ตอนที่ 711 ตะลึง! ถ่ายทอดสดโปรเจ็กต์
“ตรงนี้ค่ะ” อิ๋งจื่อจินกวักมือ หยุดเล็กน้อย “เอาให้ฉันค่ะ”
คนส่งของเงยหน้า อึ้งไปชั่วขณะ
ถึงแม้ก่อนมาซีซาร์จะบอกเขาแล้วว่าคุณอิ๋งคือคนที่สวยที่สุดในกลุ่ม
ต่อให้มีคนรายล้อมเธอหมื่นคน ยังไงก็หาเธอเจอ
แต่ไม่ตะลึงเท่าได้เห็นกับตาตัวเอง
อิ๋งจื่อจินแค่หันไปมอง หลุบตาลงเล็กน้อย
ราวกับมีแสงออร่าสาดส่อง เปล่งประกายระยิบระยับ
ชวนให้ไม่อาจละสายตาไปไหนได้
คนส่งของพยายามดึงสติกลับมา เดินเข้าไปด้วยความนอบน้อม “สวัสดีครับคุณอิ๋ง นี่คือของขวัญที่เตรียมไว้สำหรับคุณครับ”
เขาหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากถุงมหัศจรรย์
ชั่วขณะนั้นประกายสีทองได้สะท้อนเต็มสายตาของทุกคน
เยี่ยซือชิงยืนอยู่ข้างอิ๋งจื่อจิน อยู่ใกล้ที่สุด แสบตาเกือบมองไม่ชัด
คณบดีนอร์แมนก็อึ้ง
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องทดลอง
“…”
เวลานี้ในสมองของทุกคนมีอยู่ความคิดเดียว
นี่เอาทองมาฉลุเป็นลวดลายกล่องใช่ไหม
เมืองแห่งโลกไม่มีธนบัตรนานแล้ว มีแค่เงินดิจิทัล
แต่ทองกับหินหยกมีอยู่ตลอด
ยุคสมัยแห่งถุงมหัศจรรย์ ใครมันว่างจัดถึงขั้นทำกล่องจากทองเอามาใส่ของกัน
อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ ไม่อยากรับเลยจริงๆ แต่สุดท้ายก็รับมา “ขอบคุณค่ะ”
คนส่งของก็กระอักกระอ่วน พูดเสียงเบา “คุณอิ๋งครับ ขอโทษด้วยครับ พวกคุณๆ ลอเรนท์ค่อนข้างชอบทองคำ นิสัยนี้แก้ไม่ได้ครับ”
นามสกุลลอเรนท์ก็มีชื่อเสียงมากพอสมควรในเมืองแห่งโลก
แต่ไม่ได้ดังเพราะตระกูล ดังเพราะเครือบริษัท
ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง รวมถึงตลาดประมูลที่ใหญ่ที่สุด ก็ล้วนอยู่ภายใต้ลอเรนท์กรุ๊ป
แม้ปกติซีซาร์จะดูต๊องๆ แต่เขาเป็นถึงผู้กุมอำนาจที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ตระกูลลอเรนท์ ความสามารถและวิธีการของเขาย่อมไม่ธรรมดา
อีกทั้งยังเป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูลลอเรนท์ ย่อมรับช่วงต่อตลาดประมูลมาจากมือคนกุมอำนาจในเครือบริษัทได้อย่างสบายๆ
“ของถึงมือแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” คนส่งของหันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้พวกคณบดีนอร์แมน จากนั้นก็ยิ้มพลางพูด “ถ้าบัตรพวกนี้ยังไม่พอคุณอิ๋งใช้ ผมพร้อมเอามาส่งได้อีกนะครับ”
หลังจากเขาถอยออกไปอย่างมีมารยาทแล้วก็ปิดประตู
มั่วเฟิงก็ไม่อยากอยู่ต่อ พูดขึ้นอีกครั้ง “บิล พวกเราไปเถอะ”
บิลกลับมองกล่องสีทองใบนั้นด้วยความสงสัย
แต่ก็มองไม่ออกว่าคืออะไร จึงละสายตาแล้วเดินตามมั่วเฟิงออกไป
คณบดีนอร์แมนก็ค่อยๆ ดึงสติกลับมาจากกล่องสีทอง “นี่คือ…”
“ค่ะ แค่กระดาษไม่กี่ใบ” อิ๋งจื่อจินคิดว่าเธอคงใช้บัตรไม่หมด เลยจะเอาแจก
พอเธอเปิดกล่องออกก็มีแสงสีทองเปล่งประกายอีกระลอก
จากในสู่นอกเหมือนกำลังตะโกนบอกว่า ‘ก็คนมันรวยอ้ะ’
ทุกคน “…”
อิ๋งจื่อจินจับกล่องสีทองด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก มุมหนึ่งของกล่องถูกบีบจนบุบ
เธอควรรักษาโรคนี้ของซีซาร์ยังไงดี
“โอ้โห!” นักศึกษาชายรู้สึกตัวไวสุด มองบัตรที่มีประกายทอง “บัตรงานประมูลลอเรนท์เหรอ!”
เมื่อครู่ตอนบิลแจกบัตรให้พวกสวีจิ่งซาน พวกเขาก็ย่อมมองดูอย่างละเอียด บอกว่าไม่อิจฉาคงโกหก
บัตรเข้างานประมูลลอเรนท์แต่ไหนแต่ไรมีแค่สองสีคือดำกับขาว เปลี่ยนสไตล์ตั้งแต่เมื่อไรกัน
เยี่ยซือชิงพึมพำ “ไม่ใช่แค่บัตรงานประมูลลอเรนท์ แถมยังเป็นโซนเอกับโซนวีไอพีด้วย”
อีกทั้งยังให้มาเป็นปึก นี่น่าจะตั้งหลายสิบใบหรือเปล่า
“แจกทุกคนแล้วกัน” อิ๋งจื่อจินวางบัตรลงบนโต๊ะ “หยิบตามสบายนะ”
เยี่ยซือชิงอึ้ง “รุ่นน้องอิ๋ง จะดีเหรอ”
“ดีสิ” อิ๋งจื่อจินหยิบบัตรวีไอพีออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นออกไป “ใบนี้ของคณบดีนอร์แมนค่ะ”
“ฉันก็มีเหรอ” คณบดีนอร์แมนตะลึง “เธอไม่เก็บ…”
“เก็บค่ะ” บัตรวีไอพีห้าใบในมืออิ๋งจื่อจินเป็นคำตอบ
ทุกครั้งที่มีประกาศว่าจะจัดงานประมูล บัตรก็จะถูกแย่งจนเกลี้ยง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบัตรโซนวีไอพีไม่ได้ขายให้คนภายนอกอยู่แล้ว
บัตรโซนวีไอพีสามารถประมูลสินค้าได้ฟรีสามชิ้น ไม่จำกัดราคา
คณบดีนอร์แมนเคยได้บัตรโซนวีไอพีแค่สองครั้ง
เขาถูมือ “อ้อ โอเค ลูกศิ…”
อิ๋งจื่อจินมองเขา พูดเตือน “ท่านคณบดีคะ”
คณบดีนอร์แมนรีบกลืนคำพูดลงไปทันที พูดเสียงขรึม “พวกคุณเตรียมโปรเจ็กต์ที่ต้องส่งอีกไม่กี่วันนี้ให้พร้อม มีหลายคนจับตาดูอยู่นะ”
เขาพูดออกไปแบบนี้แต่กลับไม่มีคนสนใจเขา
คนกลุ่มบีต่างกำลังสังเกตบัตรสีทองใบนี้อยู่
คณบดีนอร์แมนก็ไม่ได้ถือสา
นานๆ ทีเขาจะได้อาศัยใบบุญของลูกศิษย์บ้าง
ความรู้สึกนี้ไม่ใช่แค่ดีแบบธรรมดาๆ
เขาเก็บบัตรโซนวีไอพีเข้ากระเป๋าแล้วเดินเอ้อระเหยกลับห้องทดลองของตัวเอง
เขาหยิบบัตรออกมาอีกรอบ ถ่ายรูปส่งให้ซีนายดู
[ดูสิ รุ่นน้องเธอดีขนาดไหน ให้บัตรวีไอพีของงานประมูลลอเรนท์มาด้วย ทำไมเธอไม่แสดงความกตัญญูต่ออาจารย์บ้างล่ะ]
สิบกว่าวินาทีต่อมาก็มีข้อความตอบกลับ
[ซีนาย : หนูส่งชุดกระโปรงให้อาจารย์ได้นะคะ]
คณบดีนอร์แมน “…”
ลูกศิษย์คนนี้ของเขาชักเพี้ยนขึ้นทุกวัน
ถึงกับเริ่มใส่ชุดกระโปรงแล้ว
…
วันต่อมา
ตอนเที่ยง
ภายในคาเฟ่
อิ๋งจื่อจินหยิบบัตรวีไอพีออกมาหนึ่งใบ “อะ ผู้บัญชาการ”
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินก็มองออกตั้งแต่แวบแรกว่าเป็นสไตล์ของใคร ดวงตาดอกท้อโค้งมน “เยาเยา ใจตรงกันเลย พี่ชายก็กำลังจะให้บัตรเธอ”
เขาหยิบบัตรออกมาสามใบ
ซึ่งก็เป็นบัตรวีไอพีเหมือนกัน แต่กลับเป็นสีดำ
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “ฉันจะเอาอันนี้ คุณเอาพวกนี้ไป”
ฟู่อวิ๋นเซินมองบัตรสีทองที่ถูกยัดเยียดใส่มือ เขายิ้มมุมปาก “โอเค”
เขาเอามือดันจานขนมไปให้เธอ “เพิ่งทำเสร็จ”
อิ๋งจื่อจินหยิบส้อมขึ้นมา
พอกินคำแรกเข้าไปก็รู้ได้ทันที “ทำเองเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินได้ฟังก็เหลือบตาขึ้น “อืม กลัวของหวานของที่นี่ไม่ถูกปากเธอ”
“พี่ใหญ่!”
มีเสียงตะโกนเรียกด้วยความตื่นเต้นดีใจ
คุณชายห้าพุ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน เหงื่อแตกท่วมตัว “พี่ใหญ่ ผมหาพี่ตั้งนาน บังเอิญจัง นึกไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหรี่ลงเล็กน้อย “หาฉัน มีอะไร”
“อยากขอวิชาไง” คุณชายห้านั่งลงตรงที่ว่างด้านข้างอย่างไม่เกรงใจ
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ เขาก้มหน้า
ช้อนเล็กสีเงินถูกนิ้วเรียวยาวของเขาจับคนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เกิดประกายสะท้อนแสง
ไม่นานก็ได้ค็อกเทลหนึ่งแก้ว
ฟู่อวิ๋นเซินพูดเสียงเนือย “อะ เยาเยา”
คุณชายห้าถึงได้สังเกตเห็นว่ามีเด็กสาวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยหนึ่งคน
เขาอึ้ง “นี่คือ…”
ไม่รอคำตอบ คุณชายห้าตะโกนด้วยความภูมิใจทันที “ผมรู้! นี่พี่สะใภ้ใหญ่”
มือของอิ๋งจื่อจินชะงัก
มีคนต๊องโผล่มาอีกแล้ว
“จะว่าไปนะพี่ใหญ่ วันนั้นพี่โคตรสุดยอด” คุณชายห้าจิบกาแฟเย็น “นั่นคุณนายใหญ่เชียวนะ พี่ลงมือกับเธอแบบนั้น สุดยอดเลย ผมอยากเอาอย่างพี่บ้าง”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “คนนั้นเหรอ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “แค่ลองหยั่งเชิง กำลังสืบ”
คุณชายห้าได้ยินกลับขนลุก
นี่แค่หยั่งเชิงก็เกือบทำจูซาตายเลยนะ
ถ้าเอาจริงขึ้นมา จูซายังจะรอดได้อีกเหรอ
“เอ่อคือ พี่ใหญ่ เรื่องคุณป้าน่ะ ผมก็ไม่ค่อยรู้หรอก” คุณชายห้าลังเล “แต่เคยได้ยินพ่อบอกว่าคุณป้าสวยมาก”
“ถ้าไม่ติดว่าไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ฟันธงได้เลยว่าสวยสูสีกับคุณนายซู่เวิ่น”
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหว
เขารู้เรื่องพวกนี้
“แล้วก็ พี่ใหญ่…”
“อย่าเรียกฉันว่าพี่ใหญ่”
“หา?”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามอง “นายแก่เกินไป”
คุณชายห้าที่ฉลองวันเกิดครบยี่สิบหกไปแล้วแต่กลับอยู่ลำดับหลังๆ “…”
…
สองวันต่อมา วันที่สามสิบกรกฎาคม
วันนี้เป็นวันส่งโปรเจ็กต์
พวกเอกสารรายงานเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ต้องส่งให้อาจารย์ตั้งแต่ตอนเช้า
ช่วงบ่ายคณะวิศวกรรมศาสตร์จะทำการทดลองบินโดยถ่ายทอดสดผ่านทางเว็บดับบลิว
ยานอวกาศขนาดเล็กที่กลุ่มเอกับกลุ่มบีสร้างขึ้นมาได้ถูกเจ้าหน้าที่นำไปยังสนามทดลองบินแล้ว บิลส่งเอกสารโปรเจ็กต์เข้าอีเมลของอาจารย์ เตรียมความพร้อมเรื่องต่างๆ และเตรียมทดลองบินในตอนบ่าย
กลุ่มบีทำยานอวกาศขนาดเล็กออกมาได้ก็เหนือความคาดหมายของเธอมากแล้ว
แต่ทำออกมาได้กับทำสำเร็จมันก็คนละเรื่องกัน
บิลหันตัวเดินออกจากห้องทดลอง
มีรถหรูคันหนึ่งมาหยุดจอดพอดี
ประตูรถเปิดออก มีผู้หญิงเดินลงมา คนคุ้มกันที่อยู่ด้านข้างยื่นชุดคลุมให้เธอ
เธอเงยหน้า เกิดเสียงฮือฮาขึ้นโดยรอบทันที
ทั้งยังมีคนเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ
“คุณบิลครับ นั่นคุณนายซู่เวิ่นหรือเปล่าครับ” สวีจิ่งซานตะลึง “ผ่านมายี่สิบปีคุณนายซู่เวิ่นไม่แก่ลงเลยนะครับ เธอมาดูคุณหนูบิลทดลองบินเหรอครับ”
บิลก็อึ้ง
ถึงแม้พ่อของเธอจะเป็นน้องชายฝาแฝดกับลูเอล แต่อย่างไรเสียก็เคยพ่ายแพ้ตอนคัดเลือกหัวหน้าตระกูล สายของพวกเขาจึงไม่ข้องแวะกัน
ซู่เวิ่นจะมาดูเธอทดลองบินได้ยังไง
บิลครุ่นคิด สุดท้ายก็เดินเข้าไปหา