ไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นบนทุ่งหญ้า เด็กสาวผู้ที่สามารถหักโซ่ด้วยมือเปล่าได้แม้แต่หูเหรินที่ดุร้ายก็ต้านทานไม่ไหว หูเหรินที่เคยคิดว่าคนจงหยวนนั้นอ่อนแอน่ากลั่นแกล้งพวกเขาได้เห็นเป็นครั้งแรกว่าความโหดร้ายคืออะไร
ตัวฝูคว้าตัวฮูหลุนแล้วโยนลงมาอยู่ต่อหน้าหมิงเวยนางเหยียบไหล่อีกฝ่ายแล้วตะคอกใส่ว่า “ขอโทษคุณหนูซะ!”
ฮูหลุนดิ้นรนและพูดว่า “ข้าคือองค์ชายเผ่าฉีหูฮูหลุนพวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้าหรือ!”
ภาษาหูของตัวฝูรู้เพียงคำศัพท์ง่ายๆ เท่านั้นนางจึงหันไปถามน่าซูว่า “เขาพูดว่าอะไรหรือเจ้าคะ” น่าซูแปลให้นางฟัง
ตัวฝูแปลกใจ “เขาก็เป็นองค์ชายหรือทำไมถึงไม่เหมือนกับท่านเลยเจ้าคะ”
น่าซูตอบ “เผ่าฉีหูมีอำนาจมากที่สุดพวกเขาไม่เคยมองอีกเจ็ดเผ่าอยู่ในสายตาเลย”
“มีอำนาจมากแล้วอย่างไรกัน” ตัวฝูโกรธ “แต่จะมาล่วงเกินคุณหนูของข้าไม่ได้!”
พูดจบนางก็ออกแรงที่เท้าเพิ่ม “ขอโทษเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเสียใจ”
ฮูหลุนร้องลั่นเขาสั่งการทหารของตนเอง แต่ทหารเหล่านั้นถูกตัวฝูจัดการล้มคว่ำไปหมดแล้วข้อมือข้อเท้าของพวกเขาหลุดจนยืนขึ้นไม่ไหว
อาเก๋อเห็นภาพนั้นแต่ไกลจึงถามขึ้น “องค์ชายพวกเราไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยหรือ”
องค์ชายเจ็ดซูถูถามเสียงเนิบนาบ “ยื่นมือไปทำอะไร”
“แต่…”
อาเก๋อยังพูดไม่ทันจบเขาเห็นว่าทางทิศของประตูเมืองมีคนบินเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับนกสยายปีก
“หยุด!”
ฮูหลุนได้ยินเสียงนั้นก็ดีใจ “พระอาจารย์! พระอาจารย์ช่วยข้าด้วย!”
ชายผู้นั้นเร็วมาก และไม่นานเขาก็มาอยู่ตรงหน้าพวกนาง ตัวฝูยังคงตกตะลึง ลมแรงพัดลอยเข้ามา
“วิ้ง…” แสงสีทองสาดส่องลงมา ตัวฝูโต้กลับโดยสัญชาตญาณ
นางมีพลังมหาศาลการต้านทานบาตรสีทองนั้นง่ายดาย แต่ผู้เป็นเจ้าของบาตรสีทองนั้นได้ใช้กำลังภายในโจมตีแขนขวาของตัวฝูในมุมที่ยากต่อการป้องกัน
ตัวฝูแม้จะฝึกฝนอย่างหนัก แต่นางเพิ่งเรียนรู้เส้นทางวรยุทธ์ได้ไม่ถึงหนึ่งปี จะไปสู้คนที่อยู่บนเส้นทางนี้มาหลายปีได้อย่างไร นางจึงได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
“วิ้ง…” ชามสีทองส่งเสียงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นฝีมือของหมิงเวย ขลุ่ยกระทบกับบาตรสีทองนางปล่อยพลังสวนกลับไป จากนั้นทั้งสองต่างถอยกลับไปแล้วหยุดชะงัก
หมิงเวยมองอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นางเป็นเพียงเด็กที่เพิ่งเรียนรู้วรยุทธ์พระอาจารย์จะไม่ปราณีนางหน่อยหรือ” เมื่อครู่นี้หากโจมตีจริงแขนขวาของตัวฝูไม่แน่อาจใช้การไม่ได้อีก
คนที่มาช่วยคือพระอาจารย์ช่างจื้อพระอาจารย์ของเผ่าฉีหู
หมิงเวยพูดด้วยภาษาจงหยวนพระอาจารย์ช่างจื้อเองก็ตอบกลับไปด้วยภาษาจงหยวนติดสำเนียงเล็กน้อย “ท่านอยู่ในดินแดนของพวกเราหูเหริน ไม่สุภาพต่อองค์ชายของพวกเราจะให้ปราณีได้อย่างไร”
หมิงเวยมององค์ชายฮูหลุนที่ถูกเขาดึงขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านเชี่ยวชาญภาษาจงหยวน หากท่านเคยเดินทางมายังจงหยวนของพวกเราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า ผู้ใดรุกรานเราจำเป็นต้องตอบโต้ผู้นั้น แม้ที่นี่จะเป็นดินแดนหูเหริน แต่องค์ชายเผ่าของท่านพูดจาไม่ให้เกียรติข้าหลังจากที่ข้าบอกสถานะของตนเองไป ไม่น่าแปลกใจที่สาวใช้ของข้าจะปกป้องเจ้านาย”
พระอาจารย์ช่างจื้อมองนางแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “สตรีจากจงหยวนปรากฏตัวขึ้นในทุ่งหญ้ามีเพียงแต่ผู้ที่มีสถานะเป็นทาสเท่านั้นเป็นเรื่องปกติที่จะเข้าใจผิดกันได้”
“แค่เข้าใจผิดงั้นหรือ”
ฮูหลุนสูดลมหายใจด้วยความโกรธเขาไม่เข้าใจภาษาจงหยวนจึงไม่รู้ว่าทั้งสองคนกำลังพูดเรื่องอะไรเขาคิดว่าตนมีพระอาจารย์ช่างจื้อคอยสนับสนุนอยู่จึงพูดแทรกขึ้นว่า “พระอาจารย์! จับนางมาให้ข้า! กล้าทำให้ข้าขุ่นเคืองข้าจะให้นางได้ลิ้มรสชาติของการเป็นทาส!”
ทันทีที่เขากล่าวคำนี้ออกมาหมิงเวยมองไปยังพระอาจารย์ช่างจื้อด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ส่งสายตาให้อีกฝ่ายเข้าใจ
พระอาจารย์ช่างจื้อเลิกคิ้วแล้วตอบว่า “ที่นี่คือเมืองหยุนไฉในฐานะที่ท่านเป็นแขกมีเหตุผลอะไรต้องทำให้เจ้าบ้านลำบากด้วย กองคาราวานของท่านยังอยู่ที่นี่ หากไม่สร้างปัญหาจะเป็นการดีกว่า”
นี่คือการขมขู่ แต่ที่เขาพูดมาก็ถูกที่นี่คือดินแดนของหูเหรินคนนอกมีแต่จะลำบาก
หมิงเวยคิดจะถอยให้อีกฝ่าย แต่น่าซูกลับพูดขึ้นว่า “พระอาจารย์ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับฮูหลุนแล้วว่านางเป็นแขกคนสำคัญของเผ่าหมาป่าหิมะ แต่เขาก็ยังล่วงเกินเช่นนี้คงไม่ใช่แขกที่ทำให้เจ้าบ้านลำบากหรอกนะ”
คำพูดนี้เป็นภาษาหูซึ่งฮูหลุนฟังเข้าใจเป็นอย่างดีเขาหัวเราะเยาะ “ทำไมหรือ เผ่าหมาป่าหิมะของพวกเจ้าคิดจะหาเรื่องเผ่าฉีหูของพวกข้างั้นหรือ เอาสิ! ให้หัวหน้าเผ่าหมาป่าหิมะออกคำสั่งเลยออกจากเมืองหยุนไฉมาสู้กัน!”
น่าซูโกรธมาก “ฮูหลุน! เจ้าใช้อำนาจของเผ่าคิดจะรังแกผู้ใดก็ได้งั้นหรือ”
ฮูหลุนไม่ยี่หระ “รังแกเจ้าแล้วอย่างไรเจ้ากล้าหรือไม่ล่ะ”
“เจ้า…”
“น่าซู!” เสียงแผ่วเบาขัดจังหวะการโต้เถียงระหว่างองค์ชายทั้งสอง
น่าซูหันกลับไปเห็นชายหนุ่มที่ขี่ม้ามาทางนี้ก็ดีใจ “พี่เจ็ด!”
หมิงเวยได้ยินเขาเรียกอีกฝ่ายก็ตกใจจึงหันไปมอง ชายหนุ่มลงจากหลังม้ามีอายุประมาณยี่สิบต้นๆ เขาสวมชุดตามแบบฉบับของชาวหูเหริน แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้านั้นค่อนข้างแตกต่างจากหูเหรินอยู่มาก
ใบหน้าที่ดูอ่อนโยน ผิวที่ค่อนข้างขาว มีเพียงรูปร่างที่สูงใหญ่เท่านั้นที่เป็นลักษณะพิเศษของหูเหริน
“คุณหนู!” ตัวฝูกระซิบนางรู้สึกแปลกใจมากว่าเหตุใดน่าซูกับผู้เป็นพี่ชายถึงมีใบหน้าไม่เหมือนกันเลยอีกฝ่ายดูเหมือนคนจากจงหยวนเสียมากกว่า
หมิงเวยระงับลมหายใจ ไม่คิดเลยว่านางจะได้พบกับวีรบุรุษแห่งราชวงศ์เว่ยตะวันตกในสถานการณ์เช่นนี้โดยไม่ได้เตรียมตัวไว้
ในชาติก่อนเขาได้รวมแปดเผ่าของเป่ยหูให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และก่อตั้งราชวงศ์เว่ยตะวันตก ตั้งแต่นั้นมาเป่ยฉีก็ได้เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เขาไม่ใช่สาเหตุของทุกเรื่อง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้านางแล้วนางอดคิดไม่ได้ว่าหากใช้โอกาสนี้ฆ่าเขา เรื่องทั้งหมดจะคลี่คลายได้หรือไม่
แต่ในที่สุดนางก็ยับยั้งชั่งใจ และบอกตัวเองอย่างมีเหตุผลว่าที่ประวัติศาสตร์เดินทางมาถึงจุดนั้นได้ไม่ใช่เพราะอำนาจของคนผู้นี้ ในฐานะปรมาจารย์แห่งชีวิตสิ่งที่นางต้องทำคือการแก้ไขเส้นทางที่นำไปสู่ผลลัพธ์เช่นนั้น ไม่ใช่การทำลายเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมซึ่งอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้
“ซูถู เจ้าจะมาตามเช็ดก้นให้น้องชายหรือ มาสิเจ้ากล้าหรือไม่!”
สายตาขององค์ชายเจ็ดซูถูกวาดตามองทุกคนเขาไม่สนใจการยั่วยุของฮูหลุน แต่พูดกับพระอาจารย์ช่างจื้อว่า “พระอาจารย์พวกนางเป็นแขกของพวกเราเผ่าหมาป่าหิมะ หากมีอะไรทำให้องค์ชายฮูหลุนขุ่นเคืองเห็นแก่ที่พวกเราเป็นเผ่าเดียวกันอย่าได้ขุ่นเคืองกันเลย”
ฮูหลุนพูดแทรก “ผู้ใดเป็นเผ่าเดียวกับเจ้ามองหน้าตัวเองด้วยพวกจงหยวนชั้นต่ำ!”
“ฮูหลุน!” ซูถูไม่ว่าอะไร แต่น่าซูกลับโกรธเคืองแทน “พี่เจ็ดเป็นองค์ชายเผ่าหมาป่าหิมะ เจ้าดูถูกเขาเช่นนี้เท่ากับว่าเจ้าดูถูกเผ่าหมาป่าหิมะของพวกเราด้วย”
ฮูหลุนคิดในใจดูถูกแล้วอย่างไรยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดก็ถูกพระอาจารย์ช่างจื้อขัดไว้
พระอาจารย์ช่างจื้อพูดว่า “องค์ชายซูถูในเมื่อท่านขอโทษแทนพวกนาง เรื่องนี้ถือว่าแล้วกันไป หวังว่าหลังจากนี้เผ่าหมาป่าหิมะของพวกท่านจะดูแลคนของตนเองเป็นอย่างดี ในอาณาเขตเขาเทียนเสินคนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้กำเริบเสิบสาน!”
พูดจบเขาก็ดึงฮูหลุนขึ้นแล้วสั่งการกับศิษย์น้องที่ตามมาด้วย “พาพวกเขากลับไป” เหล่าหูเซิงตอบรับแล้วพาเหล่าทหารที่ข้อมือข้อเท้าหลุดกลับไป
ฮูหลุนยังคงไม่พอใจและร้องว่า “พระอาจารย์เรื่องของเผ่าหมาป่าหิมะถือว่าแล้วกันไป แต่สตรีจงหยวนนางนั้นกล้าล่วงเกินข้าพานางกลับไป…”
พระอาจารย์ช่างจื้อทำเป็นไม่ได้ยินเขาพาฮูหลุนกลับเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว