ตอนที่ 667 ฝีมือของอิ๋งจื่อจิน สู้กับเซี่ยเนี่ยน
“…”
เกิดความเงียบขึ้นในห้องประชุม
ลิซิเนียสขมวดคิ้ว
ความสามารถของไป๋เจี้ยงเป็นปริศนามาตลอด
รวมถึงประวัติความเป็นมา
ทั้งๆ ที่ไป๋เจี้ยงไม่ใช่จอมยุทธ์ และไม่เคยใช้ยาต้องห้ามอะไร
แต่ฝีมือการต่อสู้ของเธอกลับสูงมาก อีกทั้งยังครอบครองความสามารถที่แม้แต่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ก็ไม่มี
นับตั้งแต่ลิซิเนียสรับตำแหน่งประธานไอบีไอจากประธานคนก่อน เขาก็ตั้งใจสืบประวัติของไป๋เจี้ยงโดยเฉพาะ
แต่กลับไม่มีบันทึกข้อมูลตั้งแต่ไป๋เจี้ยงเกิดจนถึงอายุยี่สิบปี ราวกับว่าเมื่อก่อนเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
แต่หลังจากที่เขาได้รู้ถึงการมีอยู่ของเมืองแห่งโลกจากฟู่อวิ๋นเซิน ในที่สุดเขาก็กระจ่าง
เกรงว่าไป๋เจี้ยงจะมาจากเมืองแห่งโลก
แต่คิดว่าตัวไป๋เจี้ยงเองก็อาจไม่รู้เรื่องนี้
เพราะคนที่ไม่ว่าจะแสดงเจตจำนงเองก็หรือถูกบังคับให้ออกจากเมืองแห่งโลก ต่างต้องถูกล้างความทรงจำที่เกี่ยวกับที่นั่น
อย่างเช่นไซมอน แบรนด์
ลิซิเนียสแอบกังวล
เมืองแห่งโลกเป็นสถานที่แห่งใหม่สำหรับพวกเขา ไม่มีใครรู้ว่าความสามารถที่แท้จริงของเมืองแห่งโลกมีมากแค่ไหน
คนในไอบีไอที่เคยประลองฝีมือกับไป๋เจี้ยงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
แต่ใครก็ตามที่เคยสู้กับเธอต่างแพ้หมดยกเว้นฟู่อวิ๋นเซิน
และก็เพราะฟู่อวิ๋นเซินชนะเธอ เมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่ภายในไอบีไอเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ไป๋เจี้ยงถึงได้นำทีมลูกน้องสปายของเธอยืนอยู่ข้างฟู่อวิ๋นเซิน
ทำงานร่วมกับไป๋เจี้ยงมาหลายปี ลิซิเนียสรู้ดีว่าเธอเป็นคนอย่างไร
บอกว่าเธอเป็นคนกระตือรือร้น เพราะเธอเคยช่วยคนของไอบีไอเอาไว้ไม่น้อย
แต่จะบอกว่าเธอเลือดเย็นไร้เยื่อใยก็ไม่ผิด เพราะไป๋เจี้ยงตัดสัมพันธ์ที่เป็นส่วนตัวทิ้งทั้งหมด มีแค่หน้าที่ของไอบีไอ
“ขอมัดผมก่อน” อิ๋งจื่อจินมัดผมเป็นทรงหางม้าสูง เผยให้เห็นลำคอขาวผ่อง เธอยกมือขึ้น “เชิญ”
“ใจถึงดีนี่” สีหน้าของไป๋เจี้ยงผ่อนคลายลงเล็กน้อย “มา”
“เดี๋ยวนะ คือ…” แอนโทนี่อยากเข้าไปห้าม แต่ถูกลิซิเนียสจับไว้
เขาพูดเสียงเบา “นายคิดว่าผู้บัญชาการจะไม่เคยคำนึงถึงจุดนี้เหรอ อย่าเข้าไปยุ่ง”
แอนโทนี่ทำได้เพียงหุบปากไว้
สปายระดับเอสหลายคนเอาโต๊ะเก้าอี้ทำงานออกทั้งหมด เหลือพื้นที่ว่างให้มากพอ
ในขณะเดียวกันไป๋เจี้ยงก็เริ่มลงมือ
กระบวนท่าของเธอไม่ได้สวยงาม แค่ใช้ฝ่ามือแบบง่ายๆ
“ฟึ่บ!”
