ฝ่ามือนุ่มปิดริมฝีปากของเขา หยางชูนึกถึงคืนนั้นที่เขาถูกแสงจันทร์ร่ายมนต์สะกดจิตให้อยากจุมพิตนาง แต่ผลลัพธ์ก็คือสิ่งที่เขาได้จุมพิตนั้นกลับเป็นฝ่ามือของนางแทน
หากมีการจัดอันดับตามระดับความสุขในทุกๆ วัน คืนนั้นจะต้องอยู่ในสามอันดับแรกเป็นแน่ ขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หมิงเวยก็เอนกายพูดเบาๆ ข้างหูเขาว่า “ท่านอย่าส่งเสียงดังเจ้าค่ะ”
หืม…สติของหยางชูกลับคืนมา และพบว่ามีใครบางคนอยู่ข้างนอก…
ในช่วงเวลาที่ไฟดับลงนั้นอาหว่านแทบจะพุ่งเข้าไปทันที โชคดีที่อาสวนดึงนางกลับไปหลบหลังเสาได้ทัน
“เจ้าจะทำอะไร” เขาถามเสียงเบา
“ดับไฟ พวกเขาดับไฟแล้ว!” อาหว่านพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาคิดจะทำอะไรนี่มันเกินไปแล้ว! ไม่ได้ๆ ข้า…”
อาสวนถอนหายใจ “ถึงอย่างนั้นเจ้าก็พรวดพราดเข้าไปไม่ได้! สิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำคุณชายรู้ดีอยู่แก่ใจ แม้เขาจะทำจริง แต่การที่เจ้าบุกเข้าไปเช่นนี้จะทำให้เขารำคาญเสียเปล่าๆ”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร! แม้คุณชายอดทนได้ แต่หากนางคอยยั่วยวนอยู่ข้างกายเขายังจะทนต่อได้อีกหรือ”
อาสวนคิดตาม นี่ก็มีเหตุผล! หนุ่มเลือดร้อนหากถูกกระตุ้นมากเข้า อาสวนที่อยู่ในวัยเดียวกันจึงเข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี…แต่พวกเขาก็ไม่สามารถไปจับกุมการลักลอบเป็นชู้ของคุณชายได้
“ถึงอย่างนั้นเจ้าก็เข้าไปไม่ได้เรื่องนี้ผู้ที่เสียหายเป็นฝ่ายหญิง ถ้าแม่นางหมิงไม่ต่อต้านเจ้าจะใจร้อนไปทำไม”
“ข้า…”
“อีกอย่างแม่นางหมิงเดินทางมาตั้งไกลถึงที่นี่เพื่ออะไร เจ้าไม่รู้หรือ คุณชายเกรงว่าจะไม่กลับเมืองหลวงอีกนานเจ้าคิดจะให้เขาครองโสดไปตลอดหรืออย่างไร!”
“แต่นางยังไม่ได้ถอนหมั้น!” อาหว่านนึกถึงเรื่องนี้ก็หัวร้อน “คู่หมั้นนางยังอยู่ที่นั่น แต่กลับมามีความสุขกับคุณชายมันเรียกว่าอะไรกัน! คุณชายไม่กลายเป็นชายชู้ในความลับหรอกหรือ”
อาสวนพยายามรั้งนางอย่างสุดความสามารถ “ถึงอย่างนั้นคุณชายก็มีความสุข เจ้ามีวิธีอื่นงั้นหรือ”
อาหว่านชะงักอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกเศร้าใจกับการแสดงออกที่มีความสุขของเขา
ใช่ เขามีความสุข นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย
นี่มันเกินไปจริงๆ!
