ตอนที่ 631 ฟาดหน้าด้วยเบอร์ของเกอร์เวน
จั่วหลีพยักหน้า “อ่อ เขายังเป็นประธานใหญ่ด้วยเหรอ งั้นก็ยัง…เธอว่าไงนะ”
ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ อ้าปากค้าง รู้สึกเหลือเชื่อ “ประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปเหรอ”
การก่อตั้งของวีนัสกรุ๊ปเป็นปริศนา ภายในเวลาไม่กี่ปีได้ก้าวกระโดดเป็นเครือบริษัทอันดับหนึ่งของโลก
บริษัทในเครือกระจัดกระจายไปในแต่ละวงการ ทั้งยังมีห้องทดลองระดับโลกอยู่ไม่น้อย
ประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน คนนอกวงการต่างถกเถียงกันเรื่องนี้
แต่ไม่ว่าจะเดาอย่างไร ทุกคนต่างก็คิดว่าประธานใหญ่เป็นคนยุโรป
จั่วหลีพูดขึ้นอย่างยากลำบาก “นักศึกษาอิ๋ง ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
อิ๋งจื่อจินคุยโทรศัพท์กับฟู่อวิ๋นเซินเสร็จก็เลิกคิ้ว “ศาสตราจารย์จั่วคะ คนอย่างหนูมีข้อดีอยู่อย่าง”
“อย่างเดียวที่ไหนกัน ข้อดีของเธอเต็มไปหมด”
“หนูไม่พูดโกหก”
“…”
ซีนายที่อยู่ข้างๆ กัดอมยิ้ม ถามด้วยความสงสัย “วีนัสกรุ๊ปคืออะไรเหรอ”
จั่วหลีถึงได้สติกลับมา “นักศึกษาอิ๋ง นี่น้องสาวเธอเหรอ”
ซีนายโมโหมาก “ฉันโตกว่าเธอนะ!”
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจซีนาย หันไปพยักหน้าให้จั่วหลี “ศาสตราจารย์จั่วคะ พวกเราต้องไปที่องค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์ก่อน จากนั้นหนูจะส่งอาจารย์กลับจีนด้วยตัวเองค่ะ”
“หา? อาจารย์โทรไปบอกองค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์แล้ว” จั่วหลีพูด “พวกเขารับปากแล้วว่าจะถอดบทความของเธอออกก่อน”
อิ๋งจื่อจินพูด “กลัวว่าคนบางคนได้คืบจะเอาศอก”
ด้านมืดของมนุษย์ เธออยู่ในโลกจอมยุทธ์มานานย่อมเจอมาเยอะกว่าจั่วหลี
จั่วหลีพยักหน้า “ได้”
ทั้งสามคนขึ้นเฮลิคอปเตอร์
จั่วหลีจ้องซีนายอยู่สักพัก สุดท้ายก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยด้านวิทยาศาสตร์ “ขอโทษนะ เมื่อกี้แสงเลเซอร์ที่เธอยิงออกมามันคืออะไรเหรอ”
“ทำไม” ซีนายเงยหน้า “อย่าแตะนะ คุณใช้ไม่เป็นหรอก”
“ฉันไม่แตะไม่แตะ” จั่วหลีคิดในใจว่าเขาไม่อยากละลาย “ฉันแค่อยากดูว่านาฬิกาของเธอผลิตที่ไหน ฉันอยากซื้อมาศึกษาดูหน่อย”
“ไม่ต้องดูหรอก หาซื้อไม่ได้หรอก อีกอย่าง นี่แค่เลเซอร์ ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณไม่เคยเห็น” ซีนายกระดิกขาสั้นๆ ของตัวเอง “ฉันจะให้ดู…”
อิ๋งจื่อจินหันไปมอง พูดด้วยสายตา
ซีนายกลืนคำพูดลงคอทันที เปลี่ยนเรื่องคุย “มาๆๆ ดูละครกันเถอะ ฉันว่าละครของพวกคุณสนุกดีนะ นาฬิกาข้อมือของฉันเปลี่ยนภาพเป็นสามมิติได้อัตโนมัติ สมจริงมากเลยล่ะ”
จั่วหลีเห็นซีนายกดสองสามที นาฬิกาข้อมือก็ยิงหน้าจอภาพยนตร์ขึ้นมากลางอากาศ
