ตอนที่ 794 อิ๋งจื่อจิน ‘ลุกขึ้นมา’
พอคำพูดนี้ออกมาก็เงียบกันทั้งสนาม
ผู้ตัดสินอึ้งไปชั่วขณะ
ชาวเมืองก็ตะลึงงัน
[ถึงฉันจะรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ชนะการแข่งขันการรักษาทางการแพทย์ในครั้งนี้แน่นอน แต่เรื่องต่อสู้…คนทั่วไปมีเหรอจะสู้ลูกศิษย์ที่ได้รับการสั่งสอนจากท่านหอคอยได้]
[แบบนี้เท่ากับรนหาที่ตายหรือเปล่า ไม่เข้าใจ]
[เดิมทีแข่งต่อสู้เป็นสนามสุดท้าย อย่างไรเสียถ้าเกิดบาดเจ็บที่มือหรือที่อื่นบนเวทีประลองก็จะแข่งรักษาคนหรืออย่างอื่นไม่ได้แล้ว]
ใครๆ ต่างพูดกันว่ามือสำคัญขนาดไหนสำหรับหมอ
“คุณหนูใหญ่ครับ มีการกำหนดไว้แล้วว่าแข่งต่อสู้เป็นสนามสุดท้ายครับ” ผู้ตัดสินสีหน้าจริงจัง “เปลี่ยนไม่ได้ครับ เพราะการแข่งขันศิลปะกับการรักษาทางการแพทย์จำเป็นต้องมีสุขภาพที่สมบูรณ์พร้อมครับ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ ยิ้มพลางพูด “งั้นก็หมายความว่า ถ้าฉันชนะอีกสนามฉันก็จะสามารถแข่งต่อสู้ได้ งั้นเหรอคะ”
“คือ…” ผู้ตัดสินพูดไม่ออก ทำได้เพียงหันมองไชโลห์ “ในทางทฤษฎีมันก็ได้ครับ แต่ก็ต้องดูความยินยอมของคุณไชโลห์ด้วย ทั้งสองฝ่ายยินยอมถึงจะได้ครับ”
ไชโลห์อยากปฏิเสธ
ตอนนี้เธอแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า อิ๋งจื่อจินขัดขวางการลอบโจมตีเมื่อคืนได้
ขัดขวางได้อย่างไรเธอไม่รู้
แต่เห็นได้ชัดว่าวันนี้อิ๋งจื่อจินตั้งใจมาเอาคืนเธอ
แต่ทว่าก่อนหน้านี้เธอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปด้วยความร้อนใจ
ตอนนี้ชาวเมืองทั้งหมดก็กำลังมองเธอ ถ้าเธอปฏิเสธจะยิ่งดูเหมือนร้อนตัว
“ได้!” ไชโลห์เงยหน้าขวับ แสยะยิ้ม “แข่งก่อนหนึ่งสนามแล้วค่อยแข่งต่อสู้ แต่เธอก็ต้องชนะให้ได้ก่อนน่ะนะ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินทำหน้าเนือย “เลือกได้เลยอยากแข่งอะไร”
“แข่งเล่นดนตรี!” ไชโลห์กัดฟัน “พวกเราเล่นหนึ่งเพลง ใครเล่นได้ดีกว่าก็ชนะ เลือกเครื่องดนตรีเอาเอง”
เธอไม่มีทางแข่งวิชาการแพทย์กับอิ๋งจื่อจินเป็นอันขาด
มิฉะนั้นคนที่จะขายหน้าก็คือเธอ
แพ้ไปแล้วสองสนาม สนามนี้เธอจะแพ้ไม่ได้อีก
ผู้วิเศษจักรพรรดินีมีความสามารถสูงมากในด้านดนตรี เธอเองก็เรียนมานานมาก
สุนทรียศาสตร์ทางด้านดนตรีในเมืองแห่งโลกย่อมเหนือกว่าเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรไปไกลมาก เธอไม่เชื่อว่าอิ๋งจื่อจินจะเอาชนะเธอได้ด้วยเพลงจากนอกเมือง
พอได้ยินแบบนี้เจียงหรานก็กุมขมับ อดส่งสายตาสมเพชไม่ได้ “แย่แล้ว ยัยโง่เอ๊ย”
ซีซาร์ที่อยู่ข้างๆ ยักไหล่ เขาเห็นด้วย “นั่นน่ะสิ”
พวกนักดนตรีที่เขาให้ทุนสนับสนุนเมื่อหลายศตวรรษก่อน ในด้านเปียโนนอกจากอิ๋งจื่อจินแล้วก็มีแค่สุดยอดนักเปียโนไม่กี่คนที่เธอเคยสอน
ไม่กล้ารับประกันเครื่องดนตรีชนิดอื่น แต่ถ้าเป็นเปียโนตอนนี้ยังไม่มีใครเอาชนะเธอได้
“เยาเยาเล่นเปียโนเก่งมาก” ซู่เวิ่นก็ไม่กังวลอะไร ยิ้มพลางพูด “ฉันก็ยังไม่เคยได้ยินเยาเยาเล่นสด”
พ่อบ้านกำมือ “คุณหนูใหญ่เก่งที่สุดแน่อยู่แล้วครับ!”
บนเวที
เหล่าอัศวินได้เคลื่อนย้ายเครื่องดนตรีสารพัดมาตั้งแล้ว
ไชโลห์เลือกฮาร์ป เธอแอบชำเลืองมองทางด้านขวา เห็นอิ๋งจื่อจินนั่งลงตรงหน้าเปียโน
เธอยิ้มประชด
เปียโนธรรมดามาก จะมีลูกเล่นอะไรได้
อิ๋งจื่อจินลองกดสองเสียง เงยหน้ามองที่ชั้นสอง
สบตากับฟู่อวิ๋นเซิน
เขายิ้มมุมปาก ถามโดยไร้เสียง “เป็นไงบ้าง”
“สัมผัสไม่ดีเท่าตัวที่คุณซื้อให้”
ทั้งสองคนขยับปากพูดคุยกัน แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ผู้ตัดสินถอยหลังหนึ่งก้าว ยกมือขึ้น “การแข่งขันสนามที่สาม ศิลปะดนตรี ทั้งสองท่านเริ่มได้ครับ!”
ติ๊ง ติ๊งต่อง…
โน้ตที่คุ้นเคยดังขึ้น แค่เสียงแรกก็กลบฮาร์ปของไชโลห์แล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เหลือบตาขึ้น หัวเราะเบาๆ “เพลงสงครามศักดิ์สิทธิ์…”
หนึ่งในสามเพลงหลักของวีร่า โฮลท์ซ และยังเป็นเพลงที่ยากที่สุด
ช่วงแรกดนตรีจะสงบอ่อนโยน ราวกับสายน้ำไหลเอื่อย บรรเลงไปเรื่อยๆ
แต่เมื่อเปลี่ยนไปช่วงที่สองโน้ตเปียโนจะเปลี่ยนขึ้นถึงอารมณ์สูงสุด
ติ๊งๆ!
แต่ละเสียงล้วนทะลวงเข้าเยื่อแก้วหู
ท่อนฮุกของเพลงนี้พาคนเข้าสู่โลกที่บรรยายด้วยดนตรีได้อย่างง่ายดาย
สงครามอันดุเดือดกำลังปะทุ
สีขาวดำในสงครามที่ตัดกันอย่างชัดเจน บริเวณโดยรอบเป็นซากปรักหักพัง
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลงเล็กน้อย กุมศีรษะ ชิ้นส่วนความทรงจำมากมายได้ปรากฏแวบผ่านอย่างบ้าคลั่งในเวลานี้
“เพลงสงครามศักดิ์สิทธิ์” ซีซาร์ลูบคาง “น่าเสียดายที่บอสแค่เล่นๆ แต่งออกมาแค่สามเพลง ฉันชอบเพลงสงครามศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด”
เจียงหรานหน้าตึง ค่อยๆ หันไป “คะ…คุณว่าไงนะ”
“วีร่า โฮลท์ซ ไง” ซีซาร์มองเขาด้วยสายตาประหลาด “ไม่เคยได้ยินเหรอ ไม่ตั้งใจเรียนประวัติศาสตร์ล่ะสิท่า”
เจียงหราน “…”
เขาเคยได้ยินสิ
แต่นั่นมันคนดังเมื่อหลายศตวรรษก่อนไม่ใช่เหรอ!
แย่แล้ว ทัศนคติของเขาพังทลายลงอีกครั้งแล้ว
ภายในสนามแข่งเงียบมาก
เสียงเปียโนกับเสียงฮาร์ปชนกัน แต่กลับไม่มีใครฟังว่าไชโลห์เล่นเพลงอะไร ถึงขั้นที่ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ายังมีคนคนนี้อยู่
สายตาทุกคู่ต่างไปรวมอยู่ที่อิ๋งจื่อจิน
ขณะที่เธอเล่นเปียโน เหมือนดวงดาวที่ระยิบระยับ ทอประกายเปล่งแสง ดึงดูดความสนใจของทุกคน
[โอ้โห! ติดตรงที่ฉันมันคนไร้วัฒนธรรม ใช้ถ้อยคำดีๆ บรรยายไม่เป็น]
[นี่มันเพลงขั้นเทพอะไรกัน มีชื่อหรือเปล่า]
[เพลงตอนพิธีฉลองปีใหม่สู้ไม่ได้เลยนะ อึ้งสิครับท่าน]
บทเพลงศักดิ์สิทธิ์ที่เล่นตอนพิธีฉลองขึ้นปีใหม่เป็นเพลงที่ผู้วิเศษจักรพรรดินีประพันธ์ด้วยตัวเอง
มือของไชโลห์ที่กำลังเล่นฮาร์ปเริ่มสั่น สีหน้าก็ค่อยๆ ซีดลง
ทุกครั้งที่เสียงเปียโนกระทบเยื่อแก้วหูของเธอ มันทำให้เธอเสียสมาธิในการเล่น
บุคลิกพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง กลบไม่มีเหลือ
เมื่อท่อนฮุกที่สองดังขึ้น โน้ตเสียงสูงก็ถูกบรรเลงผ่านมือของอิ๋งจื่อจินอีกครั้ง
ติ๊ง!
ตึง…
ไชโลห์เหมือนสติหลุดไปแล้ว สองมือหยุดอย่างกะทันหัน ทำสายฮาร์ปขาด เกิดเสียงบาดหู
แต่อิ๋งจื่อจินกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นิ้วเรียวยาวยังคงไหลลื่นอยู่บนแป้นเปียโน
จนกระทั่งโน้ตสุดท้ายจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ปิดท้าย เธอถึงหยุดเล่น
ช่วงท้ายของเพลงสงครามศักดิ์สิทธิ์มีความโศกเศร้า อารมณ์หนักหน่วง ดึงอารมณ์อย่างรุนแรง
หลังจากเพลงจบลง ภายในสนามเกิดความเงียบถึงห้านาทีเต็มๆ
สีหน้าของไชโลห์ขาวซีดเหมือนกระดาษ สมองอื้ออึง
อิ๋งจื่อจินเป็นใครกันแน่
บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่เป็นเลยหรือไง!
[แค่นี้เหรอ]
[ไชโลห์เรียนเอาความเงียบมาจากท่านจักรพรรดินีในสำนักผู้วิเศษเหรอ]
[พูดตามตรงนะ เล่นแย่กว่าเพื่อนฉันที่เรียนคณะดนตรีอีก]
[ขอกระซิบเบาๆ ด้วยความสามารถทางดนตรีของคุณหนูใหญ่ ฉันว่าต่อให้ท่านจักรพรรดินีมาด้วยตัวเองก็ใช่ว่าจะเอาชนะได้]
ไม่ต้องให้ผู้ตัดสินประกาศก็รู้แล้วว่าสนามนี้ใครชนะ เห็นได้ชัดขนาดนี้แล้ว
คะแนนโหวตของไชโลห์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงอีกครั้ง
กินศูนย์ไปสามตัว เปอร์เซ็นต์ที่สนับสนุนเธอลดลงไปอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์
การแข่งขันที่เหลือไม่ต้องแข่งแล้ว
“คุณหนูใหญ่ชนะสามสนามก็เท่ากับว่าชนะในการแข่งคัดเลือกแล้วครับ” ผู้ตัดสินลังเลแล้วพูดต่อ “ดังนั้นอีกสองสนามที่เหลือไม่ต้องแข่งก็ได้ครับ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา พวกเราขอให้บรรดาท่านผู้วิเศษช่วยลงคะแนนโหวตในตอนสุดท้ายได้เลยครับ”
“ฉันไม่เคยเรียนในสำนักผู้วิเศษ และก็ไม่รู้จักผู้วิเศษคนไหน” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ถึงยิ่งต้องลงแข่งคัดเลือก”
ไชโลห์ได้ยินแบบนี้ก็ดวงตาเป็นประกาย
ถูกต้อง
อิ๋งจื่อจินไม่ได้ถูกสั่งสอนมาจากสำนักผู้วิเศษ ต่อให้ผู้วิเศษอัศวินรถม้าลงคะแนนให้ก็มีแค่โหวตเดียวเท่านั้น
แต่เบื้องหลังเธอมีผู้วิเศษสนับสนุนอย่างน้อยสามคน
อิ๋งจื่อจินสู้ได้เหรอ
แต่คำพูดต่อมาได้ตบไชโลห์ให้ตื่น
“ดังนั้นฉันถึงควรแข่งอีกสองสนามเพื่อที่บรรดาผู้วิเศษจะได้ให้ความสนใจฉันมากขึ้น” อิ๋งจื่อจินหาวหวอด น้ำเสียงเรียบเฉย “นี่เป็นโอกาส ฉันจะทิ้งมันไม่ได้ค่ะ”
เจียงหราน “…”
พ่ออิ๋งของเขาโกหกหน้าตาเฉยอีกแล้ว
ผู้ตัดสินหันไปมองไชโลห์ทันที แต่กลับคัดค้านอะไรไม่ได้
นอกจากเรื่องให้ถ่ายทอดสดไปทั้งเมือง ซาโรห์ยังได้ตั้งกฎข้อนี้ไว้ก่อนการแข่งคัดเลือกหัวหน้าตระกูล
หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมก็ห้ามยุติการแข่งขัน
จุดประสงค์ก็เพื่อให้ไชโลห์บดขยี้อิ๋งจื่อจินได้เละยิ่งขึ้น ทางที่ดีเอาให้อิ๋งจื่อจินพิการบนเวทีประลอง
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า ตอนนี้กลับกลายเป็นกฎข้อนี้ที่ผูกมัดไชโลห์ เป็นผลดีต่ออิ๋งจื่อจิน
กฎถูกประกาศไว้บนเว็บดับบลิว จะทำให้ชาวเมืองหมดศรัทธาเพราะไชโลห์คนเดียวไม่ได้
เหล่าอัศวินขนเครื่องดนตรีลงไปและตั้งเวทีต่อสู้กับแนวป้องกันที่กลางสนาม
อิ๋งจื่อจินขยับข้อมือวอร์มร่างกาย เอายางมัดผมรวบเป็นผมหางม้า ค่อยๆ เดินขึ้นเวที
ไชโลห์ผ่อนลมหายใจ กำมือแน่น
เธอฝึกวิชาการต่อสู้มาจากท่านหอคอย ทั้งยังเคยกินยาเล่นแร่แปรธาตุของนักมายากล
ร่างกายของเธอแข็งแกร่งถึงขั้นที่แม้แต่พวกมนุษย์ดัดแปลงพันธุกรรมก็ยังสู้ไม่ได้
ใจเย็นเข้าไว้
เธอชนะได้แน่
ผู้ตัดสินยกมือขึ้นอีกครั้ง “การแข่งขันสนามที่สี่ ต่อสู้ เริ่มได้ครับ!”
พอสิ้นสุดเสียงนี้ ไชโลห์ก็ระเบิดพลังทันที มุ่งหน้าเข้าโจมตีอิ๋งจื่อจิน แถมหมายจะเอาชีวิต
ดวงตาของเธอฉายแววอาฆาต แสยะยิ้ม “งั้นก็สู้กันดูสักตั้ง”
อิ๋งจื่อจินกอดอก ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
แต่เธอกลับขยับเมื่อไชโลห์เข้ามาใกล้ห่างออกไปแค่นิ้วเดียว
แค่ยกศอกขึ้นเบาๆ แต่แรงกลับมหาศาล
พลั่ก!
พลั่ก!
เสียงดังฟังชัด ได้ยินเสียงกระดูกหัก
สองเข่าของไชโลห์ถูกกระแทกอย่างรุนแรง อดร้องด้วยความเจ็บปวดไม่ได้
ไม่มีเวลาให้เธอได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย ร่างกายรับแรงกระแทกลอยไปชนแนวป้องกัน
เกิดความเงียบขึ้นในบริเวณโดยรอบ “…”
ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินหลุบลงเล็กน้อย
เธอมองไชโลห์ที่อยู่บนพื้น พูดด้วยเสียงเย็นชา “ลุกขึ้นมา”