“พวกเรากลับกันเถอะ” อาสวนคิดจะพานางกลับ
อาหว่านส่ายหัวอย่างดื้อรั้น “ไม่! แม้จะไม่มีวิธีอื่น แต่ข้าจะคอยเฝ้าดูพวกเขาไว้!” แล้วนางก็เดินออกไปอีกครั้ง อาสวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามนางเพื่อคอยรั้งนางยามสติหลุดไปชั่วขณะ
หมิงเวยที่อยู่ภายในห้องหัวเราะเมื่อเห็นเงาคนที่หน้าต่างสั่นไหวนางจึงวางมือบนไหล่หยางชูแล้วเอนกายแนบชิดเขา
หยางชูรู้ว่ามีคนอยู่ด้านนอกเขาตกใจที่ถูกนางจู่โจมอย่างกะทันหัน ร่างกายอันอ่อนนุ่มแนบชิดกับอกของเขา ใบหน้างามฝังอยู่บนไหล่เรือนผมสีดำเรียบลื่นกำลังถูแก้มของเขา อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของร่างกายจางๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่
เขาอ้าปากค้าง รู้สึกปากและลิ้นของตนแห้งผาก “ท่าน…”
“ท่านเงียบก่อน!” หมิงเวยเหลือบมองที่หน้าต่างเพื่อให้แน่ใจว่ามีคนกำลังมองอยู่ในนั้น จากนั้นก็งอข้อศอกกระแทกกับโต๊ะ
อาหว่านที่แอบอยู่นอกหน้าต่างเพราะภายในห้องมืดเกินไปจึงไม่เห็นว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็รู้ตำแหน่งทันที และเห็นเงาของหมิงเวยสั่นไหวเล็กน้อย
เงาทั้งสองซ้อนทับกันเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังกอดกัน
ไร้ยางอาย! ที่แท้อาศัยจังหวะที่พวกเขาไม่สังเกตแอบกินเต้าหู้กัน
หมิงเวยได้ยินเสียงกัดฟันเบาๆ ก็อยากจะหัวเราะ จากนั้นก็ใช้ทั้งตัวอิงแอบแนบชิดเขา นางจึงอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างสมบูรณ์
อาหว่านมองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนางเห็นเพียงสองแขนที่โอบรอบก็โกรธมากจนอยากจะบุกเข้าไป อาสวนจะปล่อยให้นางทำเช่นนั้นได้อย่างไรเขาดึงนางให้ออกห่างจากหน้าต่างอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เจ้าจะทำอะไร” อาหว่านโกรธจัด
“ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าเจ้าจะทำอะไร” อาสวนถามเสียงขรึม “คิดจะจับการลับลอบกัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรไปจับการลับลอบของคุณชาย อย่าได้ก่อเรื่องเลย!”
“แต่ว่า…”
อาสวนไม่เคยโกรธนางถึงเพียงนี้มาก่อน จู่ๆ เขาก็พูดเช่นนั้นอาหว่านรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจนร้องไห้ออกมา
อาสวนถอนหายใจเขาคว้าแขนนางแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง “ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกไม่เป็นธรรมแทนคุณชาย แต่เรื่องนี้ดั่งคนดื่มน้ำเย็นร้อนรู้เอง[1] เจ้าคิดว่าคุณชายไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่มีความสุขในช่วงเวลานี้”
อาหว่านร้องไห้จริงๆ “ข้าไม่สนใจอย่างไรนางก็ทำเกินไป!”
ถึงปากจะพูดเช่นนั้นแต่นางก็ยอมให้อาสวนลากนางออกไปแต่โดยดี
ภายในห้องหมิงเวยหัวเราะเบาๆ
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นข้างหู “สนุกหรือไม่”
หมิงเวยยิ้มอย่างยอมรับ “ใช่! อาหว่านรู้หรือไม่ว่านางรักพี่ชายมาก”
“นางรักหรือไม่ข้าไม่รู้…” มือของหยางชูที่แต่เดิมวางอยู่บนเข่าดีๆ ยกขึ้นสัมผัสแผ่นหลังนางแล้วขยับอย่างช้าๆ พลางพูดเสียงกระซิบว่า
“ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านแน่ใจหรือว่าข้าอดกลั้นได้”
หมิงเวยชะงักไม่รอให้นางเปิดปากถามด้วยความสงสัยมือนั้นก็เลื่อนไปด้านหน้าแล้วประคองใบหน้าของนางไว้
วินาทีถัดมาเขาก้มศีรษะประทับริมฝีปากของนางอย่างแม่นยำ
“อื้ม…”
หมิงเวยครางเสียงแผ่วเบา ริมฝีปากของพวกเขาแนบชิดกัน ปฏิกิริยาตอบสนองแรกคือความรู้สึกแปลกประหลาด จากนั้นก็รู้สึกว่าพวกเขาใกล้ชิดกันมากเกินไป เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลยจึงปล่อยให้เขาทำต่อไป
ในตอนแรกเขารู้สึกเหมือนห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานมาก เขาตักตวงจากริมฝีปากนางอย่างบ้าคลั่ง สมองรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากจนไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดเลย จนกระทั่งหมิงเวยร้องเสียงอู้อี้และกัดปากเขาเบาๆ เขาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยและทำไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ ละเลียดชิมริมฝีปากของนางราวกับปลาได้น้ำ
พวกเขาจุมพิตกันเป็นเวลานาน หมิงเวยหายใจหอบเล็กน้อยรู้สึกเหมือนจะไม่สบายขึ้นมา
อย่างไรก็ตามนางแค่ถอยออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากของทั้งสองแยกจากกันครู่หนึ่ง เขาก็ตามมาประกบอีกครั้งราวกับเงาตามตัว
ในตอนนี้หยางชูราวกับคนไม่ได้สติ บุรุษเมื่อมีอายุสิบสามสิบสี่ปี ส่วนใหญ่มักมีความฝันที่พูดไม่ได้ และแน่นอนว่าเขาก็มีความฝันเช่นกัน
เพียงแต่ช่วงนั้นองค์หญิงใหญ่ดูแลอย่างเข้มงวด เลี้ยงดูเขาจนมีนิสัยควบคุมตนเองได้ เมื่อเขาเติบโตขึ้นผู้อาวุโสทั้งสองก็เสียชีวิตลง ชาติกำเนิดที่ไม่แน่ชัด ดวงกินภรรยา…เรื่องเหล่านี้ทำให้เขาไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่เมื่อความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายเขาก็ต้องยับยั้งมัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตามใจตัวเอง และเดินไปพร้อมกับความรู้สึกของตน
บางสิ่งถูกกักขังไว้นานเกินไป และเมื่อพวกมันออกจากกรงแล้วพวกมันจะสูญเสียการควบคุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การปฏิเสธเล็กน้อยไม่สามารถเข้าไปถึงจิตใจของเขาได้เลย นอกจากริมฝีปากแล้วมือของเขาก็กำเริบเสิบสานเช่นกัน ทุกนิ้วบนฝ่ามือของเขานุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อเขาสำรวจทุกตารางนิ้วของนางโดยไม่รู้ตัว
หมิงเวยรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นเร็วเกินไปจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นไม่ตอบสนอง นางต้องป่วยแน่ๆ ไม่อย่างนั้นนางคงสูญเสียความระมัดระวัง…
เมื่อคิดเช่นนั้นนางจึงไม่ลังเลที่จะกัดปากเขา
เสียงครางดังขึ้นคนที่จับนางไว้สงบลงเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมา ฝ่ามืออันร้อนระอุเองก็หยุดเคลื่อนไหวลงเช่นกัน
หยางชูอ้าปากกำลังจะเอ่ยขอโทษแต่ได้ยินนางพูดว่า “เดี๋ยวก่อนขอพักสักครู่แล้วค่อยต่อได้หรือไม่ ข้า…หายใจไม่ค่อยออก”
หืม…ไม่ใช่ว่าต้องโกรธที่เขาทำเกินไปหรอกหรือ
ภายในความมืดมือของหมิงเวยเลื่อนลงมาสำรวจร่างกายเขา “นอกจากนี้ บางอย่างบนร่างกายท่านเหมือนจะไม่สบายด้วย” เขาห้ามนางไม่ทันก็พบว่าบางสิ่งที่พูดไม่ได้นั้นถูกจับไว้เสียแล้ว!
……………
[1] ดั่งคนดื่มน้ำ เย็นร้อนรู้เอง : มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร