เมื่อเห็นพื้นหญ้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดนายช่างโหวถึงกับอกสั่นขวัญแขวน
เขาผ่าน ‘ความตาย’ มาครั้งหนึ่งทำให้หวงแหนชีวิตมากขึ้นไปอีก
วิธีการของหมิงเวยเมื่อครู่ทำให้เขาตระหนักดีว่าไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้เลย
ในเรื่องของพละกำลังพวกเขาออกมาทั้งกลุ่มผลลัพธ์คือถูกกำจัดเกือบหมด ในเรื่องเคล็ดวิชาเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเอง ‘ตาย’ อย่างไร
เขาเดินก้มหัวตามหมิงเวยไปอย่างระมัดระวังไม่กล้าปลีกตัวออกไป กลัวว่าหากไม่ทันระวังขุนศึกพวกนั้นจะตัดคอเขาเหมือนเขาเป็นพวกเดียวกับพวกโจรถึงแม้เขาจะเป็นสหายของโจรจริงๆ ก็ตาม
หยางชูส่งกระบี่ที่เปื้อนเลือดให้อาหว่านจากนั้นก็ถอดรองเท้าแล้วเข้าไปในห้องโถง หลังจากล้างมือเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วทั้งตัวเขาก็สะอาดเรียบร้อย
ทางด้านอาสวนก็กลับมาพร้อมกับหัวหน้าโจรที่หนีไป ตาข้างหนึ่งบอดเพราะถูกอาหว่านแทงทำให้มองทางไม่ชัด เขาจึงบุกเข้าไปในห้องของตัวฝูและเสี่ยวถง หลังจากเสียงร้องอุทานของเสี่ยวถงเขาก็ถูกตัวฝูโยนออกมา
ศพของโจรที่ตายไปถูกวางซ้อนกันอยู่บนพื้นหญ้าส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถูกพาไปที่หน้าเรือน
หลังจากนับแล้วจำนวนคนตายมีเพียงร้อยศพอีกครึ่งหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ อันที่จริงพวกหัวมังกุท้ายมังกรเหล่านี้ไม่สามารถต้านความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้เลย ทันทีที่ทหารเคลื่อนไหวแถวหน้าก็ถูกสังหารราวกับหั่นผักปลาพวกโจรก็แยกย้ายหนีไปทุกทิศทุกทาง
อาสวนพูดเสียงดัง “คุณชาย! ผู้กระทำความผิดถูกจับหมดแล้วเชิญคุณชายสั่งการได้เลยขอรับ”
หมิงเวยเปิดตา และสังเกตม่านพลังที่นายช่างโหวสร้างขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วพยักหน้า “ไม่มีอะไรผิดปกติ”
เสี่ยวถงย้ายเก้าอี้มาวางที่ทางเดิน “เชิญคุณชายเจ้าค่ะ” หยางชูนั่งลงบนเก้าอี้และมองดูพวกโจรที่แข็งแกร่งเหล่านี้
หัวหน้าโจรลืมตามองไปรอบๆ และทันใดนั้นก็เห็นนายช่างโหวที่ยืนอยู่ด้านหลังหมิงเวยท่าทางก้มหัวของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกสงสัย
หมิงเวยเห็นดังนั้นจึงหัวเราะแล้วพูดช้าๆ ว่า “ท่านโหวต้องขอบคุณท่านจริงๆ!”
นายช่างโหวได้ยินก็รู้สึกใจไม่ดี ดวงตาแดงก่ำของหัวหน้าโจรจ้องมาที่เขาเขม็ง
“เป็นเจ้าหรอกหรือ” หัวหน้าโจรแปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายทำเหมือนรู้จักกันมานานแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะได้คำตอบแล้วเขาสลัดตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุมแล้ววิ่งไปหาอีกฝ่ายจากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง
“ข้าไม่ควรเชื่อคนอย่างเจ้าเลย! ที่นี่ให้ความเป็นอยู่ที่ดีมีความสุขใช่หรือไม่ เจ้าคนแซ่โหวข้าจะถลกหนังเจ้า!”
นายช่างโหวรีบหลบไปอยู่ด้านหลังหมิงเวยแล้วพูดเสียงเบา “ข้าเองก็ถูกจับเหมือนกัน…”
หมิงเวยเหลือบตามองเขา เขาก็เงียบเสียงทันที หัวหน้าโจรถูกเหล่าขุนศึกจับตัวไว้ และกดลงกับพื้นอย่างแรง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดแรงและหยุดลง
“พวกเจ้าจะฆ่าก็ฆ่าซะ” เขาพูดด้วยเสียงหอบ “แต่คนแซ่โหวนั้นทางที่ดีอย่าเชื่อใจเขาดีกว่า เขาไม่มีดีอะไรสักอย่างทำให้ครอบครัวตนเองล่มจมไปที่ไหนมีแต่เรื่อง! ครั้งนี้เห็นว่าพวกเจ้ามีชีวิตที่ดีจึงเข้าหาไม่แน่ว่าสักวันพวกเจ้าจะถูกหักหลังเช่นกัน!”
