ตอนที่ 799 ความจริง ปะทุ!
พอได้ยินแบบนี้ดวงตาของอิ๋งจื่อจินก็หรี่ลง
ซีนายก็เป็นญาติที่สายเลือดเดียวกับเธอ
เธอจึงทำนายอดีตและอนาคตของซีนายไม่ได้
ฟันธงได้แค่ว่าคนที่จับซีนายกรอกยาเป็นคนของหอคอยกับอัลไคด์ นักมายากลเป็นคนปรุงยานั้นขึ้นมา
ส่วนไชโลห์?
อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาติดต่อตี้อู่เย่ว์
[ฝีมือเธอเหรอ]
[ตี้อู่เย่ว์ : อื้อๆ อาจารย์ พ่อของอาจารย์กลับไปแล้วหรือยัง ใช่แล้ว ฝีมือฉันเอง ฉันสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ! คนในวงการพยากรณ์ของประเทศจีนเรียกฉันว่าปรมาจารย์ตี้อู่กันหมดแล้วนะ ฮี่ๆ]
[ตี้อู่เย่ว์ : จริงสิอาจารย์ ฉันเอาอุปกรณ์ที่อาจารย์ทำเองให้ปู่แล้วนะ ปู่ฉันดีใจมากที่เหาะได้ทั้งที่ไม่มีกำลังภายใน เอาไปอวดพวกตาแก่ในโลกจอมยุทธ์ทุกวันเลย]
อิ๋งจื่อจิน “…”
เธอหลุบตาลง
แต่น่าเสียดาย เมื่อร่างกายถึงขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์หรือสสารเล่นแร่แปรธาตุก็ช่วยยืดอายุขัยไม่ได้อีก
เหมือนกันทั้งตี้อู่ชวนและเฟิงซิว
คำพูดนี้ของลูเอลทำให้เกิดความเงียบขึ้นในห้องรับแขก
ซู่เวิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ว่าไงนะ”
ไชโลห์ตัวเกร็ง เงยหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ “พะ พี่ใหญ่”
ลูเอลรู้เรื่องนี้ได้ยังไง
ลูเอลไม่ตอบ นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ
แต่ความเงียบแบบนี้กลับทำให้ไชโลห์รู้สึกเหมือนมีเขาไท่ซานกดทับ ใกล้สติแตกเต็มที
“พี่ใหญ่ ไม่ใช่ฝีมือฉันนะ!” ไชโลห์ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก “ฉันไม่ได้อยากให้ซีนายตาย ฉันก็แค่พูดถึงต่อหน้าอาจารย์ ส่วนเรื่องอื่นฉันไม่รู้อะไรเลย!”
เธอเก็บตัวฝึกอยู่ในสำนักผู้วิเศษเงียบๆ มายี่สิบกว่าปี แต่ซีนายมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสำนักวิจัยตอนอายุสิบกว่า
ไชโลห์ก็แค่รู้สึกไม่ยอม
แต่ใครจะไปรู้ว่าคนที่หอคอยส่งไปต้องการฆ่าซีนาย
“ผัวะ!”
เสียงดังสนั่น
ไชโลห์ถูกตบ หน้าบวมขึ้นมาทันที
ซู่เวิ่นไม่มีออมแรง
มือของเธอก็สั่นเพราะความโกรธ “นั่นพี่สาวฝาแฝดของเธอนะ!”
“พี่สาวเหรอ” ไชโลห์ทรุดลงไปบนพื้น ทันใดนั้นก็แสยะยิ้มออกมา “ดูเอานะ พวกพี่ก็สนใจแค่ซีนาย เคยสนใจฉันด้วยเหรอ”
“แค่ซีนายทำตัวน่าสงสารให้พวกพี่เห็น พวกพี่ก็ตามใจทุกอย่างแล้ว!”
