แน่นอนว่าการพิจารณาคดีไม่ควรดูแค่เอกสารเท่านั้น แต่ต้องสอบปากคำผู้ต้องหาและสอบถามพยาน รวมทั้งตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วย
เจี่ยงเหวินเฟิงได้ทำการส่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาให้ไปยังคุกที่กุมขังผูชื่อ และที่หมู่บ้านซานชู่
ทุกคนที่ไม่มีอะไรทำต่างกระซิบกระซาบหารือเกี่ยวกับคดีนี้
หมิงเวยได้ยินบัณฑิตจากโต๊ะข้างๆ พูดคุยกัน “คดีนี้ชัดเจนมาก! เดิมทีข้าคิดว่านายอำเภอเขตหย่งผิงจะเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว”
“ใช่! ท่านเหอยังไม่ได้แตะต้องสิ่งอื่นเลยตั้งแต่ต้นจนจบยกเว้นก๊วยเตี๋ยวที่มียาพิษนั่น ไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุ ผูชื่อจะมีหลักฐานแก้ต่างให้ตนเองได้อย่างไร”
“ไม่ว่าผูชื่อจะเข้ากันดีกับคนในครอบครัวมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านางไม่ได้วางยาพิษ ท่านยายทำได้แค่พูดว่าบุตรสาวไม่มีทางทำเช่นนั้น ใครจะรู้ว่าหัวใจของมนุษย์นั้นช่างซับซ้อน!”
“แต่ว่าเรื่องนี้แปลกอยู่นิดหน่อยนะ ทำไมถึงได้มีร่องรอยของยาพิษเหลืออยู่เล่า ผูชื่อไม่ได้ออกไปซื้อยา แล้วยาพิษนี้มาได้อย่างไรกัน”
“นายอำเภอเขตหย่งผิงพูดไว้มิใช่หรือว่า เป็นพิษที่พบได้ในชนบท ดอกไม้บางชนิดมีพิษ ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อ”
ท่านเจ้าเมืองได้ยินใครหลายคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงยิ้มให้เจี่ยงเหวินเฟิงและพูดว่า “อย่างที่เจ้าหน้าที่ได้พูดเมื่อสักครู่ พออ่านเอกสารแล้วไม่พบความผิดปกติ แล้วก็ไม่มีผู้อื่นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หากไม่ใช่ผูชื่อทำ แล้วจะเป็นฝีมือใครเล่า ไม่ทราบว่าใต้เท้าเจี่ยงมีความคิดเห็นอย่างไร หากใต้เท้าเจี่ยงไม่พบสิ่งใดน่าสงสัย คงต้องยืนยันคำตัดสินเดิมเท่านั้น”
น้ำเสียงของท่านเจ้าเมืองดูพยายามกลั้นความภูมิใจเอาไว้มาก
เขารู้ว่าภายใต้สิบกว่าเขตนี้มีคดีที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น เจี่ยงเหวินเฟิงได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบจึงปล่อยให้เขาได้สืบหาเพื่อไม่ให้เสียหน้า
แต่ตามขั้นตอนปกติแล้วจะพบกรณีที่ไม่เป็นธรรมหลังจากการตรวจสอบ ซึ่งไม่เหมือนกับการหยุดเกี้ยวกลางทางเพื่อออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม
ผู้คนที่ออกมาหยุดเกี้ยวร้องขอความเป็นธรรม ส่วนใหญ่มักจนตรอกแล้ว ประการที่หนึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เมืองตงหนิงไม่เห็นอกเห็นใจประชาชน ก็คือพวกเขาไม่มีที่ให้ร้องเรียน ประการที่สองดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่เมืองตงหนิงจะไร้ความสามารถ จำเลยอาจยอมรับผิดเนื่องจากทนจากการถูกทรมานไม่ไหว
เมื่อทราบว่าเจี่ยงเหวินเฟิงจะเดินทางมาตงหนิง ท่านเจ้าเมืองก็กลัวในความผิดพลาดนี้
หากไม่คำนึงถึงชื่อเสียงของชิงเทียน ในความเป็นจริงแล้วเหล่าเจ้าหน้าที่ล้วนหวาดกลัวเพื่อนร่วมงานในหน่วยราชการประเภทนี้มากที่สุด
เพื่อชื่อเสียงแล้ว สามารถฉีกหน้ากันได้อยู่ตลอด
ทันทีที่เรื่องถูกหยุดเกี้ยวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมเกิดขึ้น ท่านเจ้าเมืองก็กลัวว่าเจี่ยงชิงเทียนวัยหนุ่มผู้นี้จะขุ่นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม และไม่ยอมหาทางลงให้ โชคดีที่เขายังพอมีสติและบอกให้ท่านยายผู้นี้มาที่ศาลว่าการในวันรุ่งขึ้น
น่าเสียดายที่คุณชายหยางผู้นั้นดูเหมือนจะรู้สึกขัดหูขัดตาและผลักเขาลงไปในหลุม
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาไม่พบปัญหาใด เจี่ยงชิงเทียนจะไม่เสียหน้าได้อย่างไรกัน
เมื่อเทียบกับตนเองเสียหน้าแล้ว แน่นอนว่าท่านเจ้าเมืองเลือกที่จะทำให้เจี่ยงเหวินเฟิงเสียหน้าดีกว่า หากเจี่ยงเหวินเฟิงเสียหน้าในวันนี้ เขาก็ยังมีหน้าอยู่ที่ตงหนิงได้อีกนานมิใช่หรือ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ท่านเจ้าเมืองมองไปที่โต๊ะส่วนตัวที่มีม่านไม้ไผ่กั้น คุณชายหยางผู้นี้มีตำแหน่งเป็นถึงขุนนางในสำนักหวงเฉิงซือ ไม่ว่าจะเป็นแค่ภาพลักษณ์หรือไม่ก็ตาม แต่เขาเป็นคนสนิทของฮ่องเต้ ถือเป็นเรื่องดีที่เขาและเจี่ยงเหวินเฟิงมีช่องโหว่
เจี่ยงเหวินเฟิงกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย “เจ้าหน้าที่อย่าเพิ่งด่วนสรุป สอบสวนคดีก่อนแล้วค่อยพูด”
“ขอรับๆ” ท่านเจ้าเมืองยังไว้หน้า “เชิญท่านพิจารณาคดีต่อขอรับ”
เขาไม่เชื่อว่าเจี่ยงเหวินเฟิงจะสามารถพลิกคดีได้
ปล่อยให้เขาสง่าผ่าเผยไปสักพักเถอะ!
เกือบทุกคนเชื่อว่าคดีนี้ไม่มีสิ่งใดมาพลิกคดีได้แล้ว ท่านยายช่างน่าสงสารจริง แต่หากไม่มีผู้ร้ายคนอื่น ผูชื่อจะรอดพ้นจากความผิดได้อย่างไร
ต่อมาไม่นาน ผูชื่อก็ถูกองครักษ์พามาพร้อมกับเอกสาร
“ท่านแม่ๆ!” เด็กหญิงตะโกนออกมาเมื่อเห็นผูชื่อ
“เยี่ยนเหนียง เยี่ยนเหนียงของแม่!” ท่านยายยื่นมือออกไปพยายามที่จะสัมผัสบุตรสาวของตนเอง
ผูชื่อร้องไห้เมื่อเห็นแม่และบุตรสาว “ท่านแม่ ท่านมาทำอะไรที่นี่ ท่านแม่รีบพาซิ่วเอ๋อร์กลับไปเถิด! ลูกเป็นคนอกตัญญูทำให้ท่านต้องเหนื่อยแล้ว”
“ไม่กลับ แม่ไม่กลับ! แม่รู้ว่าเจ้าถูกปรักปรำ เยี่ยนเหนียง ไม่ต้องกังวลไป มีท่านชิงเทียนผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่เจ้าต้องได้รับความยุติธรรม!”
คนทั้งสามรุ่นร้องไห้กันเสียงดัง เป็นฉากที่น่าเวทนาจนทำให้คนดูร้องไห้
บัณฑิตโต๊ะข้างๆ ถอนหายใจ “ครอบครัวนี้น่าสงสารมาก ผูชื่อดูไม่เหมือนคนเลวเลย”
“เป็นคนเลวดูที่ตรงไหน” สหายของเขาพูด “ถึงแม้นางจะไม่ได้เป็นคนวางยาพิษ แต่ก็หาฆาตกรตัวจริงไม่เจออยู่ดี จะมีเหตุผลอะไรที่ปล่อยนางไป ฮึ!”
บัณฑิตจ้าวเป็นผู้ที่สนับสนุนเจี่ยงเหวินเฟิงอย่างหนัก เขาพูดอย่างหนักแน่น “ใต้เท้าเจี่ยงต้องจับฆาตกรตัวจริงได้อย่างแน่นอน แล้วคืนความยุติธรรมให้กับพวกนาง!”
ในขณะที่คนทั้งสามรุ่นกำลังร้องไห้ เจี่ยงเหวินเฟิงกวาดตาอ่านเอกสารอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลตรงกับสิ่งที่นายอำเภอเขตหย่งผิงกล่าวมา
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ท่านเจ้าเมืองยิ้มระรื่น “ผลตัดสินคดีความนี้มีปัญหาหรือไม่”
เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้มจางๆ และโบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ผู้ใต้บังคับบัญชาเดินเข้าไปแยกทั้งสามคนออกจากกัน “ใต้เท้าต้องการสอบสวนคดี พวกท่านไปรอที่ด้านข้างเถิด”
ผูชื่อคุกเข่าอีกครั้ง
เจี่ยงเหวินเฟิงไม่ได้ลำเอียง แต่เขาทำตามกฎของการสอบสวนตามปกติ ต้องตรวจสอบทีละอย่าง เขาถามซ้ำๆ อย่างระมัดระวัง และคำตอบของผูชื่อก็สอดคล้องกับในเอกสาร เสร็จสิ้นการถาม ทุกคนก็ต้องผิดหวัง
แบบนี้คดีก็ไม่พลิกเลยสิ!
ในเวลานั้น สายตาของหมิงเวยฉายแววสงสัย นางเห็นแขนเสื้อของเจี่ยงเหวินเฟิงมีจิตวิญญาณบริสุทธิ์วิ่งออกมาวนรอบกายของผูชื่อ จากนั้นก็รีบบินกลับอย่างรวดเร็ว
“วิญญาณ…” หมิงเวยกระซิบ
“พี่เจ็ด พี่ว่าอะไรนะ” หมิงเซียงถาม
หมิงเวยส่ายหน้า “ไม่มีอะไร” นางจับจ้องไปที่เจี่ยงเหวินเฟิงที่อยู่ในห้องโถง ที่แท้จิตวิญญาณบริสุทธิ์ของใต้เท้าเจี่ยงท่านนี้มาจาก ‘วิญญาณ’ แต่นางไม่รู้ว่าวิญญาณนี้เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร
ไม่รู้ว่าวิญญาณพูดอะไรกับเจี่ยงเหวินเฟิง เขาขมวดคิ้วและเริ่มดื่มชาอย่างเงียบๆ
ฝูงชนเริ่มอดทนรอไม่ไหวจึงเริ่มเกิดความวุ่นวาย
ท่านเจ้าเมืองถามอีกครั้ง “ใต้เท้าเจี่ยง ท่านว่าอย่างไร”
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ เสียงของแม่นางอาหว่านก็ดังมาจากเขตส่วนตัว “ใต้เท้าเจี่ยง คุณชายของพวกเราเพลียแล้ว หากคดีนี้ไม่มีปัญหาอะไรก็รีบจบเสียเถิด เราควรเข้าเมืองได้แล้วเจ้าค่ะ”
เจี่ยงเหวินเฟิงกล่าวเสียงนุ่ม “ให้คุณชายรอเสียนาน แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามชีวิตคนได้ ยังไม่มีข่าวจากหมู่บ้านซานชู่ คุณชายโปรดรออีกสักครู่เถิด”
ด้านในเกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงของแม่นางอาหว่านก็ดังออกมาอีกครั้ง “ได้เจ้าค่ะ คุณชายหวังว่าท่านจะไม่ปล่อยให้ชื่อของชิงเทียนต้องผิดหวัง อย่าฝืนบังคับให้คดีพลิกแล้วปล่อยนักโทษไป หากคดีนี้เป็นเรื่องจริงก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องละอาย”
เจี่ยงเหวินเฟิงประสานมือไปทางนั้นอย่างอารมณ์ดี “ขอบพระคุณคุณชายสำหรับคำเตือน”
บัณฑิตโต๊ะข้างๆ ได้ยินอย่างนั้นก็หัวเสีย จึงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ใต้เท้าเจี่ยงไม่สามารถพลิกคดีได้แล้วเป็นประโยชน์อะไรสำหรับเขากัน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้!”
“ใช่! เหตุใดฝ่าบาทถึงให้ผู้ดีอย่างเขาร่วมเดินทางมาด้วยเล่า ช่างเป็นภาระให้ใต้เท้าเจี่ยงเสียจริงใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอยู่ที่เมืองหลวงยังไม่พอหรืออย่างไร!”
“ข้าหวังว่าคดีนี้จะมีอย่างอื่นซ่อนอยู่ ไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าชื่อเสียงของใต้เท้าเจี่ยงจะได้รับผลกระทบอย่างมาก!”
ผู้คนบนโลกไม่สนหรอกว่าความจริงเป็นอย่างไร หากเรื่องนี้ได้กระจายออกไป พวกเขาก็ได้แต่พูดว่าเจี่ยงชิงเทียนไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น ดูสิ คดีไม่เห็นพลิกกลับเลย
ผู้คนในโรงน้ำชามีความคิดเห็นต่างกัน และในที่สุดข่าวจากหมู่บ้านซานชู่ก็มาถึง
“ใต้เท้าขอรับ!” องครักษ์เหลยหงมาพร้อมกับมารดา และบุตรชายตระกูลเหอ เขารายงานผลของเรื่องที่ได้รับมอบหมายแก่เจี่ยงเหวินเฟิง “ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว เชิญดูขอรับ!”
………………………………………………………..