ตอนที่ 777 อิ๋งจื่อจิน ‘ใจกล้าจริงนะ’
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปมาก ตื่นตระหนกหวาดกลัว
เขามีวรยุทธ์ถึงสามร้อยกว่าปี คนที่สามารถขัดขวางการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นคนระดับเฟิงซิว
ใครกัน!
โลกจอมยุทธ์มียอดฝีมือขนาดนี้เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร
อีกทั้งยังอยู่ในอาณาเขตของตระกูลหลิงงั้นเหรอ
หรือว่าผู้นำตระกูลหลิงจะบรรลุแล้ว
แต่ต่อให้ผู้นำตระกูลหลิงบรรลุแล้ว วรยุทธ์ก็ไม่มีทางล้ำเกินไปกว่าเขา
ชายชราเพิ่งเงยหน้าขึ้น ยังไม่ทันได้มองไป
วินาทีถัดมาความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็เริ่มจากข้อมือแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย
“พลั่ก!”
ชายชราร้องโอดครวญ ร่างกายกระเด็นออกไปในชั่วพริบตา
แขนของเขาถูกคลื่นกำลังภายในอีกลูกหนึ่งโจมตีจนกระดูกแหลกอย่างสิ้นเชิง
ต่อให้เป็นแพทย์แผนโบราณก็ไม่มีทางรักษาอาการบาดเจ็บระดับนี้ได้
“…”
เกิดความเงียบขึ้นบนถนน
เสียงร้องทั้งหมดหยุดลงในเวลานี้
สมาชิกสายตรงคนนั้นก็ทรุดลงบนพื้น เหงื่อแตกพลั่ก เงยหน้ามองอย่างอึ้งๆ
เด็กสาวยืนอยู่บนถนนเส้นสำคัญ รูปร่างสะโอดสะอง
แสงแดดฉาบใบหน้าของเธอให้เป็นสีทองอ่อนๆ ราวกับนางฟ้านางสวรรค์ก็มิปาน
อิ๋งจื่อจินหันไปมองชายชราที่อยู่บนพื้น “ใจกล้าเหลือเกินนะ”
ใบหน้าของเธอปรากฏท่ามกลางสายตาของทุกคน
“คุณอิ๋ง!”
“ท่านปรมาจารย์!”
ใบหน้านี้ของอิ๋งจื่อจิน ตอนนี้ไม่มีใครในโลกจอมยุทธ์ไม่รู้จักแล้ว
หลายคนยังนึกเสียดายที่พวกเขายังไม่เคยได้เจออิ๋งจื่อจินสักครั้ง เพราะเธอไปจากโลกจอมยุทธ์แล้ว
แม้แขนของชายชราจะหักแล้ว เจ็บปวดเกินทน
แต่เขาก็ยังรู้สึกตัวดี ตอนนี้สมองงุนงงไปหมด
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ไปจากโลกจอมยุทธ์แล้วเหรอ
ทำไมกลับมาอีก แถมยังเป็นเวลานี้ด้วย!
ทีมคนคุ้มกันของตระกูลหลิงก็มากันแล้ว หัวหน้าคนคุ้มกันเป็นจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สองร้อยปี
พอเห็นอิ๋งจื่อจินเขาก็ตะลึง รีบกำมือคารวะทันที “คุณอิ๋ง!”
“เก็บกวาดด้วย” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันถอนกำลังภายในของเขาแล้ว พวกคุณจัดการเรื่องที่เหลือด้วย”
“ขอบคุณคุณอิ๋งที่ให้ความช่วยเหลือครับ” หัวหน้าคนคุ้มกันยังตกใจไม่หาย “พวกเราจะเอาตัวเขาไปครับ”
สองคนคุ้มกันเดินเข้าไปมัดตัวชายชราไว้
หัวหน้าคนคุ้มกันก็มองสัญลักษณ์ที่อยู่บนตัวชายชราออก เขาหรี่ตา “ตระกูลหลิน!”
ระยะนี้ตระกูลหลินตกต่ำลงเรื่อยๆ
นอกจากสาเหตุเป็นเพราะบารมีของเฟิงซิวแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากที่หลินชิงจยาออกจากตระกูลหลินด้วย
เพราะคณะผู้อาวุโสของตระกูลหลินต้องการให้หลินชิงจยาแต่งงานกับลูกชายคนโตของตระกูลเย่ว์ เพื่อทำให้สถานะมั่นคง
แต่พวกเขาบีบบังคับไม่สำเร็จ กลับถูกสหพันธ์จอมยุทธ์สั่งสอนด้วยซ้ำ ด่าพวกเขาว่ากล้าแย่งแม้กระทั่งลูกสะใภ้ของเฉิงหย่วน
ตระกูลหลินก็เพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่า หลินชิงจยาไม่ได้อยู่ในความควบคุมของพวกเขา
คราวนี้ตระกูลหลินเสียหายหนักยิ่งกว่าเดิม
พูดได้เพียงว่าสมน้ำหน้า
คนคุ้มกันลากชายชราออกไป พอแผลเสียดสี ชายชราก็ร้องโอดครวญไม่หยุด แต่ยังไม่ลืมอ้อนวอนขอชีวิต “คุณอิ๋ง! ไว้ชีวิตด้วยครับคุณอิ๋ง!”
ไม่ว่ายังไงเขาก็คาดไม่ถึงว่า เขาเพิ่งมีความคิดอยากลงมือ แต่กลับซวยเจออิ๋งจื่อจินเข้าได้
ดวงเขานี่มันยังไง
“โวยวายอะไร” หัวหน้าคนคุ้มกันเดินเข้าไปตบ แสยะยิ้ม “คุณอิ๋งไม่ว่างสนใจเรื่องตระกูลหลินของพวกแกหรอก”
“อาอิ๋ง!” หลิงเหมียนซีวิ่งเข้ามากอดอิ๋งจื่อจิน “อาอิ๋ง คิดถึงจังเลย”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ฟื้นแล้วเหรอ”
“กว่าฉันจะฟื้นก็ตั้งเดือนสิงหาแล้ว” หลิงเหมียนซีพิงตัวอิ๋งจื่อจิน “เธอไปแล้ว ฉันอยากหาเธอ แต่เนี่ยอี้คนซื่อบื้อบอกให้ฉันรักษาตัวก่อน”
“ฉันบอกเขาแล้วว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร แถมวรยุทธ์ยังสูงขึ้นด้วย แต่เขาก็ไม่เชื่อ”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ฉันเชื่อ”
“เห็นไหมล่ะ ต้องผู้หญิงด้วยกันถึงจะเข้าใจ” หลิงเหมียนซีลูบคาง “อาอิ๋ง เห็นลุงเวินบอกว่าเธอไปสถานที่ที่ชื่อว่าเมืองแห่งโลก ฉันอยากตามไปด้วย”
อิ๋งจื่อจินตอบอืม “ฉันกลับมาก็เพราะเรื่องนี้ ฉันเตรียมจะพาจอมยุทธ์ไปด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องดูความสมัครใจของพวกเขาด้วย”
“ฉันไปด้วย ไปด้วย” หลิงเหมียนซียกมือ “ฉันอยากไปดูหน่อย”
สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “แต่อาจมีอันตราย”
“ไม่เป็นไร” หลิงเหมียนซีไม่แคร์ “เธอช่วยฉันไว้ตั้งเยอะ ฉันก็ต้องช่วยเธออยู่แล้ว”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง หัวเราะเบาๆ “เอาสิ”
“คุมแฟนตัวเองบ้าง” มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินล้วงกระเป๋า สองขาเรียวยาว “อย่ากอดสาวของฉันได้ไหม”
เนี่ยอี้ที่ตามมาด้วย “…”
เขาคุมอยู่เหรอ
แต่สุดท้ายเนี่ยอี้ก็พูดขึ้น “เสี่ยวเหมียน”
“มาแล้วๆ” หลิงเหมียนซีปล่อยอิ๋งจื่อจินแล้วเดินเข้าไปหา “ไม่อยากเดิน แบกฉันหน่อยสิ”
เนี่ยอี้จนปัญญา ทำได้เพียงย่อตัวลง
หลิงเหมียนซีขึ้นหลังเนี่ยอี้ พูดเสียงเบา “สัมผัสได้ถึงหน้าอกของฉันไหม”
เนี่ยอี้ “…ได้”
หลิงเหมียนซีพอใจมาก “งั้นก็ดี ก็แสดงว่าช่วงนี้ฉันฝึกไม่เสียเปล่า”
ฟู่อวิ๋นเซินครุ่นคิด ยิ้มพลางจูงมืออิ๋งจื่อจิน “เด็กน้อย ให้อุ้มไหม”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา หยิบอมยิ้มออกมาหนึ่งอันแล้วปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ไม่เอา”
ฟู่อวิ๋นเซิน “…”
ต้องพูดเลยว่า เขาแอบอิจฉาเนี่ยอี้อยู่นิดๆ
…
ในเวลาเดียวกันที่สำนักผู้วิเศษ
บรรยากาศตึงเครียดภายในห้องทำนายของนักบวชหญิง
เธอค่อยๆ พูดขึ้น “ซาโรห์ ฉันคิดว่าภายในหนึ่งสัปดาห์คู่รักจะต้องกลับมาแน่ เมื่อกี้แอสโตรแลบหมุนเร็วขึ้น”
สถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไร
“ฉันจะไปปรึกษาหลุยส์หน่อย” ซาโรห์ลุกขึ้น ไปที่ห้องข้างๆ
เรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกตกใจนิดหน่อยคือ ผู้วิเศษสังฆราชที่แต่ไหนแต่ไรไม่สนใจใช้ของไฮเทค เวลานี้กลับกำลังดูคลิปวิดีโออยู่
หลุยส์รู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาจึงกดปุ่มปิด
แม้หน้าจอจะดับลงแล้ว แต่ซาโรห์ก็ยังคงเห็นอยู่แวบหนึ่ง
ใบหน้าอันงดงามชวนให้วิญญาณหลุดออกจากร่าง ใครก็ไม่อาจต้านทานได้
อิ๋งจื่อจิน
คุณหนูใหญ่ที่ตระกูลเรนเกลเพิ่งตามกลับมาได้ไม่นาน
“คุณถูกใจมนุษย์ธรรมดาจริงๆ สินะ” ซาโรห์แสยะยิ้ม “ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น เกิดวันไหนคุณต้องไปต้านภัยพิบัติ เธอจะไปกับคุณได้เหรอ”
หลุยส์ขมวดคิ้ว “พูดกี่ครั้งแล้วว่าเรื่องส่วนตัวของผมไม่ต้องให้คุณมายุ่ง”
“ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดี ถ้าคุณแค่อยากเล่นๆ ก็คิดเสียว่าฉันไม่ได้พูด”
“ซาโรห์ คุณไม่จำเป็นต้องโกรธ ผมจะชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับคุณ” หลุยส์เงยหน้า สีหน้าเย็นชาลงเล็กน้อย “แต่คุณลองไปดูสักหน่อยก็ได้ว่าเดวิลกลับมาเกิดใหม่ชอบใครหรือเปล่า ถ้าไม่พอใจก็กำจัดทิ้งเสีย”
ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยนทันที “หลุยส์!”
หลุยส์แสยะยิ้ม “ผมร่วมงานกับคุณมานาน คิดว่าผมอ่านความคิดคุณไม่ออกเหรอ ทำไม กลัวถูกคนอื่นรู้เข้าเหรอ”
“งั้นคุณก็อย่าลืมนะว่า ถ้าเดวิลไม่ตาย คุณก็ไม่มีทางเฉิดฉายอย่างทุกวันนี้ ไม่มีทางถูกคนเคารพเทิดทูน” ซาโรห์พูดเสียงแข็ง “ฉายาดวงดาวที่เจิดจรัสมีแต่จะเป็นของเขา”
คราวนี้กลายเป็นหลุยส์ที่สีหน้าเปลี่ยน
ผ่านไปสักพักเขาก็ยิ้มบาง “แต่ยังไงซะเขาก็ตกต่ำไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์นั้นอีก”
ดวงดาวที่เจิดจรัส บุตรแห่งเกียรติยศ
ผู้พิทักษ์อันดับหนึ่งของโลก
ก่อนที่ผู้วิเศษเดวิลจะเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์ เกียรติยศอันหาที่สุดไม่ได้นี้เป็นของเขา
แต่หลังสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างก็ดับลง
ผู้วิเศษเดวิลถูกตรึงบนเสาแห่งความอัปยศอย่างสิ้นเชิง
ทุกคนต่างทอดทิ้งเขา รังเกียจเขา
หลุยส์ไม่สนใจซาโรห์อีก เขาเปิดดูอีกคลิป
เป็นไลฟ์สดของอิ๋งจื่อจินที่บันทึกไว้
แม้จะเห็นแค่มือข้างเดียว แต่หลุยส์ก็ยังคงไม่ละสายตา
ซาโรห์พยายามข่มความโกรธของตัวเอง พูดเสียงเย็นชา “ผู้วิเศษคู่รักจะกลับมาแล้ว เตรียมตัวไว้ก่อนก็ดี”
หลุยส์ตอบอืมเฉยๆ ไม่ได้ให้สายตาแก่ซาโรห์
ซาโรห์ไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เธอชักสีหน้ากลับห้องของตัวเอง
คนดูแลเคาะประตูอยู่ด้านนอก “ท่านจักรพรรดินีครับ”
ซาโรห์เงยหน้า “เข้ามา”
“ท่านจักรพรรดินีครับ” คนดูแลคุกเข่าลง พูดด้วยความนอบน้อม “คุณนายผู้เฒ่าของตระกูลอวี้มาขอพบครับ ท่านจักรพรรดินีต้องการให้เธอพบหรือให้ผมไปถ่ายทอดคำพูดดีครับ”
“ตระกูลอวี้เหรอ” คิ้วของซาโรห์คลายออก “ให้เข้ามาแล้วกัน”
คนดูแลขานรับ
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมคุณนายผู้เฒ่าอวี้
คุณนายผู้เฒ่าอวี้คุกเข่าอย่างนอบน้อม คำนับศีรษะแนบติดพื้น “คารวะท่านจักรพรรดินี”
ซาโรห์ตอบอืม “มีเรื่องอะไร ให้เวลาแค่หนึ่งนาที”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ไม่กล้าเงยหน้าแอบมองโฉมหน้าที่แท้จริงของซาโรห์
แน่นอนว่าต่อให้เงยหน้าก็มองไม่เห็น
“เรียนท่านจักรพรรดินี” คุณนายผู้เฒ่าอวี้เกรงกลัวยิ่งกว่าเดิม ตัวสั่น “ดิฉันอยากมาขอยาจากท่านนักมายากล ท่านจักรพรรดินีโปรดอนุญาตด้วยค่ะ”
ในเมื่อฟู่อวิ๋นเซินไม่เชื่อฟังคำพูดของเธอ เธอก็จำต้องใช้วิธีเล่นงานอวี้เซ่าอวิ๋นแล้วค่อยเล่นงานฟู่อวิ๋นเซินแล้ว
หลานชายคนนี้ของเธอต่อให้เก่งสักแค่ไหนยังจะเก่งกว่าผู้วิเศษได้อีกเหรอ