คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 565 ตบทีเดียว บารมีพ่ออิ๋งแผ่ไพศาล

ตอนที่ 565 ตบทีเดียว บารมีพ่ออิ๋งแผ่ไพศาล

ปีนี้ชายวัยกลางคนอายุร่วมร้อยปีแล้ว ตามอายุขัยของจอมยุทธก็ถือว่าอยู่ในวัยกลางคน แต่ก็ยังมีชีวิตได้อีกนาน

เขาทนเห็นเด็กรุ่นหลังที่แค่มีพรสวรรค์นิดหน่อยก็ทำตัวอวดดีแล้วไม่ได้ ไม่เห็นหัวคนอื่น

ไม่รู้จักเคารพ ไม่รู้จักสัมมาคารวะหรืออย่างไร

ถูกโลกปุถุชนมอมเมาจนพรางตาไปหมด

ในโลกจอมยุทธ ยิ่งเป็นตระกูลขนาดใหญ่ก็ยิ่งเกลียดและต่อต้านโลกปุถุชน

เพราะตระกูลเหล่านี้ล้วนอยู่ในโลกจอมยุทธมานานมาก ไม่เคยออกไป

อิ๋งจื่อจินพูด “คนสูงวัย ไปเตรียมโลงศพไว้ให้พร้อม จะจากไปวันไหนก็ยังไม่รู้”

ชายวัยกลางคนหน้าบึ้ง “ว่าไงนะ!”

“ทุกท่าน ในเมื่อคุณหนูชิงเสวี่ยกับคุณชายฝูเฉินก็ทำยาได้ งั้นทำไมทุกท่านต้องมาหาคุณอิ๋งด้วย” เยี่ยหลิงอดพูดขึ้นไม่ได้ “รังเกียจเธอยังจะมาหาเธออีก พวกคุณมี…”

ชาววัยกลางคนกวาดตามองด้วยสายตาเย็นชา พูดจาเอาเรื่อง “ฉันให้เธอพูดแล้วหรือไง”

กำลังภายในของเขาพุ่งขึ้น แผ่ซ่านรังสีอำมหิตข่มเยี่ยหลิง

เยี่ยหลิงหน้าซีดลงในทันที ร่างกายโงนเงน

เพราะเธอก็มีพรสวรรค์แพทย์แผนโบราณ ในฐานะที่เป็น ‘สิ่งไร้ค่า’ ที่เป็นทั้งจอมยุทธ์และแพทย์แผนโบราณ วรยุทธ์ของเธอจึงไม่ได้สูง ยังไม่ถึงสิบปี

ต่อให้ชายวัยกลางคนแค่แผ่รังสีอำมหิตจงใจข่มขู่เยี่ยหลิง ก็สามารถทำเธอเจ็บหนักได้

อิ๋งจื่อจินจับบ่าเยี่ยหลิง พูดขึ้นอีกครั้ง “ไม่ไป ไสหัวไปได้แล้ว”

ในที่สุดชายวัยกลางคนก็สีหน้าเปลี่ยน หัวเราะประชด

“คิดว่าไม่ไปแล้วจะจบเหรอ เธอทำตามใจได้เหรอ”

ขณะพูดเขาก็ยื่นมือออกไปจะจับบ่าอิ๋งจื่อจิน

“อยากตายเหรอ!”

มีเสียงตวาดดังขึ้น กำลังภายในพุ่งมา

คลื่นพลังรุนแรง มือของชายวัยกลางคนยังไม่ทันแตะถูกเสื้อผ้าของอิ๋งจื่อจินก็ถูกคลื่นพลังนั้นซัดเข้าที่ใบหน้าจนล้มไปกองบนพื้น

เยี่ยฉางคงยืนอยู่ข้างหน้า เคราพลิ้วไปตามลม

ชายวัยกลางคนกระอักเลือด ฝืนเงยหน้าขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ปรมาจารย์จอมยุทธ์!”

ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลเยี่ยยังมีปรมาจารย์จอมยุทธเลยเหรอ

ในเมื่อมีปรมาจารย์จอมยุทธ ทำไมพวกเขายังอาศัยอยู่ในที่เล็กๆ แบบนี้อีก

หากว่ากันตามกฎ เมื่อตระกูลไหนมีปรมาจารย์จอมยุทธ์ให้ไปแจ้งที่ศาลสถิตยุติธรรมได้ จะมีการแบ่งทรัพยากรให้ตามที่กำหนดไว้

ตระกูลเยี่ยมีปรมาจารย์จอมยุทธก็สามารถครอบครองอาณาเขตที่ใหญ่กว่านี้ได้

โลกจอมยุทธ์ใหญ่เพียงใด ไม่เคยมีใครไปเก็บข้อมูลโดยเฉพาะ

กะเอาโดยประมาณ อย่างน้อยก็มีพื้นที่หกล้านตารางกิโลเมตรขึ้นไป สองในสามของประเทศจีนแล้ว

แต่ประชากรในโลกจอมยุทธกลับมีไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านคน

ตระกูลสวีมีปรมาจารย์จอมยุทธอยู่ไม่น้อย ตัดพวกผู้นำตระกูลที่ซ่อนตัวไม่ออกมาทิ้งก็มีอย่างน้อยสิบคน

คณะผู้อาวุโสของตระกูลสวี ผู้อาวุโสห้าคนเป็นปรมาจารย์จอมยุทธกันหมด

แต่จะแย่ก็ตรงที่ ในคณะผู้อาวุโสนี้มีผู้อาวุโสแค่สองคนที่สนับสนุนนายใหญ่คนปัจจุบัน

สองคนสนับสนุนอีกสายหนึ่ง

อีกหนึ่งคนเป็นกลาง

ทำให้พวกเขาให้ปรมาจารย์จอมยุทธออกโรงไม่ได้

คนในตระกูลสวีมีร่วมพันคน การแก่งแย่งชิงดีภายในสูงมาก

ครั้งนี้อยู่ๆ นายใหญ่สวีล้มป่วยก็เป็นฝีมือของคนในตระกูลสวีที่ลอบทำร้าย

มีหลายฝ่ายคิดลงมือ พวกเขาเลยเชิญฝูเฉินกับเมิ่งชิงเสวี่ยไม่ได้

ทำได้เพียงยอมถอยมาขอร้องอิ๋งจื่อจินที่นี่

เยี่ยฉางคงแสยะยิ้ม “ไม่ได้ยินคุณอิ๋งพูดเหรอ เธอไม่ไป!”

เสียงตวาดนี้มีกำลังภายในปะปนอยู่ด้วย

หูของชายวัยกลางคนสะเทือนจนมีเลือดออก เกิดอาการหูอื้อ

เยี่ยฉางคงยังยกมือตบไปอีกฉาดพร้อมปล่อยกำลังภายใน ชายวัยกลางคนจึงกระเด็นออกไป

วรยุทธ์ของชายวัยกลางคนมีแค่หกสิบกว่าปี ถูกปรมาจารย์จอมยุทธ์ตบแบบนี้เขาก็เจ็บสาหัสในทันที

เขากระอักเลือดอย่างรุนแรง มีเศษอวัยวะภายในปะปนออกมา พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวหมดสติไป

คนคุ้มกันที่ตามมาด้วยยังอึ้งไม่ได้สติ ก็ถูกเยี่ยฉางคนตบไล่เรียงตัวกระเด็นออกไปเหมือนกัน

“คุณอิ๋งช่วยตระกูลเยี่ยของผมไว้ ตระกูลเยี่ยย่อมยืนอยู่ฝั่งคุณอิ๋ง”

เยี่ยฉางคงกำมือคารวะ รู้สึกละอายใจ

“ขายหน้าคุณอิ๋งแย่ คนในโลกจอมยุทธช่างไร้เหตุผลสิ้นดี”

“ตอนนี้ความสามารถของคุณอิ๋งเป็นที่ประจักษ์ มีอันตรายพอสมควร ไม่อย่างนั้นไปหลบข้างนอกดีไหมครับ”

ไม่มีใครอยากล่วงเกินแพทย์แผนโบราณ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ามีคนหนุนหลังที่ใหญ่พอ

อย่างเช่น เมิ่งชิงเสวี่ย ฝูเฉิน หรือพวกนายน้อยในสมาพันธ์โอสถ

ตระกูลจอมยุทธบางส่วนที่วางตัวโหดเหี้ยมอาจถึงขั้นกักขังแพทย์แผนโบราณเพื่อทำยาให้พวกเขาโดยเฉพาะ

ตระกูลเซี่ยเคยทำเรื่องแบบนี้ ก็แค่ไม่มีหลักฐานสมบูรณ์

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดชั่วครู่ หยิบเครื่องรางกันภัยหลายสิบอันออกมาแบ่งให้คนตระกูลเยี่ย “รับไปค่ะ”

พอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ในที่สุดเยี่ยหลิงก็รู้สึกดีขึ้น “อะไรคะคุณอิ๋ง”

“เครื่องราง” อิ๋งจื่อจินตอบ “ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย ปกป้องหัวใจ พกติดตัวไว้ห้ามเอาออก”

“พี่สาว! พี่สาว!” เด็กอ้วนวิ่งมา ชี้คอที่แน่นตันจนแทบไม่เห็นของตัวเอง

“ใส่คอให้หน่อย ใส่คอให้หน่อยนะ”

อิ๋งจื่อจินจิ้มแก้มเด็กอ้วน

จากสัมผัสที่นิ้ววิเคราะห์ได้ว่า นี่คือเด็กที่คราวก่อนเอาลูกอมให้เธอ

เธอนั่งยอง หยิบเชือกยาวออกมาอย่างใจเย็นแล้วร้อยเครื่องรางเข้าไป จากนั้นก็คล้องคอให้เด็กอ้วน

เด็กอ้วนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ดูสิฮะแม่ สวยมากเลย”

“รบกวนคุณอิ๋งอีกแล้ว” หญิงสาวรีบอุ้มเด็กอ้วนขึ้นมา “เรื่องแบบนี้ไม่ต้องถึงมือคุณอิ๋งก็ได้”

อิ๋งจื่อจินจิ้มแก้มเด็กอ้วนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง”

“ลวดลายสวยใช้ได้เลยนะครับคุณอิ๋ง” นายใหญ่เยี่ยเก็บเครื่องรางไว้เรียบร้อยแล้ว เริ่มประจบ

“มองไม่ออกเลยนะครับว่าคุณอิ๋งทำงานฝีมือเก่งขนาดนี้”

ผู้หญิงในโลกจอมยุทธ์ก็เย็บปักถักร้อยไม่เป็นเหมือนกัน เรียนวิทยายุทธเหมือนผู้ชาย

แต่แพทย์แผนโบราณในโลกแพทย์แผนโบราณยังมีคนเย็บผ้าเป็นบ้าง

อิ๋งจื่อจิน “…ถุงข้างนอกซื้อมาจากเถาเป่าค่ะ”

มีแค่อันที่ให้ฟู่อวิ๋นเซินที่เธอทำเอง

เครื่องรางจำนวนมากพวกนี้ อย่าว่าแต่ถุงใส่เลย สมุนไพรที่อยู่ในนั้นเธอก็ใช้เครื่องมือบดเป็นผงแล้วบรรจุเข้าไป

นายใหญ่เยี่ยอึ้ง “เถาเป่าเหรอครับ” เยี่ยหลิงรีบอธิบาย “คุณพ่อคะ มันคือเว็บเอาไว้ซื้อขายของ เหมือนตลาดซื้อขายในโลกจอมยุทธ แต่สะดวกกว่า เอามาส่งให้ถึงบ้านค่ะ”

“อ่อๆ” นายใหญ่เยี่ยสนใจมาก “เอามาส่งที่นี่ได้ไหม”

อิ๋งจื่อจิน “…เกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ”

ต่อให้เป็นพี่คนส่งพัสดุของซุ่นเฟิง[1]ก็หาไม่เจอหรอกว่าโลกจอมยุทธอยู่ที่ไหน

“เฮ้อ” นายใหญ่เยี่ยเสียดายมาก “ขอบคุณคุณอิ๋ง ผมจะเก็บไว้ให้ดีครับ”

เยี่ยเหิงอ้าปาก อยากถามว่าทำไมทุกคนในตระกูลเยี่ยมีแต่เขาไม่มี

แต่สุดท้ายพอคิดได้ว่าเมื่อก่อนเขาทำท่าทางไม่ดีใส่อิ๋งจื่อจิน เขาเลยไม่พูดอะไรอีก

เยี่ยเหิงกำหมัดแน่น

ไม่ให้ก็ไม่ให้สิ คิดว่าอยากได้เหรอ

บ้านตระกูลสวี

ชายวัยกลางคนกับพวกคนคุ้มกันถูกหามเข้ามา บาดเจ็บสาหัส

ต่อให้ยังฟื้นขึ้นมาได้แต่วรยุทธ์ก็ใช้การไม่ได้แล้ว

นายใหญ่สวีหน้าซีด นั่งอยู่บนเตียง ไอเล็กน้อย “ส่งคนไปอีก ครั้งนี้แอบเข้าไป”

พ่อบ้านรับคำสั่ง

แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ล้มเหลวกลับมาอีกครั้ง

มีเยี่ยฉางคงเฝ้าอยู่ หากไม่ส่งปรมาจารย์จอมยุทธ์ไปก็ทำอะไรไม่ได้

คุณนายสวีทุบบ่าให้นายใหญ่สวี พูดด้วยความกลุ้มใจ “แบบนี้จะทำไงดีคะ”

ถ้านายใหญ่สวีหายดีไม่ได้ ตำแหน่งนายใหญ่ก็ต้องเปลี่ยนคนแล้ว

ภายในตระกูลขนาดกลาง หากสู้กันภายในแล้วแพ้ ต่างมีกฎที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า ต้องถอนกำลังภายในแล้วขับไล่ออกจากตระกูล

ตระกูลสวีเป็นแบบนี้ ตระกูลหลิงก็เช่นกัน

ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันหายนะที่จะตามมา

“คุณนายครับ เมื่อครู่พวกเราสืบมาแล้วครับ ตระกูลเยี่ยเข้าข้างอิ๋งจื่อจิน ยกเว้นเยี่ยเหิง เขาชอบคุณชิงจยา แทบจะถึงขั้นที่เรียกว่าคลั่งเลยครับ” พ่อบ้านพูด “คุณนายเคยซื้อถุงหอมที่คุณชิงจยาทำด้วยตัวเองมาไม่ใช่เหรอครับ”

“ไม่สู้คุณนายเอาถุงหอมนั้นให้เยี่ยเหิง แล้วให้เยี่ยเหิงหลอกคนในตระกูลเยี่ยออกมา แบบนั้นอิ๋งจื่อจินก็จำต้องมาครับ”

คุณนายสวีเงียบไปสักพัก แอบเสียดาย “ต้องให้ถุงหอมที่คุณชิงจยาทำจริงๆ เหรอ”

เธอเองก็ไม่ได้หาซื้อมาได้ง่ายๆ มีอยู่แค่อันเดียว

“คุณนายครับ วรยุทธ์ของเยี่ยเหิงไม่สูง แค่สิบกว่าปี” พ่อบ้านยิ้ม “ไว้รองานเสร็จ นายท่านหายดีแล้ว ถุงหอมอันนั้นย่อมกลับมาอยู่ในมือคุณนายได้ครับ”

ตระกูลเยี่ยเหรอ

ตระกูลสวีกำจัดตระกูลเล็กๆ ได้สบาย กล้าหือกับพวกเขาเหรอ

ขอแค่นายใหญ่สวีหายดี อยู่ได้จนถึงมอบตำแหน่งให้รุ่นถัดไปก็พอแล้ว

คุณนายสวีครุ่นคิด สุดท้ายก็ยื่นถุงหอมให้

“ได้ งั้นเรื่องนี้ยกให้พ่อบ้านจัดการนะ”

