ตอนที่ 595 ตบหน้า วันเกิดเยาเยา
เป็นถึงปรมาจารย์จอมยุทธ แต่กลับออกจากโลกจอมยุทธโดยพลการ ทั้งยังกล้าทำการอุกอาจในยุโรป
ทำให้มีคนตั้งมากมายเห็นความมหัศจรรย์ของจอมยุทธ แถมยังถูกถ่ายภาพไว้
ไม่ว่าจะเรื่องไหนต่างก็ผิดกฎของศาลสถิตยุติธรรม เพียงพอให้ตัดสินโทษตาย
แน่นอนว่าคลิปวิดีโอนี้เผยแพร่แค่บนเว็บอร์ดเอ็นโอเค สี่ตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรป และโลกจอมยุทธ
เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้ไม่มีทางปล่อยไปทั่วโลก
ไม่อย่างนั้นจะเกิดความวุ่นวาย
“ถูกต้อง พวกเราลองไปดูก่อน” ผู้อาวุโสสามก็พยักหน้า “ถ้าเงาไม่อยู่ ถ้าอย่างนั้นเขาก็คือเดวิลนักฆ่าอันดับหนึ่งแน่นอน เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ผิดแน่”
ขณะพูดสายตาของเขาก็เย็นชา “พอถึงเวลาก็ขอให้ผู้นำตระกูลออกหน้า ฆ่าทิ้งซะ!”
ต่อให้เงาเก่งแค่ไหน ยังจะเก่งไปกว่าผู้นำตระกูลเซี่ยของพวกเขาได้อีกเหรอ
เงามีพรสวรรค์สูงมาก ไม่มีใครรู้ว่าต่อไปเขาจะเติบโตจนถึงระดับที่น่ากลัวขนาดไหนกันแน่
ตระกูลเซี่ยอยากกำจัดเงานานแล้ว
ก็แค่ยังขาดเหตุผล
ตระกูลเซี่ยไม่มีทางยอมให้หนุ่มสาวคนไหนเก่งไปกว่าคนในตระกูลตัวเอง
ตอนนี้เงาหาเหตุผลมาให้พวกเขาได้แล้ว
ขอแค่ทำให้เงาไปจากศาลสถิตยุติธรรมได้ พวกเขาจะลงมือยังไงก็ได้แล้ว
“ผู้อาวุโสสาม เชิญผู้นำตระกูลออกมาเพราะเรื่องนี้ ออกจะเกินไปหน่อย” ผู้อาวุโสรองส่ายมือ
“เชิญท่านผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีวรยุทธสองร้อยปีขึ้นไปก็พอแล้ว”
วรยุทธของผู้นำตระกูลเซี่ยเกือบสี่ร้อยปีแล้ว คนในโลกจอมยุทธที่สู้เขาได้มีแค่สามคน
แต่หากว่ากันด้วยเรื่องฝีมือการต่อสู้ เนื่องจากตระกูลเซี่ยใช้วิธีโหดเหี้ยม ผู้นำตระกูลเซี่ยย่อมแข็งแกร่งที่สุด
รุ่นผู้นำตระกูลที่วรยุทธสองร้อยปีขึ้นไป ถึงแม้ตระกูลเซี่ยจะไม่ได้มีเยอะ แต่ถ้าวรยุทธร้อยกว่าปีละก็ เยอะพอสมควร
สามตระกูลอย่างหลิน เซี่ย เย่ว์ อาศัยฝีมือการต่อสู้ที่เหนือกว่าในการข่มตระกูลอื่น เรื่องนี้ไม่ใช่แค่พูดกันเล่นๆ
ต่อให้เป็นศาลสถิตยุติธรรม ขอแค่ตระกูลเซี่ยมีเหตุผลเหมาะสมที่สามารถข่มข้ออ้างไร้สาระได้ แบบนั้นอยากจะกำจัดก็ทำได้
“ผมกับผู้อาวุโสสองคนจะไปดู” นายใหญ่เซี่ยพูดอย่างนอบน้อม
“ดูจากความเคลื่อนไหวบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเค เดวิลยังอยู่ยุโรป เขาไม่มีทางกลับมาได้เร็วขนาดนั้นแน่”
ทั้งสามคนรีบไปที่ศาลสถิตยุติธรรมพร้อมทีมคนคุ้มกัน
นายใหญ่เซี่ยเดินเข้าไป ยิ้มพลางพูด “พวกเรามาขอเยี่ยมท่านเงาหน่อย”
“ทั้งสามท่านมาได้จังหวะพอดีเลยครับ” คนคุ้มกันพูด
