยเซิงเงยหน้า “ยกให้เป็นหน้าที่ผมเอง”

ไม่กี่นาทีต่อมานักศึกษาสองคนก็ลืมเรื่องบนเขา จำได้แค่ว่าพวกเขาตามฮวนขึ้นเขา

ในขณะที่พวกเขากำลังงุนงงอยู่นั้นก็ได้รับสายจากทางโรงพยาบาล บอกว่าฮวนเสียสติ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้สลบไปแล้ว

นักศึกษาสองคนสีหน้าเปลี่ยน รีบร้อนไปโรงพยาบาล

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับฮวน ไม่ว่าจะเป็นฝีมือคนทำหรืออุบัติเหตุ ตระกูลเฮอร์เชลต้องโมโหมากแน่

เรื่องต่างๆ ถูกจัดการได้อย่างราบรื่น

ทางตี้อู่เย่ว์มีช่องทางของตระกูลตี้อู่ เอาของล้ำค่าพวกนั้นไปประมูลได้

อิ๋งจื่อจินเก็บไว้เฉพาะสมุนไพรที่จำเป็น

“พี่” เวินทิงหลานยังคงไม่วางใจ “ทางมหาวิทยาลัยนอร์ตัน…”

“วางใจได้” อิ๋งจื่อจินตบบ่าเขา “มีอะไรก็ไปหารองอธิการ พึ่งพาเขาได้”

อย่างไรเสียนอร์ตันก็เป็นพวกสติเฟื่อง

เวินทิงหลานยังไม่รู้ว่าร่างกายของรองอธิการบดีเคยถูกดัดแปลงด้วยวิชาเล่นแร่แปรธาตุ เป็นวัตถุโบราณที่อยู่มาเกือบสามร้อยปีแล้ว

แต่รองอธิการบดีก็มีบารมีมากในมหาวิทยาลัยนอร์ตัน อธิการบดีไม่อยู่ รองอธิการบดีย่อมมีอำนาจเด็ดขาด

ก็แค่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาและศาสตราจารย์ต่างไม่เคยเห็นรองอธิการบดี

เวินทิงหลานส่ายหน้า เม้มริมฝีปาก “พี่ ผมแค่เป็นห่วงพี่ ผมไม่เป็นไร ทางตระกูลเฮอร์เชล…”

อิ๋งจื่อจินสวมเสื้อผ้า พูดอย่างใจเย็น “งั้นก็ปล่อยให้พวกเขามาโดยไม่ได้กลับ”

หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายรายการ นายแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไป”

เวินทิงหลานพยักหน้า

อิ๋งจื่อจินลงจากตึกแล้วไปขึ้นรถของฟู่อวิ๋นเซิน

“เข็มทองอันใหม่ของเธอ พี่ชายให้คนส่งไปที่ผู้เฒ่ามู่ก่อน” เขาหันมา “ไปรับเอานะ”

อิ๋งจื่อจินเงียบ

ฟู่อวิ๋นเซินหมุนพวงมาลัยรถ “คิดอะไรอยู่”

“คำนวณเงิน”

“…”

พวกคลั่งเงิน

ยี่สิบนาทีต่อมารถก็ไปถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่

มู่เฮ่อชิงรออยู่นานแล้ว เขาเดินออกมารับ

“ผู้เฒ่ามู่ น่าแปลก” ฟู่อวิ๋นเซินลงจากรถ ทำตัวสบายๆ “ผู้เฒ่ามู่ไม่ไล่ผมออกไป”

“ก็อยากอยู่หรอก” มู่เฮ่อชิงไม่ไว้หน้า “แต่ก็ต้องตามใจแขก นายอยู่สิ”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “แสดงว่า ผมมีค่าเพราะภรรยา”

มู่เฮ่อชิงค้าง เดินฮึดฮัดเข้าด้านใน

หน้าด้านจริงๆ

ด้านนอกคฤหาสน์

มู่เฉิงส่งอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินเข้าไปด้านในแล้วก็ออกมาพร้อมปิดประตู

“คุณเฉิงคะ” มีเสียงดังขึ้น “รอก่อนค่ะ”

มู่เฉิงอึ้ง เงยหน้ามองไป

พอเขาเห็นก็สีหน้าเปลี่ยน “คุณหนูเมิ่งมาได้ยังไงครับ”

กฎของตระกูลเมิ่งเข้มงวดมาก

ลูกหลานสายตรงถ้าไม่ได้รับอนุญาตห้ามออกจากโลกแพทย์แผนโบราณไปรักษาให้คนอื่น

โดยเฉพาะเมิ่งชิงเสวี่ย เพราะร่างกายเธออ่อนแอมาก

ตี้ตูมีหมอกพิษรุนแรง ด้วยสภาพร่างกายของเมิ่งชิงเสวี่ยไม่สามารถทนอยู่ข้างนอกได้นาน

ดังนั้นต่อให้เป็นมู่เฮ่อชิงก็ต้องไปที่โลกแพทย์แผนโบราณด้วยตัวเอง

“ก็มาแล้วนี่คะ” เมิ่งชิงเสวี่ยยิ้ม “ไม่เชิญเข้าไปนั่งหน่อยเหรอคะ”

มู่เฉิงลังเล “เชิญครับคุณหนูเมิ่ง”

คนคุ้มกันเข็นเก้าอี้รถเข็นเข้าไปด้านใน

“ท่านครับ” มู่เฮ่อชิงไปเคาะประตูรายงานก่อน “คุณหนูเมิ่งมาครับ”

มู่เฮ่อชิงที่อยู่ในห้องรับแขกขมวดคิ้ว หันไปมองฟู่อวิ๋นเซินก่อน

เขานิ่งเฉย กำลังเป็นหมอนอิงให้อิ๋งจื่อจิน มืออีกข้างก็ป้อนของกินให้

ครั้นแล้วมู่เฮ่อชิงจึงพยักหน้า “เชิญเข้ามาเถอะ”

เมิ่งชิงเสวี่ยนั่งเก้าอี้รถเข็นเข้ามา ไอเล็กน้อย หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

“ผู้เฒ่ามู่ หนูมาโดยไม่ได้รับเชิญ อย่าถือสานะคะ”

คนคุ้มกันเอาที่ซุกมือให้เธอ

เข้าฤดูหนาวแล้ว อากาศแบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพของเมิ่งชิงเสวี่ย

“ไม่เป็นไรครับ” มู่เฮ่อชิงตอบอย่างสุภาพ

“ก็แค่ถ้าคุณหนูเมิ่งมีธุระอะไรให้คนในโลกแพทย์แผนโบราณมาบอกก็ได้นี่ครับ”

“หนูก็แค่…” เมิ่งชิงเสวี่ยพูด สายตามองไปที่โซฟา

ใบหน้าของฟู่อวิ๋นเซินไม่เปลี่ยนแปลงไปมากจากไม่กี่ปีก่อน จากเด็กหนุ่มกลายเป็นชายหนุ่ม

ยิ่งมีเสน่ห์

เมิ่งชิงเสวี่ยกำลังจะทักทาย

แต่อยู่ๆ เธอก็หน้าซีด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset