ทำอะไรงั้นหรือเป็นคำถามที่ดี
เวลาถัดมาหมิงเวยมัดองค์ชายฮูหลุนไว้กับเก้าอี้นางเล่นกับขลุ่ยตนเองพลางครุ่นคิด เรื่องที่พบในวันนี้นางมั่นใจว่าถูกจัดฉากขึ้นมาแล้วเรื่องในคืนนี้ล่ะ
“ท่านมาหาข้ากลางดึกคิดจะทำอะไรหรือ” นางถาม
“อื้อๆ…”
หมิงเวยดึงยันต์ตรงปากเขาออกแล้วพูดว่า “ท่านตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์ ห้องนี้ตกอยู่ในข่ายพลังของข้าแล้วคนข้างนอกจะไม่ได้ยิน”
ฮูหลุนรวบรวมความกล้า “คนของข้าอยู่ข้างนอกากพวกเขาพบว่ามีอะไรผิดปกติจะต้อง…”
หมิงเวยหัวเราะ “เจ้าหัวเราะอะไร”
หมิงเวยพูด “ในเมื่อท่านพาคนตามมาด้วยแล้วเหตุใดไม่เข้ามาพร้อมกับท่านเลยล่ะ หรือท่านต้องการทำเรื่องไม่ดีที่ไม่อยากให้พวกเขาเห็น หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาจะกล้าตามเข้ามาได้อย่างไร” สายตาของฮูหลุนสั่นไหว
“รอให้พวกเขาพบว่าเกิดเรื่องผิดปกติ ตอนนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเราที่จะทำสิ่งต่างๆ มากมาย!” นางจงใจพูดย้ำหลายคำให้มีน้ำหนักขึ้นให้อีกฝ่ายคิดไปไกล
ฮูหลุนรู้ว่าไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เขาคิด แต่เขายังถูกสะกดจิตอยู่ถึงจะกลัวอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังถามด้วยความคาดหวัง “เจ้า…จะทำอะไร”
หมิงเวยโน้มตัวเข้าไปหาเขา นางใช้ขลุ่ยเชิดคางอีกฝ่ายขึ้นแล้วพูดอย่างมีความนัยว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่องค์ชายต้องการทำ!”
“จริง…จริงหรือ” ฮูหลุนหายใจเร็วขึ้น ที่แท้สาวงามจากจงหยวนผู้นี้ก็คิด…หากรู้เช่นนี้เขาพูดกับนางดีๆ แล้วจะสู้กันไปทำไม!
“แน่นอนว่าจริง” ขลุ่ยของหมิงเวยเลื่อนลงมาเดิมทีนางคิดจะเลิกเสื้อผ้าของอีกฝ่าย แต่กลิ่นของเนื้อแกะนั้นมากเกินไปเลยรู้สึกหมดสนุกเล็กน้อยจากนั้นก็เก็บมือกลับไป
ฮูหลุนเห็นว่านางหยุดลงก็กังวล “เหตุใดจึงไม่ขยับล่ะ”
หมิงเวยถอนหายใจไม่รู้ว่านางกำลังพูดอยู่กับผู้ใด “เสี่ยวไป๋ทำเจ้าน้อยใจแล้ว”
หืม…ฮูหลุนรู้สึกสับสนเหตุใดนางจึงพูดภาษาจงหยวนกัน
จากนั้นก็มีเสียงเล็กดังขึ้น “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะนายท่าน”
ฮูหลุนสั่นด้วยความตกใจ และมองไปรอบๆ แต่ก็เห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องนี้
ในขณะที่กำลังคิดจู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็น และลื่นเหมือนมีตัวอะไรไต่ขึ้นไปที่น่องของเขา สำหรับฮูหลุนที่ชอบล่าสัตว์ความรู้สึกนี้ไม่แปลกเลยเขารู้สึกขนลุกจึงก้มหน้าลง แล้วก็เห็นงูขาวตัวเล็กๆ ลื่นๆ ไต่ขาเขาขึ้นมาอย่างช้าๆ
“อา! เอามันออกไปเดี๋ยวนี้!” ฮูหลุนร้องเสียงดัง
หมิงเวยยิ้ม “องค์ชายพูดอะไรน่ะท่านไม่ได้คิดจะทำเรื่องนี้หรือ กำลังกลายเป็นจริงแล้วไม่ดีหรือเจ้าคะ”
เรื่องไหน เรื่องไหนกัน จิตใจของฮูหลุนสับสน
ปกติเวลาเจองูเขาจะผ่ามันออกเป็นสองท่อนด้วยมีดเล่มเดียวซึ่งไม่น่ากลัวเลย แต่ตอนนี้เขาถูกมัดไว้แน่นกับเก้าอี้ทำให้ขยับไม่ได้ ความรู้สึกเย็น และลื่นนั้นไม่ควรจะชัดเจนเกินไป โดยเฉพาะงูตัวนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่ามีพิษร้ายแรงมากถ้าหากมันกัดเขาล่ะ…
งูขาวตัวน้อยได้ไต่ตามร่างกายเขา จากนั้นก็เลี้อยไปที่ไหล่ และพันรอบคอของเขา หัวของมันโน้มเข้ามาใกล้ชิดใบหน้าอีกฝ่าย มันขู่ฟ่อ และเลียใบหน้าของเขาโดยตรง
“อา…” ฮูหลุนเบือนหน้าหนี “ไปให้พ้นๆ!”
หมิงเวยหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อองค์ชายไม่ชอบความใกล้ชิดเช่นนี้งั้นก็ไปที่ขั้นตอนต่อไปเลยดีกว่า”
จากนั้นฮูหลุนมองงูขาวที่เลื้อยออกจากไหล่มุดเข้าไปในเสื้อผ้าของตน
ความรู้สึกลื่นๆ ตั้งแต่คอลงไปจนถึงหน้าอก หน้าท้อง จากนั้น…
เนื้อแนบเนื้อมันน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว!
เมื่องูเลื้อยไปถึงกลางกายฮูหลุนก็ทนไม่ไหวร้องออกมาเสียงดัง “พอแล้ว! ข้าไม่จับเจ้าแล้ว! รีบเอามันออกไปเร็ว!”
หมิงเวยมองเขาด้วยรอยยิ้มไม่พูดอะไร ฮูหลุนที่เคยมองนางอย่างดูถูกตอนนี้กลับกลายเป็นร้องขอวิงวอน “ข้าขอโทษเจ้าได้หรือไม่”
หมิงเวยก็ยังไม่พูดอะไร
ฮูหลุนรู้สึกอย่างชัดเจนเลยของสำคัญของเขาถูกรัดเอาไว้ เขากลัวว่างูขาวตัวเล็กจะกลืนสิ่งนั้นเป็นอาหารจึงร้องไห้อย่างขมขื่น “เจ้าต้องการอะไรข้ารับปากทุกอย่างขอร้องล่ะ…”
เมื่อเห็นคำวิงวอนอันขมขื่นของเขาในที่สุดหมิงเวยก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ “ในเมื่อองค์ชายไม่ชอบพวกเราก็บังคับไม่ได้ เสี่ยวไป๋ออกมาเถอะ”
“ฟ่อ…” ในที่สุดงูขาวตัวเล็กก็เลื้อยออกมาจากคอเสื้อของเขา
ฮูหลุนสติหลุดลอยเขานั่งตาแข็งค้าง
“รับปากทุกอย่างจริงๆ ใช่หรือไม่” หมิงเวยหรี่ตามองเขา
ฮูหลุนไร้เรี่ยวแรง “ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป”
หมิงเวยพยักหน้า “องค์ชายตอบคำถามสักสองสามข้อก่อนเจ้าค่ะ”
“เจ้าถามมาเถอะ” ตอนนี้ฮูหลุนขอแค่ออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดก็พอ
สตรีจากจงหยวนผู้นี้คือปีศาจ! เขาไม่อยากจินตนาการอะไรอีกแล้ว!
“เหตุใดองค์ชายถึงมาที่นี่คืนนี้ เป็นการตัดสินใจของตัวท่านเอง หรือถูกผู้อื่นเป่าหูมาเจ้าคะ” ฮูหลุนตกตะลึง
หมิงเวยเห็นปฏิกิริยาของเขาก็รู้แล้ว
“หรือว่าหากไม่สำเร็จก็จะไม่เลิกรา!” หมิงเวยเคาะโต๊ะ
พอเห็นว่าเมื่อตอนกลางวันนางไม่ตอบสนองอะไรจึงเป่าหูฮูหลุนให้มาล่วงเกินนางคืนนี้เพื่อทำให้นางขุ่นเคือง ดูเหมือนว่าเผ่าฉีหูจะถูกเขาทำการแทรกซึม ผู้ที่สามารถกระตุ้นฮูหลุนได้จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเขา
หมิงเวยครุ่นคิด หรือตนเองอาศัยโอกาสนี้เปลี่ยนใจดี….
ในตอนนั้นเองนางรู้สึกถึงอันตรายจึงคว้าตัวฮูหลุนอย่างรวดเร็ว บาตรสีทองบินผ่านประตูมาด้วยพลังอันมหาศาลพุ่งทำลายข่ายพลังของนางโดยตรง
หมิงเวยยกฮูหลุนขึ้น และยืนอยู่บนหลังคา นางมองพระอาจารย์ช่างจื้อที่อยู่ตรงลานบ้าน “พระอาจารย์ใจร้อนเสียจริงข้ากำลังพูดคุยกับองค์ชายท่านก็มา”
ฮูหลุนเห็นพระอาจารย์ช่างจื้อก็ดีใจร้องตะโกนออกมา “พระอาจารย์ช่วยข้าด้วย!”
พระอาจารย์ช่างจื้อมีสีหน้ามืดครึ้มเขาพูดว่า “แม่นางส่งองค์ชายมาให้ข้าเถิด! ที่นี่คือเมืองหยุนไฉ ตราบใดที่ได้รับคำสั่งแม่นางติดปีกก็หนีไปไม่รอด!”
หมิงเวยไม่แปลกใจ “ที่พระอาจารย์กล่าวมาข้ากับองค์ชายแค่สนทนายามค่ำคืนกัน เหตุใดพระอาจารย์ถึงได้จริงจังเช่นนั้นเล่า ข้าไม่มีจิตใจคิดร้ายกับผู้อื่น พวกท่านก็ไม่เชื่อ ช่างเถอะในเมื่อพระอาจารย์ไม่สบายใจข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
สิ้นเสียงนางก็โยนองค์ชายฮูหลุนออกไป นางโยนออกไปอย่างรวดเร็วจนพระอาจารย์ช่างจื้อรีบคว้าตัวเขาไว้ ทหารของฮูหลุนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกก็รีบตามเพื่อป้องกันไม่ให้นางโจมตีเข้าใส่ แต่หมิงเวยก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
พระอาจารย์ช่างจื้อคว้าตัวองค์ชายฮูหลุนไว้เมื่อแน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
สตรีจากจงหยวนผู้นี้แปลกมากจากประสบการณ์การเดินทางในจงหยวนของตน นางต้องเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมืออย่างแน่นอนซึ่งไม่ใช่เรื่องดีที่จะเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ อย่างไรก็ตามองค์ชายฮูหลุนไปยั่วยุอีกฝ่ายก่อนเขาทำได้เพียงตามเช็ดก้นเท่านั้น เรื่องเช่นนี้เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกเลยจริงๆ แต่ในเมื่อควบคุมองค์ชายไม่ได้ดังนั้น…
พระอาจารย์ช่างจื้อคิดในใจ และก้าวไปข้างหน้า “แม่นางทำให้องค์ชายลำบากหลายครั้งแล้วมีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
หมิงเวยได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วเดิมทีนางต้องการใช้โอกาสนี้เปลี่ยนจากสงครามการต่อสู้เป็นสันติภาพแล้วเตือนพวกเขาให้ระวังถูกเผ่าหมาป่าหิมะหลอก ไม่คิดว่าพระอาจารย์ช่างจื้อจะตอบสนองเช่นนี้
มันชัดเจนมากว่าองค์ชายฮูหลุนมายั่วยุนางก่อน แต่เขากลับบอกว่านางทำให้ฮูหลุนตกที่นั่งลำบาก พระอาจารย์ช่างจื้อต้องการอะไรกันแน่มีตรงไหนที่นางไม่เข้าใจหรือ