“ท่านเงาอยู่ในศาลสถิตยุติธรรมพอดี เชิญทั้งสามท่านครับ”
พอได้ยินแบบนี้ผู้อาวุโสรองก็ขมวดคิ้ว
เงาอยู่งั้นเหรอ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ตามคนคุ้มกันเข้าไปด้านในศาลสถิตยุติธรรมทันที
มีผู้ชายสวมหน้ากากไม้นั่งอยู่ รูปร่างสูงยาว บุคลิกน่าเกรงขาม
พอเห็นพวกคนตระกูลเซี่ยเข้ามา เขาก็ไม่สนใจ แค่เปิดหนังสือในมือ
ผู้อาวุโสรองขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม อยู่ๆ ก็พูดขึ้น
“ท่านเงา เมื่อหลายวันก่อนผมเพิ่งเรียนกระบวนท่าใหม่ อยากขอคำชี้แนะสักหน่อย”
เขาแสยะยิ้มในใจ
เงาไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง ถ้าอย่างนั้นจะเอาใครมาปลอมตัวก็ได้
แต่ไม่มีทางปลอมวรยุทธ์กับฝีมือได้
เงายังคงไม่พูด
“ผู้อาวุโสรองตระกูลเซี่ย” มีเสียงพูดดังขึ้น
“ถ้าคุณต้องการคำชี้แนะ ผู้นำตระกูลบ้านคุณก็มีอยู่ไม่น้อย มาถึงศาลสถิตยุติธรรมทำไมกันครับ”
ผู้อาวุโสรองหันไป จำได้ว่าเป็นก้งเฟิ่งที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้
เดิมทีตำแหน่งนี้ควรเป็นของตระกูลเซี่ย
ดังนั้นพอเห็นเวินเฟิงเหมียน ผู้อาวุโสรองถึงชักสีหน้าใส่
“ก้งเฟิ่งสาม อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ว่าคุณเป็นพวกเดียวกับเงา” เขาแสยะยิ้ม “ผมก็แค่อยากดูว่าเขาใช่เงาตัวจริงหรือเปล่า อยู่ๆ คุณมาพูดแบบนี้ หรือว่าร้อนตัวหรือไง”
“คิดมากแล้ว” เวินเฟิงเหมียนยิ้ม “ห้ามต่อสู้กันในศาลสถิตยุติธรรม แต่ถ้าจะท้าประลอง พวกเราก็ร่วมได้ แค่กลัวว่าจะทำพวกคุณบาดเจ็บ”
“ก้งเฟิ่งสามไม่ต้องเป็นห่วง” ผู้อาวุโสรองพูดเสียงเย็นชา “ต่อให้วันนี้ผมท้าประลองแล้วไงล่ะ”
ก้งเฟิ่งที่วรยุทธ์เพิ่งพ้นห้าสิบปีก็กล้าสงสัยในตัวเขาเหรอ
ผู้อาวุโสรองยกฝ่ามือขึ้น จะเข้าไปจับบ่าของเวินเฟิงเหมียน
เขาไม่ออมแรง การจับครั้งนี้สามารถทำกระดูกไหล่ของเวินเฟิงเหมียนหลุดได้
เวลานี้ในที่สุดเงาก็พูดขึ้น
น้ำเสียงของเขาเย็นชา “เห็นผมตายไปแล้วเหรอ”
ยังไม่ทันพูดจบทันใดนั้นเขาก็เหาะลงมา ยกฝ่ามือพุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสรอง
“ตูม!”
เกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยภายในห้องโถง
แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น!
ผู้อาวุโสรองถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ส่วนเงายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แม้แต่เส้นผมก็ยังไม่ยุ่ง
นายใหญ่เซี่ยที่อยู่ข้างๆ รู้สึกตะลึง
วิธีโจมตีแบบนี้คือเงาอย่างไม่ต้องสงสัย
เป็นไปได้ยังไง
ถ้าเงาอยู่ที่นี่ งั้นคนที่อยู่ยุโรปคือใคร!
ผู้อาวุโสรองก็ตะลึงเหมือนกัน “ท่าน…”
“ผมว่าตระกูลเซี่ยคงไม่อยากอยู่ในศาลสถิตยุติธรรมแล้ว” เงาเหลือบมองฮู่ฝ่าซ้ายที่เพิ่งเข้ามา
“ฮู่ฝ่าซ้าย คุณก็อายุเกือบร้อยปีแล้ว ไม่ดูลูกหลานหน่อยเหรอ”
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปตำแหน่งของคุณจะยังอยู่อีกเหรอ”
ฮู่ฝ่าซ้ายหน้าเครียด
อายุของเงาเป็นปริศนาในศาลสถิตยุติธรรม
แต่เขาก็หนุ่มมากจริงๆ
ฮู่ฝ่าซ้ายมีบารมีมาก ถูกเด็กรุ่นหลังตำหนิต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ เขาย่อมเสียหน้า
แต่ตามกฎที่ศาลสถิตยุติธรรมตั้งไว้ เหตุผลทุกข้อของเงาก็ฟังขึ้นหมด
สถานะของเงาในศาลสถิตยุติธรรมเทียบเท่าคณะผู้อาวุโส อีกทั้งมีสิทธิ์ออกเสียงหนึ่งสิทธิ์
วรยุทธ์ของเงาด้อยกว่าเขา แต่มีอำนาจมากกว่าเขา
ฮู่ฝ่าซ้ายจำต้องอดทน กำมือแน่นจนเกิดเสียงกระดูกลั่น
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น ตบเข้าไปที่หน้าของนายใหญ่เซี่ย
นายใหญ่เซี่ยยังไม่เป็นถึงขั้นปรมาจารย์จอมยุทธ์ โดนตบทีเดียวก็กระเด็น
เขากลิ้งไปบนพื้นหลายตลบแล้วกระแทกกับเสา
หน้าซีด กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง
ผู้อาวุโสสามประคองผู้อาวุโสรองไปยืนด้านข้าง รู้ว่าเสียเปรียบจึงไม่พูดอะไร
“ไสหัวกลับไปให้หมด!” ฮู่ฝ่าซ้ายสีหน้าบึ้งตึง “ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามาพูดเหลวไหลที่นี่!”
คนของตระกูลเซี่ยรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮู่ฝ่าซ้ายสูดลมหายใจเข้าลึก หันไปพูดเสียงลอดตามไรฟัน “พอใจหรือยัง”
“ฮู่ฝ่าซ้ายพูดแบบนี้หมายความว่าไงครับ” เงาแสยะยิ้ม ไม่แคร์ “มีคนท้าทายกฎที่ศาลสถิตยุติธรรมตั้งขึ้น ผมจัดการไปตามความผิด มีอะไรต้องพอใจด้วย”
ฮู่ฝ่าซ้ายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าบิดเบี้ยว
เขาทำเสียงฮึดฮัด รีบสาวเท้าเดินออกไป
พอเห็นเรื่องจบลง เวินเฟิงเหมียนก็หันไปพยักหน้าให้คนที่นั่งอยู่ด้านบนเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกจากศาลสถิตยุติธรรม
พอทุกคนออกไปแล้วก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง
เงาถึงได้ยกมือถอดหน้ากากออก
เป็นฝูซี
แววตาของเธอดูหนักใจ มองเลือดที่กองอยู่บนพื้น อดกังวลไม่ได้
วรยุทธของเธอเป็นอันดับหนึ่งในโลกแพทย์แผนโบราณ
แต่ถ้าเทียบในโลกจอมยุทธก็แค่ระดับกลางค่อนไปทางบน
ถ้าพวกผู้นำตระกูลจอมยุทธออกมา เธอก็ปกป้องอาจารย์ของเธอกับฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้
เวลาในการฝึกวรยุทธตอนนี้กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ไปแล้ว
ถึงอิ๋งจื่อจินจะไม่พูด แต่ฝูซีก็พอจะเดาได้ว่าอาจารย์ของเธอคงไปเจอกับอันตรายอะไรมา ทำให้ตอนนี้ต้องเริ่มฝีกใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง
วิชาการรักษาไม่ได้รับผลกระทบอะไร ขอแค่รวมศูนย์กำลังภายในได้นิดหน่อยก็เรียนการรักษาแผนโบราณได้
แต่ส่งผลอย่างมากต่อวรยุทธ
จะทำอย่างไรดี
ฝูซีนั่งนิ่งอยู่สักพัก จัดชุดให้เรียบร้อยแล้วออกจากศาลสถิตยุติธรรม
…
โลกแพทย์แผนโบราณ
ตระกูลฝู
ภายในเขตเรือน
ฝูเฉินนอนอยู่บนเก้าอี้โยกเช่นเคย
นับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินให้วิธีฝึกกำลังภายในแม้ในยามหลับมา เขาก็ไม่อยากตื่นแล้ว
จากนั้นเขาก็ถูกฝูซีที่กลับมาตรวจการบ้านถีบตกทะเลสาบให้ตื่นจากฝัน
ฝูเฉินเกือบสิ้นลม สั่นไปทั้งตัว รีบตะเกียกตะกายขึ้นจากทะเลสาบ
เขาเสียใจ “ท่านผู้นำตระกูล ผมฝึกอยู่นะ”
“ฉันไม่สนว่านายจะฝึกอยู่หรือเปล่า” ฝูซีพูด “เอาเป็นว่าฉันเห็นแค่นายนอนอยู่”
ฝูเฉิน “…”
เขาจำต้องนั่งลง หยิบสมุนไพรด้านข้างขึ้นมา
ชวนฝูซีคุยเรื่อยเปื่อย
“เอ๊ะ ท่านผู้นำตระกูล ท่านปรมาจารย์บอกว่าเธอยังมีลูกศิษย์คนอื่นอีก ท่านผู้นำตระกูลเคยเจอไหม”
“ลูกศิษย์คนอื่นเหรอ” ฝูซีอดอึ้งไม่ได้ ขมวดคิ้ว “ไม่เคยได้ยินอาจารย์พูดถึง”
แต่ก็ทำให้ฝูซีได้ฉุกคิด นึกถึงอดีต
เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน อาจารย์ของเธอมีวรยุทธ์ที่สูงมาก
อย่าว่าแต่สามตระกูลอย่างหลิน เซี่ย และเย่ว์เลย แค่อิ๋งจื่อจินตวัดมือก็พังโลกจอมยุทธ์ให้พินาศได้แล้ว
ถ้าอาจารย์ของเธอก็มีลูกศิษย์ในโลกจอมยุทธ์จะเป็นใครได้
ฝูซีขมวดคิ้ว รีบเดินไปที่หอเก็บตำรา
เธออยากลองหาอ่านพวกคนที่มีชื่อเสียงในโลกจอมยุทธ์ คนไหนบ้างที่พอจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เธอได้
…
อีกด้านหนึ่ง
ยุโรป
อิ๋งจื่อจินรับสายจากเวินเฟิงเหมียน “เยาเยา เป็นอย่างที่ลูกคิดไว้ ตระกูลเซี่ยมาที่ศาลสถิตยุติธรรม”
พอได้ยินแบบนี้เธอก็เหลือบมองฟู่อวิ๋นเซินที่นั่งอยู่ข้างๆ “ค่ะ สถานการณ์เป็นไงบ้างคะ”
“พอไหว” เวินเฟิงเหมียนพูด “ตระกูลเซี่ยออกไปแล้ว ตระกูลหลินกับตระกูลเย่ว์คงไม่มีทางมา”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย
ตระกูลเซี่ยมีนิสัยมุทะลุที่สุด พอได้เห็นตัวตนของเดวิลจะต้องรีบไปที่ศาลสถิตยุติธรรมแน่นอน
พอมีตระกูลเซี่ยเป็นตัวอย่าง ตระกูลหลินก็ไม่มีทางบุ่มบ่าม
เธอถึงได้ให้ฝูซีปลอมตัวเป็นฟู่อวิ๋นเซิน
เรื่องวิชาต่อสู้ก็พอสอนได้บ้างสองสามกระบวนท่าอย่างเร่งด่วน
ดูท่าตระกูลเซี่ยจะทำอย่างที่เธอคิดไว้
“พ่อคะ ช่วงนี้พ่ออย่าเพิ่งไปที่โลกจอมยุทธ์ดีกว่า” อิ๋งจื่อจินพูดเสียงขรึม
“หนูคิดว่าคงวุ่นวายไปอีกสักพัก ตอนนี้อยู่บ้านตระกูลจี้ปลอดภัยกว่า”
เวินเฟิงเหมียนขานรับ “พ่อเข้าใจ”
จบการสนทนา
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้น ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “ตระกูลเซี่ยไปที่ศาลสถิตยุติธรรมเหรอ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินยกน้ำผลไม้บนโต๊ะ “ไม่ใช่แค่ไป ยังลงไม้ลงมือด้วย”
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง “ตระกูลเซี่ยเป็นตัววุ่นวายจริงๆ”
โลกจอมยุทธไม่สามารถกำจัดอิทธิพลของตระกูลเซี่ยได้อย่างสิ้นเชิง
อิ๋งจื่อจินหันหน้าไป “ดูอะไรอยู่”
“วัตถุดิบอาหารกับเครื่องประดับ” นิ้วเรียวยาวของฟู่อวิ๋นเซินเคาะกระดาษเบาๆ
“ฉลองวันเกิดให้เธอ วันมะรืนก็จะสิบเก้าแล้ว เร็วจริงๆ”
เขาเหลือบตาขึ้น “เดี๋ยวนะเยาเยา ลืมเหรอ”
ถ้าเขาไม่พูดขึ้นมา อิ๋งจื่อจินก็ลืมไปสนิท
“ฉันไม่เคยรู้สึกว่าจะต้องฉลองวันเกิด” เธอเงียบไปชั่วขณะ
“คุณเองก็รู้อยู่ว่าอันที่จริงฉันมีชีวิตอยู่มานาน”
“แล้วไงล่ะ ตอนนี้เธอเป็นแค่สาวน้อยนะ” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว
“ไม่เคยได้ยินเหรอว่า การตายก็คือการมีชีวิตใหม่”
“ได้มีชีวิตใหม่ มีคนตั้งเท่าไรที่อิจฉา”
อิ๋งจื่อจินหลับตาลง “นั่นสินะ”
เธอเองก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะได้มาเกิดใหม่อีกครั้งหลังจากที่ตายไป
“ยังไงก็ต้องฉลองวันเกิด ต้องเตรียมให้ดี” ฟู่อวิ๋นเซินปิดหนังสือ “ยังเหลืออีกปี”
“หืม?”
“ก็จะถึงอายุที่แต่งงานตามกฎหมายได้แล้ว”
“…”
อิ๋งจื่อจินมองเขา ครุ่นคิดพลางพูด “ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
ฟู่อวิ๋นเซินหันไปมองด้วยความรู้สึกเหนือความคาดหมายนิดหน่อย
“เปลี่ยนความคิดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
“งั้นก็รอจบมหา’ลัยก่อนแล้วกัน”
“…”
เขาไม่น่าถามมากเลย
“เอาล่ะ งั้นพี่ชายไปข้างนอกหน่อยนะ” ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตระกูลแพชช์เพิ่งถูกลบชื่อ วุ่นวายนิดหน่อย เธอเล่นตามสบาย”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันว่าจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกหน่อย”
เธอยังนัดซีซาร์กินข้าวไว้ด้วย
ไม่ต้องจ่ายด้วยเงินตัวเองมันดีจริงๆ
อวิ๋นอู้ที่อยู่หน้าประตูหยิบกระสอบขึ้นมาอย่างเงียบๆ บังใบหน้าของตัวเองไว้
คนอื่นออกไปเที่ยวเล่นก็คือเที่ยวเล่นจริงๆ
แต่การออกไปเที่ยวเล่นของคุณอิ๋งกับคุณชายของเขาน่ะเหรอ
แบบนั้นแสดงว่าต้องมีคนซวยแล้ว
น่าเวทนาจริงๆ
…
สำนักงานใหญ่วีนัสกรุ๊ป
ภายในห้องประชุม
มีคนหนึ่งพูดขึ้น “ครั้งนี้ประธานโซนเอเชียแปซิฟิกก็จะมาด้วยครับ”
คำพูดนี้ทำให้พวกคนที่อยู่ในห้องประชุมถึงกับชะงัก
ในฐานะที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของวีนัสกรุ๊ปเหมือนกัน พวกเขาย่อมรู้จักประธานโซนเอเชียแปซิฟิกที่แสนลึกลับคนนั้น
โดยทั่วไปตำแหน่งระดับนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางยกให้คนจีน
พวกเขาเคยถามเบื้องบนเรื่องนี้
แต่คำตอบที่ได้ก็คือ ฟู่อวิ๋นเซินเคยช่วยชีวิตประธานใหญ่ไว้ โซนเอเชียแปซิฟิกเพิ่งก่อตั้ง ก็เลยยกให้เขา
คำตอบนี้ไม่ได้สร้างความเห็นต่างอะไร
แต่ช่วงเวลาปีกว่าที่ผ่านมา สำนักงานใหญ่วีนัสกรุ๊ปเรียกประชุมใหญ่หลายครั้ง ฟู่อวิ๋นเซินไม่เคยมา ซึ่งก็ทำให้พวกเขาสบายใจอยู่บ้าง
เพราะแสดงว่าฟู่อวิ๋นเซินไม่ถูกให้ความสำคัญ
ทำไมอยู่ๆ วันนี้ก็จะมาล่ะ
“เอาล่ะ ไม่ต้องเครียดกันขนาดนั้น” ชายชาวตะวันตกอีกคนพูดขึ้น “ก็แค่ประธานโซนเอเชียแปซิฟิก ไม่ใช่ประธานใหญ่เสียหน่อย กังวลอะไร ยังไงก็สู้ประธานโซนยุโรปของพวกเราไม่ได้หรอก”