บ้านตระกูลเยี่ย

เยี่ยหลิงอยู่ในห้องหนังสือกำลังศึกษาพวกสูตรยาที่อิ๋งจื่อจินให้มา พอเห็นเยี่ยเหิงบุกเข้ามาก็ขมวดคิ้ว

“มีเรื่องอะไรเยี่ยเหิง”

“เยี่ยหลิง ฉันกลับมาจากข้างนอก เห็นตรงบ้านร้างมีคนบาดเจ็บเพราะโดนลูกหลงคนที่ต่อสู้กัน อาการหนักมาก” เยี่ยเหิงก้มหน้า ไม่ได้มองเยี่ยหลิง

“เหมือนจะใกล้ไม่ไหวแล้ว เธอไปดูหน่อยได้หรือเปล่า”

“คนเจ็บเหรอ” เยี่ยหลิงยืนขึ้น “อยู่ไหน พาฉันไปหน่อย”

เยี่ยเหิงโล่งอก กำถุงหอมในมือแน่น “อยู่ด้านนั้น”

เยี่ยหลิงเป็นคนจิตใจดี แม้แต่สัตว์ก็ช่วยรักษาให้

เขารู้ว่าถึงแม้คำโกหกแบบนี้จะไม่ดี แต่เขาต้องหลอกเยี่ยหลิงออกไปให้ได้

เยี่ยหลิงถือกล่องยาเดินตามเยี่ยเหิงออกไปข้างนอก

จนกระทั่งเดินไปถึงริมน้ำ ทันใดนั้นเยี่ยเหิงก็ผลักเยี่ยหลิง

เยี่ยหลิงไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลง

ยังไม่ทันได้ทำอะไรเยี่ยเหิงก็เอาโซ่เหล็กที่เตรียมไว้ก่อนแล้วมามัดเธอไว้

เยี่ยหลิงสีหน้าเปลี่ยน “เยี่ยเหิงจะทำอะไร!”

“ไม่ทำอะไรหรอก ตระกูลสวีอยากให้อิ๋งจื่อจินไปทำยา อยากใช้เธอล่อออกมา” เยี่ยเหิงยืนขึ้น

เขามองดู จากนั้นก็ดึงเครื่องรางที่อิ๋งจื่อจินให้เยี่ยหลิงออกมาเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง

เยี่ยหลิงตะโกน “เยี่ยเหิง! บ้าไปแล้วเหรอ!”

“เยี่ยหลิง เธอไม่ใช่อิ๋งจื่อจิน พวกเขาไม่มีทางทำร้ายเธอ” เยี่ยเหิงวิ่งไปตะโกนไป “อีกอย่างพวกเขาก็แค่เชิญอิ๋งจื่อจินไปทำยา ไม่ได้จะฆ่าเสียหน่อย”

“น่าแปลก คุณชิงจยามีชื่อเสียงโด่งดังมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยวางมาดใหญ่โตอะไร ถ้าอิ๋งจื่อจินอยากตั้งตัวได้ในโลกแพทย์แผนโบราณก็ต้องรักษาคนหรือเปล่า จงใจวางมาดไปเพื่ออะไร ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”

เยี่ยหลิงรู้สึกใจหายวาบ

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คาดไม่ถึงว่าเยี่ยเหิงจะทำเรื่องแบบนี้ได้

เยี่ยเหิงไม่คิดอะไรมาก วิ่งไปถึงจุดแวะพัก

“ทำดีมากไอ้หนุ่ม ฝีมือใช้ได้เลยนี่” พ่อบ้านยิ้ม “ถ้าตระกูลเยี่ยล้มลง อยากมาเข้าตระกูลสวีไหม”

เยี่ยเหิงอึ้ง “ขะ…เข้าตระกูลสวีเหรอ”

หากว่ากันด้วยเรื่องฝีมือต่อสู้โดยรวม ต่อให้มีตระกูลเยี่ยห้าสิบตระกูลก็สู้ตระกูลสวีไม่ได้

