เชี่ยนเหนียงโกรธมาก “ท่านขู่ข้างั้นหรือ”
หมิงเวยพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่เตือนสติท่าน ฮูหยินขโมยช่วงเวลาในหลายปีมานี้ยังไม่พอใจอีกหรือ”
“ข้าพอใจหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับท่านกัน ข้าไม่เคยทำร้ายใคร แค่ได้อยู่ร่วมกับท่านพี่ ท่านอย่าคิดใช้หลักการอันยิ่งใหญ่เหล่านั้นมาข่มข้า!”
“เชี่ยนเหนียง!” เจี่ยงเหวินเฟิงตะโกน
“ท่านเชื่อฟังนางงั้นหรือ” เชี่ยนเหนียงมองเขานางน้ำตาคลอ “พวกเราไม่เคยทำเรื่องกบฏต่อฟ้าดิน เหตุใดถึงไม่สามารถเลือกชีวิตของตนเองได้”
เจี่ยงเหวินเฟิงถอนหายใจ “ข้าจะทำอย่างไรได้เพียงแต่แม่นางหมิงไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล พวกเราพูดคุยกันดีๆ เถอะ”
หมิงเวยรู้สึกสนใจ “ถึงข้าไม่มีเหตุผล แต่อย่างไรก็ตาม ใต้เท้าเจี่ยงมนุษย์กับวิญญาณมีเส้นทางที่แตกต่างกัน ท่านศึกษาอ่านตำรามามากมาย ท่านคงรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าแต่งเรื่องขึ้นมาเอง ฮูหยินตายแล้วแต่ยังวนเวียนอยู่บนโลกนี้ ล้วนไม่เป็นผลดีต่อผู้ใดเลย”
เจี่ยงเหวินเฟิงกลับพูดว่า “สิ่งที่ท่านพูดมาข้าทราบมานานแล้ว พวกเราได้ใคร่ครวญถึงผลที่ตามมาและเต็มใจที่จะยอมรับมัน”
“ถึงแม้ท่านจะอายุสั้นงั้นหรือเจ้าคะ” เขาพยักหน้า
“แม้ฮูหยินจะสูญเสียพลังวิญญาณจนทำให้นางไม่สามารถเกิดใหม่ได้พวกท่านก็ยอมงั้นหรือ” เขาพยักหน้าอีกครั้ง
หมิงเวยถามต่อ “ท่านรู้ว่าหากนางไปเกิดใหม่ ชาติหน้าสามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้ แต่หากไม่ไปเกิดใหม่ก็คงไม่มีชาติหน้าอีกแล้ว”
เจี่ยงเหวินเฟิงมีท่าทีสงบ “นี่เป็นทางที่เชี่ยนเหนียงเลือก ชาติหน้ายังอีกยาวไกล พวกเราเพียงแค่ต้องการใช้ช่วงเวลาในตอนนี้ก็เท่านั้น”
หมิงเวยยังคงถามต่อ “แม้นางจะยอมทิ้งโอกาสที่จะไปเกิดใหม่ในภพหน้า แต่หากท่านรักนางจริงก็ควรเกลี้ยกล่อมให้นางตัดสินใจเลือกอีกทางไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”
เจี่ยงเหวินเฟิงส่ายหน้า “เชี่ยนเหนียงบอกว่านางมีความสุขดี เหตุใดข้าต้องบังคับนางด้วย นางไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่เด็ก ข้าไม่ควรไปก้าวก่ายการตัดสินใจของนาง ตัดสินใจแทนนาง หากนางอยากอยู่ต่อข้าก็จะอยู่เป็นเพื่อนนาง”
หมิงเวยมองเชี่ยนเหนียง “ท่านเองก็คิดเช่นนั้นหรือ แม้ช่วงชีวิตนี้เขาจะมีอายุขัยสั้นลง แต่ก็ไม่คิดที่จะตัดสินใจแทนเขาหรือ”
เชี่ยนเหนียงยิ้มหยัน “การตัดสินใจแทนเขาเป็นเรื่องดี เหมือนว่าเหตุผลนี้จะทำให้คิดว่าตนเองถูกต้องตลอดเวลา แต่การบังคับให้ผู้อื่นทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าสำหรับเขาแล้วการตัดสินใจเช่นนี้เป็นเรื่องที่ดี เขาคิดว่าการใช้ชีวิตอยู่กับข้าสำคัญกว่าการมีชีวิตที่ยืนยาวแล้วเหตุใดข้าจะต้องคัดค้านเขาด้วยเล่า”
หมิงเวยพยักหน้า “ดังนั้นพวกท่านจึงอยากอยู่ด้วยกันอีกหน่อยโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นใช่หรือไม่”
“แม่นางหมิง” ตั้งแต่รู้จักกันมาเจี่ยงเหวินเฟิงไม่ใช่ผู้ที่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวเกินจนดูต่ำต้อย แต่ในเวลานี้เขาพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ข้าทราบดีว่าทางเลือกนี้เป็นสิ่งที่โลกมิอาจให้อภัย แต่ข้ากับเชี่ยนเหนียงยินดีที่จะยอมรับผลที่ตามมา พวกเรารู้จักกันมาหลายเดือนแล้วด้วยมิตรภาพของพวกเรา โปรดท่านช่วยเมตตาด้วย”
“ท่านพี่…” เชี่ยนเหนียงอยากจะพูด แต่ก็ถูกเขาห้ามไว้ “เชี่ยนเหนียง อย่าบังคับแม่นางหมิงนางก็มีจุดยืนของตนเองเหมือนกัน”
เชี่ยนเหนียงกัดปากผ่านไปสักพักก็พูดขึ้นว่า “ไม่ว่าท่านจะจัดการกับข้าหรือไล่ข้าออกไป แต่ความรักของพวกเราจะไม่เปลี่ยนแปลง”
“ช่างยากที่จะจัดการเสียจริง!” หมิงเวยนั่งลงรินช้าที่เริ่มเย็นแล้วยกขึ้นจิบช้าๆ
นางคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “ใต้เท้าเจี่ยง อันที่จริงท่านไม่ได้ไม่มีอำนาจบังคับข้า หากท่านต้องการปกป้องนางจริงๆ ท่านสามารถใช้อำนาจบังคับข้าได้ ที่นี่คือศาลาว่าการ ทั้งในและนอกล้วนเป็นคนของท่านเหตุใดถึงไม่ทำเช่นนั้นกันเจ้าคะ”
เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้มบางๆ “อย่างที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้พวกเรารู้จักกันมาหลายเดือน มีมิตรภาพต่อกัน หากดึงดันทำเรื่องนี้เสียตั้งแต่แรก ผู้ที่ไม่สนใจเรื่องมิตรภาพคงเป็นข้า”
“….” ครั้งนี้หมิงเวยถอนหายใจหนัก “ใต้เท้าเจี่ยงช่างใจกว้างจนข้าทนไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ”
เจี่ยงเหวินเฟิงตาแข็งค้าง “แม่นางหมิง…”
หมิงเวยหัวเราะออกมา นางวางถ้วยชาลงแล้วพูดว่า “เนื่องจากใต้เท้ามีความจริงใจ งั้นข้าจะไม่เสแสร้งล่ะ เกี่ยวกับเรื่องนี้ข้ามีทั้งข่าวดีกับข่าวร้าย ท่านอยากฟังเรื่องไหนก่อนดีเจ้าคะ”
เมื่อเห็นนางดูสงบเจี่ยงเหวินเฟิงก็โล่งใจ เขาตอบไปว่า “แล้วแต่แม่นางเลย”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะบอกข่าวดีก่อน” หมิงเวยมองเชี่ยนเหนียง “ยามที่ฮูหยินเสียชีวิต วิญญาณแท้จริงของนางได้ไปเกิดใหม่แล้ว สิ่งที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงจิตวิญญาณที่มีความทรงจำเท่านั้น และจิตวิญญาณนั้นได้บังเอิญไปติดอยู่กับหยกแขวนซึ่งได้ปนเปื้อนไปด้วยพลังงานของวิญญาณ”
ทั้งเจี่ยงเหวินเฟิงและเชี่ยนเหนียงต่างตกใจผ่านไปนานเจี่ยงเหวินเฟิงจึงได้ถามเสียงสั่นไปว่า “แม่นางหมิง ท่านหมายความว่าเชี่ยนเหนียงนาง…”
“นางเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของจิตวิญญาณการได้อยู่ร่วมกับท่านล้วนไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ เจ้าค่ะ” หมิงเวยยิ้ม “ใต้เท้าไม่ได้มีหยกแขวนติดตัวหรอกหรือ มันคงเป็นของขวัญจากผู้สูงศักดิ์ใช่หรือไม่”
เจี่ยงเหวินเฟิงพูดขึ้นว่า “ตอนที่เชี่ยนเหนียงตาย ข้ายังปฏิบัติงานอยู่นอกเมืองหลวง เพราะรับไม่ได้กับข่าวการเสียชีวิตของนาง ข้าจึงไม่สนใจหน้าที่อยู่หลายวัน หลังจากนั้นก็มีนักพรตท่านหนึ่งมาหาและมอบหยกแขวนนี้ให้กับข้า บอกว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยคืนความยุติธรรมให้เขา…”
“เพราะเป็นเช่นนั้น ใต้เท้าเป็นคนดีจึงได้รับผลตอบแทนที่ดีสามารถใช้เวลาร่วมกับฮูหยินได้นานมากขึ้น”
ได้ยินเช่นนั้นเจี่ยงเหวินเฟิงก็รู้สึกโล่งใจและกังวลขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วข่าวร้ายที่แม่นางหมิงพูดถึงคืออะไรหรือ”
หมิงเวยเบนสายตาไปทางเชี่ยนเหนียงแล้วพูดเสียงเบา “ข่าวร้ายก็คือ เพราะเป็นเช่นนี้พวกท่านถึงมีเวลาไม่มากแล้ว” ทั้งสองตกใจจากนั้นก็รู้สึกร้อนรน
“ท่านหมายความว่าอย่างไร” เชี่ยนเหนียงก้าวไปข้างหน้าและมองหมิงเวยอย่างเป็นกังวล “ข้า ข้าไม่สามารถอยู่ต่อได้งั้นหรือ”
หมิงเวยตอบเสียงนุ่ม “ข้าบอกไปแล้วว่าวิญญาณหลักของฮูหยินได้ไปเกิดใหม่แล้ว หากไม่สามารถรวมวิญญาณให้สมบูรณ์ได้ ชีวิตที่กลับชาติมาเกิดนั้นคงอยู่ได้ไม่นานนัก”
ก็เหมือนกับคุณหนูเจ็ดในตอนแรก แม้ตอนแรกจะไม่ได้ถูกทำให้ตกใจจนตาย อายุขัยของนางก็สั้นกว่าคนปกติอยู่แล้ว
เชี่ยนเหนียงได้ยินนางพูดเช่นนั้นก็โล่งใจแล้วยิ้มออกมา “มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็ไม่เป็นไรอย่างไรข้าก็ยังสามารถอยู่ข้างกายท่านพี่ได้”
เจี่ยงเหวินเฟิงเข้าใจความนัยของคำพูดนั้นก็รีบถาม “หากเชี่ยนเหนียงที่ไปเกิดใหม่ตายจะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่ เนื่องจากร่างกายได้กลับชาติมาเกิดใหม่ นางจะมีชีวิตเหมือนคนปกติหรือไม่”
หมิงเวยมองเขาด้วยความชื่นชมก่อนกล่าว “จิตวิญญาณของมนุษย์ควรจะเป็นหนึ่งเดียวกัน การอยู่ห่างกันเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องดี หากฮูหยินที่ไปเกิดใหม่เสียชีวิตลง ฮูหยินตรงนี้ก็จะไม่มีสิ่งใดให้พึ่งพา วิญญาณก็จะค่อยๆ อ่อนแอลงและสูญสลายไปในที่สุด”
“อะไรนะ” เชี่ยนเหนียงรู้สึกเศร้าใจ “งั้นข้าก็ไม่สามารถอยู่ข้างกายท่านพี่ได้งั้นหรือ”
เจี่ยงเหวินเฟิงพยายามสงบสติอารมณ์แล้วถามต่อ “แม่นางหมิงกล่าวเช่นนี้ คงมีทางแก้ไขใช่หรือไม่”
“ง่ายมากเจ้าค่ะ” หมิงเวยพูดอย่างไม่รู้สึกหนักหนาอะไร “ดวงวิญญาณที่แยกจากกันก็เป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ดวงวิญญาณได้กลับมารวมกันอีกครั้งก็พอ”
หมิงเวยมองคู่สามีภรรยาที่มีชีวิตและตายจากกันก่อนเอ่ยต่อ “ข้าสามารถช่วยฮูหยินตามหาร่างกายที่ไปเกิดใหม่ได้ให้นางได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง”
“เป็นมนุษย์…” เชี่ยนเหนียงทวนคำเสียงเบา “ข้ายังสามารถเป็นมนุษย์ได้หรือ”
หมิงเวยพยักหน้า “แต่คงต้องใช้เวลาร่างกายที่เกิดใหม่ของฮูหยินคงมีอายุเพียงแปดเก้าปี รออีกสักหกเจ็ดปีพวกท่านก็สามารถกลับมาเป็นสามีภรรยากันได้ เพียงแต่อายุของใต้เท้าในตอนนั้นคงมากแล้วฮูหยินจะรังเกียจหรือไม่”
“แน่นอนว่าไม่!” เชี่ยนเหนียงโพล่งออกมา
หมิงเวยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา พวกท่านแค่จากกันชั่วคราวเมื่อโชคชะตามาถึงพรหมลิขิตก็จะทำให้กลับมาเคียงคู่กันอีกครั้ง”
“ท่านพี่!” เชี่ยนเหนียงน้ำตาไหลนางหันไปมองเจี่ยงเหวินเฟิง
เจี่ยงเหวินเฟิงรู้สึกดีใจมากเขาพยายามระงับอารมณ์ตนเองเอาไว้และทำความเคารพต่อนางอย่างสุดซึ้ง “แม่นางมีน้ำใจเป็นอย่างมากหากมีสิ่งใดที่สามารถตอบแทนได้ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็ไม่ลังเลที่จะทำ”
แล้วประโยคที่หมิงเวยรอคอยก็มาถึงนางหุบยิ้มแล้วพูดว่า “ใต้เท้าพูดแล้วอย่าเสียใจทีหลังล่ะ”
…………