อิ๋งจื่อจินยกมือรับฝ่ามือนี้ไว้
เธอรับไว้ได้อย่างง่ายดาย ไป๋เจี้ยงส่งเสียงเอ๊ะเบาๆ
แต่เธอไม่ได้หยุด โจมตีเร็วและหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม แรงที่ใช้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ทั้งสองคนสู้กันตัวเปล่า ไม่มีการใช้อาวุธใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ทั้งๆ ที่เป็นการต่อสู้ กลับงดงามเหมือนร่ายรำ
เอวของอิ๋งจื่อจินอ่อนมาก ออกกระบวนท่าอย่างไม่รีบร้อน
โจมตีด้วยศอก!
หมุนตัวเตะ!
บรรดาสปายระดับเอสที่เคยผ่านการฝึกต่างงุนงง เริ่มสงสัยแล้วว่าพวกเขาเคยฝึกมาแบบปลอมๆ หรือเปล่า
สามนาทีต่อมา
มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินอยู่ตรงหน้าคอของไป๋เจี้ยง มืออีกข้างรับฝ่ามือของไป๋เจี้ยงที่ฟันเข้ามา
แววตาของไป๋เจี้ยงเปลี่ยนไป
อิ๋งจื่อจินปล่อยมือเธอ ถอยหลังหนึ่งก้าว ไม่รีบร้อน “คุณไป๋เจี้ยงยอมอ่อนให้”
ไป๋เจี้ยงเป็นสปายระดับดับเบิ้ลเอส ประสบการณ์การต่อสู้สูงมาก
คนอื่นมองไม่ออก แต่เธอรู้ดีว่า ในสามนาทีที่ต่อสู้กันนี้ ถ้าใช้อาวุธต่อสู้กันจริง เธอคงตายไปแล้วอย่างน้อยห้าสิบครั้ง
ฝีมือการต่อสู้ของอิ๋งจื่อจินเหนือชั้นมาก
เกือบทุกกระบวนท่าพุ่งเข้าตรงจุดของคู่ต่อสู้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีทางเผยให้เห็นจุดอ่อนของตัวเอง
นักสู้โดยกำเนิด และก็เป็นนักฆ่าโดยกำเนิดเช่นกัน
ข่มได้อย่างสิ้นเชิง
“ฉันแพ้แล้ว” ไป๋เจี้ยงจับมือที่อิ๋งจื่อจินยื่นมา ยืนขึ้นพร้อมทำสีหน้าจริงจัง
“ฉันขอถอนคำพูดตัวเอง เธอไม่ใช่แค่ไม้ประดับ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย “ขอบคุณที่ชมค่ะ”
“ชมเหรอ”
“อืม คุณบอกว่าฉันสวย ตาแหลมมากค่ะ”
ไป๋เจี้ยง “…”
“ดีมากๆ” ทันใดนั้นไป๋เจี้ยงก็หัวเราะออกมา “วันหน้าถ้าเขารังแกเธอ มาบอกฉันนะ ในมือฉันยังมีบัตรโหวตเลือกผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอ ฉันจะให้สปายระดับเอสคนอื่นๆ โหวตให้เธอ”
“เป็นการบอกพวกเขาว่า ผู้หญิงอย่างพวกเราไม่แพ้ให้ผู้ชาย”
ลิซิเนียส “…”
แอนโทนี่ “…”
สปายระดับเอสคนอื่นๆ “…”
พวกเขาอยากแอบจุดเทียนไว้อาลัยให้ผู้บัญชาการของพวกเขาเงียบๆ
อิ๋งจื่อจินไม่สนใจตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอ เธอเงยหน้าขึ้น พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณไป๋เจี้ยงเคยได้ยินเมืองแห่งโลกไหมคะ”
ร่างกายที่แข็งแกร่งของไป๋เจี้ยงไม่ได้มีสาเหตุมาจากยาต้องห้าม
อีกทั้งเธอสัมผัสไม่ได้ถึงการมีอยู่ของกำลังภายในในร่างกายไป๋เจี้ยง
มีความเป็นไปได้แค่พันธุวิศวกรรมของเมืองแห่งโลก
“เมืองแห่งโลกเหรอ” ไป๋เจี้ยงขมวดคิ้ว ส่ายหน้าแล้วพูด
“ก็คือข่าวที่พวกเธอส่งกลับมาก่อนหน้านี้เหรอ ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“รอเดี๋ยวค่ะ” อิ๋งจื่อจินกดที่หูฟัง “ฉันขอเชิญคุณไป๋เจี้ยงพบคนคนหนึ่ง”
ไม่กี่นาทีต่อมาประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
ซีนายชะโงกหน้า สุดท้ายถึงค่อยๆ เดินเข้ามา
“พี่สะใภ้ พวกพี่มีลูกกันแล้วเหรอ” แอนโทนี่ตะลึง “แต่ทำไมลูกตาสีน้ำเงินล่ะ”
ลิซิเนียสหัวจะปวด “โอ้ก็อด…”
ทำไมเพื่อนร่วมงานของเขาถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้นะ
อิ๋งจื่อจินขี้เกียจสนใจแอนโทนี่ เธอถาม “ซีนาย เคยเจอคนนี้ไหม”
“หา?” ซีนายเงยหน้า มองไป๋เจี้ยงอยู่สักพัก สีหน้าเปลี่ยน “คุณยังไม่ตายเหรอ”
คำพูดนี้เป็นการยืนยันที่มาของไป๋เจี้ยง
แววตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “เธอตกใจมากเหรอที่ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตาย”
“ก็ต้องตกใจสิ” ซีนายกดนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“ดูนะ เธอเป็นเคสทดลองการตัดต่อพันธุกรรมกลุ่มแรก หมายเลขเจ็ด”
“แต่เคสทดลองกลุ่มแรกไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เลยล้มเหลวทั้งหมด”
ภาพฉายสามมิติปรากฏกลางอากาศต่อหน้าทุกคน
ในภาพฉายนั้น ไป๋เจี้ยงที่อยู่ในชุดทดลองสีขาวกำลังนอนอยู่ในแคปซูลทดลอง
ยี่สิบปีก่อน ต้นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เมืองแห่งโลกเพิ่งจะเริ่มโครงการดัดแปลงพันธุกรรมมนุษย์
พอคำพูดนี้ออกมาก็ตะลึงกันทุกคน
ไป๋เจี้ยงสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “เดิมทีฉันเป็นชาวเมืองแห่งโลกเหรอ”
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมการทดลองในตัวคุณล้มเหลวแล้วสำนักวิจัยถึงไม่ทำลายคุณทิ้ง” ซีนายพูด
“ด้วยสไตล์การทำงานของพวกเขา ไม่ควรปล่อยคุณออกมาถึงจะถูก”
อิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ “เป็นแค่สิ่งทดลองที่ล้มเหลว”
สิ่งทดลองที่ล้มเหลวกลับมีความสามารถเทียบเท่าปรมาจารย์จอมยุทธ์
เมืองแห่งโลกลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดา
“ไปเขตสงครามก่อน” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น “พักเรื่องนี้ไว้ก่อน”
ไป๋เจี้ยงนำทีมทำความเคารพ “ค่ะ ผู้บัญชาการ!”
…
วันต่อมา
ตอนเช้า
หลิงเหมียนซีไปส่งเจียงหรานที่ศาลสถิตยุติธรรม
“ฉันส่งนายแค่ตรงนี้” สองมือของเธอล้วงกระเป๋า หยุดที่ประตูเมือง “นายเข้าไปเองแล้วกัน”
เจียงหรานงุนงง
“ไหนเมื่อวานพี่บอกว่าจะไปร่วมการประลองเพิ่มขีดความสามารถที่ศาลสถิตยุติธรรมไง”
“อ่อ เพราะอาอิ๋งบอกให้ฉันอยู่แต่ในบ้าน” หลิงเหมียนซีพูด “ฉันก็เลยไม่อยากออกนอกอาณาเขตของตระกูลหลิง รออาอิ๋งมาก่อนค่อยว่ากัน”
“บอกให้อยู่แต่ในบ้านเหรอ” ถึงแม้เจียงหรานจะงงหนัก แต่ก็ตอบไป “ได้ งั้นผมไปแล้วนะ”
หลิงเหมียนซีโบกมือ หันตัวเดินกลับ
หลังจากที่ตระกูลหลิงร่วมมือกับโลกแพทย์แผนโบราณ ในเมืองก็เจริญขึ้นมาก
หลิงเหมียนซีซื้อถุงหอมหลายอัน เตรียมเดินกลับ
แต่ในเวลานี้เองหูของเธอก็ขยับ ได้ยินเสียงมาจากไกลๆ
หลิงเหมียนซีสีหน้าเปลี่ยน
เธอหยุดเดินกลับบ้านตระกูลหลิง หันตัวเดินออกจากประตูเมืองด้วยความเร็วสูง
ในเวลาสิบกว่าวินาทีเธอวิ่งไปแล้วสามร้อยเมตร
ยังไม่ทันเห็นชัดว่าคนที่อยู่ตรงข้ามเป็นใครหลิงเหมียนซีก็กำหมัดปล่อยออกไป
“พลั่ก!”
สองหมัดปะทะกัน ทั้งสองฝ่ายต่างถอยไปหลายก้าว”
แต่หลิงเหมียนซีก็ยังขวางหมัดแทนเจียงหรานได้อย่างมั่นคง สายตาเย็นชา “เซี่ย เนี่ยน!”
“พี่” เจียงหรานกัดฟัน “ไม่ต้องสนใจผม”
หลิงเหมียนซีแสยะยิ้ม “หุบปากไปเลย”
บนพื้นเต็มไปด้วยศพของทีมคุ้มกันตระกูลหลิงทั้งทีม
ตายหมดทุกคนเพื่อปกป้องเจียงหราน
ริมฝีปากแดงของเซี่ยเนี่ยนยกขึ้น ยิ้มอย่างได้ใจ
“หลิงเหมียนซี เดิมทีฉันไม่ได้อยากทำร้ายเธอหรอก แต่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ฉันถูกใจแฟนเธอล่ะ”
“คนอย่างฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกันคนอื่นด้วยสิ ฉันก็เลยอยากกำจัดเธอทิ้งก่อน”
ยังไม่ทันพูดจบเซี่ยเนี่ยนก็เริ่มลงมือแล้ว
แต่เธอไม่ได้โจมตีหลิงเหมียนซี กลับเป็นเจียงหราน
เจียงหรานมีพรสวรรค์จอมยุทธ์ก็จริง แต่เพราะกำลังภายในของเขาแปรปรวนมานาน
เขาเพิ่งจะเริ่มฝึกอย่างเป็นทางการเมื่อปีกว่าที่แล้วหลังจากอิ๋งจื่อจินรักษาจนเขาหาย ช้ากว่าจอมยุทธ์คนอื่นไปสิบกว่าปี
เรื่องวรยุทธ์ย่อมเทียบกับเซี่ยเนี่ยนที่เริ่มฝึกมาตั้งแต่เด็กไม่ได้
เซี่ยเนี่ยนแค่ใช้พลังฝ่ามือก็สามารถทำให้อวัยวะภายในของเจียงหรานไปกองรวมกันได้
นี่คือการข่มของจอมยุทธ์ระดับสูงที่มีต่อจอมยุทธ์ระดับล่าง
หลิงเหมียนซีขัดขวางพลางพาเจียงหรานถอยหลัง
แต่ในขณะเดียวกัน เพื่อปกป้องเจียงหราน เธอก็ถูกเซี่ยเนี่ยนโจมตีอยู่ไม่น้อย
มีเลือดไหลออกจากมุมปากไม่หยุด
พอเห็นแบบนี้เซี่ยเนี่ยนก็หัวเราะ
“หลิงเหมียนซี อย่าไปสนเขาเลย รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองหนีเอาตัวรอดได้ ขอแค่ไม่สนใจเขา”
หลิงเหมียนซีไม่พูด รับการโจมตีจากเซี่ยเนี่ยนไว้อย่างมั่นคง
กำลังภายในของทั้งสองคนปะทะกัน คลื่นพลังปั่นป่วน มีเสียงปะทะอย่างรุนแรงกลางอากาศ
เซี่ยเนี่ยนโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ในที่สุดหลิงเหมียนซีก็หาช่องโหว่ได้ เธอยกฝ่ามือตบเข้าไปที่หลังของเจียงหราน ส่งเขาไปฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ “เจียงหราน ไป!”
ในเวลาเดียวกันหลิงเหมียนซีก็รับฝ่ามือของเซี่ยเนี่ยน กระอักเลือดออกมา เลือดหยดลงพื้น
เจียงหรานสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “พี่!”
หลิงเหมียนซีสูดลมหายใจเข้าลึก สายตาดุดัน
“เจียงหราน ไป! ไม่ต้องพูดแล้ว ไปเดี๋ยวนี้! อยากตายอยู่ที่นี่ด้วยกันเหรอ”
“ลืมที่ฉันเคยบอกนายไปแล้วเหรอ ลูกผู้ชายอกสามศอก สิบปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย นายยังต้องดูแลตระกูลหลิงอีกนะ!”
เจียงหรานกัดฟัน สะอื้นอยู่ในลำคอ หันตัววิ่งหนี
เขาวิ่งกลับบ้านตระกูลหลิงด้วยความเร็วสูงสุด
เจียงหรานกลั้นน้ำตาไว้ ขอบตาแดงก่ำ “พี่ รอผมก่อน อดทนไว้ ผมจะไปตามคนมาช่วย!”
คนคุ้มกันที่รออยู่ด้านข้างพูดเตือนเซี่ยเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ จัดการไปพร้อมกันเลยไหมครับ”
เซี่ยเนี่ยนเหลือบตามองเจียงหรานที่วิ่งไปไกล ไม่สนใจเท่าไร
เธอเฉยๆ แสยะยิ้มอย่างไม่แคร์
“ปล่อยเขาหนีไป เชิญเรียกคนมาเป็นกองทัพเลย ดูซิว่าคนที่เขาเรียกมาจะมีคนไหนกล้าสู้กับฉัน”
แน่นอนว่าผู้นำตระกูลหลิงที่มีวรยุทธ์ประมาณสองร้อยปีสามารถฆ่าเธอได้อย่างง่ายอาย
แต่ผู้นำตระกูลหลิงกล้าเหรอ
มีเหรอที่ผู้นำตระกูลหลิงจะกล้าเอาชีวิตคนหลายร้อยของตระกูลหลิงมาเดิมพันสู้กับเซี่ยฮ่วนหรานเพื่อหลิงเหมียนซี
ต่อให้วันนี้เธอฆ่าลูกหลานสายตรงของตระกูลหลินกับตระกูลเย่ว์ สองตระกูลนี้ก็ไม่กล้าหือหรอก
ในโลกจอมยุทธ์ จอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์เหนือกว่าเซี่ยเนี่ยนมีเยอะมาก แต่ไม่มีใครกล้าฆ่าเธอ เพราะไม่มีใครทนการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งของเซี่ยฮ่วนหรานได้
แม้แต่เฉิงหย่วน อย่างมากก็ได้แค่ทำให้เธอบาดเจ็บสาหัส
ถ้าเฉิงหย่วนฆ่าเธอจริงๆ ก็ไม่มีใครในสหพันธ์จอมยุทธ์รอดได้
เซี่ยเนี่ยนยิ้มมุมปาก ไม่ยั้งมืออีกต่อไป โจมตีรุนแรงกว่าเดิม
แต่ละกระบวนท่าล้วนเล่นงานหลิงเหมียนซีได้ตรงจุด
เจียงหรานไม่กล้าหันกลับ เขาวิ่งสุดชีวิต เอามือปิดปากไม่ให้เสียงร้องไห้ของตัวเองหลุดออกมา
เขาเกลียดที่ตัวเองอ่อนแอเกินไป ความสามารถสู้เซี่ยเนี่ยนไม่ได้
หลิงเหมียนซียิ้มพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก หลังยังคงยืดตรง “ความสามารถมีแค่นี้เหรอ”
แววตาของเซี่ยเนี่ยนเริ่มขรึมลง
เธอเป็นถึงว่าที่ปรมาจารย์จอมยุทธ์ ตอนนี้วรยุทธ์ทะลุแปดสิบปีแล้ว
หลิงเหมียนซียังไม่ถึงเจ็ดสิบปีด้วยซ้ำ
ยังจะทนมาได้นานขนาดนี้
แม้เซี่ยเนี่ยนจะมีความคิดแบบแมวแหย่หนู แต่ก็ไม่ได้มีเวลาเล่นด้วยนานขนาดนั้น
เธอยิ้มชั่วร้าย “หลิงเหมียนซี พอแค่นี้เถอะ ฉันจะส่งเธอขึ้นสวรรค์”
เซี่ยเนี่ยนรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดปล่อยใส่หัวใจของหลิงเหมียนซี
หลิงเหมียนซีกัดฟัน กลืนเลือดทั้งหมดลงคอกลับไป
เธอเงยหน้า เจียงหรานกลับเข้าเมืองไปแล้ว
หลิงเหมียนซีโล่งอก ร่างกายที่หดเกร็งผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความเหนื่อยล้าสุดกำลัง
อย่างน้อยน้องชายเธอก็รอดแล้ว
เธอสบายใจแล้ว
เวลานี้มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“เซี่ยเนี่ยน!”
“พี่!”
เซี่ยเนี่ยนเหลือบมองผู้อาวุโสกับผู้นำตระกูลหลิงที่รีบร้อนเข้ามาอยู่ไม่ไกล เธอเช็ดคราบเลือดของหลิงเหมียนซีที่กระเด็นเลอะหน้า
เซี่ยเนี่ยนเลียริมฝีปาก แสยะยิ้ม “ถือว่าเธอโชคดี!”
เซี่ยเนี่ยนตบมือเรียกให้คนคุ้มกันมาเอาหลิงเหมียนซีที่ใกล้ตายไปโยนไว้บนพื้น
จากนั้นก็เดินออกไปหน้าตาเฉยต่อหน้าคนตระกูลหลิงทั้งหมด