ตอนที่ 738 ตบหน้า คุณหนูใหญ่ เลือดสีทอง!
พ่อบ้านเข้ามาอยู่ตระกูลเรนเกลในปีที่ลูเอลได้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลพอดี
ถึงแม้เขาจะไม่เหมือนชิงหลางที่ติดตามอยู่ข้างกายลูเอลตลอดเวลา แต่ก็รู้สึกนับถือลูเอลมาก
ตอนนี้ลูกสาวแท้ๆ ของลูเอลกับซู่เวิ่นกลับมาแล้ว เขาย่อมดีใจยิ่งกว่าใคร
“ใช่ ฉันกลับมาแล้ว” บิลเชิดคางขึ้น “ทำไมไม่เห็นพวกพ่อบ้านกระตือรือร้นออกไปรับแบบเมื่อก่อนเลยล่ะ”
หรือรู้ว่าโปรเจ็กต์ของเธอกำลังจะสำเร็จ กำลังจะได้เลื่อนเป็นนักวิจัยระดับเอส
“หา?” พ่อบ้านแอบไม่เข้าใจ “คุณหนูบิล ผมย่อมรู้ครับว่าคุณหนูกลับมาแล้ว คุณหนูบิลถามผมไม่ใช่เหรอครับว่ากำลังยุ่งอะไรกันอยู่”
“ใช่” บิลชักหงุดหงิด “ก็แล้วทำอะไรกันอยู่ล่ะ”
“คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วครับ นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี” สีหน้าของพ่อบ้านขรึมลงอีกครั้ง “เฮ้อ ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านหัวหน้าตระกูลอยู่ที่ไหนกันแน่ ถ้าเขารู้จะต้องดีใจมากแน่นอน”
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานฟันธงได้ว่าลูเอลตายไปแล้ว ชิปความปลอดภัยในตัวเขาถูกทำลาย ส่งข้อมูลสุขภาพของเขากลับมาไม่ได้
พอมีความหวังอยู่บ้าง แต่ที่มากกว่าคือความสิ้นหวัง
หัวหน้าตระกูล!
สมองบิลตื้อไปชั่วขณะ
คุณหนูใหญ่ที่พ่อบ้านว่าคือลูกของลูเอลกับซู่เวิ่นเหรอ
จะเป็นไปได้ยังไง
ก็เธอได้ยินแม่บอกอยู่ว่าถานซินตายตั้งแต่เกิดแล้ว
ถ้าถานซินกลับมาแล้ว งั้นศพที่ฝังอยู่ในสุสานคือใคร!
“พ่อบ้าน อย่าล้อเล่นเรื่องแบบนี้” บิลพยายามข่มความตกใจภายในใจ “รู้หรือเปล่าว่าล้อเล่นแบบนี้มันไม่ตลกเลยสักนิด ยังจะเป็นการล่วงเกินมากด้วย!”
“เมื่อวานคุณนายใหญ่ตรวจดีเอ็นเอแล้วครับ เป็นคุณหนูใหญ่จริงๆ คุณชายเซ่าอิ่งก็รู้” สีหน้าของพ่อบ้านขรึมลงในชั่วขณะ พูดเสียงเย็นชา “ยินดีด้วยครับคุณหนูบิล ต่อไปจะมีพี่สาวแล้ว”
คำพูดนี้เหมือนเป็นการลงทัณฑ์บิล
สมองเธอตื้อหนักกว่าเดิม
มุมปากของบิลกระตุก ผุดรอยยิ้มแบบที่ไม่น่ามอง
ยังจะพี่สาว
ไม่ว่ายังไงเธอก็โตกว่าถานซิน แต่เพราะเรื่องการจัดลำดับตำแหน่ง กลับกลายเป็นว่าอยู่สูงกว่าเธอ
บิลกำกระเป๋าในมือแน่น เดินขึ้นชั้นบนเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
คุณนายรองเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเธอจะเป็นแบบนี้ เลยมานั่งรออยู่ในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว
เธอเงยหน้ามองบิล “รู้เรื่องคุณหนูใหญ่แล้วเหรอ”
“แม่คะ เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ คนตายจะคืนชีพได้ยังไง!” บิลโยนกระเป๋าทิ้ง โกรธผิดปกติ “หนูรับไม่ได้!”
อวี้เซ่าอิ่งคนเดียวก็เกินพอแล้ว ตอนนี้ยังจะโผล่มาอีกคนเหรอ
อวี้เซ่าอิ่งเป็นภัยคุกคามเธอไม่มาก อย่างไรเสียวิธีเลี้ยงดูของตระกูลอวี้กับตระกูลเรนเกลก็ไม่เหมือนกัน
แต่คุณหนูใหญ่เป็นลูกของหัวหน้าตระกูล และยังเป็นผู้สืบทอดลำดับแรก
“บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าทำอะไรอย่าใจร้อน” คุณนายรองถือถ้วยชา เป่าอย่างใจเย็น “กลับมาแล้วไงล่ะ ตกอับอยู่ข้างนอกตั้งนาน ใครจะไปรู้ว่าเติบโตมาเป็นแบบไหน”
บิลได้ฟังก็ใจเย็นลงทันที “จริงด้วย”
ใช่ว่าคนทั่วไปจะเข้ามาอยู่ในตระกูลเรนเกลได้
เข้ามาแล้วยังต้องดูด้วยว่าแบกรับความกดดันได้หรือเปล่า
บิลเม้มริมฝีปาก “แม่เคยเจอหรือยังคะ”
“ยัง” คุณนายรองวางถ้วยชาลง “คุณนายใหญ่บอกว่ายังมีอีกหลายเรื่องต้องจัดการ วันที่หนึ่งกันยาจะจัดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ ประกาศให้คนทั้งเมืองรับรู้”
บิลก้มหน้า เล็บจิกเข้าไปในเสื้อผ้า
เธอไม่มีทางปล่อยให้คุณหนูใหญ่แย่งซีนเธอไปได้หรอก
…
ทางด้านสำนักวิจัย
อิ๋งจื่อจินหลับรวดเดียวถึงบ่ายสี่โมง
เธอลืมตาขึ้น รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าตั้งแต่เข้าเมืองแห่งโลกมาสองเดือนนี้หายไปมากทีเดียว
“ตื่นแล้วเหรอ” ซู่เวิ่นยิ้มพลางลูบศีรษะอิ๋งจื่อจิน “แม่ทำซุปไว้ให้เมื่อเที่ยง มีขนมด้วย มากินสิจ๊ะ”
“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินบิดขี้เกียจอย่างช้าๆ เดินเข้าไปหยิบตะเกียบ “ขอบคุณค่ะแม่”
ซู่เวิ่นมองอิ๋งจื่อจิน ดวงตาเปล่งประกาย “อร่อยไหมจ๊ะ”
“อร่อยมากค่ะ” อิ๋งจื่อจินกัดขนมหนึ่งคำ “ก็แค่ยังรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง”
ซู่เวิ่นปวดใจ “ต่อไปยังมีเวลาอีกมาก ไม่มีทางไม่ใช่เรื่องจริง”
เธอหยิบนาฬิกาพกทรงกลมวางใส่มืออิ๋งจื่อจินแล้วพูดอย่างจริงจัง “เยาเยา ของสิ่งนี้คุณพ่อทิ้งไว้ให้ลูก ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลเรนเกล ตอนนี้แม่ขอมอบมันให้หนูนะ”
“ไม่ว่าพ่อของลูกจะ…ลูกก็ต้องรักษานาฬิกาพกเรือนนี้ไว้ให้ดี”
นาฬิกาพกเป็นสีเงิน ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ขึ้นสนิม
ในนั้นมีรูปถ่ายลูเอลสมัยหนุ่มๆ
เขานั่งอยู่บนหลังม้า ท่าทางผึ่งผาย บุคลิกน่าเกรงขาม
ขอบตาของอิ๋งจื่อจินเริ่มหนัก
พ่อบุญธรรมของเธอเลี้ยงดูเธอกับเวินทิงหลานให้เติบโตมาโดยไม่สนสุขภาพของตัวเอง
พ่อแท้ๆ ของเธอพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวล็อกพันธุกรรมออกมาให้ได้ก่อน
เธอมีพ่อที่ดีถึงสองคน
ลูเอลอยู่ที่ไหนกันแน่ ต่อให้ญาณพยากรณ์ของเธอกลับมาแล้วก็ยังทำนายออกมาไม่ได้
ลูเอลกับเธอมีความสัมพันธ์ที่ใกล้กันเกินไป
อิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ เงียบไปชั่วขณะ
เธอจำเป็นต้องติดต่อตี้อู่เย่ว์
“แม่บอกอาเล็กของลูกแล้วนะ” ซู่เวิ่นเงียบไปสักพัก หันหน้าหนีแล้วถอนหายใจ “แม่ทำร้ายเธอแท้ๆ ทำให้เธอต้องออกไปตามหาลูกสิบปี แถมยังถูกจับกรอกยาเล่นแร่แปรธาตุ”
อิ๋งจื่อจินหลับตาลง ยิ้มบาง
อาของเธอก็คือซีนาย ไม่ใช่อิ๋งลู่เวยที่อยากได้แต่เลือดของเธอ
นี่ต่างหากครอบครัวของเธอ
เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว
ในเวลานี้เองมีคนวิดีโอคอลเข้ามา
จอสามมิติที่มีซีนายอยู่ในนั้นค่อยๆ ปรากฏกลางอากาศ
ซู่เวิ่นอึ้ง ยิ้มพลางพูด “เพิ่งพูดถึงเธออยู่หยกๆ เธอก็มาพอดี”
“พี่สะใภ้ใหญ่อย่าตำหนิตัวเองเลยค่ะ มันเป็นเรื่องที่ฉันควรทำทั้งนั้น” ซีนายอ่านความคิดของซู่เวิ่นออกตั้งแต่แวบแรก “ได้กลับไปเป็นเด็กก็ใช่ว่าจะไม่ดี ได้เล่นด้วย ดีจะตายค่ะ”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น พูดอย่างเกร็งๆ “อาคะ”
ซีนายเกร็งเล็กน้อย “อาอิ๋ง อย่าเรียกฉันแบบนี้เลย ฉันแอบไม่ชิน”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว พูดอย่างใจเย็น “เข้าใจแล้วค่ะอาเล็ก”
ซีนาย “…”
พอจบการสนทนาเธอก็เอาหัวเขกโต๊ะอย่างเซ็งๆ
เธอไม่มีความน่าเกรงขามเลยสักนิดต่อหน้าหลานสาวตัวเอง
นอร์ตันได้ยินเสียงก็ลงมาจากชั้นบน ตาปรือ “ทำอะไร”
ซีนายสีหน้าเรียบเฉย ไม่อยากคุยกับเขา แค่บอกว่า “ฉันจะออกไปข้างนอก”
เธอต้องไปเจอหลานสาวสุดที่รักของเธอหน่อย
“ออกไปเหรอ” นอร์ตันหรี่ตาเล็กน้อย กวักมือเรียกเธอ ไม่ได้ถามต่อ “มานี่”
ซีนายวางโทรศัพท์มือถือลง อิดออด แต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปหา “ทำไม”
จากนั้นแสงตรงหน้าเธอก็ลดลง
นอร์ตันสวมหมวกกันแดดให้เธอแล้วพูด “ใส่หมวกด้วย ข้างนอกแดดแรง”
“คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุไม่ใช่เหรอ” ซีนายเงยหน้าน้อยๆ ขึ้น พูดพึมพำ “น่าจะทำยาที่กันแดดได้นานๆ ออกมาได้สิ”
“อ๋อ ก็แค่อยากแต่งตัวให้เธอ”
“…”
ถึงแม้นอร์ตันจะพูดแบบนี้ แต่สุดท้ายก็หันไปหยิบขวดที่อยู่บนชั้นวางด้านข้าง
เขาโน้มตัวลง เริ่มทาครีมกันแดดให้เด็กน้อย ท่าทางนุ่มนวลแบบที่เห็นได้ยาก
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก
ซีนายเห็นขนตางอนยาวของเขาอย่างชัดเจนกับตุ้มหูสีดำที่ใบหู
โดยเฉพาะอุณหภูมิบนปลายนิ้วของเขา ทั้งๆ ที่เย็นเฉียบ แต่เธอกลับรู้สึกร้อนมาก
อยู่ๆ ซีนายก็หน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้
“หน้าแดงทำไม” นอร์ตันเงยหน้า เหล่มองเธอ “จึ๊ หน้าอกไม่มี เอวก็ไม่มี”
เขายืนขึ้นกอดอก ก้มมองเธอ “วางใจได้ ฉันไม่ได้ชอบสไตล์โลลิต้า ไม่มีทางชอบเธอหรอก”
ซีนาย “…”
เมื่อไรเธอจะได้กลับร่างเดิม ทนมาพอแล้ว
“ออกไปเถอะ” นอร์ตันสำรวจเธอหัวจรดเท้า “กลับมาก่อนสองทุ่มล่ะ ไม่อย่างนั้นอย่าโทษที่ฉันจะออกไปตามหาเธอเอง”
เขาก้มตัวอีกครั้ง ค่อยๆ เอาหน้าเข้าไปใกล้แล้วยิ้มพลางพูด “เธอรู้ผลที่ตามมาถ้าฉันออกไปตามหาเอง”
สุดท้ายซีนายก็เริ่มเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “รู้แล้ว”
…
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเรนเกลรวมถึงคนรับใช้ต่างรู้ข่าวเรื่องคุณหนูใหญ่ของพวกเขากลับมาแล้ว
แต่ละคนมีความคิดแตกต่างกันออกไป
โมเชี่ยนเป็นน้องชายคนที่สามของลูเอล เพิ่งกลับมาจากบริษัทก็ได้รับแจ้ง
เขามือสั่นจุดบุหรี่สูบ สูดลมหายใจเข้าลึก
คนตายยังกลับมาได้อีกเหรอ
ไม่รู้จริงๆ ว่านี่มันดวงชะตาแบบไหนกัน
เวลานี้บุหรี่จี้โดนมือเขา ทันใดนั้นโมเชี่ยนก็คิดอะไรขึ้นมาได้
เขาเริ่มมีความคิดเลอะเลือน
ไม่ว่าคุณหนูใหญ่คนนี้จะเป็นใคร แต่ต้องมีเลือดสีทองแน่นอน
เลือดสีทองที่เกิดในเมืองแห่งโลก…
โมเชี่ยนรีบร้อนเดินออกไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะดับบุหรี่
หมอทำคลอดตอนนั้นถูกคนไม่ทราบชื่อฆ่าตายหมดแล้ว คุณนายสามก็ตายแล้ว
เรื่องที่คุณหนูใหญ่มีเลือดสีทองมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้
เพื่อเป็นการป้องกันพวกผู้วิเศษมาเอาเรื่องในภายหลัง ต้องรีบรายงานเรื่องนี้ให้สำนักผู้วิเศษรู้โดยเร็วที่สุด!