ตอนที่ 647 ทัศนคติพังหมด ประธานใหญ่
สามคนของแผนกเลขามองชาวตะวันตกสิบกว่าคนที่รูปร่างสูงใหญ่ ต่างตกใจมาก
วันนี้บ่ายเดิมทีพวกเขากำลังจะลงมือทำงานตามปกติ แต่ก็มาถูกขัดจังหวะแบบนี้
พอคนพวกนี้เข้ามาก็บอกว่าสำนักงานใหญ่ส่งพวกเขามาดูแลโซนเอเชียแปซิฟิก
“นีล นายพูดจารุนแรงแบบนั้นทำไม” ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ หันมา “ทั้งๆ ที่เป็นการรับช่วงต่องานตามปกติ มีอะไรแอบแฝงที่ไหนกัน”
“สำนักงานใหญ่ให้พวกเรามาดูแลโซนเอเชียแปซิฟิก ไม่ได้ให้มาชวนทะเลาะนะ”
“นี่เรียกรุนแรงเหรอ” นีลทำเสียงหึเบาๆ “ฉันก็แค่ทนเห็นคนจีนนั่งบนตำแหน่งสูงขนาดนั้นไม่ได้ ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ลงไปได้สักที ระบายหน่อยจะเป็นอะไรไป”
วีนัสกรุ๊ปเริ่มก่อตั้งที่ยุโรป ไม่ว่าจะเป็นการบริหารของโซนไหนก็ควรให้พวกเขาชาวตะวันตกทำ
หนึ่งปีกว่าที่แล้วอยู่ๆ ก็มีคนจีนโผล่มา แถมยังเป็นชายหนุ่ม
คนแก่อย่างพวกเขาที่อยู่ในวีนัสกรุ๊ปมานานมีเหรอจะยอม
“เบาๆ หน่อย” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว “ไม่เคยได้ยินข่าวลือในบริษัทเหรอ เขาเคยช่วยชีวิตท่านประธานไว้”
“เอาล่ะ” นีลเบะปาก “ถ้าประธานใหญ่เคยติดค้างน้ำใจเขาจริงจะถอดเขาออกจากตำแหน่งแล้วย้ายพวกเรามาโซนเอเชียแปซิฟิกเหรอ”
พวกเขาก็เพิ่งได้รับแจ้งล่วงหน้าหนึ่งวัน
ทางสำนักงานใหญ่บอกว่ามีการโยกย้ายบุคลากรเร่งด่วน จำเป็นต้องให้ผู้บริหารระดับสูงส่วนหนึ่งของโซนยุโรปไปประจำที่โซนเอเชียแปซิฟิก
เดิมนีลเป็นรองประธานฝ่ายขายของโซนยุโรป
ครั้งนี้ถูกย้ายมาที่โซนเอเชียแปซิฟิก ได้ตำแหน่งประธานโซนเอเชียแปซิฟิก
ตอนแรกนีลก็ไม่กล้าเชื่อ
จนกระทั่งเขาได้จดหมายเลื่อนตำแหน่ง ถึงได้รู้ว่าโชคหล่นทับใส่เขาแล้ว
สำนักงานใหญ่เห็นความสามารถของเขา ถึงได้ให้เขามาโชว์ฝีมือที่โซนเอเชียแปซิฟิก
ตอนเป็นรองประธานฝ่ายขาย ความสามารถของนีลก็ไม่ได้แย่
ไม่กี่ปีก่อนขณะที่วีนัสกรุ๊ปกำลังเจริญก้าวหน้าไปถึงช่วงสำคัญได้ถูกสี่ตระกูลมหาเศรษฐีในยุโรปรุมโจมตี
สุดท้ายเล่นงานไม่สำเร็จ กลับประคับประคองจนไปได้ไกลด้วยซ้ำ หนึ่งในคนที่มีผลงานเด่นก็คือนีล
ทางสำนักงานใหญ่ย่อมให้ความสำคัญกับเขา
ชายวัยกลางคนไม่พูดอะไรแล้ว
เขาเองก็แปลกใจ
ฟู่อวิ๋นเซินเป็นประธานโซนเอเชียแปซิฟิกมาปีกว่าก็มีผลงานอยู่ไม่น้อย บทจะถอดก็ถอด
ดูจากท่าทีของสำนักงานใหญ่ก็ไม่ได้ต้องการย้ายฟู่อวิ๋นเซินไปที่สำนักงานใหญ่ด้วย
สายตาของนีลกลับไปที่พวกเลขาอีกครั้ง “วันมะรืนเริ่มส่งมอบงานอย่างเป็นทางการ ส่วนวันนี้ แค่มาบอกไว้ก่อน พรุ่งนี้เช้าพวกคุณก็น่าจะได้รับการแจ้งจากทางสำนักงานใหญ่”
เขาปัดฝุ่นบนชุดสูท “ตั้งใจทำงานต่อ พวกเราไปล่ะ”
เลขาสามคนมองหน้ากัน ต่างใจคอไม่ดี
คราวนี้สงสัยวีนัสกรุ๊ปจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่แล้ว
…
ทางด้านคฤหาสน์ตระกูลฟู่
ฟู่อี้หันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของฟู่อวิ๋นเซิน “อวิ๋นเซิน?”
ฟู่อวิ๋นเซินปรับสีหน้าให้เหมือนไม่มีอะไร “ไม่มีอะไร นี่ก็เย็นมากแล้ว พี่ใหญ่กินข้าวไปก่อน ไม่ต้องสนเรื่องอื่น”
เขาไม่อยากเอาเรื่องของวีนัสกรุ๊ปมากวนใจ
ฟู่อี้หันพยักหน้า ไม่ถามอีก
อิ๋งจื่อจินกลับได้ยินคำว่า ‘ประธาน’ อย่างชัดเจน เธอเข้าใจแล้ว “ผู้บัญชาการ ทิ้งงานให้ลูกน้องอีกแล้วเหรอ”
“จะเรียกทิ้งได้ยังไง” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว ยิ้มพลางพูดเสียงเนือย “นี่เรียกว่ามาจากความเอาใจใส่ของบอส”
ถ้าพนักงานช่วยเขาดูแลบริษัทไม่ได้ เขาจะเอาพนักงานพวกนั้นไว้ทำอะไร
อิ๋งจื่อจินก็เลิกคิ้ว พูดอย่างไม่รีบร้อน “ความคิดเหมือนกับฉัน”
เธอเองก็ไม่ชอบสนเรื่องงาน
โยนได้ก็โยน แถมยังมีคนช่วยทำเงิน
ยิงปืนหนึ่งนัดได้นกสองตัว
พวกเขาไปเมืองแห่งโลก ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปนานแค่ไหน ต้องวางแผนจัดการเรื่องทั้งหมดให้ดี
“ทางไอบีไอมีพวกลิซิเนียส ทางชูกวงมีเดียพี่ชายจะมอบหมายให้ประธานกรรมการลู่ชั่วคราว” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา ยิ้มมุมปาก “แต่ทางมหาวิทยาลัยตี้ตู เยาเยา เธอต้องไปขอลาหยุดกับพวกศาสตราจารย์เองแล้วนะ”
“เรื่องนี้พี่ชายช่วยเธอไม่ได้”
เขาเจอเซวียกั๋วหวายังต้องเดินเลี่ยง
ศาสตราจารย์พวกนี้ตื๊อคนเก่งมาก
สมกับเป็นศาสตราจารย์ที่ไม่มีความสามัคคีในมหาวิทยาลัยตี้ตู
อิ๋งจื่อจิน “…”
เธอส่งข้อความวีแชทหาจั่วหลีด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
[คนคนนี้ตายไปแล้ว มีธุระโปรดเผากระดาษ]
[จั่วหลี : ?]
[จั่วหลี : นักศึกษาอิ๋ง เธอจะไม่มาร่วมงานเลื่อนตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ของตัวเองเหรอ!]
อิ๋งจื่อจินกดปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างไร้เยื่อใย
ฟู่อี้หันวางตะเกียบลง “อวิ๋นเซิน พวกนายจะไปเมืองแห่งโลกเมื่อไร”
“ต้นเดือนกรกฎา” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “พี่ใหญ่ พี่ก็รู้ว่าผมมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้เพื่ออะไร”
“คุณอาหลิวอิ๋ง…” ฟู่อี้หันเงียบไป
การตายของฟู่หลิวอิ๋งชวนให้รู้สึกแย่มากจริงๆ
เขาครุ่นคิดชั่วครู่ “ดูท่าทางผู้ชายคนนั้นก็ไม่รู้ว่าใครฆ่าคุณอาหลิวอิ๋ง”
น้ำเสียงของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชาลง “ผมไม่ได้หวังพึ่งเขา”
“แต่เจอกันครั้งนี้ผมพอจะรู้ฝีมือของพวกเขาแล้ว” ดวงตาดอกท้อโค้งมน “พี่ใหญ่วางใจได้ ผมจะให้ปรมาจารย์จอมยุทธ์ห้าสิบคนมาเฝ้าที่ฮู่เฉิงไว้ เพียงพอปกป้องพี่กับพวกคุณตา”
ทางผู้เฒ่าจงกับอิ๋งเทียนลี่ว์เขาก็จัดคนไปคุ้มกันเหมือนกัน
เขาไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องแบบเดียวกับฟู่หลิวอิ๋งเมื่อยี่สิบปีก่อนอีกครั้ง
ฟู่อี้หันยิ่งฟังก็ยิ่งเงียบไป
มุมมองของเขาต่อสิ่งต่างๆ กำลังอยู่ในช่วงพังทลาย
เรื่องสำนักสืบสวนสากลไอบีไอเขายังพอรับได้ ยังไงก็เป็นองค์กรที่อยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์และบนเวยปั๋วหลายครั้ง
แต่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ เดินบนหลังคาไต่กำแพง ฟันแทงไม่เข้างั้นเหรอ
นั่นไม่ใช่จินตนาการที่มีแต่ในนิยายเหรอ
แต่ในขณะเดียวกัน ยิ่งฟู่อวิ๋นเซินแสดงความสามารถออกมาสูงมากแค่ไหน ฟู่อี้หันก็ยิ่งหนักใจ
บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาโดยฟรีๆ
กว่าฟู่อวิ๋นเซินจะขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งสูงขนาดนั้นได้ต้องผ่านความลำบากมาตั้งเท่าไร
ฟู่อี้หันถอนหายใจ
เขาอยากให้ฟู่อวิ๋นเซินไม่ต้องแบกรับอะไรมากมายขนาดนั้นแล้วเติบโตอย่างสงบสุขมากกว่า
…
วันต่อมา
ตอนเช้าก็มีข่าวที่สะเทือนไปทั้งประเทศจีน
แอปฯ โซเชียลดังๆ ต่างร้อนระอุ
แฮชแท็กปรับบอร์ดบริหารวีนัสกรุ๊ป บอสใหญ่โซนเอเชียแปซิฟิก
แฮชแท็กงานประชุมสรุปผลงานไตรมาสของวีนัสกรุ๊ปจะมีขึ้นสัปดาห์หน้า
แฮชแท็กประธานใหญ่จะออกมาสรุปประชุมด้วยตัวเอง
ฮือฮาไปทั้งโลกไซเบอร์ ถกเถียงกันไปต่างๆ นานา
โดยเฉพาะทางด้านฮู่เฉิง
ระหว่างทางมีหลายคนที่แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้
“ทีใครทีมันจริงๆ นะ คุณชายเจ็ดฟู่หล่นจากตำแหน่งเร็วขนาดนี้”
“จึ๊ ต่อให้เขาไม่มีตำแหน่งประธานโซนเอเชียแปซิฟิกของวีนัสกรุ๊ปก็ยังเป็นคุณชายเจ็ดตระกูลฟู่อยู่ดี ทำตัวเสเพลได้ต่อ”
“เอาเป็นว่าแค่ใช้หน้าตาก็มีสาวๆ อยากโผเข้าหาไม่น้อยแล้ว ชีวิตนี้เขากินหรูอยู่สบายไม่ต้องกลุ้มอะไรแล้ว”
หัวหน้าคนคุ้มกันเห็นเซ่าอวิ๋นหยุดข้างทาง “ท่านหัวหน้าตระกูล”
เซ่าอวิ๋นขมวดคิ้วแน่นมาก “เกิดอะไรขึ้นกับวีนัสกรุ๊ป”
ความรู้ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับวีนัสกรุ๊ปก็มาจากเรื่องราวในเน็ตทั้งนั้น
ประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปเป็นใครกันแน่ ตอนนี้ก็ยังเป็นปริศนา
ทางยุโรปมีข่าวลือบอกว่าประธานใหญ่คือเศรษฐีวัยห้าสิบกว่า
“เรื่องโยกย้ายคนเป็นเรื่องปกติครับ” หัวหน้าคนคุ้มกันพูด “ไม่ค่อยเหมือนพวกบริษัทในเมืองเราที่ให้ลูกหลานสืบทอดตำแหน่งได้ คนทางนี้ใครเก่งก็ได้ขึ้นตำแหน่ง คิดดูแล้ว…”
เซ่าอวิ๋นมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าเจ็ดเก่งที่สุด”
หัวหน้าคนคุ้มกันไม่พูดอะไรแล้ว จำต้องยอมรับว่านี่คือความจริง
ขนาดเจอฟู่อวิ๋นเซินแค่ครั้งเดียว บุคลิกในตัว ความเด็ดขาดและวิธีการ อวี้เซ่าอิ่งเทียบไม่ติด
เซ่าอิ่งก็คือหนึ่งในผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลคนต่อไป
ไม่เพียงแต่จะมีตระกูลอวี้คอยบ่มเพาะ ยังมีสำนักผู้วิเศษที่หนุนหลังจูซาด้วย
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ก็สู้ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้อยู่ดี
หัวหน้าคนคุ้มกันก็งงเหมือนกัน
มีคนบนโลกเก่งขนาดนี้ด้วยเหรอ
หัวหน้าคนคุ้มกันรู้สึกนับถือในความสามารถที่ฟู่อวิ๋นเซินแสดงออกมา เขารีบเปลี่ยนคำพูด “แต่ท่านหัวหน้าตระกูลครับ เกรงว่าคุณชายใหญ่จะไม่มีทางกลับตระกูลอวี้แล้วน่ะสิครับ”
“ยังไม่ต้องพูดเรื่องนี้” เซ่าอวิ๋นกระแอม แววตาขรึมลง “สำนักงานโซนเอเชียแปซิฟิกอยู่ที่ไหน พวกเราลองไปดูหน่อย”
หัวหน้าคนคุ้มกันเปิดจีพีเอสนำทาง “ทางนี้ครับท่านหัวหน้าตระกูล”
…
เวลานี้ภายในอาคารสำนักงาน
ห้องทำงานของประธาน
นีลเข้าประจำการก่อนแล้ว
กำลังให้คนจัดการเอกสารในห้องทำงาน
“คุณฟู่ น่าเสียดายจริงๆ นะครับ” นีลยิ้มแบบไม่จริงใจ เขายื่นมือออกไป “เดิมทียังอยากเป็นเพื่อนร่วมงานกับคุณ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีทางแล้ว”
“ถ้าคุณไม่พอใจ ไปหาท่านประธานใหญ่ได้ครับ ผมเคารพการตัดสินใจของเขาทั้งหมด”
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง “คุณเคารพประธานใหญ่มากเหรอครับ”
นีลพูดอย่างภูมิใจ “แน่นอนครับ ท่านประธานใหญ่เป็นไอดอลของผม”
หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “แต่พวกเราก็เห็นความสามารถของคุณฟู่แล้ว ผมให้ตำแหน่งประธานฝ่ายขายกับคุณได้นะครับ”
ฟู่อวิ๋นเซินชักสนใจ
เขาไม่มีท่าทีจะโกรธเลยสักนิด พูดเสียงเนือย “รับโทรศัพท์เถอะครับ”
“โทรศัพท์อะไร” นีลขมวดคิ้ว “ไม่ได้มีสายเข้าเสียหน่อย”
พอเขาเพิ่งพูดจบโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
นีลอึ้ง หยิบโทรศัพท์ออกมาดู
คนที่โทรมาคือเอียน
ประธานฝ่ายการเงินของวีนัสกรุ๊ป