“ไม่ชอบงั้นรึ” คุณชายหยางพูดขึ้นอย่างช้าๆ พลางยกถ้วยหยกในมือของเขาขึ้น เสียงทุ้มหนักดูมีความสง่างามระหว่างบุรุษกับเด็กหนุ่ม น้ำเสียงทุกคำที่เปล่งออกมาจากปากของเขาราวกับลูกปัดหยกที่กลิ้งตกลงมา
เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านว่า “บุรุษไม่ชอบสตรี ปกติจะอธิบายได้สองอย่าง หนึ่งคือไม่ชอบสตรีประเภทนี้ สองคือเป็นพวกตัดแขนเสื้อ[1] องครักษ์เหลย ท่านเป็นแบบใดหรือ”
เหลยหงดูกระอักกระอ่วน “ข้าน้อยไม่ใช่ ข้าน้อยแค่ไม่ชอบแบบนี้…”
คุณชายหยางพูดเติมประโยคหลัง “หมายถึงไม่ชอบสตรีเช่นนี้หรือ”
เหลยหงก้มหัว เป็นการยอมรับโดยปริยาย คุณชายหยางหัวเราะ “งั้นท่านชอบสตรีแบบใดหรือ หากท่านไม่พูดข้าจะคิดว่าท่านกลั่นแกล้งคุณชายอย่างข้า”
“ข้าน้อย…” เขาพูดไม่ออก
“ฮ่าๆๆๆ!” เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้บุรุษที่นั่งตรงข้ามเหลยหงก็หัวเราะขึ้นมา “ท่านพี่ ท่านอย่าไปหยอกล้อเขาเลย เขาเป็นคนซื่อ!”
เหลยหงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณซื่อจื่อ[2]ขอรับ”
หมิงเวยมองตามบุรุษผู้นี้ดูอายุน้อยกว่าคุณชายหยางเล็กน้อย ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ไร้ประสบการณ์ แต่สำหรับคุณชายหยางนั้นดูน่าจะช่ำชองเลยทีเดียว มีเพียงคนเดียวในตงหนิงเท่านั้นที่สามารถถูกเรียกตำแหน่งซื่อจื่อได้ ซึ่งก็คือเจียงจ้าน บุตรชายคนโตของฉีตงจวิ้นอ๋องนั่นเอง
คุณชายหยางยิ้ม “น้องชายพูดแทนท่านเช่นนั้นข้าก็ไม่ลำบากใจแล้ว”
เหลยหงยืนขึ้น “ขอบพระคุณคุณชาย ข้าน้อยมีเรื่องบางอย่างที่ต้องไปจัดการ ขอ…”
“เดี๋ยวก่อน” คุณชายหยางยกมือขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววระยิบระยับ เขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ข้าไม่ทำให้ท่านลำบากใจ แต่ข้ายังไม่ได้บอกให้ท่านไปเสียหน่อย”
เหลยหงชะงัก “คุณชาย…”
“เรื่องสตรี ข้าไม่ได้บังคับท่าน” คุณชายหยางพูดช้าๆ “แต่งานเลี้ยงก็เริ่มแล้ว ให้ท่านจากไปเช่นนี้ ดูจะไม่ไว้หน้าข้าเกินไปหน่อย องครักษ์เหลยหงไม่ไว้หน้าข้าเช่นนี้ ใต้เท้าเจี่ยงไม่พอใจอะไรข้าหรือเปล่า”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ขอรับ” เหลยหงรีบตอบทันที “ใต้เท้าให้ความเคารพคุณชาย ให้เกียรติปฏิบัติต่อท่านด้วยจรรยาอันดีงามขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็นั่งลง” เหลยหงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งลงอีกครั้ง
“เหล่าสาวงามก็มาแล้วงั้นเริ่มงานเลี้ยงกันเลย”
คุณชายหยางปรบมือแล้วก็มีสาวรับใช้หลายคนเข้ามาพร้อมกล่องผ้าและคุกเข่าต่อหน้าคุณชาย เขาล้วงมือเข้าไปในกล่องแล้วสิ่งที่เขาหยิบมันออกมานั้นเป็นดอกไม้ผ้าที่ดูเหมือนราวกับของจริง
จากนั้นเขาก็อธิบายอย่างช้าๆ “การละเล่นในวันนี้ต่างออกไป แต่ละคนจะมีดอกไม้ผ้าอยู่ในมือ พวกท่านนำดอกไม้นี้มอบให้สาวงามพวกนั้น หากผู้ใดได้รับดอกไม้ ผู้นั้นเป็นคนของท่านแล้วการละเล่นต่อไป คือพวกนางจะต้องเป็นตัวแทนของพวกท่าน”
จวิ้นอ๋องซื่อจื่อเจียงจ้านกอดผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาแล้วหัวเราะ “เป็นตัวแทนพวกเราทำอะไรหรือ ดื่มสุรารึ”
คุณชายหยางยกมือจับคางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “ดื่มสุราย่อมได้! แต่สาวงามต่างสามารถร้องเล่นเต้นระบำได้ให้พวกนางแข่งร้องแข่งระบำจะไม่สนุกกว่าหรือ ถ้าหากแข่งแพ้ล่ะก็…” เขาหยุดพูด “ให้ถอดเสื้อผ้าหนึ่งชิ้น ผู้ใดถอดหมดก่อนผู้นั้นถือว่าแพ้ และผู้แพ้ก็จะต้องถูกลงโทษ”
เจียงจ้านลูบฝ่ามือของเขาและหัวเราะ “เยี่ยม! เยี่ยมจริงๆ! ท่านพี่กติกาการเล่นนี้แปลกใหม่และน่าสนใจจริงๆ”
คุณชายท่านอื่นเองก็หัวเราะ “ดูน่าสนุก! มาๆๆ ใครเริ่มก่อน”
“คุณชายหยางไม่เลือกก่อนหรือ” คุณชายหยางเล่นดอกไม้ในมือ “ข้าไม่มีปัญหา จะเลือกคนไหนก็เหมือนกัน”
เจียงจ้านรู้สึกตื่นเต้นเขาผลักหญิงสาวข้างกายออกแล้วยืนขึ้น “งั้นข้าก่อน!”
เขาเดินไปหาเหล่าสาวงามและมองดูทีละคน เหล่าหญิงสาวรู้สึกกระวนกระวายใจ
การเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้คนเป็นความอัปยศที่เลี่ยงไม่ได้ แต่พวกนางจะทำอย่างไรได้ พวกขุนนางชอบเล่นแบบนี้พวกนางทำได้แค่เล่นตามน้ำเท่านั้น คนที่ขายเรือนร่างจะไปสนใจอะไรขนาดนั้น
หมิงเวยรู้สึกโกรธมาก นางไม่ได้โกรธคุณชายหยางผู้นี้ ในช่วงปีแรกๆ ที่นางท่องไปทั่วหล้ากับท่านอาจารย์ เคยได้เป็นแขกของพวกขุนนาง ในตอนนั้นกฎระเบียบพิธีต่างๆ ล้มเหลวเป็นอย่างมาก แย่ยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก นางเห็นมามากแล้วจึงได้แต่ดูถูกคนพวกนี้
คนที่นางโกรธคือตระกูลหมิง สถานการณ์เช่นนี้ยังคิดที่จะส่งตัวฮูหยินสามมาที่นี่อีก หากไม่มีการเปลี่ยนตัวกันมาก่อน ฮูหยินสามเองก็คงไม่อยากทำเช่นนี้ ให้คนอื่นเล่นสนุกตามต้องการ
นางเป็นฮูหยินจากตระกูลชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียง อายุของนางถือว่าเป็นมารดาของเด็กหนุ่มพวกนี้ได้ แต่ต้องมาทำเรื่องน่าอายเช่นนี้!
“ช้าก่อน!” เสียงหนึ่งขัดจังหวะบรรยากาศที่คลุมเครือนี้ หมิงเวยเงยหน้าขึ้นมอง เขาคนนั้นก็คือเหลยหง
ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความอับอายสามส่วน รู้สึกไม่สบายใจสามส่วน ส่วนที่เหลือคือความโกรธ
“คุณชาย” ภายใต้สายตาที่มองมาด้วยความสนใจของทุกคน เขาพยายามสงบสติอารมณ์ และยืนขึ้นเพื่อพูดกับคุณชายว่า “พวกนางมาที่นี่เพื่อแสดง ทำไมไม่ชื่นชมไปกับการแสดงของพวกนางล่ะขอรับ ให้พวกนางเต้นรำเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้คน มันค่อนข้าง…ทำลายศีลธรรมอันดีงาม”
ทันทีที่เขาพูดจบภายในห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าคุณชายก็หัวเราะเสียงดัง มีคนพูดขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าใต้เท้าเจี่ยงเป็นคนซื่อตรง ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง! องครักษ์ข้างกายเขาถึงได้เที่ยงตรงเช่นนี้”
“เที่ยงตรงอะไรกัน หากพูดจาอ้อมแบบนั้นดูคร่ำครึไปหน่อยนะ!”
เจียงจ้านหัวเราะตาม “ท่านพี่ ท่านให้เขาอยู่ด้วย ท่านหมดสนุกหรือไม่”
คุณชายหยางไม่ได้โกรธไม่ได้ยิ้ม ยังคงพิงเบาะแล้วเงยหน้าขึ้น “องครักษ์เหลย” พอเห็นรอยยิ้มที่เขารู้จักดีของคุณชาย เหลยหงก็รู้สึกเกร็ง “ข้าน้อยจะอยู่ขอรับ”
“ท่านรู้ไหมว่ากิริยาของท่านในตอนนี้เรียกว่าอะไร”
เหลยหงตอบอย่างแน่วแน่ “ไม่ทราบขอรับ”
เขาฟังคุณชายเอ่ยตอบช้าๆ “ความเพียรพยายามที่สูญเปล่า”
เหลยหงกำลังจะโต้กลับ แต่เขายกมือขึ้นห้ามเขาไว้ “ท่านคิดว่าตัวท่านกำลังเป็นเดือดเป็นร้อน ได้ ครั้งนี้ข้าจะฟังคำของท่าน แต่คราวหน้าสาวงามเหล่านี้มีหน้าที่สร้างความสำราญให้ผู้คน ท่านไม่สามารถลบล้างการมีอยู่ของพวกนางได้ เพราะฉะนั้นถึงเป็นความเพียรพยายามที่สูญเปล่า”
“แต่ว่า…”
คุณชายหยางพูดอีกครั้ง “ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกนางแสดงได้ดีก็มีโอกาสที่จะถูกตาต้องใจ เช่นนี้พวกนางจะได้ออกจากสถานการณ์ที่ผู้คนมากมายต่างจับจ้องกันอย่างสนุกสนาน ท่านทำเช่นนี้ไม่แย่ต่ออนาคตของพวกนางหรอกหรือ”
“ใช่!” คุณชายท่านหนึ่งตะโกนขึ้นมา “ข้าค่อนข้างพอใจแม่นางผู้นั้น หากนางปรนนิบัติดีข้าจะพานางกลับไปด้วยก็เป็นความคิดที่ไม่เลว”
คุณชายหยางเขย่าถ้วยสุราแล้วยิ้ม “องครักษ์เหลย เมื่อท่านกวาดล้างความไม่สงบสุขของมนุษย์ ท่านรู้ไหมว่าความสกปรกบนโลกใบนี้เป็นเรื่องปกติ ท่านทำความสะอาดเรือนได้ แต่ท่านไม่สามารถทำความสะอาดใต้หล้าได้”
เขาพูดเช่นนั้นเหลยหงยืดตัวตรงแล้วพูดออกไปว่า “หากไม่ทำความสะอาดเรือนแล้วจะทำความสะอาดใต้หล้าได้อย่างไร คุณชายขอรับ ใต้เท้ามักพูดว่า เขาไม่สามารถไขความข้องใจให้ทั่วหล้าได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถคืนความยุติธรรมให้กับผู้คนตรงหน้าได้ หากท่านไม่ทำหญิงสาวเหล่านี้ก็จะถูกกลั่นแกล้งน้อยลง ผู้คนที่หยุดกลั่นแกล้งก็จะมากขึ้นใต้หล้าที่สงบสุขได้มาถึงแล้ว เหตุใดถึงเป็นความเพียรพยายามที่สูญเปล่ากัน”
คำพูดนี้เขากล่าวด้วยเสียงอันดังเหล่าคุณชายสำมะเลเทเมาส่วนใหญ่ไม่มีวิชาความรู้จึงไม่รู้จะโต้กลับไปอย่างไร พวกเขาจึงพูดไม่ออก
คุณชายหยางชะงักแล้วเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง คนรอบข้างไม่เข้าใจท่าทางของเขาจึงได้แต่หัวเราะตามเขาไป
คุณชายหยางหัวเราะพลางโบกมือ “เอาล่ะ เห็นแก่หน้าขององครักษ์เหลย วันนี้ข้าจะไม่กลั่นแกล้งพวกนาง ส่วนการละเล่นในวันนี้เหมือนอย่างเคย หากแพ้ ไม่อยากถอดไม่เป็นไร ดื่มสุราเถอะ! องครักษ์เหลย แบบนี้ท่านพอใจหรือไม่”
………………………………………………………..
[1] ตัดแขนเสื้อ : คนรักร่วมเพศ
[2] ซื่อจื่อ : ตำแหน่งสืบทอดบรรดาศักดิ์ของขุนนางระดับโหวไปจนถึงเชื้อพระวงศยศชินอ๋อง ส่วนใหญ่จะเป็นบุตรชายคนโต