ตอนที่ 744 กล้าสร้างข่าวลือเล่นถึงคุณหนูใหญ่
เทียนเยียนก็นึกไม่ถึงว่าโอกาสจะมาเร็วแบบนี้
ช่วงหลายวันมานี้อิ๋งจื่อจินไม่อยู่ที่คณะวิศวะ
อีกทั้งเธอบังเอิญได้ยินเยี่ยซือชิงคุยกับพวกสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่ม ถึงรู้ว่าอิ๋งจื่อจินออกจากเมืองแห่งโลก
ถึงแม้เมืองแห่งโลกจะมีช่องทางเข้าออกที่แน่นอนอยู่ไม่กี่ช่องทาง
แต่เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความต่างของมิติ ทำให้เกิดช่องทางเข้าออกตรงอื่นอยู่บ้าง
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมักเกิดเหตุการณ์เครื่องบินหรือเรือของเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตราบใดที่คนในเหตุการณ์ไม่ตายก็จะหลุดเข้าไปในเมืองแห่งโลก
ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาที่สำนักวิจัยยื่นขอบัตรผ่านออกจากเมือง อิ๋งจื่อจินแอบออกไป ยังจะออกไปอย่างไรได้อีก
ความลับทางวิศวกรรมที่ว่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ช่วยขับเคลื่อนเทคโนโลยีของเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรได้จริงๆ
นับตั้งแต่เมื่อหลายศตวรรษก่อน หลังจากไซมอน แบรนด์ ยื่นคำขอออกไปจากเมืองแห่งโลก สำนักผู้วิเศษก็ห้ามไม่ว่าใครหน้าไหนเอาเทคโนโลยีไปเปิดเผยที่เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร
เทียนเยียนเอาความลับวิศวกรรมนี้ไปวางที่หอพักของอิ๋งจื่อจินได้สำเร็จโดยมีพวกนักศึกษาของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ช่วยเหลือ
คราวนี้สำนักผู้วิเศษจะต้องให้ความสนใจแน่
ต่อให้อิ๋งจื่อจินเป็นม้ามืดของสำนักวิจัยในตอนนี้ก็ไม่มีใครปกป้องเธอได้
เทียนเยียนทำหน้าสะใจ
ครั้งนี้เธอจะต้องฉุดอิ๋งจื่อจินลงต่ำให้ได้
มิฉะนั้นถ้ารอจนถึงวันที่อิ๋งจื่อจินได้เลื่อนเป็นนักวิจัย อยู่เหนือกว่าเธอมาก เธอก็จะเล่นงานไม่ได้แล้ว
รีบฉวยโอกาสนี้เอาชีวิตของอิ๋งจื่อจินดีกว่า!
…
การขโมยความลับของสำนักวิจัยเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับสำนักวิจัย
เมื่อเป็นเรื่องที่รุนแรงก็ย่อมต้องรายงานต่อศาลตัดสิน
แต่ไหนแต่ไรมาคณะพันธุศาสตร์ให้ความสนใจเรื่องของคณะวิศวกรรมศาสตร์มาตลอด
“จึ๊ๆ คณะวิศวะมีหนอนบ่อนไส้” คณบดีคณะพันธุศาสตร์ยิ้มประชด “แค่เสี้ยมนิดหน่อยหน่อยก็มีคนทำงานให้พวกเราแล้ว”
ต่อให้เก็บอิ๋งจื่อจินไม่ได้ก็น่าจะทำให้สำนักผู้วิเศษมาตรวจค้นคณะวิศวะได้
“รอตัดสินคดีในตอนนี้เสร็จ ต่อไปคงต้องพิพากษาอิ๋งจื่อจินแล้ว” อาจารย์พูด “ไม่มีใครรับการลงโทษของศาลตัดสินไหว”
“คดีในตอนนี้เหรอ”
“เป็นผู้หญิงคนหนึ่งครับ ถูกตระกูลเรนเกลไปลากตัวมาจากนอกเมืองเองเลย ให้เกียรติจริงๆ”
คณบดีคณะพันธุศาสตร์พยักหน้า “กล้าหาเรื่องแม้กระทั่งตระกูลเรนเกล ใจกล้าจริงๆ”
เขานั่งพิงเก้าอี้ ถือโอกาสเปิดดูไลฟ์สดบนเว็บดับบลิว ชมการตัดสิน
ตอนนี้เป็นภาพที่ถ่ายให้เห็นโดยรวม
ภายในศาลตัดสิน ผู้พิพากษานั่งอยู่ด้านบน
อิ๋งลู่เวยยังใส่ชุดนักโทษของคุกอุกฉกรรจ์ไอบีไออยู่ หน้าเหลืองซูบซีด ปากสั่นฟันกระทบกันไม่หยุด
“บังคับให้คุณหนูใหญ่ช่วยชีวิตตัวเอง จงใจทำร้ายคุณหนูใหญ่” ผู้พิพากษาอ่านความผิดแต่ละกระทง สีหน้าเย็นชา “คุณนายซู่เวิ่นบอกว่า เธอเป็นโรคฮีโมฟีเลีย ประหารด้วยการชำแหละไม่ค่อยเหมาะ เลือกวิธีประหารแบบอื่น!”
คำว่าประหารทำให้สมองของอิ๋งลู่เวยแทบระเบิด
เธอร้องตะโกนโวยวายขาดสติ “นังนั่นไม่ใช่คุณหนูใหญ่! มันเป็นเด็กบ้านนอก! คนบ้านนอกที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง!”
“หุบปาก!” ผู้พิพากษาโมโห “ยังจะกล้าหยามเกียรติของคุณหนูใหญ่ในศาลตัดสิน!”
อัศวินที่อยู่สองฝั่งเดินเข้าไปทันที จับอิ๋งลู่เวยกดลงบนพื้น
“คนชั้นต่ำ! คุณหนูใหญ่ใช่คนที่แกจะมาดูถูกได้เหรอ”
“เตรียมช็อตไฟฟ้า!”
ตื๊ดๆ กุญแจมือไฟฟ้าปล่อยกระแสไฟฟ้า ทำให้อิ๋งลู่เวยรู้สึกชาไม่หยุด
เจ็บปวดเข้ากระดูกตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เลือดไม่มีทางออก ทำให้เธอทนไม่ไหว
อิ๋งลู่เวยกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลออกมาทันที ขาดสติอย่างสิ้นเชิง
คุณหนูใหญ่เหรอ
อิ๋งจื่อจินมีสิทธิ์อะไร มีสิทธิ์อะไร!
เธอถูกตัดสินที่ประเทศจีนไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ยังถูกลากมาที่เมืองแห่งโลกให้คนจำนวนมากรุมดูแบบนี้อีก
เหมือนตัวตลกไม่มีผิด
ทั้งหมดเป็นเพราะอิ๋งจื่อจิน
ดวงตาของอิ๋งลู่เวยเหม่อลอย น้ำตาไหลไม่หยุด
ทำไมตอนนั้นเธอถึงคิดไม่ได้ อยากบีบคั้นอิ๋งจื่อจินให้ได้
ถ้าเธอดีต่ออิ๋งจื่อจินให้มากๆ วันหน้าพอตระกูลเรนเกลมาหา จะต้องขอบคุณเธออย่างมากแน่นอน มีเหรอจะเป็นแบบตอนนี้
ในใจของอิ๋งลู่เวยเหลือเพียงคำว่า ‘เสียใจ’
ผู้พิพากษาโยนป้ายคำสั่ง พูดเสียงเย็นชา “ลงโทษ!”
อัศวินสองคนลากอิ๋งลู่เวยออกไปลงโทษต่อหน้าสาธารณชน
ชาวเมืองต่างโกรธแค้น
[ผู้หญิงคนนี้น่าขยะแขยงเหลือเกิน ทำไมถึงได้กล้าทำกับคุณหนูใหญ่แบบนั้น ที่แท้เป็นเพราะตอนแรกสุดคุณหนูใหญ่มาจากบ้านนอก]
[ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า เจอของแข็งเข้าแล้วไหมล่ะ]
[ยัยนี่จะได้รู้ความแตกต่างระหว่างตัวเองกับคุณหนูใหญ่ ยังจะดูถูกคนบ้านนอกอีกเหรอ ฉันก็มาจากบ้านนอกเหมือนกัน ตอนนี้เป็นนักวิจัยระดับเอของสำนักวิจัย ผู้หญิงคนนี้เทียบได้เหรอ]
[เฮ้อ ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว คุณหนูใหญ่ที่มาจากบ้านนอกจะเทียบกับคุณหนูบิลได้ยังไง]
อิ๋งลู่เวยเป็นเพียงหนึ่งในนักโทษจำนวนมากของศาลตัดสิน
แต่เนื่องจากกกรุ๊ปเลือดเป็นเหตุ ข้อมูลของเธอกลับถูกส่งไปที่สำนักผู้วิเศษ
“ท่านจักรพรรดินีครับ วันนี้ศาลตัดสินเพิ่งรับนักโทษมาใหม่ครับ” คนดูแลรีบเข้าไปในประตูบานที่สี่ชั้นบนสุดของสำนักผู้วิเศษแล้วคุกเข่าลง “เธอเป็นโรคฮีโมฟีเลีย แต่กรุ๊ปเลือดเป็นเลือดสีทองครับ”
พรึ่บ!
ซาโรห์ลืมตาในทันที
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านในชั่วพริบตา แม้แต่นักมายากลที่อยู่ข้างๆ ก็ยังแอบรู้สึกรับไม่ไหว
เขารีบหลบสายตาของผู้วิเศษจักรพรรดินี
คนดูแลตัวสั่น ทรุดลงไปกองบนพื้น
ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน ผู้วิเศษจักรพรรดินี ผู้วิเศษสังฆราช และผู้วิเศษจักรพรรดิเป็นตัวแทนของอำนาจ ก็เหมือนชื่อของพวกเขา
ซาโรห์พูด “เลือดสีทองเหรอ”
“ครับ เลือดสีทอง” คนดูแลรีบตอบ “แต่ตระกูลเรนเกลเป็นคนพานักโทษคนนี้มาจากนอกเมือง ไม่ได้เกิดในเมืองแห่งโลกครับ”
ซาโรห์ขมวดคิ้ว “ตระกูลเรนเกลเหรอ”
“คุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกลไม่ได้ตาย แต่ไปตกอับอยู่ที่นอกเมืองครับ” คนดูแลตอบ “นักโทษคนนี้เกือบทำคุณหนูใหญ่ตายครับ”
“อืม” ซาโรห์ค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง “ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของศาลตัดสิน”
ถึงแม้ตอนนี้ผู้วิเศษผู้พิพากษาจะไม่อยู่ที่สำนักผู้วิเศษ
และก็ไม่มีใครรู้ว่าในสิบกว่าศตวรรษอันยาวนานที่ผ่านมา ผู้วิเศษผู้พิพากษาบาดเจ็บสาหัสหรือเคยดับสูญหรือไม่
แต่ต้องอยู่สักมุมหนึ่งของโลกแน่นอน
ผู้วิเศษผู้พิพากษาก็เป็นผู้วิเศษที่ไม่มีใครอยากมีเรื่องด้วยเช่นกัน
พลังพิเศษของเขาก็เหมือนกับฉายา
เขาสามารถตัดสินความเป็นความตายได้ทั้งหมดภายในขอบเขต
แม้ผู้วิเศษบางคนจะไม่ใช่ผู้วิเศษประเภทต่อสู้ แต่พลังพิเศษก็ทำให้พวกเขาน่ากลัวยิ่งกว่าผู้วิเศษประเภทต่อสู้
เมื่อถึงวันที่ต่อกรกับผู้วิเศษเดวิล ผู้วิเศษผู้พิพากษาก็คือเรี่ยวแรงสำคัญที่พวกเขาขาดไม่ได้
“ท่านจักรพรรดินีครับ ยังมีอีกเรื่อง” คนดูแลเช็ดเหงื่อ พูดเสียงสั่น “โมเชี่ยน เรนเกล มาขอพบท่านจักรพรรดินี บอกว่ามีเรื่องคอขาดบาดตายของตระกูลเรนเกลต้องแจ้งให้ท่านทราบครับ”
“ตอนเย็นแล้วกัน” ซาโรห์พูดเสียงขรึม “เขามีเวลาแค่หนึ่งนาที”
คนดูแลรับคำสั่งแล้วรีบออกไป
…
ข้อความร้องเรียนของเทียนเยียนได้สร้างกระแสฮือฮาบนเว็บดับบลิว
ตอนนี้ศาลตัดสินไม่มีเวลาสนใจข้อความร้องเรียนของเทียนเยียน
แต่เนื่องจากการร้องเรียนนี้มีชื่อของอิ๋งจื่อจิน จึงสะเทือนไปถึงตระกูลเรนเกลด้วย
พ่อบ้านรู้เรื่องที่อิ๋งจื่อจินกับซู่เวิ่นออกจากเมืองเพื่อไปล้างแค้นในตอนนั้น
คุณหนูใหญ่ของพวกเขาเคยตายไปแล้วหนึ่งครั้ง ห้ามปล่อยคนชั่วรอดไปแม้แต่คนเดียว
ตอนนี้ยังจะมีคนสร้างข่าวลืออีกเหรอ
“เทียนเยียนคนนี้เป็นใคร” พ่อบ้านโมโหมาก ชี้ที่รูปถ่าย “หน้าตาไม่ซื่อ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี”
“นักศึกษาคนหนึ่งของคณะวิศวะครับ” เลขาส่วนตัวของซู่เวิ่นรวบรวมข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว “เป็นพวกหลงในลาภยศสรรเสริญ เมื่อก่อนตามคุณหนูบิลมาที่บ้านบ่อยๆ ครับ”
“ต่อมาถูกคุณซีนายสั่งสอนเลยถูกคุณหนูบิลสั่งห้ามมาเหยียบที่นี่อีก”
เลขาเปิดเอกสารอีกฉบับ “ข้อมูลระบุว่า ตอนที่คุณหนูใหญ่เพิ่งเข้าสำนักวิจัย เทียนเยียนเล่นงานคุณหนูใหญ่ด้วย ทั้งยังด่าว่าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา”
“แต่โชคดีที่คุณหนูใหญ่เก่งพอตัว เลยรังแกไม่สำเร็จ”
“นักศึกษาระดับสูงของคณะวิศวะแค่คนเดียวใจกล้าขนาดนี้เลยเหรอ” พ่อบ้านแสยะยิ้ม “กล้าสร้างข่าวลือเล่นถึงคุณหนูใหญ่!”
สำนักวิจัยค้นคว้าศึกษาเทคโนโลยี ตระกูลเรนเกลแสดงถึงอำนาจอิทธิพล
สถานะทัดเทียมกัน อิ๋งจื่อจินจำเป็นต้องขโมยความลับของคณะวิศวะด้วยเหรอ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คณะวิศวะคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ได้มากมาย ซึ่งก็ล้วนแต่ได้มาจากแบบร่างของซีนายเมื่อสิบปีก่อน
อิ๋งจื่อจินต้องการอะไรตระกูลเรนเกลก็หาให้อยู่แล้ว
จำเป็นต้องขโมยด้วยเหรอ
ต่อให้มี ‘หลักฐาน’ ปรากฏตรงหน้า พ่อบ้านก็เชื่อใจอิ๋งจื่อจินอย่างไม่มีเงื่อนไข
“เป็นแค่นักศึกษาระดับสูง ยังไม่มีค่าพอให้คุณนายใหญ่กับคุณหนูใหญ่ต้องลงมือเอง” พ่อบ้านตัดสินใจเด็ดขาด “ทีมคุ้มกันรีบตามฉันไปที่คณะวิศวะ จับผู้หญิงคนนี้มา เอาตัวไปส่งให้ศาลตัดสิน!”
เลขาขานรับ
คนคุ้มกันของตระกูลเรนเกลรีบออกปฏิบัติการทันที
จับอาวุธกันอย่างพร้อมเพรียง เตรียมบุกเต็มที่