คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 811 การตายของนักมายากล พิธีฉลองขึ้นปีใหม่

ตอนที่ 811 การตายของนักมายากล พิธีฉลองขึ้นปีใหม่

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่กระดูกแยกออกจากกันก็ยังสู้คำพูดที่โจมตีสมองในเวลานี้ไม่ได้

นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่ง

เทพพยากรณ์!

สองบุคคลขั้นเทพที่พลังสามารถต่างกันคนละขั้วแท้จริงแล้วคือคนเดียวกันเหรอ!

แถมยังเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยขนาดนี้

“ลืมไปว่าตอนนี้แกพูดไม่ได้” อิ๋งจื่อจินยังคงจับคางเขาไว้ เสียงดัง “กร๊อบ” อีกที ช่วยต่อกลับไปให้

เธอมีสีหน้าเรียบเฉยตลอด ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย

“ทั้งๆ ที่…ทั้งๆ ที่ท่านอายุยังไม่ถึงยี่สิบ!” นักมายากลหน้าซีด เจ็บปวดเกินทน เขาตะโกนเหมือนคนบ้า “เป็นไปได้ยังไง เป็นไปไม่ได้! อย่างน้อยท่านก็ควรอายุหลายร้อยปีสิ!”

เขาเคยประลองฝีมือกับนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งเมื่อตอนศตวรรษที่สิบหก

นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งจะเด็กขนาดนี้ได้ยังไง

แต่ยาพิษพวกนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าอิ๋งจื่อจินก็คือนักปรุงยาพิษอันดับหนึ่ง

“ขนาดพวกแกที่เป็นผู้วิเศษยังเปลี่ยนภพได้ไม่หยุด เรื่องเหนือธรรมชาติอื่นๆ ก็คงไม่แปลกอะไร” อิ๋งจื่อจินจับกรอกยาเม็ดที่สาม มองสำรวจนักมายากลตั้งแต่หัวจรดเท้า “ผู้วิเศษนี่ถึกทนดีจริงนะ”

นักมายากลกลับไม่ได้ใจเย็นแบบภายนอก

เขารู้สึกเพียงว่าภายในร่างกายเหมือนมีแมลงนับหมื่นกำลังกัดกร่อน เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก

เขาไม่เคยเจ็บปวดแบบนี้มาก่อน

นักมายากลรู้สึกสิ้นหวังอย่างถ่องแท้ สติแตกแล้ว “นายท่าน นายท่านไว้ชีวิตด้วย…”

“เจ็บแค่นี้มันจะอะไรนักหนา” อิ๋งจื่อจินทิ่มเข็มทองที่ศีรษะของเขาพลางพูด “ยังไม่ได้ครึ่งของฉันกับเขา และก็ยังไม่ได้ครึ่งของพวกคนที่แกทำร้ายเลยด้วยซ้ำ”

เข็มทองยาวเจ็ดนิ้วทยอยทิ่มเข้าจุดลมปราณของนักมายากล

เข็มทองหลายเล่มนี้ได้ทำให้ความเจ็บปวดขยายเพิ่มร้อยเท่าในชั่วพริบตา

นักมายากลทนไม่ไหว กระอักเลือดออกมา

เนื้อตัวสั่นเทา เหงื่อท่วมตัว

เขารู้สึกได้เลยว่าพลังชีวิตเริ่มหมดไป

ผู้วิเศษที่มีพลังพิเศษก็ถูกฆ่าได้ด้วยเหรอ

“โอ๊ย! ทำไม!” นักมายากลตะโกนด้วยความโมโห “ทำไมฉันเปิดการ ‘กลับหัว’ แล้วก็ยังสู้แกไม่ได้ ทำไม มันเพราะอะไร!”

“ฉันไม่ยอม! ฉันไม่…”

เสียงกลับหายไปในตอนนี้

นักมายากลหายใจเฮือกสุดท้าย ตาค้าง ร่างกายทรุดลงไป

ตายตาไม่หลับ

ฟู่อวิ๋นเซินหรี่ตามอง “หมดลมแล้วเหรอ”

เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้วิเศษคือบุคคลที่ฆ่าไม่ตาย

นอกจากผู้วิเศษจะดับสูญระหว่างต้านภัยพิบัติ หรือถูกฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากเปลี่ยนภพ

“อืม ตายแล้ว” อิ๋งจื่อจินงงนิดหน่อย เธอเงียบไปชั่วขณะ “อาจเพราะยาพิษที่ฉันทำมันเกินกว่าขอบเขตที่เขาจะรับไหวไปมาก”

เธอเรียนวิชาแพทย์และวิชาพิษมาจากชาติก่อนที่อยู่โลกบำเพ็ญเพียร

การปรุงยาและวิธีฝังเข็มไม่มีอยู่ที่นั่น

“เป็นเรื่องดี” ฟู่อวิ๋นเซินพิงเก้าอี้ ยกมือขึ้นอย่างอาดๆ “ในที่สุดก็ฆ่าผู้วิเศษได้หนึ่งคน แฟนสาวเก่งจริงๆ ต่อไปคงต้องพึ่งเธอแล้วนะ”

“เมื่อกี้เขาพูดว่า ‘กลับหัว’” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “ฉันมีข้อสันนิษฐาน”

“มีเหมือนกัน” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ว่ามาหน่อยสิ”

“ไพ่ทาโรต์สำรับใหญ่ยี่สิบสองใบเป็นสิ่งแทนผู้วิเศษยี่สิบสองคน” อิ๋งจื่อจินพูด “ไพ่แต่ละใบมีแบบกลับหัวและไม่กลับหัว”

“ยกตัวอย่างเช่นไพ่ไม่กลับหัวของเดวิลหมายถึงความตกต่ำ แต่ถ้ากลับหัวหมายถึงก้าวหน้า”

“ถ้าอย่างนั้นในทำนองเดียวกันผู้วิเศษก็มีทั้งกลับหัวและไม่กลับหัวเหมือนกัน” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง หัวเราะเบาๆ “นักมายากลเปิดการกลับหัวแล้ว ก็เลยทำยาพิษได้ หอคอยกับคนห้อยหัวเปิดการกลับหัว พลังต่อสู้ก็เลยพัฒนาขึ้น”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันคิดว่าพลังที่ ‘กลับหัว’ แบบนี้ก็ส่งผลต่อแก่นแท้ในตัวพวกเขาเหมือนกัน”

ซิวกับฉินหลิงอวี๋ก็บอกแล้ว

เมื่อนานมาแล้วผู้วิเศษแต่ละคนต่างกระจายไปแต่ละที่เพื่อต้านทานภัยพิบัติสารพัด ปกป้องโลก

ไม่รู้ว่าเรื่องบางอย่างมันเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไร

“เห็นทีจะเป็นท่านผู้นั้นที่พบวิธีทำให้ผู้วิเศษเปิดการกลับหัวได้” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “หอคอยกับโจ้วเหยียนเป็นผู้วิเศษสายต่อสู้ทั้งคู่ ย่อมไม่มีทางปฏิเสธหนทางที่จะทำให้ฝีมือพัฒนาขึ้น หรืออาจมีสาเหตุอื่นอีกที่มากกว่านั้น”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดพลางพูด “คุณว่าซาโรห์จะเปิดการกลับหัวหรือยัง”

“ซาโรห์น่ะเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ผู้หญิงคนนั้นก็แค่อยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจมานานจนเปลี่ยนไป ไม่มีใครวิเศษวิโสจริงๆ หรอก”

“ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็นยังไง” อิ๋งจื่อจินเท้าคาง เลิกคิ้ว “ผู้บัญชาการ จะปล่อยให้เกียรติของคุณหายไปไม่ได้นะ”

ดวงดาวเจิดจรัส บุตรแห่งเกียรติยศ

ฟู่อวิ๋นเซินอึ้ง ผ่านไปสักพักเขาก็หัวเราะ “ในเมื่อแฟนสาวพูดแล้ว งั้นก็ปล่อยให้หายไปไม่ได้”

เขาจัดการเก็บศพนักมายากล ออกจากห้องลงไปชั้นล่าง

ภายในห้องรับแขก เซ่าอวิ๋นถูกเจียงหรานจับนั่งหน้าโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอก กำลังเล่นไพ่กับหลิงเหมียนซีแบบไม่ค่อยเป็นเท่าไร

พอเห็นฟู่อวิ๋นเซินลงมาเขาก็เช็ดเหงื่อแล้วยืนขึ้น “เจ้าเจ็ด…”

“คุณจะออกจากเมืองไปทำไม” ฟู่อวิ๋นเซินหยิบเสื้อโค้ทมาพาดบ่า “ไปสิ จะไปส่ง แต่คุณต้องไปที่ฮู่เฉิงก่อน”

เซ่าอวิ๋นอึ้ง เขากลืนคำถามทั้งหมดกลับไป ตามหลังฟู่อวิ๋นเซินไปเงียบๆ

ราบรื่นตลอดทางไปจนถึงประตูเมือง

ไม่เคยมีครั้งไหนที่ออกจากเมืองได้ราบรื่นขนาดนี้ ถึงขั้นที่เซ่าอวิ๋นนึกสงสัย

เขาแบมือ ก้มมองอักษรที่อยู่บนฝ่ามือ

เป็นชื่อคน

ฟู่หลิวอิ๋ง

เขาคิดว่าถ้าเขาถูกล้างความทรงจำ เขาจะต้องลืมทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเขากับฟู่หลิวอิ๋งแน่นอน

แต่เขาไม่มีทางลืมเธอ

ถ้าไม่มีความทรงจำแล้ว เขาจะยังคงเตือนสติตัวเองได้ว่านี่คือคนที่เขารักที่สุด

ระหว่างทางไปฮู่เฉิง ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรสักคำ

เครื่องบินไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว ฟู่อวิ๋นเซินไปที่สุสาน

อวี้เซ่าอวิ๋นรู้ว่าที่นี่เป็นที่ฝังศพของผู้เฒ่าฟู่กับคุณนายผู้เฒ่า

ฟู่อวิ๋นเซินซื้อของเซ่นไหว้มาจำนวนหนึ่ง เขาหันไป “คุณไม่ต้องเข้าไปหรอก พวกเขาไม่มีทางอยากเจอคุณ”

เซ่าอวิ๋นยิ้มเศร้า “พ่อรู้”

ชีวิตนี้เขาไม่มีโอกาสได้เอ่ยขอโทษ

แต่ขอโทษแล้วจะมีประโยชน์อะไร

คนตายไปแล้ว

ทุกวันจะมีคนมาทำความสะอาดสุสาน ด้านข้างยังมีต้นหลิวสองต้น

ปลูกในเดือนธันวาคม ตอนนี้ใบต้นหลิวเหลืองเล็กน้อย

“ปู่ครับ ย่าครับ” ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ คุกเข่าลง เริ่มเทเหล้าตรงหน้าหลุมศพ ยิ้มพลางพูด “ผมมาเยี่ยมแล้วครับ”

ไม่มีคนตอบ มีเพียงรูปถ่ายของสองคนที่ยิ้มกว้าง

“วางใจได้ครับ ผมไม่เคยทำให้ปู่กับย่าผิดหวัง และก็ไม่ได้ปล่อยให้ความแค้นบดบังตาด้วย” เขาพูด “ผมกำลังล้างแค้น และก็กำลังเดินบนเส้นทางของตัวเอง”

เขาหยิบกล่องที่มีเถ้ากระดูกของนักมายากลออกมา “นี่เป็นหนึ่งในศัตรูของพวกเรา หลานสะใภ้ของปู่กับย่าเป็นคนฆ่า ผมคว้าเธอมาครอบครองสมใจปู่แล้วนะครับ”

“ส่วนซากศัตรูที่เหลือจะทยอยตามมา ผมฟู่อวิ๋นเซิน พูดได้ทำได้”

ผู้เฒ่าฟู่ที่อยู่บนป้ายหน้าหลุมศพมองเขาอยู่เงียบๆ ยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้ม ราวกับกำลังพูดว่า…

ปู่ได้ยินแล้ว

ฟู่อวิ๋นเซินคุกเข่าอยู่อีกสักพักถึงลุกขึ้น

เขายกมือคว้าใบไม้ที่กำลังร่วงหล่น พื้นตรงที่เท้าเขาเหยียบอยู่ก็เป็นตรงที่ผู้เฒ่าฟู่กับฟู่หลิวอิ๋งเคยยืน

มองท้องฟ้าที่พวกเขาเคยแหงนหน้ามอง

พวกเขาใช้วิธีนี้เพื่อบอกว่า พวกเขาไม่เคยจากไป

ฟู่อวิ๋นเซินออกจากสุสาน พยักหน้าให้ผู้ชายที่ด้านหลังดูโศกเศร้า “ไปเถอะ”

เซ่าอวิ๋นดึงสติกลับมา ประสานนิ้ว เม้มริมฝีปากแน่น “อืม”

ทั้งสองคนไปที่โลกจอมยุทธ์

ครั้งก่อนศพของฟู่หลิวอิ๋งถูกย้ายมาฝังที่เขาด้านหลังใกล้ศาลสถิตยุติธรรม

มีทีมคุ้มกันทำหน้าที่ดูแล ห้ามใครเข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาตจากฟู่อวิ๋นเซิน

ยังคงเป็นป้ายที่ไม่มีสลักชื่อ และไม่มีรูปถ่าย

แต่อวี้เซ่าอวิ๋นรู้ว่า ฟู่หลิวอิ๋งผู้หญิงที่งดงามเกินใครนอนหลับใหลอยู่ที่นี่

วันเวลาผ่านไป เหลือเพียงเถ้ากระดูก

บัดนี้ได้จากกันไปตลอดกาลแล้ว

อวี้เซ่าอวิ๋นยกมือที่สั่นลูบป้ายหน้าหลุมศพอันเย็นเฉียบ เขาพูดเสียงเบา “หลิวอิ๋ง ผมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณแล้ว”

อีกหลายปีให้หลัง จอมยุทธ์รุ่นใหม่เติบโต

ยังคงเห็นตรงเขาด้านหลังของศาลสถิตยุติธรรมมีผู้ชายผมขาวคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าหลุมศพไร้ชื่อ

วันแล้ววันเล่า มองดอกไม้ผลิบานและร่วงโรย เมฆคล้อยผ่านไป

และก็เป็นวันนี้ที่เว็บดับบลิวได้ประกาศเกี่ยวกับพิธีฉลองขึ้นปีใหม่

พิธีฉลองขึ้นปีใหม่เป็นพิธีสำคัญที่สุดในเมืองแห่งโลก

นอกจากเป็นการต้อนรับปีใหม่แล้ว ยังเป็นการขอบคุณบรรดาผู้วิเศษที่มอบวันอันแสนสงบสุขให้

และเป็นการกล่าวโทษผู้วิเศษเดวิลกับผู้วิเศษอีกสามคนที่ทรยศ

แต่ปีนี้ยังมีเพิ่มอีกหนึ่งรายการ ต้องการลงโทษสองคนที่รุกล้ำเมืองแห่งโลกและล่วงเกินสำนักผู้วิเศษ

[ปีนี้พิธีฉลองขึ้นปีใหม่เร็วขนาดนี้เลยเหรอ อย่าหาว่าบ่นเลยนะ วันที่หนึ่งธันวาเรียกขึ้นปีใหม่ได้เหรอ ประสาท!]

ศรัทธาของชาวเมืองที่มีต่อผู้วิเศษจักรพรรดินีไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

[แถมยังจะลงโทษสองคนต่อหน้าชาวเมืองทั้งหมดด้วย ใครกัน]

[จะได้เจอผู้วิเศษคนอื่นไหมฉันเฉยๆ แต่ผู้วิเศษสังฆราชดวงดาวที่เจิดจรัสต่างหากที่ฉันศรัทธา!]

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset