เหลยหงไม่พูดอะไร คุณชายหยางยินดีที่จะถอยให้เพราะเห็นแก่หน้าใต้เท้าเจี่ยง แต่เขาไม่สามารถขอให้ผู้อื่นยอมปล่อยหญิงสาวเหล่านี้ไปได้หรอกหรือ
อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ นางขับร้องเหล่านี้มีไว้เพื่อความสนุกสนาน หากครั้งนี้ปล่อยไปแล้วครั้งหน้าล่ะ สำหรับพวกนางแล้วสิ่งนี้ยังเป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน
เหลยหงประสานมือคำนับ “ขอบพระคุณคุณชาย”
คุณชายหยางเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “วันนี้ข้ายอมท่าน แต่ครั้งหน้าขอให้ท่านจำเรื่องในวันนี้ไว้ด้วย”
เหลยหงรับคำแล้วนั่งลงอีกครั้ง แล้วการละเล่นก็ดำเนินต่อไป
เจียงจ้านยืนอยู่ตรงหน้าหมิงเวย เขาขมวดคิ้ว “สวมหมวกคลุมใบหน้าก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่มันขัดขวางการเลือกคนของข้า ถอดมันออกซะ!”
หมิงเวยชะงักนางยกมือขึ้นอย่างช้าๆ จวิ้นอ๋องซื่อจื่อกล่าวเช่นนี้ นางจำเป็นต้องถอดหมวกออกอย่างช่วยไม่ได้ แต่หากนางถอดออกก็จะไม่สามารถปิดบังใบหน้าจริงของตนได้
เสื้อผ้าของฮูหยินสามส่วนใหญ่เป็นสีอ่อนขับเน้นให้ดูเยือกเย็นและสง่างาม นอกจากนี้ยังปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีอ่อน หนึ่งปกปิดตัวตน สองปกปิดครึ่งหน้า ยิ่งเสริมให้นางดูมีความประณีตอย่างชัดเจน
ดูจากฐานะของตระกูลหมิงแล้ว การรับอนุภรรยาไม่กี่คนไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่การที่ย่ำยีฮูหยินสามเช่นนี้เป็นเพราะความงามของนางนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ
อันที่จริงแล้วหมิงเวยไม่เข้าใจ การเปิดเผยใบหน้านั้นไม่ทำให้คนให้ความสนใจมากกว่าหรือ ความคิดตอบสนองอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีมือของหมิงเวยก็จับที่หมวกคลุมใบหน้าแล้ว
ทันใดนั้นนางเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา สาวงามตรงหน้าถอดหมวกคลุมศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ถูกปิดด้วยผ้าแพรบาง
เจียงจ้านตกใจในตอนแรกเขารู้สึกว่าคิ้วคู่นั้นช่างประณีตทำให้ผู้คนรู้สึกอยากมอง แต่เมื่อมองดูอีกครั้งก็รู้สึกผิดหวัง เขารีบละสายตาออกไปอย่างรวดเร็วแล้วมองไปยังสาวงามคนอื่นๆ
ภายใต้ผ้าคลุมหน้าหมิงเวยยกมุมปากขึ้นเพียงแวบเดียวรอยยิ้มนั้นก็หายไป ความจริงแล้ววิธีนี้หากให้อธิบายนั้นง่ายมาก
วิชาปลอมตัวที่แพร่หลายในยุทธภพ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงใบหน้าแล้ว ยังมีความสามารถในการปรับตัวอีกด้วย ซึ่งต้องย้ายกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้เป็นไปตามผลลัพธ์ที่เราต้องการ
อวัยวะทั้งห้า[1]เหมือนกันแต่สามารถแสดงความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มันคือ จิง ชี่และจิตวิญญาณ ขณะที่หมิงเวยถอดหมวกคลุมใบหน้าออก นางทำให้คิ้วของตนตก แววตาไร้ประกาย
เมื่อเจียงจ้านเห็นความงามเพียงแวบแรก แต่พอมองดูอีกทีจะรู้สึกว่าดวงตาของนางดูโศกเศร้าไม่เปล่งประกาย คิ้วงามดูขมขื่น หญิงงามไม่ใช่แค่ผิวพรรณที่ดูดีเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความงามจากภายใน ใบหน้าที่งดงามประณีต แต่หากดูขมขื่น มันก็ไร้ความหมาย
เจียงจ้านรีบเลือกสาวงามมาหนึ่งคน เขาสอดดอกไม้ผ้าลงบนหน้าอกที่โผล่พ้นมาครึ่งหนึ่งของนางแล้วยิ้มอย่างร่าเริง “มาๆๆ มากับซื่อจื่อ!”
นางขับร้องนางนั้นโค้งตัวด้วยความภาคภูมิใจ นางกลับไปที่นั่งพร้อมกับเจียงจ้านด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า
หมิงเวยที่ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางเงยหน้าขึ้นมองกลับเห็นว่าคุณชายหยางผู้นั้นนั่งเอนหลังพิงเบาะพลางเล่นดอกไม้ผ้าในมือ เขามองมาทางนี้ด้วยรอยยิ้ม แววตาฉายแววลึกซึ้งอย่างคนกำลังสนใจ
นางชะงักสงสัยว่าเขากำลังมองมาที่ตนอยู่หรือเปล่า พอมองดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขาก็ถอนสายตากลับหรือว่านางคิดฟุ้งซ่านไปเอง
อาจจะเป็นภาพลวงตา แม้ว่านางจะได้พบกับคุณชายหยางผู้นี้ที่โรงน้ำชา แต่ในตอนนั้นเขากับนางก็อยู่ห่างกันมาก และตอนนี้นางยังคลุมหน้าไว้อยู่ เขาจึงไม่น่าจะจำนางได้
แล้วคุณชายหยางพูดขึ้นอีกว่า “องครักษ์เหลย ซื่อจื่อเลือกเรียบร้อยแล้ว ท่านไปเลือกสักคนเถิด!”
“นั่น…” เหลยหงสับสน
คุณชายหยางหัวเราะเบาๆ “วางใจเถอะ ครั้งนี้เป็นการแข่งทักษะ ไม่ใช่เพื่อมอบความสำราญแก่ท่าน”
เหลยหงเคยเลี่ยงไปครั้งหนึ่งแล้ว หากครั้งนี้เขาเลี่ยงอีกคงเป็นการไม่ไว้หน้าคุณชาย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมือขึ้นชี้ “เลือกแม่หญิงนางนั้นขอรับ!”
เขาชี้แบบสุ่ม จุดที่เขาชี้มานั้นมีหญิงสาวอยู่สองสามนาง ซึ่งพวกนางเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงตนเองหรือไม่
ในระหว่างที่พวกนางสองจิตสองใจนั้นก็มีคนลุกยืนขึ้น ซึ่งคนที่ลุกขึ้นนั้นก็คือหมิงเวย พอนางเห็นเหลยหงชี้แบบสุ่ม นางก็รู้ว่าโอกาสของนางมาถึงแล้ว
ฟังความหมายที่คุณชายหยางสื่อมานั้น ให้เลือกผู้ที่คอยฟังคำสั่ง ซึ่งในบรรดาคุณชายที่อยู่ในที่นี้ ผู้ใดกันจะรู้ว่าตนจะถูกสั่งให้ทำอะไรกันแน่ แน่นอนว่าเหลยหงดูน่าเชื่อถือที่สุด
ตำแหน่งที่นางยืนอยู่นั้นเบี่ยงเบนไปจากตำแหน่งที่เหลยหงชี้ไปเล็กน้อย แต่เขาไม่สนใจหรอก เพราะเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าจะเป็นใคร
นางจึงไม่ลังเลที่จะยืนขึ้น และคนอื่นๆ คงคิดว่าเป็นาง หมิงเวยเดินไปหยุดตรงหน้าเหลยหงอย่างช้าๆ นางก้มตัวลงแล้วดัดเสียง “ขอบคุณใต้เท้าที่มอบดอกไม้ให้เจ้าค่ะ”
เหลยหงรู้สึกอึดอัด เขารีบยื่นดอกไม้ในมือของเขาให้กับนาง
หมิงเวยยื่นมือเพื่อรับมัน คนสองคนที่อยู่ใกล้กัน คนหนึ่งนั่ง คนหนึ่งโค้งกายทำความเคารพ ใบหน้าของทั้งสองจึงประจันหน้ากันอย่างพอดิบพอดี
เหลยหงชะงักเมื่อเห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมปรากฏขึ้นต่อสายตาของเขา
แล้วทันใดนั้นใบหน้าแบบเดียวกันก็ฉายขึ้นมาในความคิดของเขา
“ฮ่าๆๆ ถึงตาข้าแล้ว!” เสียงนี้ดังขึ้นขัดความคิดของเหลยหง เขารีบมอบดอกไม้ให้กับนางอย่างรวดเร็ว
พอมาคิดๆ ดูแล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย สายตามองไปทางคุณชายหยาง แต่เห็นว่าเขานั่งเอามือเท้าคาง สายตามองออกไป มุมปากเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ไม่รู้ว่าเขามองออกหรือเปล่า
หมิงเวยรับดอกไม้แล้วไปยืนอยู่ด้านหลังของเหลยหง ไม่รู้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ องครักษ์เหลยผู้นี้มีความคิดอย่างไร
ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกว่านางไม่ควรอยู่ที่นี่ด้วยสถานะเช่นนี้ เกรงว่าตนเองอาจจะตาฝาดไป
แต่พอมาคิดดูอีกทีในวันนั้นเขาอยู่ใกล้นางมากที่สุด ซึ่งเขาไม่เคยเจอเรื่องน่าตกใจแบบนี้มาก่อนในชีวิต ความประทับใจนั้นลึกล้ำจนยากที่จะลบออก แล้วถ้าเป็นนางจริงๆ เหตุใดนางถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ตระกูลหมิงจงใจส่งนางมางั้นหรือ
เหลยหงหักห้ามใจตนเองไม่ให้หันศีรษะไปมอง และพยายามนั่งตัวตรง แต่รู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาจากด้านหลังจึงรู้สึกกระสับกระส่าย
หมิงเวยเหลือบมององครักษ์เหลยด้วยความสงสัย สะโพกของเขามีน้ำมันติดอยู่หรือถึงได้ขยับไปขยับมาเช่นนี้ หลังจากที่คุณชายได้เลือกสาวงามกันหมดเรียบร้อยแล้ว คุณชายหยางก็โยนดอกไม้ผ้าในมือซึ่งบังเอิญไปตกอยู่ในอ้อมแขนของนางขับร้องคนสุดท้ายพอดี
นางขับร้องที่ถูกเลือกนั้นกำลังรู้สึกท้อใจ แต่พอนางได้รับดอกไม้นั้นก็รู้สึกดีใจมาก แล้วนางก็เดินนวยนาดเข้าไปหาแล้วโค้งกายขอบคุณ “ขอบคุณคุณชายสำหรับดอกไม้เจ้าค่ะ”
คุณชายหยางไม่สนใจเขาโบกมือให้นางมายืนข้างๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อเลือกกันเสร็จแล้ว งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ”
เจียงจ้านกอดซ้ายทีขวาทีอย่างเป็นสุขใจ เมื่อได้ยินจึงถามออกไปว่า “ท่านพี่ จะเริ่มอย่างไรหรือ เล่นตีกลองส่งดอกไม้ดีหรือไม่”
คุณชายหยางตอบ “แบบนั้นจะไปสนุกได้อย่างไร แข่งขันทักษะ ต้องให้รู้สึกถึงแพ้ชนะสิถึงจะสนุก”
เขาหยิบดอกดาวเรืองขนาดเล็กบนโต๊ะแล้วโยนไปข้างหน้า “ผู้ใดชนะ ข้าจะตบรางวัลให้” ดาวเรืองดอกนี้ทำจากทองคำบริสุทธิ์ ฝังอัญมณี ดูงดงามและมีค่ามาก
ดวงตาของเหล่าสาวงามเป็นประกาย พวกนางเข้ามาในเส้นทางนี้เพื่ออะไร ก็เพื่อทรัพย์สินไม่ใช่หรือ
“ฮ่าๆๆ ท่านพี่ใจกว้างมาก!” เจียงจ้านหัวเราะ “งั้นข้าเพิ่มโชคลาภให้ด้วย”
เขาดึงพู่ห้อยพัดออกแล้วโยนมันออกไป “ข้าให้ของตอบแทนด้วย” พอเห็นเจียงจ้านเป็นเช่นนี้ คุณชายท่านอื่นจะไม่ร่วมสนุกไปด้วยได้อย่างไร
ในพริบตาก็มีเครื่องประดับทองและหยกกองเล็กๆ บนโต๊ะ ภายใต้รางวัลใหญ่เหล่านี้มีคนลุกขึ้นยืน
“คุณชายทุกท่าน ข้าน้อยยินดีที่จะลอง” หญิงสาวกล่าวขึ้นอย่างเปิดเผยคุณชายที่เลือกนางปรบมือให้ “หากเจ้าชนะ ข้าจะไถ่ตัวเจ้าเอง!”
คนอื่นๆ เองก็เอาด้วย “ใครรับคำท้าข้าเองก็จะไถ่ตัวด้วย!”
ในไม่ช้าก็มีนักแสดงหญิงอีกคนลุกขึ้นยืนเช่นกัน คนหนึ่งหยิบเครื่องดนตรี อีกคนตั้งท่า จากนั้นก็เริ่มการแข่งร้องเต้น
หมิงเวยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตาเหม่อมองค่ำคืนที่มืดมิดด้านนอก
นางนึกขึ้นได้ว่าทางที่นางเดินมานั้น สวนซิ่นกำลังเผชิญหน้ากับความมืดมิด กลางดึกเช่นนี้ นางคิดว่าคงมีวิญญาณเร่ร่อนมากมาย…
……………………………………………………………
[1] อวัยวะทั้งห้า : หู ตา คอ จมูก ปาก โดยทั่วไปหมายถึงอวัยวะบนใบหน้า