สองแม่ลูกตระกูลเหอสีหน้าซีดเซียว พวกเขาเดินเข้าไปทำความเคารพอย่างกลัวๆ
องครักษ์เหลยหงนำของมากมายมาวางไว้ตรงหน้าเจี่ยงเหวินเฟิงทีละชิ้น จากนั้นก็ยื่นเอกสารให้เขา “นี่เป็นแผนผังบ้านตระกูลเหอขอรับ ฝั่งซ้ายขวาของบ้านพวกเขามีเพื่อนบ้านข้างเคียงกันทั้งสองฝั่ง กำแพงสูงแปดฉื่อ[1] เมื่อผ่านประตูเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นคือห้องครัว…”
หมิงเวยเห็นอย่างชัดเจนเลยว่ากระดาษกองนั้นเป็นภาพร่าง เจี่ยงเหวินเฟิงดูอย่างช้าๆ แต่หลายรอบก่อนที่จะหยิบใบหนึ่งออกมาแล้วถามองครักษ์ “หลักฐานอยู่ที่ไหน”
เหลยหงถือไม้กระดานขนาดเท่าฝ่ามือ “สิ่งนี้ถูกนำมาจากขอบหน้าต่าง ตระกูลเหอมักใช้เป็นเบาะรองนั่งขอรับ”
หมิงเวยเห็นวิญญาณบินออกมาจากแขนเสื้อของเขาอีกครั้งแล้วบินวนไปรอบๆ อยู่ข้างบนและกลับเข้าไปในแขนเสื้อ
เจี่ยงเหวินเฟิงถอนหายใจเบาๆ และถามสองแม่ลูกของตระกูลเหอ “พวกเจ้าสองคนยังคงเป็นแพะ มีสิ่งใดอยากบอกเจ้าหน้าที่หรือไม่”
บุตรชายตระกูลเหอคุกเข่าเสียงดัง ‘ตุบ’ แล้วตะโกนว่า “ใต้เท้า ภรรยาของข้าน้อยไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น ต้องเป็นคนอื่นที่วางยาพิษแน่ๆ ขอรับ ได้โปรดใต้เท้าค้นหาความจริงด้วย!”
เจี่ยงเหวินเฟิงถามมารดาเหอ “ท่านคิดว่าอย่างไร”
มารดาเหอเช็ดน้ำตา “ใต้เท้า ลูกสะใภ้ของข้าน้อยเป็นคนกตัญญูมาตลอด…ข้าน้อยไม่เชื่อว่านางจะวางยาพิษเจ้าค่ะ”
ผูชื่อได้ยินแล้วก็อดร้องไห้ไม่ได้ เจี่ยงเหวินเฟิงพยักหน้า “ครอบครัวของพวกท่านมีความจริงใจ การสอบสวนคดีนี้ของเจ้าหน้าที่จะไม่สูญเปล่า เหลยหง!”
“ขอรับใต้เท้า” เจี่ยงเหวินเฟิงส่งสัญญาณให้เขายื่นหูเข้ามา และพูดไปสองสามประโยค
ในตอนท้าย “เรื่องนี้อันตราย ระวังตัวด้วย”
“ขอรับ” เหลยหงพาองครักษ์สองสามคนเดินจากไป คนอื่นๆ ก็รู้สึกสับสน ท่านเจ้าเมืองอดไม่ได้ที่จะถาม “ใต้เท้าเจี่ยง ท่านรู้แล้วหรือว่าใครเป็นฆาตกร”
เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้มบางๆ “อีกเดี๋ยวก็จะรู้แล้ว”
ท่าทีที่สงบและสบายๆ ของเขาทำให้บัณฑิตโต๊ะข้างๆ รู้สึกกระปรี้ประเปร่ามาก พวกเขาคุยกันด้วยน้ำเสียงที่เบาและตื่นเต้น “ดูเหมือนว่าใต้เท้าเจี่ยงจะรู้แล้วว่าใครคือฆาตกร”
“มันน่าทึ่งมาก! ไม่รู้ว่าท่านมองออกได้อย่างไร”
“เพราะเหตุนี้เขาถึงได้เป็นเจี่ยงชิงเทียนไงล่ะ”
หมิงเซียงเท้าคางและมองไปที่เจี่ยงเหวินเฟิงแล้วทอดถอนใจ “ใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ยามที่เขาสอบสวนคดีอย่างจริงจังช่างดูดีเสียจริง! ข้าเคยคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำแหน่งนี้หน้าตาเหมือนช้อนขึ้นมาจากในน้ำมัน ที่แท้ก็รูปงามถึงเพียงนี้!”
หมิงฮ่าวให้ความสนใจกับคดี “ใครคือฆาตรกรกันนะ”
หมิงเวยกลับนึกถึงวิญญาณดวงนั้น…
สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณคือการรับรู้ทางจิตวิญญาณของสรรพสิ่งบนโลก อย่างเช่นสิ่งของขนาดเล็กที่คนอื่นฝังไว้ในสวนอวี๋ฟางก่อนหน้านี้เป็นวิญญาณที่ต่ำที่สุด
เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเจี่ยงเหวินเฟิงนั้นมีความตระหนักถึงในตนเองค่อนข้างสูงมาก
วิญญาณเช่นนี้ เหตุใดถึงได้ติดตามมนุษย์กัน…หลังจากดื่มชาหมดไปสองถ้วยในที่สุดก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
“ใต้เท้า จับได้แล้วขอรับ!” เหลยหงเดินเข้ามาพร้อมกับกระสอบป่านเหี่ยวๆ
เจี่ยงเหวินเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด “นำฆาตกรตัวจริงออกมา”
“ขอรับ”
เหลยหงสั่งให้องครักษ์พานักโทษและครอบครัวของพวกเขาถอยไปข้างหลังเพื่อให้มีพื้นที่กว้างๆ
ผู้คนที่มุงดูต่างคุยกัน “มีคนอยู่ในกระสอบหรือ แต่แบนขนาดนี้ใส่คนไม่ได้หรอก”
“ไม่ได้ใส่คน หรือว่าเป็นผี!” คำพูดนี้ทำให้คนกลุ่มหนึ่งโห่ใส่เขา “อย่าทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวสิ!”
ยังมีคนพูดอีกว่า “อาจจะใช่ก็ได้ บ้านเหอไม่มีคนอื่นเข้ามา หากผูชื่อไม่ได้ทำ ก็อาจเป็นผีที่ทำ” คำพูดนั้นทำให้ทุกสายตาจ้องมองไปที่กระสอบ
เหลยหงแกะเชือกออก หลังจากนั้นไม่นานกระสอบก็กระเพื่อมเล็กน้อย แล้วงูสีขาวตัวเล็กก็โผล่หัวออกมา
“งู!”
“เป็นงูได้อย่างไรกัน” หมิงเซียงคว้าแขนของหมิงเวย นางรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก “มีงู!”
หมิงฮ่าวประหลาดใจ “งูคือฆาตกรตัวจริงงั้นหรือ” หมิงเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย นางจ้องมองงูขาวตัวเล็กอย่างครุ่นคิด
ท่านเจ้าเมืองรู้สึกสับสนและถามว่า “ใต้เท้าเจี่ยง ท่านจะบอกว่าผู้ที่วางยาท่านเหอคืองูตัวนี้หรือ แต่บนร่างของเขาไม่พบบาดแผลใดๆ เลยนะขอรับ”
“พิษจากงูไม่จำเป็นต้องกัด” เจี่ยงเหวินเฟิงกล่าว “เหลยหง เจ้าจับงูตัวนี้ได้อย่างไร บอกท่านเจ้าเมืองอู๋หน่อย”
“ขอรับ” เหลยหงพูดเสียงดัง “พวกข้าน้อยไปที่บ้านเหอตามคำสั่งของใต้เท้าและพบรอยต่อที่ขอบหน้าต่างห้องครัว พวกข้าจึงต้มน้ำร้อนและวางไว้บนขอบหน้าต่าง ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งแล้วในที่สุดก็เห็นงูตัวนี้โผล่ออกมา พวกข้าจึงจับมันกลับมาด้วย”
เจี่ยงเหวินเฟิงมองไปที่ท่านเจ้าเมือง “ท่านเจ้าเมืองอู๋ ท่านเข้าใจแล้วหรือยัง”
นายอำเภอเขตหย่งผิงหน้าซีด “งูตัวนี้อาศัยอยู่ในรอยแยกตรงขอบหน้าต่างห้องครัว ผูชื่อวางก๊วยเตี๋ยวไว้ตรงนั้น งูตัวนี้ถูกควันจากความร้อนเลยหยดพิษออกมา…”
เขาตัดสินคดีความอย่างไม่เป็นธรรมจริงๆ!
“ใช่หรือไม่ เราสามารถตรวจสอบได้อีกครั้ง” เจี่ยงเหวินเฟิงกล่าว “ไปหาไก่มาแล้วให้มันกินพิษจากงูตัวนี้ ทดสอบดูว่าการตายเหมือนกับของท่านเหอหรือไม่”
เขาพูดจบเหลยหงก็คิดที่จะจับงูตัวนี้
สองนิ้วของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้า และเป็นอันตรายหากจะยื่นมือไปหนีบส่วนหัวของงูขาวตัวเล็กนี่ แต่ขอแค่หนีบส่วนนี้ได้มันก็ไม่สามารถกัดคนได้แล้ว ก่อนหน้านี้เหลยหงจับงูขาวตัวน้อยด้วยวิธีนี้ และเขาควรจับมันอีกครั้งอย่างมีสติ
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะหนีบอยู่นั้น จู่ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น
งูขาวตัวเล็กเกิดสะบัดหางและหันหัวมากัดนิ้วของเขา
เหลยหงตกใจเขาสะบัดมือออก ลมจากฝ่ามือพัดงูขาวไปอีกด้านหนึ่ง
“อา!” เหล่าผู้คนที่ยืนมุงดูอุทานด้วยความตกใจ
งูตัวนั้นถูกเหวี่ยงไปทางองครักษ์ผู้หนึ่ง ซึ่งองครักษ์ผู้นั้นก็ไม่ได้เตรียมการป้องกัน พอเห็นว่าตนเองกำลังจะถูกกัด เขาจึงแกว่งดาบอย่างสะเปะสะปะ เหวี่ยงงูสีขาวตัวน้อยลอยไปยังเขตโต๊ะส่วนตัวด้านหนึ่ง
เนื่องจากมันถูกโยนสูง งูสีขาวตัวน้อยจึงลอยข้ามม่านไม้ไผ่และตกลงมาจากด้านบน
“อา!” หมิงเซียงกระโดดออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
หมิงเฉิงที่ดูการสอบสวนคดีในห้องโถงตกตะลึง “อาเซียง!”
“อา!” เสียงร้องอย่างกับเป็ดนี้เป็นของหมิงฮ่าว และเขาก็กระโดดออกมาด้วย
“น้องหก!” ดวงตาของหมิงเฉิงแทบหลุดออกจากเบ้า เด็กสองคนนี้แอบหนีออกมาตั้งแต่เมื่อใดกัน!
หลังจากนั้นคำพูดของหมิงเซียงก็ทำให้ร่างกายของเขาเย็นเยียบราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง “พี่เจ็ด! พี่เจ็ดยังอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ!” นางตะโกนแล้วชี้ไปที่เขตโต๊ะส่วนตัว
เหลยหงมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้วรีบสาวเท้าดึงม่านไม้ไผ่ออกและชักดาบออกมา
“งูอยู่ที่…” คำว่า ‘ไหน’ ถูกเขากลืนกลับลงคอไป ที่มุมหนึ่งของเขตโต๊ะส่วนตัว เด็กสาวคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มชา พอได้ยินเสียงของเหลยหงนางก็หันศีรษะและมองออกไป
คิ้วโก่งดั่งภูเขา ดวงตางามดั่งคลื่นน้ำไหล
ดอกบัวกำลังเบ่งบาน ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนห้องแห่งนี้
บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ
ความวุ่นวายทั้งห้องโถงสะท้อนมายังใบหน้าอันเรียบเฉยของนาง ราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้ ราวกับว่าทุกสิ่งรอบกายกลายเป็นฉากพื้นหลังที่วาดด้วยน้ำหมึก มีเพียงนางเท่านั้นที่ยังคงมีสีสันอยู่ผู้เดียว
“ตรงนั้น!”
เสียงของหมิงเซียงได้ทำลายความเงียบช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เหลยหงห้ามใจไว้แล้วหันหน้าไปยังทิศทางที่นางชี้แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้ง
งูสีขาวตัวเล็กอยู่ในถาดน้ำชา มีตะเกียบทิ่มผ่านหัวของมัน ซึ่งแทงตรงจุดสำคัญพอดี ทำให้มันถูกตอกแน่นอยู่บนขนมถ้วยฟู
เลือดไหลออกมาจนขนมชุ่มเป็นสีแดง หางงูสะบัดอยู่สองครั้งแล้วค่อยๆ หยุดเคลื่อนไหว
เหลยหงตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะคิดได้จึงเอ่ยถาม “แม่นาง…งูตัวนี้ แม่นางเป็นคนฆ่าหรือ”
……………………………………………………………….
[1] ฉื่อ : ฟุต