ตอนที่ 604 อิทธิพลชั้นแนวหน้ารวมตัว! หนุนหลัง
ตระกูลใหญ่ในโลกแพทย์แผนโบราณ แค่มือเดียวก็พอนับ
เมิ่งสยงรู้จักคนแซ่ ‘อิ๋ง’ อยู่คนเดียว
อิ๋งจื่อจิน
อัจฉริยะคนใหม่ในโลกแพทย์แผนโบราณ นำฝูเฉินไปแล้ว
ถึงแม้ฝูเฉินจะไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าชื่นชมเธอ
เมื่อวานเมิ่งสยงยังได้ตั้งใจขอบคุณอิ๋งจื่อจิน ขอบคุณที่เธอช่วยสมาชิกของตระกูลเมิ่งไว้หลายคน
แล้วทำไม…
เมิ่งสยงมือสั่น ป้ายอันนั้นหล่นลงบนพื้น
พ่อบ้านยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่กล้าหายใจแรง
เขาเริ่มมองป้ายอันนั้น และก็รู้สึกเหลือเชื่อเหมือนกัน
แต่พอลองคิดดูให้ดีก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
อิ๋งจื่อจินก้าวหน้าขึ้นเร็วมากในโลกแพทย์แผนโบราณ ใช้ระยะเวลาแค่ครึ่งปี
พอเธอมาถึงก็แสดงความสามารถทางการปรุงยาที่เหนือใคร
คิดว่าฝีมือฝังเข็มก็คงไม่ด้อยไปกว่ากัน
อีกทั้งก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตอยู่ในโลกปุถุชน ไม่มีทรัพยากรอะไร แล้วฝีมือการรักษามาจากไหน
มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
แต่ถ้าเธอเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ ถ้าอย่างนั้นก็อาศัยเส้นทางผิดๆ เพื่อเติบโตแบบก้าวกระโดดได้
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ครั้งก่อนสมาพันธ์โอสถสงสัยว่าอิ๋งจื่อจินเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณในตอนแรก
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะตัดสินใจได้แล้ว” เมิ่งสยงรู้สึกล้า “คิดว่าตอนนี้ข่าวคงไปถึงโลกจอมยุทธ์แล้ว ปิดบังไม่ได้ ควรทำยังไงก็ตามนั้นแล้วกัน”
…
โลกจอมยุทธ์
สหพันธ์จอมยุทธ์
ภายในห้องหนังสือ
ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่
เขาก็คือนายน้อยแห่งสหพันธ์จอมยุทธ์ เฉิงจิ่น
เขาไม่ใช่ลูกชายของประธานสหพันธ์จอมยุทธ์ แต่เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพียงคนเดียว
มีคนคุ้มกันมาเคาะประตู
เฉิงจิ่นไม่เงยหน้า “เข้ามา”
คนคุ้มกันเดินเข้าไป คุกเข่าลงหนึ่งข้าง พูดเสียงเบา “เรียนนายน้อย คุณชิงเสวี่ย…ไปแล้วครับ”
มือของเฉิงจิ่นที่จับหนังสือหยุดชะงัก
เขาเงยหน้า หรี่ตาลง เริ่มแผ่รังสีอันตราย “นายหมายถึงว่าตายแล้วน่ะเหรอ”
เขาไม่ได้มีความรู้สึกเชิงชู้สาวกับเมิ่งชิงเสวี่ย เป็นแค่หมอกับคนไข้
สหพันธ์จอมยุทธ์จ่ายเงิน ตระกูลเมิ่งรักษาอาการป่วย เป็นเรื่องปกติมาก
เมิ่งชิงเสวี่ยเข้าใจผิดเขาไปมาก
คนคุ้มกันตอบเสียงสั่น “ครับ เดิมทีถูกจับไปขังเพราะทำผิด แต่เมื่อคืนถูกแพทย์ผิดจรรยาบรรณฆ่าตายครับ”
“ตระกูลเมิ่งพบหลักฐานแล้ว สามตระกูลอย่างหลิน เซี่ย และเย่ว์ก็ไปที่โลกแพทย์แผนโบราณแล้ว เตรียมสอบสวนเอาเรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องลงคะแนนตัดสินใจครับ”
“ฝีมือแพทย์ผิดจรรยาบรรณเหรอ” เฉิงจิ่นขมวดคิ้ว “หลักฐานบ่งชี้ไปที่ใคร”
“อิ๋งจื่อจินครับ”
“อ่อ ฉันเคยได้ยินชื่อนี้ เธอรักษาคนเก่งมาก ฉันยังคิดอยู่ว่าวันไหนจะเชิญเธอมาพบหน้าหน่อย” เฉิงจิ่นพยักหน้า “เธอเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณเหรอ”
“หลักฐานว่าแบบนั้นครับ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ทางโลกแพทย์แผนโบราณต้องการเค้นเบาะแสของแพทย์ผิดจรรยาบรรณคนอื่นๆ จากปากเธอ โดยเฉพาะตัวการใหญ่ครับ”
“เห็นทีเรื่องจะซับซ้อน แพทย์ผิดจรรยาบรรณซ่อนตัวมานานขนาดนี้ ไม่มีทางยอมถูกเปิดโปงได้ง่ายๆ” เฉิงจิ่นยืนขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “ทางตระกูลหลินใครไป”
คนคุ้มกันตอบ “คุณชิงจยาครับ เธอเพิ่งไป ตระกูลเซี่ยเป็นเซี่ยเนี่ยน ตระกูลเย่ว์เป็นเย่ว์จิงซาน”
เฉิงจิ่นได้ฟังก็เข้าใจแล้ว “คุณฝูอียังเก็บตัวอยู่ มิน่าล่ะ”
ไม่อย่างนั้นเรื่องแบบนี้ตระกูลเย่ว์ไม่มีทางส่งเย่ว์จิงซานไป
เฉิงจิ่นเรียกคนคุ้มกันสองคน “พวกนายตามฉันไปด้วย”
“ครับนายน้อย”
…
อีกด้านหนึ่ง ทางมหาวิทยาลัยตี้ตู
อิ๋งจื่อจินช่วยจั่วหลีทำการทดลองจนเสร็จ
จั่วหลีดีใจมาก อยากเลี้ยงหม้อไฟเธอ
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด ประหยัดเงินค่าข้าวได้หนึ่งมื้อ เธอจึงตอบตกลง
และที่สำคัญที่สุดคือ ฟู่อวิ๋นเซินไม่อยู่ เธอไม่ต้องถูกคุม กินหมาล่าเผ็ดๆ น้ำมันเยิ้มๆ ได้ตามใจ กินโค้กได้หลายขวด
อิ๋งจื่อจินส่งสติกเกอร์ให้เขา บอกว่าเธอยังตั้งใจทำการทดลองอยู่ ทันใดนั้นก็มีข้อความวีแชทเข้าสองข้อความ
ฝูเฉิน : [ท่านปรมาจารย์ แย่แล้วครับ! เมื่อกี้ตระกูลเมิ่งส่งข้อความมาบอกว่าเมิ่งชิงเสวี่ยตายแล้ว ตายเมื่อคืน!]
ดวงตาของอิ๋งจื่อจินหรี่ลง
ตามมาด้วยข้อความที่สอง
ฝูเฉิน : [แต่ประเด็นคือ เธอถูกแพทย์ผิดจรรยาบรรณฆ่าตาย ยิ่งไปกว่านั้น มีป้ายประจำตัวของท่านปรมาจารย์อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย! สะเทือนไปถึงโลกจอมยุทธ์ ทำไงดีครับท่านปรมาจารย์ พวกเขาบอกว่าท่านเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ! ทั้งยังเป็นพวกระดับสูงด้วย!]