เป็นภาพยนตร์สามมิติอย่างแท้จริง แถมยังไม่ต้องใช้แว่นตาสามมิติ ราวกับได้เข้าไปอยู่ในนั้น
จั่วหลีอดปาดเหงื่อไม่ได้
จบกัน
ไม่ใช่แค่อิ๋งจื่อจินที่ชอบทำเขาช็อก เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ต่างกัน
วันนี้ทัศนคติของเขาที่มีต่อสิ่งต่างๆ เหมือนถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิง
…
วันต่อมา
ช่วงเช้า
องค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์ได้ทำการต้อนรับแขกสองคน
คือเอลิซาเบธและพ่อบ้านส่วนตัวของเธอ
องค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์เป็นองค์กรเอกชน ผู้ก่อตั้งและสมาชิกภายในล้วนเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการนี้
แน่นอนว่าคนที่มีชื่อเสียงมากสุดก็คือเกอร์เวน
ศาสตราจารย์เหล่านี้ก็เลื่อมใสศรัทธาเขามาก
ตอนจั่วหลีส่งบทความไปไม่ได้บอกเรื่องที่อิ๋งจื่อจินกับเกอร์เวนมีความเกี่ยวข้องกัน
เขาไม่อยากให้ศาสตราจารย์เหล่านี้ลำเอียงเพราะความสัมพันธ์
อิ๋งจื่อจินก็คืออิ๋งจื่อจิน
เธอมีศักยภาพในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครทั้งนั้น
และก็เพราะโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลมีการเก็บรักษาความลับขั้นสูง คนนอกจึงไม่เคยได้ยินว่านอกจากเกอร์เวนแล้วยังมีนักวิจัยคนไหนอีก
นักวิจัยอัจฉริยะเหล่านี้ล้วนตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรระดับโลกได้ง่ายๆ
และก็เพราะเป็นการวิจัยยานอวกาศข้ามจักรวาล หากอิทธิพลไหนได้ครอบครอง ไม่ใช่แค่จะพิชิตประเทศเท่านั้น แต่เป็นจักรวาล
ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยมีรายชื่อนักวิจัยทางการหลุดออกมาแม้แต่น้อย
ดังนั้นต่อให้เป็นเอลิซาเบธ หากยังไม่ได้เป็นนักวิจัยทางการก็ไม่มีทางรู้ว่าในโปรเจ็กต์นี้มีใครบ้าง
แต่ประธานศูนย์ฟิสิกส์สากลก็ได้เตือนเธอแล้ว
คนตะวันออกบางคนไม่รู้จักแยกแยะ สุดท้ายก็ต้องกดพวกเขาเอาให้ถึงที่สุดไว้ก่อน
“คือแบบนี้ครับ ผมเป็นพ่อบ้านของคุณหนูเอลิซาเบธ ลอเรนท์” พ่อบ้านเดินขึ้นหน้า ยิ้มพลางพูด “นี่ก็คือคุณหนูของเราครับ”
แค่นามสกุลลอเรนท์ก็เพียงพอให้ทุกคนในยุโรปให้ความสำคัญแล้ว
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสีหน้าเปลี่ยน รีบทำตัวนอบน้อมทันที “สวัสดีครับคุณเอลิซาเบธ คุณให้เกียรติมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องสำคัญอะไรเหรอครับ”
เอลิซาเบธแค่พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ตอบ
เธอนั่งลงบนโซฟาอย่างสง่างาม คนรับใช้ประจำตัวหยิบถ้วยชาที่เตรียมไว้ออกมาให้เธอ
“คือแบบนี้ครับ ที่มาวันนี้ก็เพื่อให้ทุกท่านได้ดูของสิ่งหนึ่ง” พ่อบ้านหยิบวารสารวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์ฟิสิกส์สากลส่งมาให้ จากนั้นก็เปิดไปหน้าที่มีบทความของเอลิซาเบธ
เจ้าหน้าที่รับไปดู สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “นี่มัน…”
พวกศาสตราจารย์ที่อยู่ข้างๆ ก็ย่อมเห็นแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเช่นกัน
“ทุกท่านรู้สึกคุ้นใช่ไหมครับ บทความของคุณหนูถูกส่งไปที่ศูนย์ฟิสิกส์สากลเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว” พ่อบ้านหยิบเอกสารออกมาหลายฉบับ “ทำไมองค์กรของพวกคุณถึงมีบทความที่เหมือนกับคุณหนูของเรา แต่ระยะเวลาช้ากว่าล่ะครับ”
เจ้าหน้าที่ไม่พูดอะไร เทียบสองบทความอย่างละเอียด
แม้แต่ลำดับคำ ประโยคที่ใช้ ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
ต่อให้แนวคิดคล้ายกันตอนวิจัยขอบเขตเดียวกันก็ไม่มีทางเหมือนได้ถึงระดับนี้
ไม่ นี่มันเหมือนกันเปี๊ยบ
มันคือการคัดลอกมา
บรรดาศาสตราจารย์มองหน้ากัน แอบตะลึงนิดหน่อย ไม่อยากเชื่อ
ปีนี้มีการจัดแข่งขันไอเอสซีครั้งที่สอง ตอนนี้รอบคัดเลือกเพิ่งจบไป มีเด็กจำนวนหนึ่งพันสองร้อยคนเข้ารอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติเหมือนเดิม
แต่ไม่มีอัจฉริยะที่ทิ้งคนอื่นชนิดไม่เห็นฝุ่นแบบอิ๋งจื่อจินปรากฏเลยสักคน
เหล่าศาสตราจารย์จึงแอบเสียดายอยู่บ้าง
แต่อัจฉริยะแบบอิ๋งจื่อจินจะไปคัดลอกบทความของเอลิซาเบธได้ยังไง
เอลิซาเบธไม่ถือว่าเป็นหน้าใหม่สำหรับวงการวิจัยวิทยาศาสตร์ เธอเคยตีพิมพ์ไปแล้วสามบทความ
แต่ตอนนี้อิ๋งจื่อจินไม่มีแม้แต่บทความเดียว
เมื่อเปรียบเทียบกัน เอลิซาเบธก็เหนือกว่าหนึ่งขั้น
ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า
เจ้าหน้าที่พูดพึมพำ “มิน่าศาสตราจารย์จั่วถึงขอให้พวกเราถอดบทความของนักศึกษาเขาออก”
พ่อบ้านยิ้มพลางพูดต่อ “ถ้าไม่ใช่เพราะคัดลอกมา ทำไมเขาต้องถอดออก ไม่ใช่มาโต้แย้งล่ะครับ”
เอลิซาเบธวางถ้วยชาลงแล้วพูดขึ้น “ฉันจะไม่ถือสาหาความเรื่องนี้ ฉันแค่ต้องการคำตอบ ประกาศไปให้ทั่วทั้งวงการวิทยาศาสตร์ว่าบทความของฉันถูกคัดลอก”
“ไม่ถือสาหาความงั้นเหรอ” มีเสียงเย็นชาดังขึ้นทางประตู “คุณถือสาไม่ได้อยู่แล้วเพราะคุณนี่แหละหัวขโมย!”
เอลิซาเบธสีหน้าเย็นชา หันไปมอง
“แถมยังให้ศูนย์ฟิสิกส์สากลจับตัวผมไว้” จั่วหลีเดินเข้ามา “หัวขโมยกล้าทำตัวอวดดีเหลือเกินนะ”
“ที่แท้คุณก็คือจั่วหลี” เอลิซาเบธพูด “คนจีนอย่างพวกคุณชอบใส่ร้ายคนอื่นขนาดนี้เลยเหรอ ฉันรู้สึกเปิดโลกจริงๆ โชคดีนะที่ปกติฉันไม่ชอบเสวนากับคนจีน”
เจ้าหน้าที่เคยเห็นรูปถ่ายของอิ๋งจื่อจิน จึงจำเธอได้ทันที “คุณอิ๋ง บทความของคุณเหรอครับ”
“คุณบอกว่าฉันคัดลอกบทความของคุณ” อิ๋งจื่อจินมองเอลิซาเบธ พยักหน้าเล็กน้อย “เอกภพคู่ขนาน จักรวาลทดแทน จักรวาลทางเลือก สูตรที่ฉันใช้คำนวณเรื่องพวกนี้คุณรู้หรือเปล่าว่ามันมาได้ยังไง”
“ทำไมฉันต้องบอกเธอตรงนี้ด้วย” เอลิซาเบธยิ้ม พูดดูถูก “เธอจะได้ลอกแนวคิดของฉันได้สะดวกงั้นเหรอ”
“ฉันได้ยินพวกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเฮลก้าบอกว่าเธอเก่งคอมพิวเตอร์ แต่ก็ขโมยได้แค่สิ่งที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ ขโมยสิ่งที่อยู่ในสมองไม่ได้ อย่าคิดจะเล่นตุกติก”
พอซีนายได้ยินแบบนี้ก็คัดค้านทันที “ใครบอกไม่ได้”
เมืองแห่งโลกมีเทคนิคแบบนี้นานแล้ว
จั่วหลีมุมปากกระตุก “หนูน้อย มันไม่ได้จริงๆ”
“อย่ามาเรียกฉันว่าหนูน้อย ฉันบอกแล้วว่าฉันโตกว่าเธอ”
“…”
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “คุณคิดจริงเหรอว่าฉันไม่มีหลักฐานอะไรและไม่ได้เตรียมพร้อมเลย”
เอลิซาเบธขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง”
เธอซื้อบทความมาจากศูนย์ฟิสิกส์สากลโดยตรง ไม่ใช่การคัดลอกแบบธรรมดา
ชื่อในบทความคือชื่อเธอ อิ๋งจื่อจินยังจะมีหนทางอะไรอีก
อิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ “รบกวนขอใช้คอมพิวเตอร์หน่อยค่ะ”
ซีนายเหลือบมองคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่เจ้าหน้าที่ยื่นให้พลางพูดขึ้น “ของแบบนี้พวกเราใช้กันตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว”
จั่วหลี “…”
เด็กคนนี้มันประสาทหรือเปล่า!
เอลิซาเบธยิ้ม “ทำไม คิดจะมาโชว์สกิลคอมพิวเตอร์ขั้นเทพต่อหน้าพวกเราหรือไง”
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ กดเข้าหน้าเว็บ
หลังจากคลิกไปหลายครั้งเสร็จก็หันไปให้เจ้าหน้าที่กับเหล่าศาสตราจารย์ดู
พวกเขาเข้าไปมุงดู
ในนั้นเป็นบทความส่วนตัวที่เขียนลงบล็อก
แต่ตอนนี้ได้ปรับจากส่วนตัวเป็นเปิดเผยสาธารณะ
บทความแบ่งออกเป็นสองฝั่งคือฝั่งจีนและฝั่งภาษาอังกฤษ
เวอร์ชันภาษาอังกฤษเหมือนกับที่ตีพิมพ์ลงวารสาร
ด้านล่างสุดเป็นวันเดือนปีที่เอาลงบล็อก
วันที่ 2 สิงหาคม 2021
เมื่อเทียบกับเวลาที่เอลิซาเบธส่งบทความไปก็เร็วกว่าเดือนกว่า
พอเห็นตัวเลขนี้รอยยิ้มของเอลิซาเบธก็เริ่มหายไป เริ่มปั้นหน้าไม่ถูก
บทความในบล็อกนี้เหมือนตบหน้าเธออย่างรุนแรง
เดือนสิงหาคมปีที่แล้วเหรอ
ทำไมถึงมีคนเอาบทความที่เขียนเสร็จแล้วไปโพสต์ในบล็อกก่อนด้วยล่ะ
นี่มันวิธีการอะไรกัน
ต่อให้เป็นการโพสต์ส่วนตัวก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกขโมยไป
อินเตอร์เน็ตไม่เคยมีความปลอดภัย
จั่วหลีก็อึ้ง เขานึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะมีหลักฐานจริงๆ
แต่พอหายอึ้งก็น้อยใจ “นักศึกษาอิ๋ง เธอหลอกอาจารย์!”
เขาถามหาบทความจากเธอเมื่อเดือนสิงหาคม เธอบอกยังไม่ได้เขียน
ปรากฏว่านี่กลับเขียนเสร็จแล้วเอาลงบล็อกเรียบร้อย แค่ตั้งเป็นส่วนตัว
อิ๋งจื่อจินไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เธอพูดอย่างใจเย็น “ยืดเวลาได้ก็ยืดค่ะ ไม่อย่างนั้นหนูต้องเขียนตั้งกี่บทความ ยังไม่อยากผมร่วงค่ะ”
จั่วหลี “…”
ตอนนี้ลำดับเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลง
เจ้าหน้าที่กับศาสตราจารย์ขององค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์มองเอลิซาเบธด้วยสายตาที่เริ่มเย็นชาลง
ศาสตราจารย์คนหนึ่งพูดเสียงแข็ง “คุณเอลิซาเบธจะอธิบายยังไงครับ”
“ใครจะไปรู้ว่าเธอใช้ทักษะคอมพิวเตอร์ของตัวเองแก้หรือเปล่า” เอลิซาเบธมือสั่น สีหน้าดุดัน “เอาอะไรมาพิสูจน์ว่าฉันคัดลอกงานเธอ”
จั่วหลีพูดด้วยความขยะแขยง “ก่อนผมเข้ามาผมได้ยินแล้ว ลำดับเวลาของพวกเราช้ากว่าคุณเท่ากับคัดลอกผลงานคุณ แต่ตอนนี้กลับกัน คุณไม่ยอมรับงั้นเหรอ”
สีหน้าของเอลิซาเบธขรึมลง ในที่สุดก็หมดความอดทน “เอาล่ะ ฉันบอกพวกคุณตามตรงแล้วกัน ฉันเป็นผู้ช่วยนักวิจัยของห้องทดลองศาสตราจารย์เกอร์เวน ฉันจำเป็นต้องคัดลอกผลงานของเธอด้วยเหรอ”
พอคำพูดนี้ออกมาบรรดาศาสตราจารย์ก็อดตกใจไม่ได้
เจ้าหน้าที่ตะลึงมาก “คุณเอลิซาเบธเข้าร่วมโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลแล้วเหรอครับ!”
เกอร์เวนหยุดการทดลองอื่นๆ แล้ว เพื่อไปตั้งใจวิจัยยานอวกาศข้ามจักรวาล
แต่เนื่องจากอุปสรรคหลายด้านทำให้คืบหน้าไปช้ามาก
“เธอเข้าร่วมโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลแล้วเหรอ” จั่วหลีก็อึ้ง
ถ้าเอลิซาเบธก็อยู่ในโปรเจ็กต์นี้ มีเหรอที่อิ๋งจื่อจินจะไม่รู้
อิ๋งจื่อจินนวดขมับ
ในที่สุดเธอก็นึกได้ว่าซีซาร์เคยส่งข้อมูลนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ ในตระกูลลอเรนท์มาให้เธอหลายคน เพราะเธอเคยบังเอิญพูดว่าต้องการนักวิจัยเยอะมาก
ไม่ต้องเก่งถึงขั้นหลีหาน แต่ความรู้ด้านฟิสิกส์กับคอมพิวเตอร์ต้องแน่น
ยานอวกาศข้ามจักรวาลเป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่มาก ลำพังแค่นักวิจัยเรื่องแรงขับเคลื่อนกับเขียนสูตรโปรแกรมต่างๆ ก็ต้องการหลายร้อยแล้ว
ทั้งโปรเจ็กต์ต้องการนักวิจัยอย่างน้อยก็สามพันคน
เธอต้องการผู้ช่วยเยอะมาก
ครั้นแล้วเธอเลยส่งข้อมูลต่อให้ผู้ช่วยของเกอร์เวน ให้เขาช่วยเลือก
เธอไม่ได้ดูละเอียดแม้แต่ชื่อ
ต่อมาเกอร์เวนยังได้โทรหาเธอเพื่อขอบคุณที่ช่วยหาคน
พอเห็นสีหน้าตะลึงของจั่วหลี เอลิซาเบธก็เริ่มมีรอยยิ้ม “ฉันบอกแล้วว่าฉันเขียนบทความนี้เอง พวกคุณอย่ามาไม่รู้กาลเทศะ ฉันเกลียดที่สุด”
คราวนี้เจ้าหน้าที่กับบรรดาศาสตราจารย์ต่างลำบากใจ
ก็จริง
ถ้าเอลิซาเบธคัดลอกผลงานจริงยังจะเข้าห้องทดลองของเกอร์เวนได้อีกเหรอ
จั่วหลีหันไป ขมวดคิ้วพูด “นักศึกษาอิ๋ง เธอ…”
“นี่เป็นเบอร์ของศาสตราจารย์เกอร์เวน” อิ๋งจื่อจินกดเบอร์ต่อหน้าเอลิซาเบธแล้งวางโทรศัพท์มือถือให้
“โทรสิ”