หยางชูมีท่าทีสนใจจึงถามไปว่า “งั้นหรือเมื่อก่อนเขาทำอะไรล่ะ”
หัวหน้าโจรไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดจึงคิดจะลากนายช่างโหวลงด้วยการเทเม็ดถั่วออกมาจากกระบอกไม้ไผ่[1] เขาพูดออกมาทุกอย่างไม่เหลือ “เขาเป็นลูกหลานของกานผู่โหว…”
หมิงเวยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตระกูลกานผู่โหวนายช่างโหวคนนี้เป็นลูกหลานตระกูลมีชื่อเสียงจริงๆ!
โหวจ้ง บรรพบุรุษของเขาเป็นขุนนางคนสำคัญของไท่จู่ เมืองหยุนจิงได้รับการออกแบบและสร้างโดยเขา คนรุ่นหลังไม่เพียงแต่ควบคุมกองอำนวยการสร้างพระราชวัง คนที่ออกมาเป็นข้าราชการก็มีไม่น้อยเพียงแต่เมื่อประชากรกระจัดกระจาย ยุคสมัยเปลี่ยนจึงค่อยๆ หายไปจากประวัติศาสตร์
หัวหน้าโจรยังคงพูดต่อ ประสบการณ์ที่น่าเศร้าของนายช่างโหวที่คร่ำครวญก่อนหน้านี้เป็นจริงอยู่เจ็ดส่วนเหตุผลที่ชัดเจนคือเขาหาเรื่องใส่ตัว
เขามีความภาคภูมิใจในตนเองสูง ชอบทำตัวขวางโลก เป็นคนโหดร้ายแล้วยังอิจฉาผู้มีคุณธรรมความสามารถ ชอบโยนความผิดให้ผู้อื่นอย่างไร้ความเมตตา เขาเป็นคนเลวที่ไม่ยอมศิโรราบ ตอนแรกกลุ่มโจรที่เขาคิดเข้าหาไม่ใช่กลุ่มนี้ แต่เป็นอีกกลุ่มหนึ่งหลังจากยั่วยุหัวหน้าบางคนให้เกลียดชังกันเองจนแยกตัวออกมา เขาก็ติดตามหัวหน้าโจรผู้นี้
แต่เขามีความสามารถที่แท้จริงดังนั้นหัวหน้าโจรจึงให้ความสำคัญแต่ก็ระมัดระวังในตัวเขา
เมื่อเห็นว่าเรื่องของตัวเองถูกยกมาสนทนา นายช่างโหวพยายามปกป้องตัวเองหลายครั้ง หมิงเวยหันหน้ามองเขานางเหมือนจะยิ้ม แต่ไม่ยิ้มทำให้นายช่างโหวถอยกลับไปอีกครั้ง
โกรธไม่ได้ โกรธไม่ได้จริงๆ
แม้แต่การฆาตกรรมก็แกล้งทำเป็นว่าจริงได้ เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จะถูกมองออกแล้วยังจะออกอุบายอะไรได้อีกเล่า
พอมาลองคิดดูอีกทีเขาติดกับดักของผู้อื่นตั้งแต่แรกแล้ว จงใจให้ค่าตอบแทนเขาในตัวเลขที่สูง ปล่อยให้พวกโจรทำงานหนักทุกวัน นี่คือการแยกพวกเขาออกจากกัน พอไม่เชื่อใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงจำเป็นต้องเริ่มแผนก่อนถึงเวลาอันควร และจากนั้นเขาก็ตกหลุมพราง
นี่เป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ! ถ้ำโจรนี้ซ่อนอยู่ในปีศาจเฒ่าเขาเฮยซาน กลัวว่าเขาจะล่อเสือออกจากถ้ำหรือ
ในตอนที่เขาภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเองมาก ผู้อื่นได้แต่กัดฟันรอโผล่หางออกมาแล้วค่อยกลืน…
ช่างน่ากลัวนัก!
หัวหน้าโจรยังคงพูดต่อถึงนายช่างโหวพบพวกเขาที่ที่ว่าการอำเภอแล้วเสนอให้ขโมยสนามเลี้ยงม้าแห่งนี้ อาสวนและอีกหลายคนตกใจ
“ตอนแรกพวกเจ้าคิดจะครองที่ว่าการอำเภองั้นหรือ” หัวหน้าโจรตกตะลึง โอ้ เขาพูดออกไปได้อย่างไรนะ
หมิงเวยนึกถึงทักษะแปลงโฉมของนายช่างโหวแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าคิดยึดครองที่ว่าการอำเภอแล้วสวมรอยเป็นนายอำเภองั้นหรือ” ปฏิกิริยาของหัวหน้าโจรและนายช่างโหวให้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว
“กล้าเกินไปแล้ว!” อาสวนพูดเช่นนั้น
แต่เมื่อลองคิดดูแล้วมันค่อนข้างเป็นไปได้ที่เมืองเล็กๆ และอยู่ห่างไกลเช่นนี้ โอกาสที่จะได้พบเจ้าหน้าที่หลายครั้งในตลอดทั้งปีมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง
จนถึงตอนที่พวกเขาไม่สามารถปลอมตัวต่อไปได้แล้วเมืองเกาถางแห่งนี้ก็จะถูกพวกเขาทอดทิ้ง
“คุณชาย” อาสวนขอคำแนะนำ “ให้ทำอย่างไรกับพวกเขาดีขอรับ”
หยางชูเหลือบมองด้วยความรังเกียจ “ใจกล้าเช่นนี้ ไม่สมควรมีชีวิตอยู่หรอก”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้เหล่าขุนศึกต่างกระตือรือร้นขึ้นมาทันที แต่ละคนหยิบธนูหยิบกระบี่แล้วตะโกนแย่งกัน “ข้าน้อยเองๆ ขอรับ!”
พวกโจรตัวสั่นแม้ว่าพวกเขาจะเตรียมตัวตายมานานแล้ว แต่เมื่อวันนั้นมาถึง ก็ยังอยากมีชีวิตอยู่!
มีคนตะโกนขึ้นว่า “คุณชายโปรดไว้ชีวิตด้วย! ข้าน้อยยินดีอาสาช่วยเหลือคุณชาย โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด!”
เหล่าขุนศึกหัวเราะเสียงดัง “เจ้าคิดว่าผู้ใดก็สามารถช่วยเหลือคุณชายได้หรือ แค่สิบต่อหนึ่งยังสู้ไม่ได้เลยปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อเพื่ออะไรกัน”
โจรผู้นี้ที่เข้ามาเพื่อคอยประสานงานอยู่ภายในรู้สึกเสียใจมานานแล้ว เมื่อคิดดูอีกทีถึงการทำงานที่สนามเลี้ยงม้าแห่งนี้จะเหนื่อย แต่ค่าตอบแทนดีจริงๆ! มีอาหารให้กินอิ่ม มีเนื้อให้ทานทุกวัน! ค่าจ้างก็ไม่น้อยเลยเก็บออมไม่กี่ปีไม่แน่อาจเพียงพอสำหรับแต่งภรรยาเสียด้วยซ้ำแล้วจะมาเป็นโจรเพื่ออะไรกัน
เขาเกิดความคิดขึ้นมาอย่างเฉียบไว “ข้าน้อยทำงานหนักได้! คุณชายต้องการสร้างเรือน ขาดคนงานไม่ได้ตราบใดที่ข้าน้อยยังมีชีวิตอยู่จะให้เป็นวัวเป็นม้าได้หมดขอรับ!” แววตาของหยางชูสั่นไหวเล็กน้อย
โจรคนอื่นเมื่อเห็นฉากนี้ก็ตะโกนขึ้นบ้าง “ข้าน้อยเองก็เต็มใจ! คุณชายให้ทำงานหนักข้าน้อยก็จะทำงานหนักเลี้ยงม้าก็ทำได้ขอรับ!”
“ใช่ๆๆ! ข้าน้อยมีแรงมาก!”
อาสวนลังเล “คุณชาย…พวกเรายังขาดแรงงานจำนวนหนึ่งไม่อย่างนั้น…”
หยางชูเหลือบมอง “ขาดคนแล้วทำไมไม่ประกาศรับ ข้าไม่ขาดแคลนเรื่องเงิน เจ้าจะให้ข้าเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้หรืออย่างไร”
พวกโจรเมื่อเห็นท่าทีว่าตนเองจะไม่รอดต่างคนต่างยอมสละทุกอย่างที่มีให้อีกฝ่าย
“ไม่นะขอรับ! คุณชาย ข้าน้อยจะซื่อสัตย์จงรักภักดีท่านจะให้ข้าน้อยทำอะไรข้าน้อยก็จะทำ”
“ใช่ๆๆ ไม่มีค่าจ้างให้ก็ได้ขอรับ ขอเพียงไม่หิวตายข้าน้อยก็ทำงานได้แล้ว ทาสที่ท่านซื้อมาไม่สามารถทำงานหนักได้เท่านี้หรอก”
“ข้าน้อยพอมีเงิน! ข้าน้อยเก็บเงินไว้ในกระท่อมจำนวนไม่น้อยข้าน้อยยกให้ท่านหมดเลยขอรับ!”
“ข้าน้อยรู้สถานที่ที่หัวหน้าซ่อนเงินไว้ขอรับ!”
หัวหน้าโจรตกตะลึงและมองดูคนของเขาที่ทอดทิ้งตนจนหมด
………………
[1] เทเม็ดถั่วออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ : พูดตรงๆ ชัดเจน ไม่ปิดบัง