คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 702 ความรักของแม่ ระเบิด!

ตอนที่ 702 ความรักของแม่ ระเบิด!

สายตาของอิ๋งจื่อจินชะงัก

เธอจำวันที่นี้ได้

เป็นวันที่เธอเกิด

อิ๋งจื่อจินนึกถึงคำถามนั้นที่อวี้เสวี่ยเซิงถามเธอ

‘เคยคิดบ้างไหมครับว่าคุณนายซู่เวิ่นอาจเป็นแม่ของคุณ’

คำตอบคืออะไร เธอไม่เคยตั้งใจคิด

เพราะบางครั้งการคาดหวัง แท้จริงแล้วคือความผิดหวังที่มากกว่า

แต่ดูจากตอนนี้ เห็นๆ อยู่ว่าลูกสาวของซู่เวิ่นถูกฝังอยู่ในใต้ดินแห่งนี้

พวกเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

มือของซู่เวิ่นลูบป้ายหน้าหลุมศพ สายตาเหม่อลอย เจือไปด้วยความระลึกถึง

ผ่านไปสักพักเธอก็ดึงสติกลับมา ยิ้มพลางพูด “ตอนที่พี่แต่งงานกับพี่ใหญ่ของเธอ ก็ได้เลือกชื่อนี้ไว้แล้ว”

“สาเหตุที่ตั้งชื่อนี้ เพราะหวังว่าลูกของเราจะปลอดภัยตลอดชีวิต สมความปรารถนา ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจ”

ซีนายตะลึง “พี่สะใภ้ใหญ่ ที่แท้พี่…”

หลังจากที่เธอกลับมาจากคลาสเตรียมความพร้อมของสำนักวิจัยก็ได้รู้ข่าวเรื่องพี่สะใภ้หมดสติไป ทารกตายตอนคลอด

ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก สำนักผู้วิเศษไม่ได้พิจารณาที่จะยกอำนาจของตระกูลเรนเกลให้กับเธอ

ซีนายไม่รู้รายละเอียดเรื่องทั้งหมด

แต่ดูจากตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าซู่เวิ่นเป็นคนทำสุสานนี้ด้วยมือตัวเอง

และก็เป็นซู่เวิ่นที่ฝังลูกสาวไว้ที่นี่ด้วยตัวเองเช่นกัน

“อืม ตอนนั้นครรภ์พี่กระทบกระเทือน เลือดลมไม่ไหลเวียน แต่ก็ไม่ได้หมดสติไปทันทีหลังจากคลอดถานถานเสร็จ” ซู่เวิ่นพูด “จนกระทั่งพบว่าถานถาน…”

เธอหยุดเล็กน้อย เสียงเริ่มแหบ “จากนั้นพี่ก็รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ฝังถานถานไว้ที่นี่ ให้ถานถานไปสู่สุขคติ”

“บอกเธอว่า แม่อยู่กับเธอเสมอ แม่ไม่ได้ตั้งใจ”

มือของซีนายหดเกร็ง ขอบตาเริ่มแดง พูดพึมพำ “พี่สะใภ้ใหญ่…”

แสดงว่าข้อความที่เธอได้รับจากบุคคลนิรนามเป็นเพียงการกลั่นแกล้ง

หลานสาวของเธอตายตั้งแต่เกิดแล้วจริงๆ

“ขอโทษนะ” ซู่เวิ่นค่อยๆ ย่อตัวนั่งลง ก้มหน้าให้ป้าย พูดเสียงสะอื้น “แม่…แม่ปกป้องลูกไม่ได้ ทำให้ลูกต้องจากโลกนี้ไปในวัยที่เล็กขนาดนั้น”

บนท้องฟ้าเริ่มมีเมฆครึ้มก่อตัวอย่างช้าๆ ตามมาด้วยฝนเทกระหน่ำ

อิ๋งจื่อจินยืนเงียบๆ ปล่อยให้สายฝนตกใส่ตัวเธอ

เธอมองท้องฟ้า

เธอไม่เคยมีแม่ และก็ไม่เคยได้สัมผัสว่าความรักของแม่คืออะไร

ตอนนั้นที่ใช้ชีวิตในบ้านตระกูลอิ๋ง ถึงขนาดที่เธอรู้สึกต่อต้านคำว่า ‘แม่’ ด้วยซ้ำ

ที่แท้บนโลกนี้ก็มีแม่แบบนี้จริงๆ ยอมเสียสละทุกอย่างได้เพื่อลูก

ผ่านไปนานซู่เวิ่นถึงลุกขึ้น เช็ดน้ำตา พูดเสียงเบามาก “ถานถาน แม่ไปจัดการเรื่องบางอย่างก่อนนะ ไว้แม่จะมาหาลูกทุกวัน ดีไหม”

ไม่มีเสียงตอบ

“ได้ แม่รู้แล้ว” น้ำเสียงของซู่เวิ่นอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม “ไว้รอพ่อกลับมาค่อยย้ายบ้านให้ลูกใหม่นะ”

เธอหันไปกำลังจะเรียกซีนายกลับ

ปรากฏว่ากลับเห็นอิ๋งจื่อจินเปียกชุ่มน้ำไปทั้งตัว ซู่เวิ่นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “ทำไมเปียกฝนล่ะ”

เธออดตกใจไม่ได้ เดินเข้าไปกางร่มจับมืออิ๋งจื่อจิน มีท่าทีบังคับเป็นครั้งแรก “เร็วเข้า รีบตามฉันไปอาบน้ำอุ่นแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า”

ได้ยินคำพูดเป็นห่วงแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็อึ้ง

พอได้สติกลับมาก็ถูกซู่เวิ่นพาออกจากสุสานแล้ว

“คุณหมอเทวดา นี่คือเครื่องอาบน้ำอัตโนมัติ” ซู่เวิ่นพาอิ๋งจื่อจินเข้าห้องอาบน้ำ “ระวังเป็นหวัดนะ”

อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้บอกว่าเธอมีวรยุทธ์ติดตัว พายุฝนแค่นี้ทำอะไรเธอไม่ได้

เธอพยักหน้า ยิ้มพลางพูด “ขอบคุณค่ะคุณนาย”

“เรียกคุณนายทำไมกัน เรียกฉันว่าป้าก็ได้” ซู่เวิ่นยิ้ม “เข้าไปอาบน้ำก่อนนะ อาบเสร็จคงกินข้าวพอดี”

สามสิบนาทีต่อมา

อิ๋งจื่อจินใส่ชุดคลุมอาบน้ำออกมา

ซู่เวิ่นนั่งรออยู่ที่โซฟาด้านนอก

นี่คือผู้หญิงที่อ่อนโยนเหลือเกิน ไม่มีใครต้านทานความเป็นห่วงของเธอได้

“อาบเสร็จแล้วเหรอ” ซู่เวิ่นยืนขึ้น “เสื้อผ้าเธอเปียกฝนหมดแล้ว ฉันให้คนใช้เอาไปซัก มาเอาชุดใหม่ไปใส่นะ”

ห้องที่อยู่ข้างห้องนอนเป็นห้องแต่งตัวโดยเฉพาะ

มีพื้นที่ร่วมร้อยตารางเมตร

ในนั้นมีสารพัดชุดสารพัดแบบ ชุดเดรสออกงานกับรองเท้าก็มี

ละลานตา สวยงามหรูหราหาใดเปรียบ

“สมัยฉันสาวๆ ฉันชอบซื้อเสื้อผ้าพวกนี้” ซู่เวิ่นพูด “พอแต่งเข้าตระกูลนี้ลูเอลก็เตรียมห้องนี้ไว้ให้ฉันเก็บเสื้อผ้าโดยเฉพาะ”

อิ๋งจื่อจินมองสำรวจซู่เวิ่นที่ดูไม่แก่เลยสักนิด ใบหน้ากลับยิ่งดูสวยสง่างามด้วยซ้ำ “ตอนนี้คุณก็ยังไม่แก่ค่ะ”

เตียงเย็นได้หยุดยั้งความเร็วในการแตกเซลล์ในร่างกายของซู่เวิ่น

สภาพร่างกายของซู่เวิ่นในตอนนี้จึงไม่ต่างจากเมื่อยี่สิบปีก่อน

ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเธออายุห้าสิบปีแล้ว

“ตัวไม่แก่ แต่ใจแก่แล้ว” แววตาของซู่เวิ่นวูบไหว หัวเราะเบาๆ “ฉันหลับไปนานขนาดนี้ ใช่ว่าจะไม่รับรู้โลกภายนอกอะไรเลย”

“ก่อนหน้านี้ฉันฝันเห็นถานถานตอนตาย เป็นฝันร้ายจริงๆ”

ซู่เวิ่นตำหนิตัวเอง

ถานซินตายตอนแรกเกิด เป็นความผิดเธอทั้งหมด

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นครรภ์ของเธอกระทบกระเทือน ถานถานของเธอไม่มีทางขาดอากาศตาย

“สไตล์เมื่อยี่สิบปีก่อนทั้งนั้น อาจไม่เข้ากับแฟชั่นของหนุ่มสาวสมัยนี้เท่าไร” ซู่เวิ่นดึงสติกลับมา หยิบชุดกระโปรงมาหนึ่งตัว “ชุดนี้แล้วกัน ฉันซื้อมายังไม่เคยใส่เลย เธอลองดูนะว่าใส่ได้ไหม”

ดวงตาของซู่เวิ่นเปล่งประกาย เจือไปด้วยความคาดหวัง

สุดท้ายอิ๋งจื่อจินก็ปฏิเสธไม่ลง เดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

ชุดกระโปรงสั่งตัดของซู่เวิ่นไม่ได้เป็นสไตล์หรูหรามาตลอด ไม่มีการประดับประดาที่ดูเป็นส่วนเกิน

แต่สง่างามมีระดับอยู่ในตัว

อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนชุดเสร็จก็มัดผม

ผมดำ ริมฝีปากบาง ผิวพรรณขาวผ่อง เหมือนหญิงงามที่เดินออกมาจากภาพวาดหมึกโบราณ

“สวยจริงๆ” ดวงตาของซู่เวิ่นเปล่งประกาย พูดชม “คุณหมอเทวดารูปร่างดีจริงๆ”

ชุดของเธอตัดออกมาตามสัดส่วนของเธอ

นึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินจะใส่ออกมาได้สวยไร้ที่ติ

“ไป” ซู่เวิ่นจูงมืออิ๋งจื่อจินแล้วขยิบตาให้เธอ “ไปกินข้าวกัน ฉันไม่ได้เข้าครัวนานแล้ว หวังว่าจะไม่ถึงขั้นกินไม่ลง”

ซู่เวิ่นเดินเข้าห้องครัว

ซีนายนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวก่อนแล้ว เธอก้มหัว “อาอิ๋ง ขอโทษนะ ไม่ต้องให้เธอช่วยตามหาคนแล้ว”

“ไม่เป็นไร” อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเบาๆ “เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ซีนายขมวดคิ้ว “แต่ว่าใครกันแน่ที่ตั้งใจส่งข้อความมาให้ฉัน เขาต้องการอะไร”

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “งั้นเธอแน่ใจได้ยังไงว่าข้อความนั้นน่าเชื่อถือ”

ไม่ว่าอย่างไรซีนายก็เป็นซูเปอร์อัจฉริยะของสำนักวิจัย ไม่มีทางที่จะตามหาถานซินมาสิบปีเพราะข้อความนิรนามเพียงข้อความเดียว

“เพราะบนนั้นมีตราประทับของพี่ใหญ่ฉัน” ซีนายพูด “ปลอมกันไม่ได้ ไม่มีใครเอามาใช้ได้นอกจากตัวเขาเอง”

“ตอนแรกสุดฉันนึกว่าพี่ใหญ่ส่งข่าวกลับมา แต่ก็ไม่มีชื่อลงท้าย”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด

ไม่นานซู่เวิ่นก็ยกกับข้าวออกมา

กับข้าวสี่อย่าง ซุปหนึ่งอย่าง เป็นกับข้าวบ้านๆ ทั้งนั้น มาครบทั้งหน้าตาสีกลิ่นรส

“กินกันเถอะจ้ะ” ซู่เวิ่นยิ้มพลางนั่งลง “เมื่อกี้ฉันชิมแล้ว รับรองไม่ตาย”

“อาอิ๋ง” ซีนายพูด “พี่สะใภ้ใหญ่ทำอาหารอร่อยมาก ตอนนั้นพี่ใหญ่ของฉันกินจนติด ไม่กินอาหารของคนอื่นอีกเลยนอกจากอาหารที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำ”

อิ๋งจื่อจินหยิบตะเกียบ คีบผัดเต้าหู้เสฉวนเข้าปาก “อร่อยมาก”

ซู่เวิ่นมองอิ๋งจื่อจิน สายตาเหม่อลอย ไม่ยอมละสายตาไปไหน

อิ๋งจื่อจินเงยหน้าเพราะรู้สึกได้ว่าถูกมอง มือของเธอชะงัก “คุณป้า?”

“เปล่าจ้ะ คุณหมอเทวดา” ซู่เวิ่นดึงสติกลับมา ยิ้มพลางพูด “ฉันกำลังคิดว่า ถ้าถานถานยังอยู่ก็น่าจะอายุเท่าคุณหมอ ไม่รู้ว่าจะหน้าตาเป็นยังไงนะ”

ซีนายรู้สึกแย่ เธอขยับริมฝีปาก “พี่สะใภ้ใหญ่…”

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว” ซู่เวิ่นตบมือแล้วหันหน้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “คุณหมอเทวดามาจากนอกเมืองเหรอ ตอนนี้มีที่พักหรือเปล่าจ๊ะ”

“พักที่สำนักวิจัยค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบ “มีหอพักให้”

“สำนักวิจัยเหรอ” ซู่เวิ่นตกใจเล็กน้อย “เรียนอะไรเหรอ”

“วิศวกรรมเครื่องกลและการบินค่ะ”

“เด็กผู้หญิงเรียนพวกนี้ได้ สุดยอดจริงๆ เลยนะ”

ทั้งสามคนกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย

หลังจากกินเสร็จ ซีนายก็เล่าเรื่องที่เธอได้รับข้อความนิรนามให้ซู่เวิ่นฟัง

ซู่เวิ่นขมวดคิ้ว “หลายปีมานี้ไม่ได้รับข้อความอีกเลยเหรอ”

ซีนายส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ ฉันวานให้สมาพันธ์แฮกเกอร์ช่วยตรวจสอบที่มาของข้อความนั้นให้ แต่ก็ไม่ทราบ ไม่มีเบาะแสอะไรเลยค่ะ”

“พี่ใหญ่ของเธอหายตัวไป ไม่แน่อาจมีคนหลอกใช้ประโยชน์จากตัวเขา” ซู่เวิ่นใจเย็นมาก “พี่เป็นคนฝังถานถานเองกับมือ จะไปยุโรปได้ยังไง”

ถึงแม้เธอจะอยากให้ถานถานยังมีชีวิตอยู่เหลือเกิน

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

“ซีนาย เธอเองก็ถูกจับกรอกยาเล่นแร่แปรธาตุตอนที่ตัดสินใจตามหาถานถาน” ซู่เวิ่นพูดต่อ “ถ้าเธอไม่ไปตามหาถานถาน เธอก็คงจะได้อยู่สำนักวิจัยหรือไม่ก็บ้านเรา”

“สองที่นี้ ไม่มีใครกล้าลงมือกับเธอได้”

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย

ถูกต้อง

คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ย่อมฟังคำสั่งของนักมายากล

แต่ก็ไม่มีทางกล้าถึงขั้นใช้ยากับนักวิจัยระดับดับเบิลเอสของสำนักวิจัย

“ดูท่าจะมีคนอยากกำจัดทุกคนในตระกูลเรนเกล” ซู่เวิ่นพูด “ตอนแรกก็พี่ใหญ่ของเธอ ต่อมาก็พี่กับถานถาน จากนั้นก็เป็นเธอ”

ซีนายอึ้ง

ซู่เวิ่นครุ่นคิดอยู่นาน มือที่วางอยู่บนโต๊ะถูกเคาะเบาๆ สายตาเคร่งขรึม “ต้องสืบเรื่องนี้”

เธอหันไปพูดเชิงขอโทษ “ขอโทษด้วยนะคุณหมอเทวดา ที่ถูกดึงเข้ามาด้วย”

“คุณป้าเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เดิมทีหนูก็อยากสืบเหมือนกันค่ะ”

ขณะที่ซู่เวิ่นกำลังจะพูด อุปกรณ์สื่อสารก็ดังขึ้น

“คุณนายใหญ่ครับ” พ่อบ้านพูดด้วยความนอบน้อม “ท่านสามกลับมาแล้วครับ”

“ได้” ซู่เวิ่นลุกขึ้น แววตาอ่อนโยน “ซีนาย พาคุณหมอเทวดากลับไปสำนักวิจัยก่อนนะ ช่วงนี้ตระกูลเรานองเลือด ไม่ดีเท่าไร”

ซีนายสีหน้าเย็นชาลง “ค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่”

ตระกูลเรนเกลกำลังจะถูกล้างด้วยเลือดแล้ว

โมเชี่ยนรออยู่ในห้องโถงใหญ่ด้านนอก

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

ผู้หญิงที่งามสง่าเดินเข้ามา

โมเชี่ยนเงยหน้ามองไป ใจหายวาบ

ซู่ เวิ่น!

“น้องสามกลับมาแล้วเหรอ” ซู่เวิ่นถอดชุดคลุมยื่นให้พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างแล้วนั่งลงตรงที่ของตัวเอง ยิ้มพลางพูด “ไม่เจอกันหลายปี แก่ลงไปเยอะนะ”

โมเชี่ยนฟังอยู่ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก

หลังจากที่เขาได้รับแจ้งว่าซู่เวิ่นฟื้นแล้ว เขาก็รีบกลับมาจากบริษัท

โมเชี่ยนไม่อยากให้ซู่เวิ่นฟื้นขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าลงมือกับซู่เวิ่น

เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่า คุณนายสามจะใจกล้าได้ขนาดนี้

เป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ!

ทำอะไรยังจะทิ้งร่องรอยไว้ ไม่เพียงแต่จะพาตัวเองซวยไปด้วย แถมยังดึงเขาเข้ามา

โมเชี่ยนแอบด่าในใจ

แต่ไหนแต่ไรมาซู่เวิ่นเด็ดขาดไม่มีใจอ่อน

เป็นผู้หญิง แต่กลับใจเด็ดมาก

ไม่ด้อยไปกว่าลูเอลแม้แต่น้อย

“ในที่สุดพี่สะใภ้ใหญ่ก็ฟื้นแล้ว” โมเชี่ยนก้มหน้า “พวกเราดีใจมากครับ”

“ดีใจเหรอ ไม่มั้ง” ซู่เวิ่นยกมือขึ้น “เอาตัวเข้ามา”

ไม่กี่นาทีต่อมาคุณนายสามก็ถูกคนคุ้มกันลากเข้ามาพร้อมคุกจักรกล

ถูกขังยังไม่ถึงครึ่งวัน แต่คุณนายสามเหมือนแก่ลงไปสิบปี

พอเธอเห็นโมเชี่ยน ดวงตาก็ฉายแววมีความหวังทันที “โมเชี่ยน คุณรีบอ้อนวอนให้พี่สะใภ้ใหญ่เห็นใจสิคะ ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะ จริงๆ!”

“หุบปาก!” โมเชี่ยนกัดฟันกรอด “คุณควรจะดีใจที่ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่ปลอดภัยแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณมีสิบชีวิตก็ยังไม่พอชดใช้!”

ในตระกูลเรนเกล หัวหน้าตระกูลกับคุณนายใหญ่แสดงถึงกฎเหล็ก

ไม่มีใครกล้าทำผิดกฎ

“นี่คือรายชื่อสมาชิกในตระกูลที่เธอเคยทำร้ายในช่วงหลายปีมานี้” ซู่เวิ่นโยนกระดาษให้หนึ่งแผ่น “เธอไม่กล้าแตะต้องสมาชิกสายตรง แต่ชีวิตของญาติๆ สายอื่นไม่ใช่ชีวิตหรือไง”

คุณนายสามตัวสั่น สีหน้าตื่นตระหนก “พี่สะใภ้ใหญ่ ฉัน…”

ซู่เวิ่นเพิ่งฟื้นมาไม่นานก็สืบข้อมูลพวกนี้ได้แล้วเหรอ!

ซู่เวิ่นสีหน้าเรียบเฉย “ลงมือ อย่าให้นองเลือดล่ะ”

“ครับ คุณนายใหญ่” พ่อบ้านเดินขึ้นหน้า หยิบปืนเลเซอร์ที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้น คุณนายสามล้มลง

โมเชี่ยนตัวเย็นเฉียบ

สายตาของซู่เวิ่นเบนมาที่เขา แววตาเย็นชา

แต่เวลานี้หัวหน้าคนคุ้มกันได้วิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“คุณนายใหญ่ แย่แล้วครับ” เขาพูดด้วยความร้อนใจ “รถคันที่เมื่อครู่คุณหนูห้ากับคุณหมอเทวดานั่งไปนั้นเกิดระเบิดกลางอากาศครับ!”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset