แม่นางหลิวยิ้มตาหยีเผยให้เห็นฟันที่เหลืองจากควันยาสูบ
“มีพลังงานชั่วร้ายอยู่แล้วยังถูกนำสิ่งอัปมงคลเข้ามาบ่มเพาะไว้อีก จะไม่เจอวิญญาณได้งั้นหรือ”
กระบวนการนี้ไม่ซับซ้อน แต่การเข้าออกเรือนตระกูลหมิงมิใช่เรื่องง่าย หากเป็นคนธรรมดาคงไม่อาจคิดแผนการเช่นนี้
ฮูหยินสามนิ่งงันไม่เอ่ยสิ่งใด แม่นางหลิวอยู่ในแวดวงผู้มีวิชากังฟู มีความฉลาดหลักแหลม นางไม่เอ่ยถึงผู้บงการ แต่กล่าวเพียงว่า “ฮูหยินมิต้องกังวล ในเมื่อท่านได้เชิญข้าน้อยมาแล้ว เรื่องนี้จะต้องถูกจัดการให้เรียบร้อยอย่างแน่นอน ก่อนอื่นเมื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกไปแล้วก็ทำอีกหนึ่งสิ่งเพื่อให้สิ่งอัปมงคลเหล่านี้สลายไป และไม่มาหลอกหลอนคุณหนูเจ็ดอีก”
ฮูหยินสามถอนหายใจอยู่ภายในและเอ่ยว่า “เช่นนั้นต้องรบกวนท่านเทพธิดาแล้ว หากต้องการสิ่งใดก็โปรดบอกแม่นมถงได้เลย”
แม่นางหลิวจะกระตือรือร้นมากกับงานที่ค่าตอบแทนสูง แม่นมถงจัดการเรื่องต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพียงครึ่งวันก็เก็บกวาดสิ่งสกปรกต่างๆ และตั้งโต๊ะบูชาที่ริมทะเลสาบได้เรียบร้อย
เลือดไก่ที่หยดลงบนพื้นเกิดเป็นลวดลายแปลกๆ แม่นางหลิวหยิบกล้องยาสูบออกจากห่อผ้า จากนั้นจึงเติมยาสูบและจ่อไว้หน้าธูปเทียนเพื่อจุดไฟ
นางเริ่มพิธีการเดินดาราและพึมพำคาถาท่ามกลางหมอกควันของยาสูบ
หมิงเวยยืนมองอยู่ไกลๆ การเดินดารามีชื่อทางการว่าท้ากังปู้โต้วซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานของเสวียนเหมิน[1]
แม่นางหลิวคนนี้แม้จะมิใช่เสวียนเหมินแท้แต่ก็มีทักษะแท้จริงอยู่บ้างและก็ยังเดินดาราได้เป็นอย่างดี หมิงเวยเดาว่าคงจะมีเสวียนเหมินบางคนสอนวิชาแก่นางในระหว่างท่องยุทธจักร แต่เรื่องมันจะง่ายดายอย่างที่แม่นางหลิวกล่าวหรือ
นางมองไปยังต้นหลิวริมทะเลสาบ ซึ่งมีเงาสีเทาขาวห้อยอยู่บนต้นด้วยท่าทางประหลาด แม้แต่แสงอาทิตย์ยามเที่ยงก็มิอาจบังรังสีอำมหิตของมันได้
มันคือสิ่งชั่วร้าย
แปลกจริงนี่ไม่ใช่แผนการที่ซับซ้อนอะไร โดยปกติแล้วพวกมีวิชาที่จิตใจคิดคตมักจะใช้เพื่อขู่กรรโชกทรัพย์ พวกเขามิอาจควบคุมปีศาจร้ายได้ พวกเขาเพียงแค่ใช้วัตถุอาคมโบราณเสกเงาขึ้นมาทำให้ผู้คนหวาดกลัวแต่ไม่สามารถทำร้ายผู้คนได้จริงๆ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งชั่วร้ายที่แท้จริง หากมีโอกาสมันก็สามารถฆ่าคนได้
หมิงเวยดึงมือตัวฝูมาและผูกสร้อยข้อมือสีแดงน่าเกลียดที่หมิงเวยถักเมื่อครู่ไว้กับข้อมือของนางพร้อมกับเอ่ยว่า “ตัวฝู เจ้าจงลงไปที่ต้นไม้”
“คุณหนู?” ตัวฝูตกตะลึง
“เจ้ามีโชคและสามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้” หมิงเวยกล่าวตัวฝูมองไปยังฮูหยินสาม
ฮูหยินสามเองก็ประหลาดใจที่จู่ๆ บุตรสาวของนางกล่าวเช่นนี้ แต่มันก็ทำให้นางนึกบางอย่างขึ้นได้
ในตอนนั้นหมอดูตรวจดวงชะตาของตัวฝูได้ทำนายว่านางเป็นหยางบริสุทธิ์ สิ่งชั่วร้ายมิอาจรุกราน ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีผู้คนมากมายพบเจอกับภูติผี แต่ตัวฝูกลับไม่เคยเจอเลยสักครา ตอนที่คุณหนูเจ็ดโดนผีหลอก ตัวฝูก็บังเอิญไม่ได้อยู่ข้างกายนางพอดี
“ฟังนางเถอะ” ฮูหยินสามพยักหน้า ตัวฝูตอบรับและเดินไปที่ริมทะเลสาบ พยายามเข้าใกล้แม่นางหลิวให้มากที่สุด
การทำพิธีของแม่นางหลิว เลือดไก่ที่หยดบนพื้น โต๊ะบูชาริมทะเลสาบ และควันบนร่างกายของนาง สิ่งเหล่านี้ก่อเกิดอานุภาพที่มองไม่เห็น รวมตัวกันกลายเป็นกระแสน้ำวนไหลเวียนสลับไปมา
จากนั้นกลุ่มควันก็ฟุ้งกระจาย พลังงานชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ในพงหญ้าและใต้หินกรวดก็ค่อยๆ ถูกขับออกไป
ใบหน้าของหมิงเวยไร้ซึ่งรอยยิ้ม นางเห็นเงาที่อยู่บนต้นไม้นั้นลืมตาขึ้นแล้วดวงตาสีแดงเลือดเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทกำลังมองไปที่แม่นางหลิวจากด้านหลัง
แต่แม่นางหลิวมิได้รู้ตัว ยังคงพ่นควันและเดินท่องคาถาตามแบบแผนทางพิธีกรรม กลิ่นคาวเลือด ธูปเทียนบนโต๊ะและควันจากกล้องยาสูบ ทำให้เงาบนต้นไม้กระวนกระวายไม่เป็นสุข หมอกควันของปีศาจเริ่มแผ่ขยายวงกว้างขึ้น
ควันนั้นพุ่งเข้าใส่ธูปเทียนทำให้เปลวไฟลุกพรึบขึ้น เหล่าแม่บ้านและสาวใช้ที่เห็นต่างหวีดร้องเบาๆ แม่นางหลิวเองก็รู้สึกตกใจ นางรีบสูบยาและพ่นควันออกไปทันที
ควันยาสูบสามารถระงับเปลวไฟของธูปเทียนลงได้ แต่ก่อนที่นางจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เปลวเทียนก็ลุกขึ้นอีกครั้ง และมีเสียง ‘เป๊าะ’ ดังขึ้นต่อเนื่อง
จิตใจของแม่นางหลิวเริ่มหวั่นวิตก นางทำงานเช่นนี้มากว่าสิบปี รับรู้ได้ว่าสิ่งที่พบเจอในครั้งนี้รุนแรงกว่าที่คาดไว้มาก นางรีบคลำหาข้าวสารและปาออกไปโดยไม่ลังเล
‘ฉ่า…’ เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง สาวใช้คนหนึ่งตะโกนร้องเสียงหลง “สีดำแล้ว กลายเป็นสีดำแล้ว!”
แม่นางหลิวก้มลงมอง ‘เป็นไปไม่ได้ ข้าวที่ขาวราวกับหิมะเมื่อครู่ ตอนนี้กลายเป็นสีดำไปหมดแล้ว
‘เจ้านี่ช่างร้ายกาจนัก!’
แม่นางหลิวไม่กล้าปล่อยให้มือว่าง นางล้วงบางอย่างออกมาจากเอว นำเหรียญทองแดงทั้งเจ็ดวางเรียงลงบนโต๊ะ
ในตอนแรกนางเป็นเพียงหญิงธรรมดาคนหนึ่งที่มีครอบครัวลำบาก แม้แต่ข้าวก็ยังยากจะหา แต่แล้วนางก็ได้ช่วยหญิงชราคนหนึ่งที่สลบอยู่หน้าประตูบ้านโดยบังเอิญ
หญิงชราอ้างว่าตนคือเสวียนชื่อและได้สอนวิชาให้แก่นางเป็นเวลาสามวันเพื่อตอบแทนบุญคุณที่นางช่วยชีวิตไว้
ก่อนจากไปหญิงชราได้มอบเหรียญทองแดงเจ็ดเหรียญให้นาง และบอกนางว่าตราบใดที่นางไม่ไปยุ่งกับภูติผีปีศาจที่ร้ายกาจ วิชาที่ตนสอนเพียงเท่านี้ ก็เพียงพอให้ชีวิตนางสบายได้
เหรียญทองแดงเจ็ดเหรียญนี้ ได้ถูกนำมาใช้เพียงสามครั้งในรอบสิบปีที่ผ่านมา และแต่ละครั้งมันก็นำทั้งชื่อเสียงและโชคลาภมาให้นาง
“จักวาลรวมเป็นหนึ่ง เทพเจ้าพิทักษ์รักษา…”
แม่นางหลิวสวดสาปแช่ง ผลักกล้องยาสูบ และขว้างเหรียญทองแดงออกไปเพียงหนึ่งเหรียญ “ไป!”
เหรียญทองแดงเด้งขึ้น และสั่นดัง ‘วิ้งๆ’ ราวกับว่าถูกดึงและบินวนเป็นวงกลม เหล่าสาวใช้ได้พบเห็นที่ไหนต่างก็ร้องอุทานและคิดว่าไม่แปลกเลยที่มีคนเรียกแม่นางหลิวว่าท่านเทพธิดา
ฮูหยินสามที่มองดูอยู่ไกลๆ ก็กระวนกระวายไม่น้อย นางไม่เคยเชื่อในสิ่งเหล่านี้ กฎของตระกูลหมิงก็ไม่อนุญาตให้พวกเขาเชื่อในในสิ่งเหล่านี้ หากคุณหนูเจ็ดมิได้พบเจอภยันตรายในครั้งนี้ นางก็คงไม่กล้าเชิญแม่นางหลิวมา
ด้วยเหตุนี้นางจึงไปหาฮูหยินใหญ่แต่เช้าตรู่เพื่อขอร้องอ้อนวอน กระทั่งฮูหยินใหญ่พยักหน้า จึงเรียกแม่นมถงให้แอบนำแม่นางหลิวเข้ามา
ทันทีที่แม่นางหลิวเข้ามาในสวนก็มิรอช้ารีบปิดประตูสวนอย่างมิดชิด เกือบทั้งวันที่ค้นหาสิ่งสกปรกและตั้งแท่นบูชามิกล้าให้ผู้ใดล่วงรู้แม้แต่น้อย
ทุกคนรู้ดีว่านายท่านหลายคนของตระกูลหมิงเป็นศิษย์นักปราชญ์ ไม่ชอบเรื่องผีสางเทพเจ้า หากครานี้ล้มเหลวคราหน้าจะให้ผู้ใดเข้ามาก็คงยาก
เหรียญทองแดงบินวนอยู่หลายรอบ มันค่อยๆ ถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำและบินหนักขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็ร่วงลงมากลิ้งอยู่บนพื้น
แม่นางหลิวตกใจเป็นอย่างมาก สิ่งนี้ดุร้ายเกินกว่าที่นางคาดคิดไว้ ขณะนี้แผ่นหลังของนางรู้สึกเย็นวาบ ราวกับมีบางสิ่งกำลังพุ่งเข้ามา นางหยิบกล้องยาสูบขึ้นกวัดแกว่งร่ายเวทย์ให้เหรียญทองแดงที่เหลือทั้งหกเหรียญลอยขึ้นพร้อมกันโดยไม่ลังเล
หมิงเวยเฝ้าดูอยู่อย่างเงียบๆ ในมุมมองของนาง เงานั่นกระวนกระวายไม่เป็นสุขเพราะถูกรบกวน และพลังงานชั่วร้ายของมันก็ยิ่งทวีรุนแรง
เหรียญทองแดงทั้งหกเหรียญบินวนอยู่กลางอากาศ สลับขึ้นลงไปมา จิตวิญญาณบริสุทธิ์แผ่ออกมาจากเหรียญทองแดงกลายเป็นอานุภาพอันทรงพลัง
เจ้าของเดิมของเหรียญทองแดงเหล่านี้คงจะเป็นคนในนิกายเสวียนเหมินแท้ แต่อย่างไรเมื่อแยกจากเจ้าของเดิม เหรียญเหล่านี้ก็มิอาจทำงานได้ดีดังเดิม และเงานั้นก็มีพลังร้ายกาจรุนแรง และพลังงานชั่วร้ายพุ่งเข้าใส่อานุภาพจากเหรียญทองแดงจนแตกกระจาย…
ระดับพลังของแม่นางหลิวต่ำ นางจึงมองไม่ออกและคิดว่าคาถาเสกเหรียญได้ผล จึงสูบกล้องยาสูบและใช้แรงพ่นควันออกมา รุกเข้าต่อสู้
“ฟู่…เคร้ง ต่อก…กริ๊ง…”
เสียงดังขึ้นติดต่อกันสามครั้ง เสียงแรกเมื่อบุหรี่ดับ เสียงที่สองเมื่อโต๊ะบูชาคว่ำ และเสียงที่สามเมื่อเหรียญทองแดงร่วงตกลงมาและกลิ้งไปตามพื้น
“กรี้ด!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น แต่เป็นสาวใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ได้เห็นเงาดำกำลังพุ่งไปยังแม่นางหลิว “ผีๆ!”
พลังงานชั่วร้ายนั้นแข็งแกร่งมาก กระทั่งคนธรรมดาก็สามารถมองเห็นได้
แม่นางหลิวรีบหันกลับไปในทันที เห็นเงาดำทะมึนกำลังพุ่งมาหาตน นางไม่อาจแยกลักษณะของใบหน้านั้นได้ มีเพียงดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งเท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดเจน
ชั่วพริบตานางไร้ความรู้สึก และสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าภายในหัว
เสร็จกัน ปีศาจร้าย!
……………………………………………..
[1] เสวียนเหมิน 玄门 คือ ลัทธิเต๋า