ตอนที่ 725 ไม่สนใจ เข้าใจไหม
คุณนายผู้เฒ่าอวี้รู้ดีว่าการเกี่ยวดองด้วยการแต่งงานจะช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้ตระกูลอวี้ได้มากยิ่งขึ้น
เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอวี้แล้ว งั้นก็ต้องทำผลงานให้ตระกูลบ้าง
มิฉะนั้นไม่เท่ากับตระกูลอวี้เลี้ยงไว้เสียเปล่าเหรอ
เซ่าอวิ๋นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “คุณแม่บ้าไปแล้ว!”
นั่นเป็นอดีตที่เขาไม่อยากนึกถึง
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ตั้งใจไปขอยาจากสำนักผู้วิเศษแล้วเอามาผสมน้ำผลไม้ ยื่นให้เขาด้วยตัวเอง
ต่อมาเขาก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิด แม้แต่จะขยับก็ยังทำไม่ได้ ปล่อยให้คนอื่นชักจูง
“อวี้เซ่าอวิ๋น แกนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการช่วยเหลือของซาเอ๋อร์” คุณนายผู้เฒ่าอวี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณหนูหนิงรั่วแย่ตรงไหน รูปร่างหน้าตาความสามารถก็มีครบ”
“ถ้าเขาแต่งงานด้วยก็จะได้ข้องเกี่ยวกับท่านนักพรต คนอื่นยังไม่มีโอกาสดีแบบนี้ แกยังจะมาไม่พอใจอีกเหรอ”
“คุณแม่คิดว่าผมอยากได้ตระกูลอวี้จริงๆ เหรอครับ” เซ่าอวิ๋นหลับตา พูดด้วยความเหนื่อยล้า “ผมแค่อยากหลุดพ้นจากการควบคุมของพวกคุณแม่ต่างหาก”
แต่กว่าจะถึงวันที่เขาออกจากเมืองได้ ทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว
“ผมไม่กลัวที่จะบอกคุณแม่หรอกนะครับ ผมเตรียมลงจากตำแหน่งแล้ว” เซ่าอวิ๋นพูด “อย่างช้าสุดก็ปลายปี”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้มือสั่น พูดด้วยความตกใจ “แกว่าไงนะ!”
ผู้เฒ่าอวี้เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว อวี้เซ่าอวิ๋นทุ่มเทด้วยความยากลำบากจนได้ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล
ตอนนี้บอกจะถอนตัวก็ถอนงั้นเหรอ ล้อเล่นอะไรน่ะ
คุณนายผู้เฒ่าอวี้สีหน้าเปลี่ยน “แกคิดจะสนับสนุนไอ้ลูกนอกคอกนั่นจริงๆ สินะ!”
“คุณแม่วางใจได้” เซ่าอวิ๋นแสยะยิ้ม พูดประชด “เจ้าเจ็ดไม่สนใจตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหรอก เข้าใจไหมครับ”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้อยากจะหัวเราะ
ไม่สนใจตำแหน่งหัวหน้าตระกูลอวี้แล้วยังจะสนใจอะไรได้อีก
ผู้วิเศษเหรอ
เซ่าอวิ๋นถอยหลังหนึ่งก้าว “คุณแม่ ผมไม่อยากพูดอะไรมาก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมทำตัวเองทั้งนั้น ผมมันไร้ความสามารถ โทษใครไม่ได้”
เขาหยุดเล็กน้อย พูดพร้อมแรงอาฆาต “ถ้าคุณแม่กล้าลงมือกับเขา ผมก็กล้าลงมือกับคุณแม่เหมือนกัน”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ตกใจ ตะลึงยิ่งกว่าเดิม
“ส่งคุณชายหลิงอวี่กับคุณหนูหนิงรั่วกลับไป” เซ่าอวิ๋นพูดเสียงแข็ง “เฝ้าคุณนายผู้เฒ่าให้ดี ห้ามใครเข้าใกล้ยกเว้นคนรับใช้ประจำตัว”
“อวี้เซ่าอวิ๋น!” คุณนายผู้เฒ่าอวี้โมโหตะคอกเสียง “กลับมานะ กลับมาเดี๋ยวนี้!”
มองลูกชายที่เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง คุณนายผู้เฒ่าอวี้วูบไปชั่วขณะ เกือบหมดสติไป
“คุณนายผู้เฒ่า” พ่อบ้านรีบเข้าไปประคองเธอ “ท่านหัวหน้าตระกูลพูดด้วยอารมณ์ อย่าโมโหไปเลยนะครับ”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ตบโต๊ะ พูดด้วยความเคียดแค้น “ทำไมตอนนั้นถึงไม่ลบความทรงจำของเขาไปนะ!”
เธอผิดเอง
เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าฟู่หลิวอิ๋งจะมีอิทธิพลต่ออวี้เซ่าอวิ๋นได้ขนาดนั้น
ตอนนี้ยังมีฟู่อวิ๋นเซินโผล่มาอีก
เวรกรรมแท้ๆ
“ฉันต้องจัดการเรื่องแต่งงานให้ได้” คุณนายผู้เฒ่าอวี้แสยะยิ้ม “ฉันเป็นแม่เขา ให้กำเนิดและเลี้ยงเขามา ยังคิดจะทำเรื่องที่อกตัญญูอีกเหรอ”
ผายมือออก “ออกไปก่อน ฉันอยากอยู่คนเดียว”
พ่อบ้านไม่กล้าขัดใจ ถอยออกไป
ขณะที่เขากำลังกำชับคนรับใช้ในคฤหาสน์อยู่นั้น เด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงยี่สิบปีก็เดินเข้ามา
พ่อบ้านดีใจ “คุณชายเซ่าอิ่ง”
เด็กหนุ่มไม่หยุด แค่หันมองเล็กน้อย
“คุณชายเซ่าอิ่ง แย่แล้วครับ” พ่อบ้านเข้าไปหา “ท่านหัวหน้าตระกูลต้องการยกตำแหน่งให้ลูกนอกคอกคนนั้น”
ในที่สุดอวี้เซ่าอิ่งก็หยุด “แล้วไม่ดีเหรอ”
พ่อบ้านตกใจ “คุณชาย คุณชายต่างหากครับที่เป็นลูกชายที่ถูกต้องของตระกูลอวี้ แล้วจะปล่อยให้ลูกนอกคอกมาเอาตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไปได้ยังไงครับ”
อวี้เซ่าอิ่งตอบอ่อ ถือคอมพิวเตอร์แบบพับเดินไป ทิ้งคำพูดไว้เล็กน้อย “น่าเบื่อ”
พ่อบ้านทำได้เพียงมองเด็กหนุ่มเดินจากไป
อวี้เซ่าอิ่งสนใจเรื่องเทคโนโลยีมาตั้งแต่เด็ก อายุสามขวบก็เริ่มรื้อและประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างง่ายๆ ได้แล้ว
จุดนี้ไม่เหมือนคนอื่นๆ ในตระกูลอวี้
แต่ด้วยความเผด็จการของคุณนายผู้เฒ่าอวี้กับผู้เฒ่าอวี้ ทำให้อวี้เซ่าอิ่งถูกห้ามแตะต้องของพวกนี้ และไม่อนุญาตให้ไปเรียนที่สำนักวิจัย
ตอนนี้มีแค่จูซาที่ช่วยตระกูลอวี้ได้แล้ว
พ่อบ้านครุ่นคิดแล้วรีบร้อนกลับขึ้นชั้นบน
…
ตอนบ่าย
อิ๋งจื่อจินออกมาจากห้องทำงานของคณบดีนอร์แมน ตอนออกจากสำนักวิจัยบังเอิญเจอเด็กหนุ่มสองคนที่เดินมาทางเธอ
“สวัสดีครับคุณอิ๋ง ผมไรอันครับ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว ยิ้มพลางยื่นมือออกไป “ผมเป็นอันดับหนึ่งของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ปีนี้ เดือนหน้าจะไปสำนักผู้วิเศษพร้อมกับคุณครับ”
