เมื่อประตูรั้วและหอสังเกตการณ์เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผู้จัดการจากเมืองหลวงก็เดินทางมาถึง ผู้จัดการผู้นี้เป็นคนรับใช้เก่าของตระกูลหยางซึ่งติดตามองค์หญิงใหญ่และผู้เฒ่าโหวมาหลายปี และเป็นคนที่คอยดูแลทรัพย์สินของหยางชู
ก่อนที่หยางชูจะออกจากเมืองหลวงเขาได้มอบกิจการทั้งหมดในเมืองหลวงให้แก่นางเพื่อให้ผู้จัดการเป็นอิสระออกมาดูแลกิจการเหล่านี้แทน
ทันทีที่เขามาถึงเกาถางก็รีบมาพบหยางชู และเมื่อเห็นว่าหยางชูกล้าหาญขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะก็รู้สึกดีใจจนน้ำตาแทบไหล
“หยางโหย่วเต๋อคารวะคุณชาย! ข้าน้อยทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายสำเร็จแล้วจึงได้เดินทางมาที่เกาถางขอรับ”
หยางชูช่วยประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น และเชิญเขานั่ง “ท่านอายุมากถึงเพียงนี้แล้วยังต้องวิ่งไปมาข้ารู้สึกผิดจริงๆ”
หยางโหย่วเต๋อตอบกลับว่า “ข้าน้อยทำงานหนักยิ่งยุ่งเท่าไรยิ่งเจริญ เรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้าน้อยไม่วางใจให้คุณชายมอบหมายให้ผู้อื่นขอรับ”
เมื่อหมิงเวยเดินเข้ามาพวกเขาก็คุยเรื่องสำคัญกันเสร็จแล้ว หยางโหย่วเต๋อหยิบจดหมายออกมาแล้วยื่นให้เขา “นี่เป็นจดหมายจากนายท่านฟู่ขอรับ ข้าน้อยซ่อนไว้ตลอดทาง”
หยางชูแกะครั่งผนึกตราออกแล้วหยิบกระดาษจดหมายออกมา จดหมายจากอาจารย์ฟู่นั้นยาวมากมีมากกว่าสิบหน้าซึ่งเปี่ยมไปด้วยวาทศิลป์ เขาอ่านจบก็ส่งต่อให้หมิงเวย นางกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็วก็สามารถสรุปได้แปดคำว่า ‘มีเขาควบคุม ทุกอย่างราบรื่น’
นางเก็บจดหมายแล้วถามหยางโหย่วเต๋อว่า “ตระกูลจี้เป็นอย่างไรบ้าง พวกแม่นมถงล่ะ”
ตั้งแต่หมิงเวยเดินเข้ามาสีหน้าของหยางโหย่วเต๋อดูเมตตาและอ่อนโยน
ก่อนที่ผู้เป็นนายจะจากไปท่านได้ฝากคุณชายไว้กับเขาเป็นการส่วนตัว แม้จะเป็นคนรับใช้ ไม่สามารถบงการเรื่องสำคัญในชีวิตของคุณชายได้ แต่เมื่อเห็นคุณชายถูกลดตำแหน่งและให้ออกจากเมืองหลวง เรื่องแต่งงานก็ต้องล้มเลิกไป เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล
เมื่อรู้ว่าหมิงเวยตามคุณชายไปใจของเขาก็สงบลง ถึงตอนนี้ทั้งสองจะยังไม่มีสถานะ แต่ก็ยังมีคนอยู่ข้างกายคุณชาย! อีกอย่างทั้งที่รู้สถานการณ์ของคุณชายแต่ก็เต็มใจเดินทางไกลมาหาความรักเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง
เมื่อได้ยินคำถามของหมิงเวยหยางโหย่วเต๋อก็ตอบด้วยความเคารพ “แม่นางหมิงโปรดวางใจ ทุกคนในตระกูลจี้สบายดีขอรับในการสอบหน้าพระที่นั่งคุณชายใหญ่มีความสามารถโดดเด่นจนได้ตำแหน่งทั่นฮวาอนาคตต้องรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน ส่วนแม่นมถงสบายดีขอรับก่อนที่ข้าน้อยจะจากมาพวกนางฝากข้าน้อยมาทักทายแม่นางหมิงด้วย”
หมิงเวยพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
หยางชูพูด “ท่านเดินทางมาตั้งไกลไปพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องที่เหลือพรุ่งนี้ค่อยคุยกันยังไม่สาย” พูดจบเขาก็เรียกอาหว่านให้จัดที่พักให้หยางโหย่วเต๋อ
หนิงซิวกลับมาในตอนเย็นเมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยหมิงเวยก็พูดขึ้นว่า “ข้าจะไปจากที่นี่เดือนหน้า”
มือที่ถือถ้วยชาของหยางชูชะงักเขาหันไปหานาง “ไปที่ใดกัน”
“หูตี้[1]”
เขาวางถ้วยชาลง “ท่านไม่ได้บอกว่าที่นั่นกำลังวุ่นวายอยู่กับสงครามอยู่หรอกหรือ มีเรื่องอะไรต้องไปที่นั่นตอนนี้กัน”
“เพราะที่นั่นกำลังวุ่นวายกับสงครามถึงต้องไปตอนนี้อย่างไรเล่า” หมิงเวยจิบชาแล้วพูดว่า “เมื่อผู้จัดการหยางมาทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน ข้าเองก็วางใจที่จะจากไป”
เส้นทางการค้ามาถึงที่นี่ผลกำไรจากกิจการต่างๆ จะถูกส่งมาที่เกาถางอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ที่มีคนมีเงินที่นี่จะกลายเป็นเมืองเล็กๆ ที่สมบูรณ์ในไม่ช้า ตัวหยางชูเองเมื่อจัดการโจรบนภูเขาได้สถานการณ์ที่นี่คงดีขึ้นอย่างสมบูรณ์ เขามีหนิงซิวอยู่ข้างกายนางเองก็วางใจ
หยางชูเลิกคิ้วไม่พูดอะไร หมิงเวยรู้ว่าเขาไม่พอใจ แต่เรื่องนี้สำคัญมากไม่ไปไม่ได้
อาหว่านมองหน้าหยางชู จากนั้นก็หันไปหานางแล้วถามว่า “ท่านจะไปเมื่อไรไปคนเดียวหรือ”
หมิงเวยแกะถั่วแล้วตอบว่า “แน่นอนว่าไม่ได้ไปคนเดียวนอกจากตัวฝูแล้ว ข้าว่าจะพาโหวเหลียงไปด้วย”
ประตูรั้วและหอสังเกตการณ์สร้างใกล้เสร็จแล้ว พอหยางโหย่วเต๋อมาที่นี่แน่นอนว่าต้องมีนายช่างมาด้วยไม่ได้มีโหวเหลียงเป็นหัวหน้าคนงานแค่คนเดียว ตอนนี้การเอาโหวเหลียงไว้ข้างกายหยางชูนางยังรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก จึงต้องพาเขาไปหูตี้ด้วยเพื่อทดสอบเขาว่าเขาเปลี่ยนสีแล้วหรือยัง
“ได้อย่างไรกัน” หนิงซิวเปิดปาก “การไปหูตี้นั้นเสี่ยงมากคนที่ท่านพาไปด้วยต้องไว้ใจได้”
หมิงเวยยิ้ม “โหวเหลียงมีประโยชน์อยู่เขาอยู่ซีเป่ยมาหลายปีจะต้องเข้าใจสถานการณ์ในหูตี้แน่นอน เขามีความรู้และเข้าใจภาษาของชาวหูเหริน อีกทั้งยังมีทักษะปลอมตัวซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าต้องการอยู่พอดี”
หนิงซิวเข้าใจแล้วนางไปเพื่อจัดการเรื่องบางอย่างอีกทั้งที่ผ่านมานางไม่ได้เสียเปรียบอะไร เขาจึงไม่ใส่ใจอะไรมากอีก
หยางชูไม่พูดอะไรเขาดื่มชาเสร็จก็ลุกขึ้น “ดึกแล้ว ข้าไปนอนล่ะ”
“คุณชาย!” อาหว่านร้องเรียก หยางชูไม่สนใจนางเขาเดินเข้าห้องไป
อาหว่านมองหมิงเวยก็เห็นว่านางดื่มชาเสร็จก็ลุกขึ้นจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า
