ตอนที่ 650 ตะลึงคูณสอง! บอสผนึกกำลัง
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้นดุจมหาสมุทร ลุ่มลึก มีเสน่ห์ดึงดูดล้นเหลือ
เป็นแบบที่สาวๆ ชอบ
เมื่อหลายศตวรรษก่อนซีซาร์ถูกเรียกว่า ‘อพอลโลแห่งฟลอเรนซ์’ ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
“บอส” ซีซาร์วางสายทันที เดินเข้ามา “ทำไมมาโดยไม่บอกกล่าวล่ะ ผมไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย เช้าตรู่แบบนี้มีแต่กาแฟ”
“ไม่ต้องเตรียม” มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า “แค่มาคุยธุรกิจ”
“หืม? ธุรกิจอะไร” ซีซาร์สนใจขึ้นมาทันที “จะไปขุดทองที่ไหนเหรอ ครั้งนี้ผมจะพาคนไปเยอะหน่อย จะขนกลับมาให้หมด”
อิ๋งจื่อจินกุมขมับ “คุยธุรกิจกับวีนัสกรุ๊ป นายรู้เรื่องที่ธนาคารลอเรนท์จะแช่แข็งเงินของวีนัสกรุ๊ปใช่ไหม”
ซีซาร์ตอบอืม “ใช่ ผมรู้ ประธานโซนยุโรปของพวกเขามาหารองประธานธนาคารลอเรนท์ เสนอหุ้นให้สิบเปอร์เซ็นต์”
วีนัสกรุ๊ปเป็นเครือบริษัทอันดับหนึ่งของโลก หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์เป็นความร่ำรวยที่คนธรรมดายากจะจินตนาการแล้ว
เอาเงินมาเสนอให้ถึงที่ ซีซาร์มีท่าทีต้อนรับคนที่เอาเงินมาให้ตลอด
“บอส อยากได้หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์เหรอ รีบบอกสิ ถ้าบอสอยากได้วีนัสกรุ๊ป ผมจะกัดฟันซื้อมาให้เลย”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “เอาสิ ประธานใหญ่คือพี่ใหญ่ของนาย”
“…”
ซีซาร์อึ้งไปสักพัก เขาตะลึง “พี่ใหญ่ผมเหรอ”
วันนั้นหลังจากที่เขาสู้แพ้ก็เรียกฟู่อวิ๋นเซินว่าพี่ใหญ่
ไม่อย่างนั้นใครจะกล้ามาขี่หัวเขาได้
อิ๋งจื่อจินมองเขา “มีปัญหาเหรอ”
ซีซาร์กลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ “…ไม่กล้า”
ตระกูลลอเรนท์เคยข่มวีนัสกรุ๊ปตามพวกสี่ตระกูลมหาเศรษฐีแห่งยุโรป
ตอนแรกซีซาร์ไม่แคร์ เขาสนแค่เงิน
เขายังเคยร่างแผนที่จะเล่นงานวีนัสกรุ๊ปด้วยซ้ำ
แต่ไม่ว่าอย่างไรซีซาร์ก็ไม่คาดคิดว่าประธานใหญ่ที่แสนลึกลับของวีนัสกรุ๊ปก็คือแฟนของบอสเขา
นี่มันเวรกรรมอะไรวะเนี่ย!
“เอาล่ะๆ” ซีซาร์ยกมือ “ในเมื่อเป็นครอบครัวบอส ผมก็ไม่มีทางลงมือแล้วแน่นอน ผมจะให้คนบอกทางธนาคาร”
เขากดกริ่งเรียก
จ็อบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “นายท่าน”
ซีซาร์สั่ง “บอกผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของธนาคารลอเรนท์ว่า ร่วมงานกับแค่ประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปเท่านั้น”
“ครับนายท่าน”
จ็อบเดินออกไป
เอียนงงเป็นไก่ตาแตก ในสมองมีแต่คำว่า ‘อิหยังวะ’
“นาย เก่งมาก” ซีซาร์ตบบ่าเอียน ยิ้มพลางพูด “ตาแหลมเหมือนฉัน”
รู้ว่าควรกอดขาใคร
เอียนถูกตบบ่าก็แทบหยุดหายใจ สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ
ข่าวที่ผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์ออกมาอย่างเป็นทางการได้ลือไปทั่วตั้งแต่ไม่กี่เดือนก่อนที่ตระกูลแพชช์จะถูกกำราบ
แต่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน
แต่ทางวีนัสกรุ๊ปได้ข่าวกรองมาบ้าง
ผู้กุมอำนาจอายุน้อย หน้าตาใช้ได้
เอียนเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก มองซีซาร์
อะไรกันล่ะเนี่ย
แม้แต่ผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์ก็ยังเป็นฝ่ายเดียวกับพวกเขา แล้วยังจะต้องกลัวอะไรอีก
“บอสไม่ค่อยได้ใช้บัตรสีดำทองที่ผมให้ไปใช่ไหม” ซีซาร์หันไปพูด ดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววน้อยใจ “ถ้าบอสใช้คงไม่มีทางมาหาผมโดยเฉพาะ”
อิ๋งจื่อจินสีหน้าชะงัก “ยังไม่เคยใช้”
ช่วงนี้เธอแทบไม่ได้ใช้เงินเลย ปกติฟู่อวิ๋นเซินก็รูดให้ตลอด
ขนาดธนาคารเธอยังไม่ได้เข้าไป
“บัตรใบนี้โยกทรัพย์สินของธนาคารลอเรนท์ในแต่ละที่ได้” ซีซาร์ถอนหายใจ “สั่งประธานสำนักงานใหญ่ก็ยังได้ บอสทำเสียของแล้ว”
อิ๋งจื่อจินยังคงไม่รู้สึกอะไร แต่เอียนที่อยู่ข้างกันช็อกหนักไปแล้ว “ทรัพย์สินทั้งหมดเหรอ!”
ไม่มีใครรู้ว่าทรัพย์สินของตระกูลลอเรนท์มีเท่าไรกันแน่
อย่างไรเสียวีนัสกรุ๊ปก็ก่อตั้งช้ากว่า ถึงแม้จะร่ำรวยมาก
แต่หากว่ากันด้วยเรื่องทรัพย์สินก็ไม่มีทางสู้ตระกูลลอเรนท์ที่อยู่มายาวนานหลายร้อยปีได้
ตระกูลลอเรนท์ผูกขาดเศรษฐกิจทั้งโลก
ถ้าธนาคารลอเรนท์แช่แข็งเงินของพวกเขาจริง วีนัสกรุ๊ปก็จะเสียหายหนัก
“นายตกใจอะไร” ซีซาร์เหล่มองเอียน “ถ้าไม่มีบอส ตระกูลลอเรนท์ไม่มีทางอยู่มาได้จนถึงตอนนี้”
เขาเคารพอิ๋งจื่อจินจากใจจริง
ถวายชีวิตให้ก็ยังได้
เอียนปาดเหงื่อ “ผะ ผมตื่นเต้นมากเกินไปน่ะครับ”
ซีซาร์คิดแล้วพูดขึ้น “บอส งานประชุมสรุปผลงานไตรมาสเริ่มเมื่อไรเหรอ”
อิ๋งจื่อจินหาว พูดเสียงเนือย “วันมะรืน”
ซีซาร์พยักหน้า “ได้ ผมจะไปดู ขอที่นั่งให้ผมด้วย”
เขาคลายเนกไทแล้วถามต่อ “จริงสิ มีผู้หญิงไปร่วมงานไหม”
“มีครับ” เอียนอึ้ง “งานประชุมสรุปผลงานไตรมาสจะเริ่มก่อนงานเลี้ยง มีการเต้นรำเปิดงานด้วย ต้องมีผู้หญิงอยู่แล้ว ทำไมเหรอครับ”
“อ่อ อย่างนั้นเหรอ” ซีซาร์พยักหน้า พอใจมาก “ฉันตัดสินใจจะลองหาแฟนดู”
เอียน “?”
…
ตอนที่เอียนออกจากคฤหาสน์ลอเรนท์สมองยังคงมึนงงอยู่
เขานิ่งไปสักพักถึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาฟู่อวิ๋นเซิน “พี่ รู้หรือเปล่าว่าพี่สะใภ้พาผมไปเจอใครมา”
“หืม? ซีซาร์ ลอเรนท์เหรอ”
“พี่รู้เหรอ มิน่าถึงไม่เครียด ที่แท้ก็มีไพ่ตายแบบนี้”
“เปล่า” ฟู่อวิ๋นเซินหัวเราะ “ฉันมีแผนรับมือ จัดการได้เหมือนกัน แต่ถ้าเยาเยาออกโรงก็สะดวกกว่ามาก”
เอียนตามอิ๋งจื่อจินกลับประเทศเจอย่างสบายใจ
ความจริงเป็นที่ประจักษ์ มีคนคุ้มครองย่อมรู้สึกดี
ก่อนลงจากเฮลิคอปเตอร์เอียนน้ำตาคลอ “พี่สะใภ้ ผมจะกอดขาพี่ให้แน่นเลยครับ พาผมบินด้วยนะครับ”
อิ๋งจื่อจินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “กรุณาไปไกลๆ หน่อย”
เอียน “…”
เขาไสหัวไปอย่างรวดเร็ว
ฟู่อวิ๋นเซินขับรถมารับเธอ ทั้งสองคนกลับโรงแรมด้วยกัน
เขาพูดขึ้น “พี่ชายจะออกไปข้างนอกหน่อย เดี๋ยวกลับมากินข้าวเย็น”
อิ๋งจื่อจินฟุบอยู่บนเตียง โบกมืออย่างขี้เกียจ “ไปเถอะ ฉันจะพักหน่อย”
ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอแล้วเดินออกไป
อิ๋งจื่อจินพลิกตัว เปิดคอมพิวเตอร์ล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดเอ็นโอเค
เธอยังไม่ทันเข้าไปดูตรงหน้าเพื่อนก็มีหน้าต่างสนทนาเด้งขึ้นมา
10 : [ท่านเทพพยากรณ์! ในที่สุดก็ออนไลน์อีกครั้ง เร็วเข้า เมื่อไรจะช่วยพยากรณ์ให้ผม]
อิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย พิมพ์ตอบ
เทพพยากรณ์ : [ฉันรู้แล้วว่านายเป็นคนที่ไหน]
10 : [ผมเป็นคนที่ไหน ผมก็มนุษย์โลกไม่ใช่หรือไง]
10 : [คิดว่าผมเหมือนท่านเทพพยากรณ์ที่มาดาวโลกจากจักรวาลอื่นเหรอ]
เทพพยากรณ์ : [สามพยางค์ สื่อสารออกมาตรงๆ ไม่ได้ นายรู้ ท่านนักพรต]
10 : […]
จากนั้นก็มีหน้าต่างสนทนาเด้งขึ้นมาอีก
เป็นข้อความสีแดงพร้อมเครื่องหมายตกใจ
[สายด่วน!]
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย พิมพ์โค้ดโปรแกรมลงไปก่อน
จากนั้นก็ใช้กำลังภายในผนึกห้องพักโรงแรมแล้วถึงกดรับ
“ฮัลโหล”
มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้น
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “อืม ฟังอยู่”
“อืม ขอโทษที นี่เป็นความลับของโลก มนุษย์โลกจำนวนมากห้ามรู้” ชายหนุ่มยิ้มพลางถอนหายใจ “ตอนนั้นที่พวกเรารู้จักกัน คุณบอกคุณไม่ใช่มนุษย์โลก มาเที่ยวจากที่อื่น”
“ผมก็เลยไม่ได้บอกคุณ ตอนนี้คุณคิดได้แล้วอยากจะมาพยากรณ์ให้ผมแล้วใช่ไหม”
“เปล่า” อิ๋งจื่อจินตอบสั้นๆ “ก็แค่มีเรื่องบางอย่างที่จำเป็นต้องไปที่ของพวกนายหน่อย”
“อย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มครุ่นคิด “งั้นพอมาถึงแล้วค่อยติดต่อผม ผมจะไปเจอ นี่คือเสียงจริงของคุณเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “อืม ไม่ได้เปลี่ยนเสียง”
ตอนศตวรรษที่สิบหกที่พวกเขารู้จักกัน เธอสวมชุดตัวยาวสีดำ ปิดบังจนไม่เห็นอะไรเลย
อย่าว่าแต่แยกไม่ออกว่าหญิงหรือชาย เด็กหรือแก่ก็ไม่รู้
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเรื่องเพศเรื่องอะไรมันไม่สำคัญ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ในสายตาของผม ไม่มีแบ่งแยกชายหญิง ผมคิดมาตลอดว่าคุณเป็นตาแก่”
เขาหยุดเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ผมคือผู้วิเศษนักพรต คุณจะเรียกชื่อจริงผมก็ได้ ซิว”
ผู้วิเศษลำดับที่สิบในบรรดาผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคน ผู้วิเศษนักพรต
ซิว เคนเซล
ซิวกระแอม “เดิมทีผมรอให้คุณรับปาก ผมจะออกจากเมืองไปหาคุณ ตอนนี้คุณจะเข้ามา งั้นผมก็เบาแรง”
“เดิมทีก็ไม่ได้อยากเจอนาย”
“…”
ซิวรู้สึกจนปัญญา “คุณยังคงไร้เยื่อใยเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ”
อิ๋งจื่อจินพูด “เหมือนกันแหละ”
“จริงสิ มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง” น้ำเสียงของซิวเคร่งเครียดขึ้น “พอคุณมาถึงแล้วห้ามใช้ญาณพยากรณ์เป็นอันขาด เว้นเสียแต่ผมจะอยู่ด้วย”
สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง
“คุณน่าจะรู้ดีว่ายังมีผู้วิเศษคนอื่นที่ตามหาคุณอยู่ ถ้าคุณใช้ญาณพยากรณ์ พวกเขาจะหาคุณเจอทันที” เขาหยุดเล็กน้อย “มีแค่ผมที่ช่วยอำพรางให้คุณได้”
ช่วยได้อย่างแท้จริง
ไม่ได้พูดเล่น
“เข้าใจแล้ว” อิ๋งจื่อจินยังคงสุขุมเยือกเย็น “วางใจได้ เดิมทีสิ่งที่ฉันจะใช้พึ่งพาอย่างแท้จริงก็ไม่ใช่ญาณพยากรณ์”
ถ้าอาศัยแค่ความสามารถพิเศษเธอคงอยู่มาไม่ได้จนถึงตอนนี้
“งั้นก็ดี” ซิวพยักหน้า “ขอผมทราบชื่อของคุณได้ไหม ชื่อจริง”
“อิ๋งจื่อจิน” อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “อีกสองคนล่ะ พวกเขาไม่เคยออนไลน์เลย ไม่ได้อยู่กับนายเหรอ”
พอได้ยินแบบนี้ซิวก็เงียบไป “เจอกันค่อยเล่า”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าแล้ววางสาย
…
อีกด้านหนึ่ง โยเซฟมาถึงเมืองฟลอเรนซ์แล้ว
สำนักงานใหญ่ธนาคารลอเรนท์ตั้งอยู่ที่นี่
“คุณคีล” โยเซฟท่าทีสุภาพ “ได้ร่วมงานกับทางตระกูลของคุณถือเป็นเกียรติของผมครับ”
คีล ลอเรนท์ อายุเกินสี่สิบแล้ว แต่ดูแลตัวเองดีมาก
เธออยู่ในชุดสูทสีดำ สวมแว่นตากรอบทอง “สวัสดีค่ะประธานโยเซฟ”
“ผมเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วครับ” โยเซฟยิ้ม “รอแค่คุณคีลครับ”
ขอแค่ธนาคารลอเรนท์แช่แข็งเงินของวีนัสกรุ๊ปไว้สามวัน เขาก็มั่นใจได้ว่าจะกุมอำนาจทั้งเครือวีนัสกรุ๊ปได้
คีลพยักหน้า “แน่นอนค่ะ หวังว่าคุณโยเซฟพูดแล้วจะทำได้เช่นกัน ให้หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์”
คีลไม่ต่างจากสมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลลอเรนท์ รักแต่เงิน
โยเซฟยิ้มกว้างกว่าเดิม “งั้นก็ขอเชิญคุณคีลไปที่ประเทศเจด้วยครับ ไปร่วมงานประชุมสรุปผลงานไตรมาส”
“รอเดี๋ยวนะคะ” คีลรับโทรศัพท์
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร แต่สีหน้าของเธอเริ่มเครียดลง “ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
โยเซฟรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก “คุณคีล?”
คีลยิ้ม “ทางตระกูลโทรมาสั่งอะไรนิดหน่อยค่ะ ประธานโยเซฟวางใจได้ค่ะ ทางตระกูลทราบความต้องการของคุณแล้วค่ะ”
“ยินดีด้วยนะคะ พอถึงตอนนั้นนายท่านของเราก็จะไปร่วมงานประชุมด้วยค่ะ”
โยเซฟทำตาโต แทบหยุดหายใจ
ผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์จะมาหนุนหลังเขาด้วยตัวเองเลยเหรอ
มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ
โยเซฟตื่นเต้นมาก “ขอบคุณครับคุณคีล ขอบคุณมาก เชิญทางนี้ครับ”
คีลเหลือบมองโยเซฟ หยิบกระเป๋าถือแล้วเดินตามออกไป
…
สองวันต่อมา
งานประชุมสรุปผลงานไตรมาสของวีนัสกรุ๊ปที่วงการธุรกิจระดับโลกต่างรอคอยก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
แต่ละประเทศต่างส่งนักข่าวมา ภายในงานมีคนเดินขวักไขว่ หลายคนกำลังมองหา
สำหรับบรรดานักข่าวแล้ว นวัตกรรมใหม่ที่วีนัสกรุ๊ปจะประกาศยังไม่น่าสนใจเท่าประธานใหญ่จะมาปรากฏตัวด้วยตัวเอง
โยเซฟมองไปทางที่เอียนอยู่
เขาถือแก้วไวน์เดินเข้าไป พูดเสียงเบา “ประธานเอียน เชิญดื่มด่ำกับช่วงเวลาดีๆ ของพวกคุณเป็นครั้งสุดท้ายเถอะครับ”
เอียนแสยะยิ้ม “ผมก็ขอส่งคำพูดแบบนี้ให้คุณเช่นกัน”
“ประธานเอียนชอบล้อเล่นจริงๆ นะครับ” โยเซฟไม่กลัว “ผมมีตระกูลลอเรนท์สนับสนุน พวกคุณมีอะไร”
หยุดเล็กน้อย เขาข่มขู่ต่อ “ประธานเอียน ย้ายฝั่งตอนนี้ยังทันนะครับ”
พูดจบโยเซฟก็หันไปด้วยสีหน้าอวดดี
เขาเงยหน้ามองไปนอกประตู แต่แล้วก็ต้องอึ้ง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย ใบหน้าแบบชาวตะวันออก บุคลิกดูดี
โยเซฟรู้สึกเหลือเชื่อ “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ฟู่อวิ๋นเซินถูกวีนัสกรุ๊ปถอดออกแล้ว ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
เขาไม่ถูกชะตากับฟู่อวิ๋นเซินเลยจริงๆ
เพราะการปรากฏตัวของฟู่อวิ๋นเซินได้แย่งซีนเขาไปไม่น้อย
ฟู่อวิ๋นเซินหันมา ยิ้มมุมปาก “บังเอิญจริงๆ ว่าไหมครับ”
โยเซฟสีหน้าเย็นชา “บังเอิญอะไร”
เอียนดวงตาเปล่งประกาย เดินเข้าไปหาฟู่อวิ๋นเซินทันที