ตระกูลขนาดกลางแบบนั้น หากต้องการรับคนย่อมมีเงื่อนไขเยอะมาก ต้องมีวรยุทธ์ห้าสิบปีขึ้นไป

แต่ถ้าเข้าไปอยู่ได้ก็จะมีทั้งทรัพยากรในการฝึก เงิน อำนาจ

เยี่ยเหิงลังเล สุดท้ายก็ส่ายหน้า

เขาไม่ได้ต้องการทำร้ายเยี่ยหลิง

ไม่ว่ายังไงตระกูลเยี่ยก็เป็นครอบครัวของเขา

แต่ถ้าทำร้ายอิ๋งจื่อจิน เขาไม่รู้สึกเดือดร้อนแม้แต่น้อย

หลังจากเยี่ยเหิงกลับถึงบ้าน กำลังอยู่ในช่วงเตรียมอาหารเย็น

รออิ๋งจื่อจินกลับมาจากสมาพันธ์โอสถก็จะเริ่มกินอาหารเย็นกัน

อิ๋งจื่อจินอ่านข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลสวีที่ฟู่อวิ๋นเซินส่งให้ ครุ่นคิดชั่วขณะ

“เสี่ยวหลิงล่ะ” นายใหญ่เยี่ยรออยู่สักพัก ในที่สุดก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล

“เสี่ยวหลิงออกไปกับนายไม่ใช่เหรอ ทำไมนายกลับมาแล้วเสี่ยวหลิงยังไม่กลับมาล่ะ”

คราวก่อนเยี่ยเหิงถูกขังอยู่ในหอบรรพชนสามวัน สุดท้ายก็ทำตัวดีขึ้นไม่น้อย

ไม่โวยวายร่ำร้องอยากไปดูหลินชิงจยาปรุงยาที่โลกแพทย์แผนโบราณอีก แถมยังไปฝึกวิทยายุทธที่สนามทุกวัน

นายใหญ่เยี่ยก็โล่งอก คิดว่าเยี่ยเหิงเปลี่ยนตัวเองแล้ว

“ใครจะไปรู้ว่าเยี่ยหลิงหนีไปไหนแล้ว” เยี่ยเหิงแอบร้อนตัว แต่ยังคงเถียงหน้าตาเฉย

“ก็คงไปสมาพันธ์โอสถนั่นแหละ ผมก็ต้องตามไปด้วยหรือไง”

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง

ถึงแม้ญาณพยากรณ์ของเธอจะถูกผนึกไว้ ทำนายอันตรายล่วงหน้าไม่ได้

แต่เรื่องบางอย่าง ไม่ต้องใช้ญาณพยากรณ์ก็พอวิเคราะห์จากเบาะแสได้

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า มองใบหน้าเยี่ยเหิง

เธอเห็นทุกการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าแม้เพียงเล็กน้อย

เยี่ยเหิงถูกมองก็โมโห “มองฉันทำไม ฉันบอกแล้วว่าเยี่ยหลิงไปเอง เธอ…”

เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกบีบคอ สองเท้าลอยเหนือพื้น ตัวถูกยกขึ้น

วินาทีถัดมาก็มีเสียง “พลั่ก” ตัวของเยี่ยเหิงลอยไปกระแทกกำแพง

รุนแรงมาก มีรอยยุบจางๆ

ความเจ็บปวดแผ่ซ่าน ทำให้เยี่ยเหิงเกือบหมดสติ

แต่ศีรษะของเขาถูกมือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินจับไว้ ทำให้เขาสลบไม่ได้

อิ๋งจื่อจินก้มหน้า

เครื่องรางตกลงบนพื้น เป็นอันที่เธอให้เยี่ยหลิง

เยี่ยเหิงมีสีหน้าหวาดกลัว ร่างกายสั่นอย่างรุนแรง

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “อยากได้ใช่ไหม”

[1]ชื่อบริษัทขนส่งที่ส่งของได้เร็วมากในจีน

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset