หมิงเวยหลับไปอย่างรวดเร็ว นางถอดเสื้อคลุมออกแล้วกลิ้งลงบนเตียงไม่นานก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับหยางชูเสื้อของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อส่วนกางเกงก็…
ไม่มีทางอื่นนอกจากลุกขึ้นไปชำระกาย
เพราะเรื่องนี้มันน่าอายมากเขาจึงไม่กล้าเรียกอาหว่านหรือเสี่ยวถงจึงทำได้เพียงแอบตักน้ำด้วยตนเองเงียบๆ เขาอาบลวกๆ รอบหนึ่งจากนั้นเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าสะอาดแล้วกลับไปที่เตียง
พื้นที่มีจำกัดเตียงของเขามีขนาดไม่ใหญ่มากพอนางพลิกกายก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาเสียแล้ว หยางชูรู้สึกเสียใจเหตุใดเมื่อครู่ถึงบอกให้นางถอดเสื้อคลุม ออกกันพออยู่แนบชิดกันเช่นนี้มันชัดเจนเกินไป…
เขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสางจึงมีอาการสะลึมสะลือ แต่ด้วยร่างกายเคยชินเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้วผ่านไปหนึ่งชั่วยามเขาก็ตื่นขึ้น
…………
อาหว่านนออกมาจากห้องพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตาพอเห็นตัวฝูที่นั่งอยู่ในห้องโถงก็เลิกคิ้ว
ถึงจะอยากรู้อยากเห็นแต่นางก็ไม่คิดถามตัวฝู อาหว่านจึงไปทำงานอยู่ใกล้ๆ พลางลอบมองตัวฝูเป็นระยะ มีเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากห้องใหญ่ และหยางชูก็ปรากฏตัวขึ้น
“คุณชาย!” อาหว่านรีบเข้าไปหา “ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ อยากทานอะไรหรือไม่ บ่าวจะไปทำให้เจ้าค่ะ!”
“อะไรก็ได้” หยางชูหาว และเดินไปที่ห้องโถงอย่างไร้ชีวิตชีวา
อาหว่านรู้สึกแปลกใจเมื่อวานนางโกรธมากจนนอนไม่หลับทั้งคืน เหตุใดคุณชายถึงมีท่าทางเช่นนี้เขาเป็นอะไรกัน
เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาตัวฝูก็ลุกขึ้น “คุณชายหยาง คุณหนูล่ะเจ้าคะ”
“ยังไม่ตื่น” หยางชูตอบแล้วนั่งลงบนเสื่อเขาพิงโต๊ะตัวเล็ก และค่อยๆ หลับไป
สายตาของตัวฝูมองไปยังห้องของอีกฝ่ายนางอยากเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เห็นว่าไม่เหมาะสมจึงได้แต่มองหน้าเขาเท่านั้น
หยางชูพยายามทำตัวให้สดชื่นแล้วพูดไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก นางพักผ่อนเพียงพอเดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาเอง”
“อ้อ” ตัวฝูรับคำนางอยากถาม แต่ก็ไม่กล้าถาม
อาหว่านมองดูพวกเขาถามตอบกัน นางไม่ใช่คนโง่แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่ามีปัญหา แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดปฏิเสธความเป็นไปได้นี้ไป
“เรื่องของคุณหนูเจ้ามาถามคุณชายทำไมกัน”
ตัวฝูอ้าปาก แต่ไม่สามารถพูดออกไปได้
ฝีปากนางไม่คล่องแคล่วเท่าอาหว่าน เรื่องนี้จะให้นางพูดออกไปได้อย่างไร คุณชายหยางเป็นบุรุษ คุณหนูเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนแค่คิดก็ละอายใจแล้ว
อาหว่านก็เขี้ยวจนเกินเหตุ “พวกเจ้านายบ่าวนี่แปลกจริงๆ ทำไมถึง…”
“อาหว่าน!” หยางชูพูดขัดนาง “ข้าอยากทานโจ๊กเนื้อปลา”
“คุณชาย!” อาหว่านโกรธมาก เขาปกป้องสตรีนางนั้นก็ช่างปะไร แต่นี่แม้แต่สาวใช้ของนางก็ยังปกป้องด้วย
หยางชูรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเรื่องนี้ไม่ต้องบอกตัวฝูไม่พูดออกไปอยู่แล้วเขาเองก็ไม่พูด…
ในขณะที่กำลังคิดประตูห้องใหญ่ก็เปิดออกอีกครั้ง หมิงเวยที่สวมเสื้อผ้าของเมื่อวาน เห็นได้ชัดว่าดูเหมือนเพิ่งตื่นนางสางผมที่ยุ่งเหยิงพลางเดินเข้ามาหาสาวใช้ของตน
“ตัวฝู ช่วยข้าหวีผมที”
ดวงตาของอาหว่านเบิกกว้างเดิมทีนางกำลังหลอกตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้นางไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว มือยกขึ้นชี้ไปที่หมิงเวยขณะเดียวกันก็หันไปมองหยางชู “พวกท่าน นี่พวกท่าน…”
ก็คิดอยู่แล้วว่าพวกเขาคงทำอะไรบางอย่างกัน แต่ไม่คิดว่าจะไม่ออกมาเลยทั้งคืน!
ตัวฝูวางเรื่องที่กำลังทำอยู่แล้วไปช่วยหวีผมให้หมิงเวย หยางชูยกมือบังใบหน้าไม่กล้ามองหน้าผู้ใด
อาหว่านโกรธมากจนน้ำตาไหลในตอนนั้นเองหนิงซิวก็เดินออกมา
เขามองหมิงเวยที่สาวใช้กำลังหวีผมให้อยู่แล้วมองหยางชูที่ดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็พูดอย่างมีความนัยว่า “ศิษย์น้อง แม้เจ้าจะยังอายุน้อย แต่ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจบ้างอนาคตยังอีกยาวไกล!”
ประโยคนี้โจมตีอาหว่านอย่างจังนางร้องไห้เสียงดังแล้ววิ่งหนีออกไป
“อาหว่าน!” หยางชูตะโกนเรียก
อาสวนที่เพิ่งบังเอิญเข้ามาในเรือนทำตัวไม่ถูก แต่เขายังพอมีสติอยู่ “ไม่เป็นไรขอรับ ข้าน้อยตามไปเอง” ตัวฝูจัดการทุกอย่างคล่องแคล่วไม่นานก็หวีผมให้หมิงเวยเสร็จเรียบร้อย
หมิงเวยนั่งลงแล้วถามว่า “อาหว่านเป็นอะไรหรือ”
“นางไม่เป็นไรหรอก” หยางชูเห็นนางเลิกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นข้อมือขาวเนียน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนที่ใบหน้าเขารีบหันหน้าไปทางอื่น
“นางแค่คิดไปเอง”
“อ้อ” หมิงเวยไม่สนใจอีกนางหยิบโจ๊กที่เสี่ยวถงนำมาให้ขึ้นมา และทานอย่างจริงจัง
………..
เหล่าขุนศึกตระกูลหยางพบว่าคุณชายของพวกเขาดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติแล้ว
ในฤดูหนาวที่เขามาที่เกาถางคุณชายเงียบมาก และพาพวกเขาไปทำงานทุกวัน
สร้างบ้าน ซ่อมแซมโรงม้า ซื้ออาหาร…งานฆ่าเวลาที่ใหญ่ที่สุดไม่มีอะไรมากไปกว่าการขี่ม้าอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อออกทั่วร่างกายทุกวัน และหลับไปเหมือนกับพวกเขา
คุณชายเช่นนั้นน่ากลัวจริงๆ! พวกเขารู้สึกว่าคุณชายถูกโจมตีรุนแรงเกินไป
พอมาลองคิดๆ ดูแล้ว เมื่อก่อนได้รับความโปรดปรานมาก แต่กลับถูกลดขั้นแล้วส่งมาอยู่ในที่ทุรกันดารเช่นนี้ แม้แต่เรือนดีๆ ยังไม่มีให้จะไม่ให้เจ็บปวดใจได้อย่างไรเล่า
ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี และในที่สุดคุณชายก็กลับมาเป็นคนเดิม
ไม่สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับพวกเขาอีกต่อไปไม่ต้องทำงานร่วมกับพวกเขา ขอบคุณสวรรค์ตอนที่คุณชายอยู่ด้วยพวกเขาไม่กล้าพูดอะไรมากรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
เดิมทีคุณชายผู้สูงศักดิ์ต้องทำงานอะไรกันมันทำให้พวกเขารู้สึกผิดต่อองค์หญิงใหญ่ และโป๋วหลิงโหวอยู่ทุกวัน
โชคดีที่แม่นางหมิงมาที่นี่…
เหล่าขุนศึกยอมรับความจริงเร็วกว่าที่พวกเขาคิดไม่ถึงสองวันหมิงเวยก็พบว่าพวกเขาปฏิบัติต่อนางดุจนายหญิง
สตรีที่ดีอะไรเช่นนี้! เห็นได้ชัดว่าคุณชายถูกลดขั้น และโดนเนรเทศออกจากเมืองหลวง แต่นางยังคงเดินทางไกลเพื่อมาใช้ชีวิตยากลำบากที่นี่ ความรักที่ลึกซึ้งเช่นนี้ไม่ควรให้ความเคารพอย่างสูงได้อย่างไร
หมิงเวยเดาได้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ แม้ว่าจะมีความเข้าใจผิดหลายอย่าง…แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะเชื่อฟังนางเป็นอย่างดี หากเข้าใจผิดไปก็ช่างมันเถอะ!
ในห้องโถงหมิงเวยนั่งอยู่บนเสื่อ เบื้องหน้ามีกระดานหมากรุกที่มีตัวหมากสีดำ และสีขาววางอยู่ นางไม่ได้เล่นหมากรุก แต่กำลังคุยกับศิษย์พี่ของหยางชูอยู่
“ในเรื่องของกำลังคน เหล่าขุนศึกของตระกูลหยางไว้ใจได้แน่นอนใช่หรือไม่”
หยางชูพยักหน้า “คนพวกนี้ท่านปู่ท่านย่าเป็นคนเลือกด้วยตนเอง พวกเขาศึกษาเล่าเรียนฝึกวรยุทธ์มาพร้อมกันกับข้า ความสามารถ และความจงรักภักดีไม่ต้องพูดถึง” หมิงเวยหยิบตัวหมากสีขาวแล้ววางลงไปตรงกลางก่อนเอ่ย
“แล้วคนเลี้ยงสัตว์ เหล่าคนที่ข้าพามา พวกเขาได้รับความเมตตาจากพวกเรา แม้จะพูดไม่ได้ว่าจงรักภักดี แต่ตราบเท่าที่เราสามารถมอบชีวิตที่ดีขึ้นแก่พวกเขาได้ พวกเขาจะไม่ทรยศแน่นอนเจ้าค่ะ”
หยางชูพยักหน้า
“คนเลี้ยงสัตว์เหล่านั้นไม่สามารถแตะต้องได้ สนามเลี้ยงม้าเกาถางเป็นรากฐาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดสนามเลี้ยงม้าจะต้องได้รับการดูแล เพราะฉะนั้นคนที่สามารถทำงานได้ในตอนนี้คือผู้ลี้ภัยที่ลงนามในสัญญา” หมิงเวยแบ่งตัวหมากรุกออกเป็นสองกองแล้ววางไว้ทั้งสองด้าน
“ขุนศึกตระกูลหยางจะถูกสงวนไว้สำหรับงานสำคัญส่วนคนพวกนั้นสำหรับงานที่เหลืออยู่” หมิงเวยลูบตัวหมาก “กำลังคนยังน้อยเกินไปเจ้าค่ะ!”
หนิงซิวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “กินแค่คำเดียวคงไม่ทำให้อ้วนได้ตอนที่พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่ ไม่มีแม้แต่ที่กำบังจากลมและฝนตอนนี้มีที่พักมีอาหารแล้ว ไม่ต้องกังวลไปสุดท้ายแล้วเราจะมีทุกอย่างไม่ช้าก็เร็ว”
หมิงเวยไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าในฤดูหนาวเพียงครั้งเดียวความคิดของหนิงซิวดูเหมือนจะเปลี่ยนไปนางมองเขาด้วยความประหลาดใจ
หนิงซิวยังคงนิ่งไม่ขยับ “พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองกับอาสวน”
หมิงเวยประหลาดใจมากขึ้นจนกระทั่งเขาเดินออกไปเงียบๆ หยางชูถึงพูดว่า “ตอนที่ศิษย์พี่มาถึงเขาโกรธมากที่เห็นคนเลี้ยงสัตว์ซุกตัวอยู่ในคอกม้า”
“อ้อ…” นางเกือบลืมไปว่าคนผู้นี้คือจอมยุทธ์ตัวจริง
เช่นนั้นก็ดีหากมีเขาออกโรงอย่างเต็มที่อย่างน้อยที่สุดก็ใช้งานอาสวนได้