ตอนที่ 603 การตายของเมิ่งชิงเสวี่ย ตัวบงการแพทย์ผิดจรรยาบรรณ
ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลเมิ่งยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ได้คัดค้านเพื่อปกป้องเมิ่งชิงเสวี่ย พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ความจริงกับหลักฐานกองอยู่ตรงหน้า
หนึ่งในหลานชายของเขาถูกเมิ่งชิงเสวี่ยฆ่าตาย
คนอื่นที่ตายเพื่อเมิ่งชิงเสวี่ยอย่างอ้อมๆ ก็ยังมีอีกมาก
ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกเคืองใจมาก
เมิ่งชิงเสวี่ยได้รับการประคบประหงมมากที่สุดในตระกูลเมิ่ง มีพร้อมทุกอย่าง
ทำไมถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้
เมิ่งชิงเสวี่ยถูกผูกติดกับโครงเหล็ก ไม่มีแม้แต่แรงขัดขืน
การลงโทษของโลกแพทย์แผนโบราณก็สืบทอดมาตามธรรมเนียมโบราณ
เมิ่งชิงเสวี่ยมองที่หนีบมือที่อยู่ในมือคนคุ้มกัน เหงื่อแตกเต็มหลัง
ในที่สุดเธอก็กรีดร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “พวกคุณห้ามแตะต้องฉันนะ! ฉันช่วยคนไว้ตั้งเท่าไร สมาพันธ์โอสถมีบันทึกไว้ เกือบพันคน ใช่ ฉันยอมรับว่ามีคนตายเพราะฉัน แต่บาปพวกนี้ก็ยังสู้บุญที่ฉันเคยทำไม่ได้!”
“ถ้าพวกคุณแตะต้องฉัน พวกคุณจะโดนหนักยิ่งกว่า!”
ไม่ว่ายังไงคนพวกนั้นก็ตายเพราะสัตว์ป่ากับกับดัก
ชิวมั่นประธานสมาพันธ์โอสถหันไปมองเมิ่งชิงเสวี่ย แสยะยิ้ม “ใช่ สมาพันธ์โอสถของเรามีบันทึกไว้ว่าเธอช่วยคนไปเท่าไร แต่ตอนนี้ข้อมูลของเธอต้องมีบันทึกเพิ่มแล้วว่าเธอทำคนตายไปตั้งมากขนาดนั้น แพทย์ผิดจรรยาบรรณก็ยังสู้เธอไม่ได้”
เมิ่งชิงเสวี่ยหน้าซีด
เธอมองเมิ่งสยง เมิ่งสยงกลับหลับตา ไม่สนใจเธออีก
ฝูเฉินพูดเสียงเบา “ท่านปรมาจารย์ เมิ่งชิงเสวี่ยทำคนตายไปเยอะขนาดนั้นจริงเหรอ”
“ตระกูลเมิ่งแยกกับพวกเราไปตั้งแต่แรก” อิ๋งจื่อจินนึกย้อน “ตอนนั้นที่ฉันลงเขา เห็นเธอผลักอันเมี่ยวเมี่ยว ส่วนคนอื่นฉันไม่รู้”
ภูเขาลูกนั้นใหญ่มาก กอปรกับมีกับดักสารพัดและสัตว์ป่าที่เทียบได้กับปรมาจารย์จอมยุทธ์ ทุกคนก็กระจัดกระจายกันไป
แต่ระหว่างทางเธอเห็นศพของสมาชิกตระกูลเมิ่งมากมาย หากดูจากรอยเลือดบนพื้นก็ไม่ใช่พุ่งเข้าหาสัตว์ป่าเอง
ขณะลงเขาเธอได้ช่วยชีวิตสมาชิกตระกูลเมิ่งไปหลายคน พวกเขาต่างไม่อยากพูดถึงเมิ่งชิงเสวี่ย
