ตอนที่ 808 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘จักรพรรดินีเหรอ แค่ผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ’
ใครอยากไปจากเมืองนี้ก็จะต้องลบล้างความทรงจำที่เกี่ยวกับเมืองแห่งโลกให้หมด
กฎข้อนี้ทำให้คนจำนวนมากไม่มีความคิดอยากไปจากเมืองแห่งโลก
สมองของมนุษย์ซับซ้อนเกินไป แม้จะมีอุปกรณ์ลบล้างความทรงจำ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีผลข้างเคียง
ไม่มีใครกล้าเสี่ยง
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบนอกเมืองกับในเมือง เทคโนโลยีล้าหลังกว่าหลายร้อยปี จึงยิ่งไม่มีใครอยากออกไป
นี่ยังเป็นคำร้องขอออกจากเมืองฉบับแรกนับตั้งแต่ศตวรรษที่ยี่สิบเป็นต้นมา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลอวี้เป็นตระกูลที่โด่งดังมากในเมืองแห่งโลก
สมาชิกตระกูลอวี้ต้องการไปจากเมือง แบบนั้นก็ต้องถอนวิชาการต่อสู้ในตัวให้หมด
ตัดเอ็นมือเท้า นั่นก็เท่ากับเป็นคนพิการ เกรงว่าวันหน้าแม้แต่จะเดินยังลำบาก
อวี้เซ่าอวิ๋นช่างมีความกล้าเสียจริงๆ
“มาได้จังหวะพอดี ใช้ได้” ซาโรห์พูด “ฉันยังอยากถามเขาว่าสั่งสอนลูกหลานยังไงถึงออกมาเป็นแบบนี้”
“ทำหน้าที่หัวหน้าตระกูลได้แย่ขนาดนี้ก็สมควรโละทิ้งแล้ว!”
คนดูแลคุกเข่าบนพื้น ไม่กล้าหายใจแรง
พอได้ยินคำพูดนี้ นักมายากลที่เดินถึงประตูแล้วก็หยุดลง หันกลับมา “ซาโรห์ ถ้าต้องทำตามกฎล่ะก็ ยกเขาให้ผมแล้วกัน ผมมียาใหม่สองตัวที่กำลังจะทำเสร็จ ต้องการคนมาทดลองพอดี”
“คุณเหรอ” ซาโรห์ขมวดคิ้ว ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเสียมารยาทไป
เธอพยักหน้ารับปากเพื่อรักษาความสัมพันธ์ “ได้ เรื่องนี้ยกให้คุณ ว่าแต่ยาอะไรเหรอ”
“สรรพคุณยังไม่แน่ชัด” นักมายากลตอบ “เอาเป็นว่าแรงกว่าเอสยี่สิบสามในตอนนั้น”
ซาโรห์ก็ไม่ได้ถามต่อ
ปกครองเมืองแห่งโลกใช้ความเมตตาอย่างเดียวไม่พอ จำเป็นต้องมีไม้แข็งด้วย
“ไปตระกูลอวี้ เอาตัวอวี้เซ่าอวิ๋นมาที่ห้องทดลองของฉัน” นักมายากลเดินออกไปเรียกอัศวินคนหนึ่งมาสั่ง “ขอแค่เขาทนยาตัวใหม่ของฉันได้ก็ไม่ต้องถอนวิชาต่อสู้กับล้างความทรงจำ ไปจากเมืองได้ทันที”
พอได้ยินแบบนี้พวกอัศวินก็มองหน้ากัน ดวงตาฉายแววสับสน
แต่สุดท้ายก็ขานรับ “ครับท่านนักมายากล”
หลังจากนักมายากลออกคำสั่งเสร็จก็กลับห้องทดลองของตัวเอง เตรียมทำขั้นตอนสุดท้ายของยาตัวใหม่
รอทดลองยาเสร็จเขาก็ส่งมอบให้อัลไคด์ได้แล้ว
ทางด้านซาโรห์ คนดูแลกำลังจะออกไป แต่ก็ถูกซาโรห์เรียกไว้
“จริงสิ ถ่ายทอดคำสั่งของฉัน เลื่อนจัดพิธีขึ้นมา” อยู่ๆ ซาโรห์ก็เงยหน้าขึ้น “จากวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคมมาเป็นวันที่หนึ่งธันวาคม”
ผู้วิเศษเดวิลแข็งแกร่งมาก แอสโตรแลบที่วงล้อแห่งโชคชะตาทิ้งไว้ก็ยืนยันไม่ได้ว่าเป็นใคร และอยู่ที่ไหน
วันที่หนึ่งธันวาคม
วันที่สงครามศักดิ์สิทธิ์ปะทุเมื่อหลายสิบศตวรรษก่อน
เธอต้องการใช้วันนี้เตือนเดวิล
คนดูแลแอบตกใจ แต่ก็ไม่ได้ถาม “ครับท่านจักรพรรดินี ผมจะประกาศความประสงค์ของท่านลงบนเว็บดับบลิวครับ”
ยังมีอีกเรื่องที่เขาไม่กล้ารายงาน
มีชาวเมืองหลายคนแสดงความไม่พอใจผู้วิเศษจักรพรรดินีในเว็บดับบลิวแล้ว อีกทั้งจำนวนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เริ่มสูญเสียศรัทธาจากชาวเมือง
…
เวลานี้ที่ยุโรป
“อิ๋ง พวกคุณมาตอนกลางคืน ยังไม่ได้นอนเลยนะ จะไปแล้วเหรอ” เกอร์เวนแอบเสียดาย “ผมยังไม่ได้อวดความคืบหน้าให้คุณดูเลย”
“ศาสตราจารย์คะ ยังมีคนรอหนูอยู่ค่ะ หนูต้องไปก่อน” อิ๋งจื่อจินจับมือกับเขา พยักหน้าเบาๆ “อาจารย์ของฉันมีความรู้เยอะมาก รอบรู้หลายเรื่อง ปรึกษากับเขาได้เลยค่ะ”
“แน่นอนๆ เป็นอาจารย์ของคุณได้ก็แสดงว่าต้องเก่งมาก” เกอร์เวนพูด “เมื่อก่อนผมยังคิดอยู่ว่า ต่อให้ยานอวกาศข้ามจักรวาลไม่เสร็จในร้อยปี ก็คงต้องพึ่งคนรุ่นหลังแล้ว”
“ตอนนี้มีคุณนอร์แมนอยู่ ผมกล้ารับประกันเลยนะว่ามนุษย์จะสามารถไปสำรวจทั่วทั้งจักรวาลได้ในสิบปี ค้นพบอารยธรรมใหม่!”
อิ๋งจื่อจินยิ้ม “เชื่อค่ะ วันนั้นจะต้องมาถึงในไม่ช้า”
เกอร์เวนออกไปส่งอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซิน อยู่ๆ เขาก็ตีหัวตัวเอง “เอ๊ะ ลืมไปเลย เมื่อวานเสี่ยวจั่วบอกผมว่าจะมาที่ศูนย์วิจัย มาถึงตอนบ่าย คลาดกันพอดี”
คณบดีนอร์แมนกำลังกินบะหมี่ถ้วยอยู่ พอได้ยินก็ถามขึ้นด้วยเสียงอู้อี้ “เสี่ยวจั่วเป็นใครเหรอ”
“ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ที่ยังหนุ่มของมหาวิทยาลัยตี้ตู ชื่อจั่วหลีครับ” เกอร์เวนอธิบาย “ทุกสัปดาห์เขาจะถามผมว่าลักพาตัวอิ๋งไปหรือเปล่า ทำให้มหาวิทยาลัยตี้ตูของพวกเขาหาไม่เจอ เขากลุ้มจนผมจะร่วงหมดหัวแล้ว”
คณบดีนอร์แมนสำลัก ครุ่นคิดพลางพูด “ลูกศิษย์ผมเป็นที่ต้องการขนาดนี้เลยเหรอ”
ยังดีที่เขาเก่งมากพอ!
“ใช่ครับ” เกอร์เวนถอนหายใจ “ถูกมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วทั้งโลกเชิญตัวเลยนะครับ ดูสิครับ เธอมีกลุ่มแฟนคลับในเว็บบอร์ดระดับนานาชาติด้วย ในนั้นวันๆ คุยแต่เรื่องวิชาการกัน”
เป็นกลุ่มสายวิชาการล้วน
คณบดีนอร์แมนดวงตาเปล่งประกาย “มาๆๆ ขอผมเข้าด้วย ต่อไปพวกเราจะเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน”
ทั้งสองคนคุยเรื่องอิ๋งจื่อจินกันอยู่สักพัก เกอร์เวนถอนหายใจอีกครั้ง “น่าเสียดายจริงๆ ขาดแคลนกำลังคน นักวิทยาศาสตร์คนอื่นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นค่าโปรเจ็กต์นี้”
“เกอร์เวน ไม่ต้องกลัวเรื่องคนไม่พอ” คณบดีนอร์แมนตบบ่าเกอร์เวนอย่างจริงจัง “ผมยังมีลูกศิษย์อีกคน แต่ช่วงนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับชุดกระโปรง ไว้อีกสักระยะผมจะพาเธอมา”
เกอร์เวน “?”
…
เวลาเที่ยง
อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินกลับถึงเมืองแห่งโลก
เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง เลิกคิ้วพลางพูด “ดูท่าคุณเดจะอัดหอคอยจนน่วมจริงๆ สภาพอากาศถึงกลับมาปกติแล้ว”
เท้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก “เรียกพี่ชายเหรอ”
“คุณเรียกฉันว่าคุณอิ๋ง ฉันจะเรียกคุณว่าคุณเด” สองมือของอิ๋งจื่อจินล้วงกระเป๋า หาวออกมา พูดเสียงเนือย “เสมอกัน เรียกคุณเดวิลต้องออกเสียงเพิ่ม ยุ่งยาก”
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ยิ้มมุมปาก “ก็ได้”
เพราะเป็นเธอ
“จริงสิ ยังมีอีกเรื่อง” อิ๋งจื่อจินหันหน้าไป “คุณเดอยู่มานานขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่มีคนที่ชอบเลยเหรอ”
“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินมองเธอ ยิ้มพลางพูด “หึงเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “ไม่ขนาดนั้น”
“พี่ชายหวั่นไหวแค่กับเธอ คิดแค่ว่าจะทำให้เธอมาเป็นของพี่ชายได้ยังไง” ฟู่อวิ๋นเซินหยิกแก้มเธอ “ส่วนเมื่อก่อน พี่ชายโสดมาหมื่นปี เธอควรจะสงสารพี่ชายให้มากๆ นะ”
“…”
ทั้งสองคนเดินต่อ เพิ่งเข้าอาณาเขตของตระกูลเรนเกล
“พี่ใหญ่! ในที่สุดก็เจอตัวแล้ว!” คุณชายห้าวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรน “พี่ใหญ่ เกิดเรื่องแล้ว! ลุงใหญ่เพิ่งถูกคนของสำนักผู้วิเศษเอาตัวไป”
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้า สีหน้าเย็นชา “จักรพรรดินีเหรอ แค่ผู้หญิงคนนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่จักรพรรดินี!” คุณชายห้าตอบ “นักมายากล! ผมแอบฟังมา เขาจะใช้ยาตัวใหม่ล่าสุดถอนวิชาต่อสู้ของลุงใหญ่ แถมยังจะล้างความทรงจำของเขาด้วย”
นักมายากลสร้างคุณูปการให้เมืองแห่งโลกมากก็จริง ช่วยขับเคลื่อนวิชาการแพทย์
แต่ยาที่เขาทำขึ้นมาในช่วงหลังๆ ก็โหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “นักมายากล ทำให้หมอนี่เปลี่ยนภพได้ไม่ยาก”
คุณชายห้าอึ้ง “พะพะพะพี่ใหญ่”
เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดนี้
“เยาเยา ดูเขาไว้ พวกคนอื่นๆ ในตระกูลอวี้ด้วย” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่ชายจะไปพาคนออกมาจากสำนักผู้วิเศษ ถ้าเสร็จเร็ว เดี๋ยวตอนเย็นพวกเรายังจะได้กินเนื้อย่างด้วยกัน”
“นี่คือสัญญาหรือเปล่า”
“เป็นสัญญา”
“ได้” อิ๋งจื่อจินพับแขนเสื้อขึ้น “เอานักมายากลมาด้วยสิ ฉันก็อยากให้เขาทดลองยาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าใช้ผู้วิเศษทดลองยาจะมีความพิเศษอะไรไหม”
เธออยากลองเล่นดู
ฟู่อวิ๋นเซินรับปากเธอ “ได้สิ”
“เดี๋ยวนะพี่ใหญ่ พี่ไปคนเดียวไม่ได้นะ” คุณชายห้าร้อนใจ “ผมถึกทน ช่วยเป็นเกราะกำบังให้ได้ นั่นสำนักผู้วิเศษเชียวนะ!”
พูดถึงสำนักผู้วิเศษ มีชาวเมืองแห่งโลกคนไหนไม่กลัวบ้าง
อิ๋งจื่อจินมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ค่อยๆ ฉีกกระดาษห่ออมยิ้ม “อยากไปเหรอ เอาชนะฉันได้ไหมล่ะ”
คุณชายห้าหงอขึ้นมาทันที จากเสือกลายเป็นลูกแมว “พี่สะใภ้ใหญ่ ผมไม่กล้าหรอก”
พอเขาพูดจบก็ถูกถีบกระเด็น
ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรียบเฉย “ออดอ้อนพี่สะใภ้ให้น้อยๆ หน่อย”
นี่ทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเขา
ฟู่อวิ๋นเซินหันตัวจะเดินออก
มีเสียงดังตามหลังเขามา
“อวิ๋นเซิน ไปด้วยกัน” อวี้เสวี่ยเซิงจับบ่าฟู่อวิ๋นเซิน ยิ้มบาง “อย่าลืมพวกเราสิ”
“นั่นสิ ไปด้วยกัน” ฉินหลิงอวี๋ก็ตามมา “ได้ยินมาว่าออกทำภารกิจกับเดวิลไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”
ซิวชี้ตัวเอง “ผม ไปด้วยได้ไหม”
เมื่อคืนเขาเพิ่งได้รู้ว่าแฟนลูกพี่ใหญ่ของเขาคือผู้วิเศษเดวิล ตอนนี้เขายังไม่ได้สติกลับมาเลยด้วยซ้ำ!
หลิงเหมียนซีถีบเขาไปหนึ่งที “ไร้สาระ”
ซิวหันมอง กลืนคำพูดกลับไป สีหน้าจริงจัง “ได้ งั้นผมไปด้วย!”
ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้ามา
พวกผู้วิเศษที่เคยเป็นศัตรูกันยืนอยู่ด้านหลังเขาหมด
ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้กัน
ครั้งนี้นายไม่ได้ตัวคนเดียว
ยังมีพวกเรา เป็นพวกเดียวกัน