“ท่านไม่สนใจเลยหรือ” หมิงเวยมองนางด้วยท่าทางไร้เดียงสา “สนใจอะไรหรือ”
“คุณชายกำลังโกรธข้าไม่เชื่อว่าท่านดูไม่ออก”
“อ้อ” สีหน้าของหมิงเวยดูไร้อารมณ์ จากนั้นนางก็เดินกลับห้องไป
อาหว่านโกรธจนอยากพุ่งเข้าไปหา แต่ก็ถูกอาสวนห้ามไว้
“เจ้าจะร้อนใจไปทำไม!” อาสวนพูดกับนาง “เรื่องของคนสองคนผู้อื่นเข้าไปยุ่งจะยิ่งลำบาก”
“แต่ว่านาง…”
“เวลาคุณชายโกรธแม่นางหมิงเข้าไปคุยก็เรียบร้อยแล้วเป็นเช่นนี้มาหลายครั้งเจ้ายังดูไม่ออกหรือ”
………
หยางชูนอนอยู่บนเตียงเขาพลิกตัวไปมาด้วยอาการนอนไม่หลับ
เขากลับเข้าห้องเร็วไปหลังชำระกายเสร็จแล้วก็อ่านหนังสือไปหนึ่งรอบ เช็ดกระบี่ไปสักพักสุดท้ายก็ไม่มีอะไรทำเขาก็นำแผนภูมิประเทศของเขาเหยียนซานขึ้นมาดู จนกระทั่งทุกคนนอนหลับกันหมดแล้วทุกอย่างเงียบสงัด เมื่อหาอะไรทำไม่ได้เขาก็กลับไปที่เตียง
ด้านนอกประตูไม่มีเสียงเลยสักนิด เขาจ้องไปที่ประตูเป็นเวลานาน และในที่สุดก็พลิกตัวไปนอนอย่างขมขื่น นางไม่อธิบายอะไรเลยแม้แต่คำเดียวโหดร้ายมาก!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรที่เขายังอยู่ในอาการสับสนงุนงงหน้าต่างก็ถูกผลักและมีคนเข้ามาอย่างเงียบๆ มือคู่นั้นวางอยู่ที่ขอบเตียง จู่ๆ หยางชูก็ลุกขึ้นหยิบกระบี่ที่อยู่ข้างหมอน หมิงเวยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพุ่งเข้าไปหาแล้วกดมือเขาไว้
เมื่อหยางชูเห็นว่าเป็นนางจึงรีบยั้งแรงเอาไว้กระบี่ในมือถูกนางปัดตกลงเขาก้มลงเก็บมันประจวบเหมาะกับนางที่ก้มลงตามมาด้วย…
“อุก…” หยางชูรู้สึกว่ามีบางอย่างกระทบจมูกของเขามันนุ่มนวล…
ผ่านไปสักพักเขาก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจของหมิงเวย “เหตุใดท่านถึงเลือดกำเดาไหลกัน”
จากนั้นก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกให้เขาแล้วยื่นมือออกไปเพื่อดึงคอเสื้อเขาเพื่อให้หายใจได้สะดวก
“อย่าขยับ!” เขาพูดเสียงเบา แต่เกรงว่านางจะไม่ฟังจึงพูดอีกครั้ง “อย่าแตะต้องข้า!” หมิงเวยตกใจที่เขาตะโกนขึ้นจึงหยุดอยู่ตรงนั้นมองดูเขายกมือบีบจมูกแล้วเดินผ่านนางไปที่อ่างอาบน้ำด้านหลัง
ผ่านไปสักพักหยางชูก็เดินกลับมา เลือดกำเดาของเขาหยุดไหลแล้ว ดูเหมือนอาการจะดีขึ้น แต่หูก็ยังคงแดงอยู่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย
แน่นอนว่าแสงที่ส่องเข้ามาจากภายนอกนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้หมิงเวยมองเห็นได้ชัดเจน นางรู้เพียงแต่ว่าอารมณ์ของเขาผิดปกติเล็กน้อย หยางชูไม่สนใจนาง และนั่งลงที่โต๊ะเพื่อชงชาให้ตัวเอง
หมิงเวยคิดแล้วเดินเข้าไปหา “ท่านยังโกรธอยู่หรือ”
ไม่รู้ว่าประโยคนี้ไปทิ่มแทงเขาตรงที่ใดกัน หยางชูวางถ้วยชาลงอย่างแรงแล้วคว้าตัวนางกดลงกับโต๊ะเขากัดฟันแน่น “ท่านยังถาม! ท่านยังกล้าถาม!”
……………
[1] หูตี้ : ดินแดนของชาวหูเหริน