ฝูซีขมวดคิ้ว “อาจารย์ว่าเธอเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณไหมคะ”
แพทย์ผิดจรรยาบรรณก็เป็นเนื้อร้ายชิ้นใหญ่ที่ติดอยู่ในใจเธอ
ลูกศิษย์คนนั้นของเธอที่ถูกแพทย์ผิดจรรยาบรรณฆ่าตายเป็นคนเก่งมาก พรสวรรค์สูง อีกทั้งเลือดยังมีสรรพคุณพิเศษ
หากยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้จะต้องเป็นอีกหนึ่งตำนานของโลกแพทย์แผนโบราณแน่นอน
“ไม่ใช่” ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินหรี่ลงเล็กน้อย “แพทย์ผิดจรรยาบรรณมีวิธีของตัวเอง หากเธอเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณจริง อย่างน้อยสภาพร่างกายคงไม่แย่ขนาดนี้”
แพทย์ผิดจรรยาบรรณจะมีวิธีหนึ่ง
ต่ออายุ
จับคนอื่นมาทำยา พอกินเข้าไปก็ช่วยต่ออายุได้
ยาแบบนี้นักปรุงยาพิษไม่มีทางทำ
โหดเหี้ยมเกินไป และก็ผิดต่อหลักมนุษยธรรม
ฝูเฉินส่ายหน้า “ตระกูลเมิ่งจัดระเบียบในตระกูล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเรามากนัก สุดท้ายก็ยังไม่เจอตัวแพทย์ผิดจรรยาบรรณอยู่ดี”
ไม่ว่าอย่างไร ตัวการของเรื่องนี้ก็คือแพทย์ผิดจรรยาบรรณ
ฟู่อวิ๋นเซินเอามือปิดตาอิ๋งจื่อจิน “เยาเยา อย่าดูเลย เพิ่งกำจัดพิษในตัวเธอออกไปหมด อย่าเห็นเลือดจะดีกว่า”
ขณะพูดเขาก็ยัดขวดใส่มือเธอ “ดื่มนมร้อนหน่อย”
ลงโทษเสร็จไปหนึ่งรอบ เมิ่งชิงเสวี่ยก็หายใจรวยริน
เธอถูกวางลงบนพื้น น้ำตาคลอ
คนอื่นๆ ที่มาร่วมประชุมลุกขึ้น พากันเดินออกทีละคน
เมิ่งชิงเสวี่ยขยับริมฝีปาก ท่าทางน่าเวทนา
ทำไมเธอถึงได้ชอบฟู่อวิ๋นเซิน
อาจเพราะเห็นพวกคุณชายของโลกแพทย์แผนโบราณมาจนชิน อยู่ๆ ก็ได้เห็นผู้ชายที่โหดเหี้ยมดุดัน
เมิ่งชิงเสวี่ยจำได้ดี
วันนั้นเป็นตอนบ่ายที่แสงแดดกำลังดี
เขาเพิ่งลงจากเวทีประลองของโลกจอมยุทธ์ เลือดท่วมตัว มาเอายาที่โลกแพทย์แผนโบราณ
ระหว่างทางเขาช่วยนกกระจอกตัวหนึ่งที่ตกจากต้นไม้ด้านนอกสมาพันธ์โอสถ
แสงแดดสาดส่องลงบนใบหน้าที่งดงามของเขา ฉาบใบหน้าอ่อนโยนให้เกิดประกายสีทอง
สะกดตาในทันที
เธอไม่เคยเจอผู้ชายแบบนี้มาก่อน ผสมผสานระหว่างความอ่อนโยนกับความเย็นชาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ใช้มือที่เคยฆ่าคนทำแผลให้นก
มีเสน่ห์ดึงดูดอันตราตรึง
ไม่อาจปฏิเสธได้
เมิ่งชิงเสวี่ยมองฟู่อวิ๋นเซินก่อนจะหมดสติไป
…
เมิ่งสยงไม่ปรานีต่อเมิ่งชิงเสวี่ยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าผิดหวังอย่างสิ้นเชิง
แต่เขาก็รู้สึกแย่จริงๆ
อย่างไรเสียเมิ่งชิงเสวี่ยก็เป็นอัจฉริยะที่ร้อยปีจะเจอสักคน ไม่ว่าจะในด้านปรุงยาหรือการฝังเข็ม เธอก็มีพรสวรรค์สูงมาก
ตระกูลเมิ่งสูญกำลังคนและทรัพยากรไปมากกว่าจะบ่มเพาะอัจฉริยะคนเก่งขึ้นมาสักคน
แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ ถึงแม้เมิ่งชิงเสวี่ยจะได้รับการลงโทษแล้ว แต่ลูกหลานตระกูลเมิ่งที่ตายเพราะเธอกลับฟื้นขึ้นมาไม่ได้อีก
ตระกูลเมิ่งสูญเสียคนหนุ่มสาวไปหลายสิบคน อีกทั้งพอไม่มีเมิ่งชิงเสวี่ย ศักยภาพโดยรวมก็ลดลงไปมาก
ไม่มีความสามารถที่จะทัดเทียมตระกูลฝูกับตระกูลอันได้อีกแล้ว
เมิ่งสยงให้คนเอาตัวเมิ่งชิงเสวี่ยไปขังไว้ในหอบรรพชนเก่าของตระกูลเมิ่ง จากนั้นเขาก็ออกไป
ตอนเย็นเมิ่งชิงเสวี่ยก็ฟื้นขึ้นมาจากความเจ็บปวด
เธอไม่มีแม้แต่แรงกินข้าว
ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นในเวลานี้
เมิ่งชิงเสวี่ยพยายามเงยหน้า เห็นคนคนหนึ่ง
“ท่าน?” เธอตกใจเล็กน้อย อ้าปากพูดอย่างอ่อนแรง “ท่านมาช่วยฉันเหรอคะ”
เธอรู้ตั้งแต่เด็กแล้วว่าทำอย่างไรถึงจะเอาใจคนที่อายุมากกว่าได้
ก็แค่ว่านอนสอนง่าย ร้องไห้เก่งๆ ก็พอแล้ว
ด้วยเหตุนี้คนที่อาวุโสกว่าเธอในโลกแพทย์แผนโบราณถึงได้ชอบเธอกันมาก
คนคนนั้นไม่พูดอะไร แค่เดินเข้าไป จากนั้นก็ปลดที่ล็อกแขนให้เมิ่งชิงเสวี่ย
“ขอบคุณค่ะท่าน” เมิ่งชิงเสวี่ยถอดโซ่ ร่างกายเบาขึ้น
เธอรู้อยู่แล้วว่าเธอบุญเยอะ ไม่มีทางตายง่ายๆ
เมิ่งชิงเสวี่ยดึงชายเสื้อของคนคนนั้น พูดด้วยเสียงอ่อนแรง “รบกวนท่านช่วยพาฉันออกไปหน่อยนะคะ ฉันต้องหาสมุนไพรสองสามชนิด ไว้ร่างกายฉันฟื้นกลับมา ฉันจะตอบแทนท่านแน่นอนค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้คนคนนั้นก็ค่อยๆ นั่งลง ยกมือขึ้น
เมิ่งชิงเสวี่ยยังไม่ทันผุดรอยยิ้ม
วินาทีถัดมามือนั้นก็ล็อกคอเธอไว้ด้วยความเร็วดุจฟ้าผ่า
จับไว้แน่นแล้วยกตัวเธอขึ้น
เมิ่งชิงเสวี่ยดวงตาเบิกโพลงในทันที ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เธอส่งเสียงร้อง แต่ไม่นานก็ถูกสกัดจุดไว้
เลือดไหลออกจากมุมปากทีละหยด สภาพน่าตกใจ
อีกฝ่ายจงใจผ่อนแรงแล้วค่อยๆ ปล่อยออกมา
วิธีฆ่าแบบนี้เป็นการทรมานแบบหนึ่ง
ก่อนตายเมิ่งชิงเสวี่ยเพิ่งตระหนักได้ว่าเธอเจอแพทย์ผิดจรรยาบรรณเข้าแล้ว
ด้วยสถานะของคนผู้นี้ ต่อให้ไม่ใช่ผู้บงการแพทย์ผิดจรรยาบรรณ แต่ก็เป็นคนระดับสูงแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่เธอพูดอะไรไม่ได้แล้ว
เมิ่งชิงเสวี่ยหล่นไปกองบนพื้น ดวงตายังเปิดอยู่ แต่ไม่หลงเหลือลมหายใจแล้ว
ประตูถูกเปิดออกแล้วปิดลงอีกครั้ง
ภายในหอบรรพชนเก่าเงียบสนิท สามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่น
แต่คนคุ้มกันที่อยู่ด้านนอกกลับไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นโดยรอบเลยสักนิด ยังคงเฝ้าอยู่อย่างเข้มงวด
…
วันต่อมา
มหาวิทยาลัยตี้ตู
อิ๋งจื่อจินกินยาเสร็จก็ไปที่ห้องทดลอง
สภาพร่างกายของเธอเพิ่งฟื้นกลับมา ยังไม่รู้สึกคล่องตัวเท่าไร
การต่อสู้ทั่วไปไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าสู้กับจอมยุทธ์ก็ยังด้อยกว่าหน่อย
ฟู่อวิ๋นเซินส่งเธอออกมาจากโลกแพทย์แผนโบราณ ให้เธอมารักษาตัวในตี้ตู
จากนั้นอิ๋งจื่อจินก็ถูกจั่วหลีโทรตามไม่หยุด
เธอเองก็ไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยมาเดือนกว่าแล้ว
สู้กับคนจนเหนื่อย ไปทำการทดลองเล่นหน่อยดีกว่า
“นักศึกษาอิ๋ง ในที่สุดก็มาสักทีนะ” จั่วหลีราวกับได้เจอคนสนิท ชี้ที่หัว “ดูสิ อาจารย์รอเธอจนหัวล้านแล้วเนี่ย”
อิ๋งจื่อจิน “…”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างใจเย็น เปิดคิวอาร์โค้ดรับเงินในวีแชท
จั่วหลีชะงัก “ไม่ๆ อาจารย์หมายความว่ารอเธอมานานแล้ว ตั้งหน้าตั้งตารอทุกวัน”
ในบ้านเขายังมียาสระผมอยู่สิบกว่าลัง อีกหลายปีกว่าจะใช้หมด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” อิ๋งจื่อจินสวมถุงมือทำการทดลอง นั่งลงหน้าโต๊ะ “หรือว่ามีงานแข่งขันที่ได้เงินรางวัลอีก”
“นักศึกษาอิ๋ง แบบนี้ไม่ถูกนะ ชีวิตคนเรามันจะมีแต่เรื่องเงินได้ยังไง” จั่วหลีมุมปากกระตุก “ปลายเทอมก่อนอาจารย์บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าส่งบทความของเธอไปให้หน่วยงานในยุโรปที่วิจัยฟิสิกส์ดาราศาสตร์โดยเฉพาะ”
“กลางเดือนมีนาคมพวกเขาตอบกลับมาแล้ว บอกว่าบทความของเธอแปลกใหม่มาก พวกเขาเตรียมให้พื้นที่หน้าปกวารสารวิทยาศาสตร์รอบเดือนพฤษภาคม แถมยังมีลงคอลัมน์ให้โดยเฉพาะด้วยนะ!”
บทความชิ้นแรกก็ได้ขึ้นปกแล้ว สุดยอดจริงๆ
อิ๋งจื่อจินตอบ “อ่อ” พลางพยักหน้า
สรุปว่าไม่มีเงินให้
งั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
น่าเบื่อจัง
อิ๋งจื่อจินก้มหน้า เปิดอุปกรณ์ทดลองแล้วใส่รหัสผ่าน
จั่วหลีถูกท่าทาง ‘เงินเท่านั้นถึงทำเธอตื่นเต้นได้’ ของอิ๋งจื่อจินทำหมดอารมณ์ ทำได้เพียงพูดต่อ “เกียรติยศ! นี่มันเป็นเกียรติยศเลยนะ! นักศึกษาอิ๋ง หลังได้ลงวารสารเธอก็จะได้ตำแหน่งกิตติมศักดิ์แล้ว”
“เธอรู้หรือเปล่าว่าคนที่ได้ตำแหน่งกิตติมศักดิ์คนล่าสุดอายุเท่าไร ยี่สิบห้า เธอเพิ่งจะสิบเก้า ไปขอลงบันทึกกินเนสบุ๊กได้เลยนะ พอได้ตำแหน่งกิตติมศักดิ์นี้มา ท่านอธิการบดีบอกแล้วว่าจะให้เธอได้เป็นศาสตราจารย์”
อิ๋งจื่อจินชะงัก ในที่สุดก็เริ่มสนใจ “ลงบันทึกกินเนสบุ๊กแล้วจะได้เงินเหรอคะ”
จั่วหลี “…”
คุยต่อไม่ได้แล้ว
เขาหมดคำจะพูดแล้ว เดินออก
ด้านนอกห้องทดลอง จั่วหลีโทรหาเฉินจวิ้นเซียนอธิการบดีมหาวิทยาลัยตี้ตู “ใช่ครับ คือแบบนี้นะครับท่านอธิการ ไว้รอวารสารเดือนพฤษภาคมออก พวกเราต้องจัดพิธีมอบตำแหน่งให้นักศึกษาอิ๋งอย่างยิ่งใหญ่เลยนะครับ”
“ครับ ทางศูนย์ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ก็บอกแล้วว่าพวกเขาได้แนวคิดใหม่ๆ เรื่องเอกภพคู่ขนานจากบทความของนักศึกษาอิ๋งครับ”
จั่วหลีอดตื่นเต้นไม่ได้
ถ้าเอกภพได้รับการบุกเบิก นี่จะถือเป็นก้าวใหญ่ของความเจริญก้าวหน้าแห่งมวลมนุษยชาติ
…
อีกด้านหนึ่ง
บ้านตระกูลเมิ่ง
ตอนเที่ยงพ่อบ้านเอาข้าวไปให้เมิ่งชิงเสวี่ย
เขาเอาคำสั่งของเมิ่งสยงให้คนคุ้มกันดูแล้วถึงเปิดประตูเข้าไป
พอเข้าไปแล้วพ่อบ้านก็พูดขึ้น “คุณชิงเสวี่ย นี่เป็นอาหารสำหรับวันนี้ คุณ…”
ทันใดนั้นเขาก็ชะงัก
พ่อบ้านเห็นร่างที่นอนแข็งอยู่บนพื้น สีหน้าตะลึงสุดขีด
เขาพูดไม่ออก เดินเข้าไปด้วยความระมัดระวัง ลองเอามือไปวางที่จมูกของเมิ่งชิงเสวี่ย
ไม่มีแล้ว
เมิ่งชิงเสวี่ยตายแล้ว!
พ่อบ้านไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ยากที่จะข่มความกลัวในจิตใจได้ “ใครก็ได้! รีบเข้ามาเร็ว!”
พวกคนคุ้มกันถึงได้วิ่งเข้ามา พอเห็นภาพตรงหน้าก็ตะลึงกันหมด
ตรงห้องด้านหน้า เมิ่งสยงกำลังเตรียมจัดพิธีศพให้สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลเมิ่ง
อยู่ๆ ก็เห็นพ่อบ้านวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
เมิ่งสยงขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น ให้ไปส่งข้าวไม่ใช่เหรอ ห้ามใจอ่อน หรือว่าเธอทำอะไร”
“มะ ไม่ใช่ครับ! ทะ ท่านผู้นำตระกูลบอกว่า สงสัยว่าคุณชิงเสวี่ยจะเกี่ยวข้องกับแพทย์ผิดจรรยาบรรณหรือเปล่า ก็แค่เธอไม่ยอมพูด ถึงได้เอาเธอไปขังไว้” พ่อบ้านทรุดลงคุกเข่า “ทั้งยังให้พวกเราเฝ้าไว้ให้ดี”
“ใช่ เป็นแบบนั้น” เมิ่งสยงลุกขึ้น “มีแพทย์ผิดจรรยาบรรณมาช่วยเธอไปเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ” พ่อบ้านยิ้มเศร้า “เป็นอย่างที่ท่านผู้นำตระกูลคาดการณ์ไว้ แพทย์ผิดจรรยาบรรณมาจริงๆ ครับ แต่กลับไม่ได้มาช่วย พวกเขาฆ่าคุณชิงเสวี่ยครับ!”
เมิ่งสยงสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “แพทย์ผิดจรรยาบรรณล่ะ มีคนเห็นไหมว่าเป็นใคร”
“ผมมันไร้ความสามารถ ไม่พบความผิดปกติเลยสักนิด” พ่อบ้านก้มหน้าต่ำกว่าเดิม พูดเสียงสั่น “วันนี้ตอนที่ผมเอาข้าวไปส่งตามคำสั่งของท่าน ผมก็เห็นร่างของคุณชิงเสวี่ยแข็งไปแล้วพวกคนคุ้มกันก็ไม่สังเกตเห็นว่ามีใครเข้ามาครับ”
“จากการสันนิษฐานขั้นต้น น่าจะตายมากว่าสิบสองชั่วโมงแล้วครับ!”
ซึ่งก็หมายความว่า หลังจากเมิ่งชิงเสวี่ยถูกเอาตัวไปขังในหอบรรพชนเก่าได้ไม่นานก็มีแพทย์ผิดจรรยาบรรณแอบเข้าไปเงียบๆ แล้วฆ่าเธอ
พ่อบ้านพูดต่อ “ตรงคอของเธอมีบาดแผลรุนแรง ทั้งยังถูกสูบเลือดไปด้วย ปะ เป็นไปได้ว่าจะเอาไปทำยาครับ!”
เมิ่งสยงถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ล้มลงไปบนเก้าอี้
เป็นลูกหลานของเขาอีกแล้วที่ถูกฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณแบบนี้ เขารับไม่ได้จริงๆ
แพทย์ผิดจรรยาบรรณอีกแล้ว!
หายนะทั้งหมดมาจากแพทย์ผิดจรรยาบรรณทั้งนั้น
เมิ่งสยงสูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่เห็นอะไรเลยจริงเหรอ ไม่มีร่องรอยเลยสักนิดเหรอ”
“มีร่องรอยครับ” พ่อบ้านมือสั่น หยิบป้ายแทนตัวออกมาอันหนึ่ง “นี่เป็นของที่คุณชิงเสวี่ยกำไว้แน่น สันนิษฐานว่าคงกำเสื้อของแพทย์ผิดจรรยาบรรณคนนั้นไว้แน่นตอนที่ถูกฆ่าครับ”
“เธอกำไว้แน่นมาก พวกเราต้องแกะมือเธอถึงจะเอาออกมาได้”
เมิ่งสยงรับมาดู
ป้ายแทนตัวถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษ คนในโลกแพทย์แผนโบราณที่มีป้ายแทนตัวแบบนี้มีไม่เกินสิบคน
เป็นเหมือนบัตรผ่านที่แต่ละอิทธิพลใหญ่ให้ลูกหลานไว้ และยังแสดงถึงความสามารถกับตัวตน
บนนั้นมีอักษรหนึ่งตัว
อิ๋ง