ตอนเด็กๆ ซีนายออดอ้อนซู่เวิ่นกับลูเอลได้ แต่เธอกลับต้องตั้งหน้าตั้งตาเรียนอยู่ในสำนักผู้วิเศษ
“เธอถูกคนดูแลของสำนักผู้วิเศษเอาตัวไปตั้งแต่เด็กแล้ว” สีหน้าของลูเอลสุขุม “พี่กับซู่ซู่ไปเยี่ยมเธอหลายครั้งก็ถูกกีดกันอยู่ข้างนอก บอกว่าเธอกำลังเรียนอยู่”
“แต่ตอนนี้เธอกลับช่วยสำนักผู้วิเศษเล่นงานตระกูลเรา ยังจะโทษว่าพวกเราไร้เยื่อใยกับเธออีกเหรอ”
“ส่วนที่เธอบอกว่าซีนายทำตัวน่าสงสารใส่ฉันกับลูเอล” ซู่เวิ่นพูดเสียงเย็นชา “ฉันก็อยากให้ซีนายมีนิสัยอ่อนโยนบ้างเหมือนกัน เจ็บก็ร้องไห้ ถูกรังแกก็มาบอกพวกเรา แต่ซีนายทำเรื่องแบบนี้ไม่เป็น!”
ซีนายมีนิสัยเย็นชาตั้งแต่เด็ก มีเรื่องอะไรก็เก็บซ่อนไว้
ครั้งนี้หลังจากที่ตัวหดเล็กลงกลับดูร่าเริงขึ้นมาก
“ถ้าอย่างนั้นคนที่ตามฆ่าคุณก็เป็นลูกน้องของผู้วิเศษหอคอยเหรอ” ซู่เวิ่นหันไปถามเสียงสั่น
ลูเอลพยักหน้า “เดิมทีผมไม่รู้หรอกว่าใคร แต่ฟังจากปากไชโลห์ตอนนี้ก็คงเป็นผู้วิเศษหอคอยอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว”
ทีมคุ้มกันที่ผู้วิเศษหอคอยฝึกฝนออกมา แข็งแกร่งกว่าหน่วยอัศวินทั้งสี่
ฝีมือก็ย่อมเหนือกว่าบรรดาองครักษ์ลับของตระกูลเรนเกลอยู่มาก
“เป็นผู้วิเศษหอคอยค่ะ” อิ๋งจื่อจินรินน้ำยื่นให้ลูเอล “เมื่อวานก็พวกเขาที่ตามใจเธอ ต้องการหักแขนหักขาหนู”
ลูเอลกับซู่เวิ่นยังไม่รู้เรื่องนี้
พอได้ฟังตอนนี้ ต่อให้ทั้งสองคนจะสุขุมใจเย็นขนาดไหนก็ต้องโกรธผิดปกติ
ไม่ว่าเรื่องไหนพวกเขาก็ทนได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นกับอิ๋งจื่อจิน พวกเขาทนไม่ได้
“ลากออกไป” ลูเอลพูดเสียงเย็นชา “ลงโทษตามกฎของตระกูลด้วยแรงสิบเท่า แต่ห้ามตาย”
พ่อบ้านขานรับทันที “ครับ!”
ไชโลห์หน้าถอดสี เหงื่อแตกเปียกชุ่มเสื้อผ้า
ห้ามตาย งั้นไม่เท่ากับว่าเธอต้องเจ็บเจียนตายเลยเหรอ
พ่อบ้านกำลังจะสั่งให้คนคุ้มกันเข้ามา แต่พอหันตัวไปก็ตกใจเกือบทำโทรศัพท์มือถือตก รีบยืนตรงทันที
“ท่านนักพรต!”
“ท่านซิว” ลูเอลเงยหน้า ยืนขึ้น พูดด้วยความนอบน้อม “มาแล้วเหรอครับ”
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร” ซิวชะงัก “ผมยังต้องเรียกลูกสาวคุณว่าบอสด้วยซ้ำครับ”
ลูเอล “…?”
อิ๋งจื่อจินมองผมสีเหลืองอมส้มของซิวแล้วติชม “วันนี้นายสว่างเหมือนดวงอาทิตย์”
“แน่นอน” ซิวลูบหัว “เหยียนแนะนำให้ผมทำสีนี้เลยนะ ผมก็รู้สึกว่าเท่ห์ดี”
หลิงเหมียนซีที่ตามเข้ามามีท่าทางเรียบร้อย “สวัสดีค่ะคุณอา”
ฉินหลิงอวี๋กับอวี้เสวี่ยเซิงก็ทักทาย ต่างเรียก “คุณอา”
ลูเอล “…”
เขาสงสัยว่าความทรงจำของตัวเองจะมีปัญหา แถมกู้คืนไม่ได้ด้วย
พ่อบ้านกลับสุขุมเหมือนซู่เวิ่น “ท่านหัวหน้าตระกูล บ้านเรามีผู้วิเศษมาอาศัยหลายคนครับ คุณฉินกับคุณหลิงยังเป็นขาไพ่นกกระจอกของผมด้วยครับ”
ไชโลห์ที่อยู่ข้างๆ อึ้งสนิท
อยู่ๆ เธอก็กรีดร้องขึ้นมา “ไม่จริง! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!”
เธอถูกผู้วิเศษมองเป็นหมากตัวหนึ่ง แต่อิ๋งจื่อจินเป็นเพื่อนกับผู้วิเศษงั้นเหรอ!
เป็นไปได้ยังไง
ทำไม มีสิทธิ์อะไร
“ไม่ ไม่!” ไชโลห์เริ่มอาละวาด “ฉันจะไปบอกท่านจักรพรรดินี ฉันยังจะบอกท่านหอคอยด้วย ให้พวกเขามาฆ่าแก!”
แต่เธอไม่มีโอกาสได้พูดแล้ว
อวิ๋นซานใช้กำลังภายในสกัดจุดให้เธอเป็นใบ้ พวกคนคุ้มกันเข้ามาลากตัวไชโลห์ออกไป
ซิวก็รู้ว่าเขาไม่ควรรบกวนเวลาของพ่อแม่ลูก จึงขึ้นชั้นบนไปพร้อมพวกหลิงเหมียนซี
ภายในห้องรับแขกเหลือเพียงคนในครอบครัว
“ท่านหัวหน้าตระกูล” พ่อบ้านทนไม่ไหวอีกต่อไป พูดเสียงสะอื้น “ท่านกลับมาได้ มันดีมากจริงๆ ครับ”
“ใช่ ฉันกลับมาแล้ว” สีหน้าของลูเอลอ่อนโยนลง “ฉันโชคดีมากที่ได้เจอทุกคนอีกครั้ง”
เขาถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าทั้งหมด
มีรอยแผลเป็นที่ลากยาวตั้งแต่หางตาซ้ายไปจนถึงลำคอ ค่อนข้างน่ากลัว
แต่รอยแผลเป็นนี้ไม่ได้ลดทอนบุคลิกของเขา กลับยิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้น
ซู่เวิ่นมือสั่น น้ำตาร่วงหล่นอีกครั้ง
ลูเอลลนลานแบบที่เห็นได้ยาก “มันน่าเกลียด อย่าดูเลย ผมจะใส่หน้ากากไว้แล้วกัน”
“ไม่ต้อง!” ซู่เวิ่นจับมือเขาไว้ ยิ้มทั้งน้ำตา “นี่คือสัญลักษณ์ความเป็นลูกผู้ชายของคุณ”
“ซู่ซู่ คุณยังดูสาวขนาดนี้ แต่ผม…” ลูเอลน้ำเสียงแหบแห้ง “ผมแก่แล้ว”
จอนผมของเขาขาวลงไปมาก หางตาก็เริ่มมีริ้วรอย
“แล้วยังไง” ซู่เวิ่นแค่ยิ้ม เธอเช็ดน้ำตา “คนเราต้องแก่กันอยู่แล้ว อีกอย่าง คุณไม่แก่ ฉันยังคงชอบคุณมากเหมือนเดิม”
พ่อบ้านนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “ว่าแต่ท่านหัวหน้าตระกูลกลับมาได้ยังไงครับ คุณนายใหญ่คิดว่าท่านหัวหน้าตระกูลตายไปแล้ว”
“ผมถูกลอบโจมตีแต่ไม่ตาย ได้คนคุ้มกันอีกคนปลอมตัวเป็นผมไปตายแทน” ลูเอลตอบ “แต่ผมก็บาดเจ็บสาหัส เกือบไม่รอดเหมือนกัน”
“แต่ที่ยี่สิบปีนี้ไม่ได้กลับมา ไม่ใช่แค่เพราะบาดเจ็บสาหัส แต่สมองส่วนฮิปโปแคมปัสของผมได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้สูญเสียความทรงจำทั้งหมด”
สมองส่วนฮิปโปแคมปัสเป็นสมองส่วนสำคัญของมนุษย์ ทำหน้าที่กักเก็บความทรงจำระยะยาว
ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้ามาแล้วพูดขึ้น “ลิซิเนียสเจอคุณลุงที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศจีน ครอบครัวชาวประมงช่วยคุณลุงไว้ ช่วงหลายปีมานี้ก็ได้ตามครอบครัวนี้ไปออกทะเลหาปลา”
“ใช่” ลูเอลมองฟู่อวิ๋นเซิน หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ผมคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นชาวประมง ก่อนหน้านี้ร่างกายทรุดโทรมลงไปมาก เดิมทีจะตายแล้ว จนกระทั่งมีคนมาหาและใช้เครื่องมือทางการแพทย์ปลุกความทรงจำของผม”
จุดนี้อิ๋งจื่อจินก็พอจะสันนิษฐานออกมาได้
เดิมทีเธอเดาว่าลูเอลอาจนอนเป็นผักไปแล้ว หรือไม่ก็สูญเสียความทรงจำ
ดังนั้นตอนที่ไอบีไอไปตามหาทั่วประเทศจึงเตรียมเครื่องมือกระตุ้นความทรงจำของเมืองแห่งโลกไปด้วย
“ต่อมาผมก็ได้รู้ว่าเยาเยากำลังลงแข่งคัดเลือกหัวหน้าตระกูล สำนักผู้วิเศษจะต้องใช้แผนสกปรกแน่นอน” ลูเอลพูดต่อ “พอผมเริ่มมีแรงกลับมาบ้างก็ขอกลับเมืองแห่งโลกทันที”
อิ๋งจื่อจินยิ้ม “อันที่จริงคุณพ่อไม่มาก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“จะไม่มาได้ยังไง” ลูเอลยิ้ม “ลูกสาวของพ่อทั้งคน ต่อให้ลูกพึ่งพาตัวเองได้ไม่มีปัญหาพ่อก็ต้องกลับมาอยู่ดี”
เขาพูดจบก็ไออย่างรุนแรงอีกครั้ง
ครั้งนี้มีเลือดออกมาด้วย
พ่อบ้านสีหน้าเปลี่ยน “ท่านหัวหน้าตระกูล!”
“ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า” ซู่เวิ่นก็สีหน้าเปลี่ยน รีบประคองลูเอล “เยาเยาเป็นแพทย์แผนโบราณ เชื่อฟังลูกเถอะ ไว้สุขภาพดีขึ้นค่อยเล่าก็ยังไม่สาย”
“ได้” ลูเอลไม่ปฏิเสธ ดื่มน้ำที่อิ๋งจื่อจินยื่นให้อีกครั้ง จับมือซู่เวิ่นแน่น “พวกเราขึ้นข้างบนกัน”
…
อีกด้านหนึ่ง
อัลไคด์กับหอคอยกลับไปที่ศูนย์บัญชาการใหญ่
พอโจ้วเหยียนได้ยินเสียงก็ลืมตาขึ้น “กลับมาแล้วเหรอ”
“ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” หอคอยยักไหล่ “ลูเอลยังไม่ตาย”
สีหน้าของโจ้วเหยียนไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย “ไม่ตายก็ไม่ตายสิ”
“ก็จริง” หอคอยหันไป ยิ้มพลางพูด “โจ้วเหยียน เตรียมออกปฏิบัติการ”
“ถึงเวลาต้อนรับท่านกลับมาแล้วสินะ”
เขาดีดนิ้วขณะพูด
“ครืน”
ตรงขอบฟ้ามีเมฆครึ้มเคลื่อนเข้ามาปกคลุมเมืองในชั่วพริบตา!