อิ๋งจื่อจินแค่พยักหน้าเล็กน้อย “สวัสดีค่ะ”
เธอเคยได้ยินชื่อนี้
คณบดีนอร์แมนก็เคยพูดถึงให้ฟังหลายครั้ง บอกว่าคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์รับอัจฉริยะมาอีกคนแล้ว โชคดีที่เด็กของคณะวิศวกรรมศาสตร์ของพวกเขาอัจฉริยะกว่า
ไรอันอึ้ง
เขายังไม่ทันได้สติกลับมาอิ๋งจื่อจินก็เดินไปไกลแล้ว เหลือเพียงเงาด้านหลัง
“เธอจะเย็นชาเกินไปหรือเปล่า” เพื่อนที่อยู่ข้างๆ บ่นขึ้นมา
“นายอุตส่าห์ตั้งใจทักทายก่อน แต่เธอแค่พยักหน้าแล้วเดินไปเนี่ยนะ”
ไรอันกลับไม่แคร์เท่าไร “อัจฉริยะจะนิสัยแย่บ้างก็เป็นเรื่องปกติ ไปเถอะ ไปหาคณบดีกัน”
เรื่องไปพบผู้วิเศษในเดือนกันยายนก็เป็นการช่วงชิงอย่างหนึ่งของคณะพันธุศาสตร์กับคณะวิศวกรรมศาสตร์
บิลอยู่ในสำนักวิจัยมาหลายปี ความสามารถก็เป็นที่ประจักษ์
กลับเป็นอิ๋งจื่อจินที่คนอื่นเดาทางยาก
ไรอันละสายตากลับไปพลางครุ่นคิด เดินเข้าไปในตึกใหญ่
อีกด้านหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินขี่มอเตอร์ไซค์เวหาไปที่ร้านน้ำชาสไตล์จีนที่อยู่โซนใจกลางเมือง
เวลานี้ภายในร้านน้ำชาไม่มีใคร
“ท่านมหาเทพพยากรณ์ ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่ได้” ซิวนั่งพิงเก้าอี้โยก โชว์ข้อมือพลางพูด
“ดูสิ นาฬิกาใหม่ของผม”
อิ๋งจื่อจินกวาดตามอง สายตาหยุดที่แขนของเขา “บาดเจ็บเหรอ”
“เรื่องเล็ก” ซิวไม่แคร์เท่าไร แผลแค่นี้ช่วยคนได้หลายสิบ คุ้มแล้ว”
หน้าที่ของผู้วิเศษอย่างเขาก็คือคุ้มครองอาณาบริเวณและดูแลชาวเมือง
อิ๋งจื่อจินโยนยาให้หนึ่งขวด “ขอยืมพลังพิเศษหน่อย ฉันต้องการดูอนาคต”
ซิวรับยามา พูดด้วยความจนปัญญา “ได้ๆ”
เขามันเป็นแค่เครื่องมือสินะ
หนึ่งนาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ลืมตาขึ้น “เธอร้อนใจแล้ว”
ซิวแปลกใจ “ใคร”
อิ๋งจื่อจินยกถ้วยชา “อดีตผู้บัญชาการหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์”
ซิวนึกดู ส่ายหน้า “ไม่รู้จัก น่าจะไม่สำคัญ”
“ศัตรูที่น่าสนใจคนหนึ่ง” อิ๋งจื่อจินหาว เลิกคิ้ว “พอให้เล่นสนุกได้อยู่”
ซิวชะงัก “เป็นศัตรูของคุณไม่ใช่เรื่องโชคดีเลยนะ”
“ไม่ใช่ของฉัน” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ยิ้มบาง “แต่ของเขาก็เหมือนของฉัน”
ซิว “…”
คนแก่ที่ผ่านอะไรมามากอย่างเขา จิตใจด้านชาไปหมดแล้ว แต่ก็ยังแอบรู้สึกเสียดแทงใจ
“จะว่าไปช่วยถามอัศวินรถม้าให้หน่อยสิ เขาไปทำผมที่ไหนมา” ซิวชี้ที่หัว “ผมสีดอกเลาของเขาเป็นมาแต่เกิดเหรอ สีนั้นผมหาหลายร้านทำผมแล้วก็ยังทำออกมาไม่ได้”
“…”
…
อีกด้านหนึ่ง
โรงพยาบาลศูนย์กลาง
หลังจากฟังพ่อบ้านรายงานจบ แววตาของจูซาก็วูบไหว หันไปสั่ง “ติดต่อนักข่าวเว็บดับบลิวหน่อย บอกว่าฉันต้องการขอโทษต่อสาธารณชน”
พ่อบ้านไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง แต่ก็ทำตาม
จูซาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยจิบชา อดขมวดคิ้วไม่ได้
สองวันมานี้ไม่รู้เป็นยังไง เดี๋ยวก็ไม่รู้รสชาติ เดี๋ยวก็ไม่ได้ยินเสียง
ถ้าไม่ใช่เพราะตรวจร่างกายแล้วไม่มีอะไร เธอคงคิดว่าตัวเองถูกวางยาเข้าแล้ว
จูซาเป็นอดีตผู้บัญชาการหน่วยอัศวิน อีกทั้งยังเป็นคุณนายใหญ่ตระกูลอวี้ อิทธิพลในเมืองแห่งโลกเป็นรองก็แค่ผู้วิเศษ
ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีนักข่าวใหญ่ก็มาพร้อมทีมสัมภาษณ์
“คุณนายใหญ่” นักข่าวตื่นเต้นแบบที่ยากจะปิดบัง “เชิญพวกเรามามีเรื่องอะไรเหรอครับ”
จูซานั่งพิงเตียงผู้ป่วย ยิ้มพลางพูด “ไลฟ์สดเหรอคะ”
“ไลฟ์สดครับ” นักข่าวถอยหลังหนึ่งก้าว “ทุกท่านทักทายคุณนายจูซาสิครับ”
[ว้าว คุณนายจูซาจริงด้วย สวยมากเลย อ่อนโยนด้วย]
[คุณนายจูซา มองผมๆ! ผมอยากสมัครเป็นทีมคุ้มกันของตระกูลอวี้ครับ!]
“เป็นไลฟ์สดก็ดีแล้วค่ะ” จูซายิ้มพลางพูด “เรื่องที่ฉันอยากพูดในวันนี้เป็นความลับเมื่อหลายปีก่อน”
นักข่าวตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม “เชิญพูดได้เลยครับ คนทั้งเมืองแห่งโลกจะได้ทราบเรื่องที่คุณพูดครับ”
นี่จะต้องกลายเป็นประเด็นร้อนไปทั้งเมืองแน่
จูซาเล่าเรื่องความรักสมัยหนุ่มสาวระหว่างอวี้เซ่าอวิ๋นกับฟู่หลิวอิ๋ง
“ขอโทษค่ะ ถ้ารู้ว่าอาอวิ๋นมีคนรักอยู่ในใจ ฉันจะไม่แต่งงานกับเขาแน่นอน” เธอรู้สึกผิดมาก “ฉันเลยอยากขอโทษทุกคนค่ะ”
นักข่าวอึ้ง “คุณนายใหญ่ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณครับ”
จูซามองกล้อง ไม่ตัดพ้ออะไร มีแต่รอยยิ้มตลอด จิตใจงดงามไร้ที่ติ “ถ้าคุณชายใหญ่ไม่ชอบฉัน ฉันจะไปบอกสำนักผู้วิเศษด้วยตัวเอง ขอไปจากตระกูลอวี้ นี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่ฉันทำได้แล้วค่ะ”
คำพูดเดียวสร้างความฮือฮาได้ใหญ่โต
ไม่มีใครคาดคิดว่าฟังจูซาให้สัมภาษณ์ครั้งแรกจะเป็นเรื่องแบบนี้
[โวะ น่าโมโหที่สุด แค่ลูกนอกคอก มีสิทธิ์อะไรมาบีบให้คุณนายใหญ่ลงจากตำแหน่ง!]