อิ๋งจื่อจินสีหน้าชะงัก ตอบกลับ
[ไม่เป็นไร อยู่ในความคาดหมาย]
ฝูเฉิน : [ท่านปรมาจารย์ เดี๋ยวนะ เรื่องนี้ก็ทำนายได้ด้วยเหรอ ทำไมถึงอยู่ในความคาดหมายล่ะ]
[ไม่ได้ทำนาย แค่สันนิษฐาน เป้าหมายของแพทย์ผิดจรรยาบรรณคืออัจฉริยะทั้งหมดของโลกแพทย์แผนโบราณ เดิมทีพวกเราควรตายออยู่บนเขา แต่ฉันกับนายรอดกลับมาได้
กำจัดไม่ได้ทั้งหมด แพทย์ผิดจรรยาบรรณย่อมมีแผนต่อ เป้าหมายถ้าไม่ฉัน ก็เป็นนาย หรือไม่ก็อันหลิงกับอันเมี่ยวเมี่ยว
แต่ถ้าเลือกฉันก็ลงมือง่ายกว่า เพราะพวกนายมีตระกูลหนุนหลัง วางแผนลำบาก ฉันเพิ่งไปโลกแพทย์แผนโบราณได้ไม่นาน ในสายตาของพวกเขา ฉันไม่มีใครสนับสนุนเลย]
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่สามารถทำนายได้
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ญาณพยากรณ์ของเธอก็ยังไม่ฟื้นกลับมา
อิ๋งจื่อจินก็คาดไม่ถึงว่าการพยากรณ์หาสถานที่ลึกลับที่นอร์ตันอยู่จะส่งผลกระทบต่อเธอรุนแรงกว่าตอนที่เปลี่ยนดวงชะตาให้ตี้อู่เยว์
ทว่าเธอก็มักจะมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ
“ศาสตราจารย์จั่วคะ วันนี้ไม่ว่างไปกินหม้อไฟด้วยแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินหันไปพูด “วันอื่นแล้วกันค่ะ หนูมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ”
จั่วหลีสงสัย “เรื่องอะไรเหรอ”
เขาเพิ่งพูดจบก็ได้ยินเสียงฮือฮามาจากถนนด้านข้าง
จั่วหลีมองไปก็เห็นคนที่แต่งตัวเหมือนยุคโบราณสองคนกำลังเดินมา
นี่คือคนคุ้มกันของโลกจอมยุทธ์ที่ไปปักหลักอยู่ในโลกแพทย์แผนโบราณ
หลายคนที่อยู่แถวนั้นกำลังถ่ายรูป
“ขออภัยครับคุณอิ๋ง” หนึ่งในคนคุ้มกันหยุดยืนตรงหน้าอิ๋งจื่อจินแล้วพูด “คุณเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ช่วยตามพวกเราไปด้วยครับ”
พอได้ยินแบบนี้จั่วหลีก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก เข้าไปยืนขวางหน้าอิ๋งจื่อจิน “พวกคุณเป็นใคร ที่นี่มันหน้ามหาวิทยาลัยตี้ตูนะ! เธอจะไปฆ่าคนได้ยังไง”
“ไม่เป็นไรค่ะศาสตราจารย์จั่ว” อิ๋งจื่อจินใจเย็นมาก “พวกเราเล่นแต่งคอสเพลย์กันอยู่ค่ะ ช่วงนี้บริษัทหนูเตรียมถ่ายละครพีเรียด เลยลองดูก่อน นี่เป็นบทค่ะ”
จั่วหลีอึ้ง
หันไปมองคนคุ้มกันทั้งสองอีกครั้ง เห็นพวกเขาใส่เสื้อเกราะแบบยุคโบราณก็เลยเชื่ออยู่บ้าง
หลักๆ คือเขารู้สึกว่าถึงแม้สองคนนี้จะแต่งตัวแบบยุคโบราณ แต่ก็ดูไม่มีฝีมืออะไร
ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเกิดเรื่องก็มีแค่สองคนนี้ที่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำ
ฝีมือการต่อสู้ของอิ๋งจื่อจิน จวบจนทุกวันนี้จั่วหลียังจำได้ติดตา
เทพถึงขั้นที่ลงไม้ลงมือกับสมาชิกของหน่วยอีจื้อได้
เมื่อก่อนนอกมหาวิทยาลัยตี้ตูมีพวกกลุ่มนักเลงที่ชอบรีดไถเงินนักศึกษา ตอนนี้พอเห็นอิ๋งจื่อจินก็พากันเดินหนี
“งะ งั้นก็ดี” จั่วหลีพูด “นักศึกษาอิ๋ง ระวังตัวด้วย เดี๋ยวจะบาดเจ็บ”
เขาเน้นย้ำคำว่า ‘ระวัง’ ทั้งยังหันไปมองคนคุ้มกันทั้งสองคนอีกรอบ
สองคนนี้งงกับการมองของจั่วหลี
แต่กฎของโลกจอมยุทธ์คือห้ามเผยวิทยายุทธ์ให้คนทั่วไปเห็น ทั้งสองคนจึงไม่พูดอะไร พาอิ๋งจื่อจินออกไป
วันนี้บรรยากาศการสอบสวนดูยิ่งใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับเมิ่งชิงเสวี่ยเมื่อวาน
อิ๋งจื่อจินกวาดตามองคนที่นั่งอยู่ พอจะเข้าใจแล้ว
ไม่เพียงแต่ตัวแทนของสามตระกูลของโลกแพทย์แผนโบราณ สมาพันธ์โอสถ สำนักเทียนอีจะมาถึงแล้ว คนของสามตระกูลอย่างหลิน เซี่ย เย่ว์และสหพันธ์จอมยุทธ์ก็มาด้วย และยังมีตระกูลใหญ่อื่นๆ อีก
อิทธิพลชั้นแนวหน้ามากันครบ ครั้งล่าสุดที่มีเรื่องแบบนี้เป็นตอนตัดสินจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยมในโลกจอมยุทธ์
อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปยืนตรงกลางอย่างใจเย็นท่ามกลางทุกสายตาที่จ้องมอง เธอไม่มีท่าทีลนลานแม้แต่น้อย
เซี่ยเนี่ยนหรี่ตามอง ค่อยๆ เอ่ยขึ้น “หน้าตาใช้ได้ แพทย์แผนโบราณให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ ไม่ต้องดูหลักฐานแล้ว ฉันเห็นด้วยที่จะกักขังเธอไว้”
พอเซี่ยเนี่ยนพูดแบบนี้ออกมา พวกตระกูลที่อยู่ฝ่ายตระกูลเซี่ยก็ย่อมเข้าข้างเธอ
“คุณเซี่ยเนี่ยนอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจครับ” ผู้อาวุโสใหญ่ของสมาพันธ์โอสถขมวดคิ้ว พูดเสียงขรึม “เมื่อครู่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกท่านฟังแล้ว แพทย์ผิดจรรยาบรรณทำลายโลกแพทย์แผนโบราณ และก็เป็นศัตรูของโลกจอมยุทธ์ หลักฐานอยู่ตรงนี้ ล้วนบ่งชี้ว่าคุณอิ๋งเป็นหนึ่งในแพทย์ที่ผิดจรรยาบรรณ”
ขณะพูดเขาก็หยิบป้ายแทนตัวอันนั้นขึ้นมา “คุณอิ๋ง นี่ใช่ของคุณหรือเปล่าครับ”
อิ๋งจื่อจินหันไปดู ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ค่ะ ของฉันเอง”
“แบบนี้ก็เท่ากับเป็นเธอเหรอ หรือว่าเธอไปทำหล่นแล้วถูกแพทย์ผิดจรรยาบรรณเก็บได้” ริมฝีปากแดงของเซี่ยเนี่ยนผุดรอยยิ้ม “คำพูดแบบนี้ดูปลอมนะ ว่าไหม”
“ไม่ใช่แค่ป้ายอันนี้นะครับคุณอิ๋ง” ผู้อาวุโสใหญ่ลังเล “พวกเรายังพบของพวกนี้ภายในห้องปรุงยาที่คุณใช้โดยเฉพาะ”
เฉิงจิ่นชี้กล่องบนโต๊ะ “นี่คืออะไร”
“ของที่คล้ายกับเครื่องรางครับ” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “แต่อันตรายมาก ในนั้นมียาพิษที่แพทย์ผิดจรรยาบรรณทำออกมา หากพกติดตัวนานเข้าจะทำให้ร่างกายทรุดโทรมเร็ว ตายก่อนเวลาอันควร”
“มีส่วนหนึ่งกระจายอยู่ในโลกปุถุชนแล้ว เข้าไปอยู่ในวัดวาอาราม พวกเราได้ส่งคนไปค้นกลับมาทั้งหมด เพื่อลดความเสียหายต่อคนธรรมดา”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ยังคงสุขุม “มีแค่พวกนี้เหรอคะ”
“พวกนี้ยังไม่พออีกเหรอ” เซี่ยเนี่ยนหัวเราะ “แพทย์แผนโบราณอย่างพวกคุณทำอะไรเร็วๆ หน่อยได้ไหม ฉันยังมีธุระอีก รีบๆ ลงคะแนนเสียง”
“คุณอิ๋งไม่มีทางเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ ผมไม่เห็นด้วยที่จะกักขังเธอ” ฝูเฉินแสยะยิ้ม “ถ้าเธอเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ เธอจะกลับมาช่วยผมทำไม ปล่อยให้ผมถูกเสือกินไม่ดีกว่าเหรอ”
“คุณชายฝูเฉิน ใครๆ ก็รู้ว่าคุณสนิทสนมกับอิ๋งจื่อจิน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้น “ถ้าคุณตาย มีแค่เธอที่รอด เธอก็จะน่าสงสัยขึ้นไปอีก ผมเห็นด้วยที่จะกักขังเธอไว้”
ทางสำนักเทียนอี คนที่มาคืออาจารย์หมอสองคน
ทั้งสองคนต่างเขียนว่าเห็นด้วย
อาจารย์หมอลูบเครา “แพทย์ผิดจรรยาบรรณโหดเหี้ยมอำมหิต หลักฐานพวกนี้เพียงพอแล้ว”
เย่ว์จิงซานก็เขียนว่าเห็นด้วย
ชิวมั่นประธานสมาพันธ์โอสถมีสีหน้าเคร่งขรึม “ฉันไม่เห็นด้วย นี่เป็นกับดัก”
ทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผล
เฉิงจิ่นไม่ได้เขียน แต่หันไปมองหลินชิงจยาที่อยู่ข้างๆ “คุณคิดว่าไงครับ”
หลินชิงจยาเขียนลงบนกระดาษว่าไม่เห็นด้วย “กับดักแบบนี้ใช้ได้ผลดีมาก ตรรกะเหตุผลก็สอดคล้องลงตัว แต่ไม่จริงก็คือไม่จริงค่ะ”
เฉิงจิ่นพยักหน้า “ครับ”
เขาลงคะแนนเสียงบอกไม่เห็นด้วยกับการกักขังอิ๋งจื่อจิน วางปากกาลงบนโต๊ะแล้วนั่งพิงเก้าอี้อย่างสบายๆ “เร็วเข้า ผมก็ยังมีธุระเหมือนกัน”
เซี่ยเนี่ยนมองหลินชิงจยา เลียริมฝีปาก แสยะยิ้มดูถูก “หลินชิงจยา ฉันล่ะไม่เข้าใจเธอจริงๆ ขาดคู่แข่งไปคนไม่ดีเหรอ ว่างมากนักเหรอเธอน่ะ”
เธอไม่สนใจสักนิดว่าเมิ่งชิงเสวี่ยตายอย่างไร
เมิ่งชิงเสวี่ยถูกแพทย์ผิดจรรยาบรรณฆ่าหรือกระอักเลือดจนตายกันแน่ ก็ไม่ต่างอะไรกัน
สำหรับเธอแล้วเมิ่งชิงเสวี่ยตายได้ก็ดี
อีกหน่อยเวลาที่คนนอกพูดถึงอัจฉริยะของโลกจอมยุทธ์กับโลกแพทย์แผนโบราณจะได้ไม่มีชื่อเมิ่งชิงเสวี่ยมาอยู่กับเธอ
ไม่คู่ควรเลยสักนิด
แต่ใครจะไปรู้ว่าพอหมดเมิ่งชิงเสวี่ยกลับมีอิ๋งจื่อจินโผล่มา
เซี่ยเนี่ยนเล่นเล็บตัวเองพลางกวาดตามองอิ๋งจื่อจินอย่างไม่ใส่ใจ
เป็นแค่แพทย์แผนโบราณ
ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเธอแม้แต่น้อย
อย่าว่าแต่แพทย์แผนโบราณอย่างอิ๋งจื่อจินเลย ต่อให้เป็นหลินชิงจยาเธอก็บดขยี้ได้เหมือนกัน
เซี่ยเนี่ยนไม่ลงมือกับพวกแพทย์แผนโบราณ เพราะไม่จำเป็น
แพทย์แผนโบราณอายุขัยสั้นขนาดนั้น แถมสุขภาพก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป
พวกเขาตายตามธรรมชาติแล้วเธอยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ
เซี่ยเนี่ยนทำเสียงจึ๊
แต่น่าเสียดาย ทำไมฝูเฉินกับอิ๋งจื่อจินถึงไม่ตายอยู่บนเขา
พวกผู้อาวุโสรวบรวมผลคะแนน
สุดท้ายผลออกมาที่ยี่สิบเจ็ดต่อสิบสอง
คนที่เห็นด้วยว่าให้คุมขังอิ๋งจื่อจินมียี่สิบเจ็ดคน
เสียงส่วนน้อยแพ้เสียงส่วนมาก
ผู้อาวุโสใหญ่ของสมาพันธ์โอสถพูดด้วยความสับสน “งั้นก็ทำตามที่เสียงส่วนใหญ่บอก ขังคุณอิ๋งไว้ พร้อมทั้งใช้กำลังเค้นถามจนกว่าเธอจะยอมพูดความจริง”
ถึงแม้จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าอิ๋งจื่อจินจะเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ
แต่หลักฐานกองอยู่ตรงหน้า เขาเป็นแค่ผู้อาวุโสในสมาพันธ์โอสถ สั่งการอะไรไม่ได้
“ต้องใช้กำลังเค้นถามด้วยเหรอ” เซี่ยเนี่ยนล้มเลิกความคิดที่จะกลับ นั่งไขว่ห้าง ยิ้มพลางตบมือ “เอาสิ ฉันชอบดู โหดได้เท่าไรยิ่งดี ไม่ต้องปรานีล่ะ ไม่อย่างนั้นไม่สะใจ”
คนคุ้มกันสองคนถืออุปกรณ์เข้ามา ยังไม่ทันทำอะไร
“เรื่องแบบนี้ทำไมไม่เรียกผมมาด้วยล่ะ” มีเสียงพูดดังขึ้น น้ำเสียงเหมือนหยอกล้อ ยิ้มมุมปาก แต่กลับเจือไปด้วยความเย็นชา “ทำไม ศาลสถิตยุติธรรมไม่มีสิทธิ์พอเหรอ หรือว่าผมไม่คู่ควรเข้าประชุม หืม?”
ทุกคนต่างมองไปที่ประตู
มีคนตกใจสะดุ้งโหยง