เมื่อเห็นสถานการณ์ภายในห้องผู้มาใหม่ก็เบิกตากว้าง
เป็นฉากที่ล่อแหลมเสียจริงๆ แต่เมื่อเห็นคุณชายหยางผู้นี้กดสตรีนางหนึ่งเข้ากับกำแพง ปิ่นและต่างหูยุ่งเหยิงพะรุงพะรัง ผมสีดำเงางามกระจัดกระจาย กระโปรงขาดไปครึ่งหนึ่ง
แสงไฟสลัวส่องให้เห็นไหล่ที่โผล่พ้นมาครึ่งหนึ่งใบหน้างามฉายแววตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกแล้วยังมีเสื้อตัวนอกที่เขาเปิดออก ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ขโมยความสนใจได้เป็นอย่างดี
พอได้ยินเสียงคุณชายหยางจึงยืดตัวขึ้นดึงสาวงามให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเพื่อปิดกั้นสายตาจากผู้มาใหม่ จากนั้นเขาก็มองไปที่ประตูอย่างเฉื่อยชา “มีอันใด”
ผู้มาใหม่คือหัวหน้าพ่อบ้านของสวนซิ่น พอได้ยินเสียงของคุณชายหยางเขาก็รีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองภาพตรงหน้า “ใต้เท้าเหลยบอกว่า คุณชายพักผ่อนอยู่ที่นี่ ข้าน้อยเลยกังวลกลัวว่าไม่มีใครมาปรนนิบัติท่าน…”
คุณชายหยางส่งเสียงอืมเบาๆ “วิญญาณเร่ร่อนพวกนั้นไปแล้วหรือ”
“ขอรับ ใต้เท้าเหลยให้ข้าน้อยนำไฟมาขับไล่พวกมัน ตอนนี้จัดการเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ”
“น้องข้าล่ะ เมื่อครู่เหมือนเขาจะตกใจมาก” สีหน้าของหัวหน้าพ่อบ้านดูลำบากใจ เขาตอบอย่างคลุมเครือ “ซื่อจื่อสบายดีขอรับ ท่านกลับจวนจวิ้นอ๋องแล้ว”
“เขาไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว เดี๋ยวข้าจะกลับไปเจ้าส่งคนไปบอกด้วย” คุณชายหยางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ขอรับ…” คุณชายหยางไม่เป็นอันใด หัวหน้าพ่อบ้านถอนหายใจอย่างโล่งอก ซื่อจื่อตกใจกลัวมาก เมื่อสักครู่จางสื่อ[1]เดินทางมาถึงแล้วได้ตำหนิเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากคุณชายหยางเป็นอันใดไปอีก เขาคงไม่สามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าพ่อบ้านต่อไปได้อีกเป็นแน่ แต่คุณชายหยางผู้นี้ดูไม่สนใจคำวิจารณ์ผู้อื่นจริงๆ ขนาดคืนนี้เกิดเรื่องขึ้น เขายังไม่ลืมที่จะลัก…
ภายในห้อง
“อึก!” คุณชายหยางรู้สึกเจ็บที่ท้องจนร้องออกมา หมิงเวยอาศัยโอกาสนี้พาตนเองออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วดึงเสื้อขึ้น
“คุณชาย ท่านทำอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ! หากเมื่อครู่ข้าเอามีดแทงท่านแทนที่จะเตะล่ะก็ ป่านนี้ท่านอยู่ในอาการปางตายได้เลยนะเจ้าคะ”
หมิงเวยรวบผมที่กระเซอะกระเซิงของตน ดูเป็นการเตือนที่ปรารถนาดีคุณชายหยางกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด “เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าควรขอบคุณเจ้าใช่หรือไม่”
“ข้าน้อยไม่กล้าให้ท่านมาขอบคุณหรอกเจ้าค่ะ หากท่านและข้าบรรลุข้อตกลงกัน การช่วยเหลือกันและกันเป็นเรื่องที่สมควรมิใช่หรือเจ้าคะ”
“หึๆ” คุณชายหยางยิ้มเยาะ
ช่างน่าอับอายอะไรเช่นนี้! เขาเสียสมาธิชั่วขณะจึงถูกนางเตะไปที่จุดสำคัญ ต่อไปจะมีหน้าไปพบใครได้อย่างไร หากเหลยหงรู้เข้าเกรงว่าเขาคงหัวเราะแทบตายเป็นแน่
“แม่นางหมิง ข้ายังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ”
“ข้ายังคิดไม่ออกว่าท่านมีเหตุผลอันใดที่ต้องปฏิเสธข้อเสนอนี้กัน” หมิงเวยตอบ “คดีเก่าเมื่อสิบปีก่อน คนที่อาจเสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อนหาง่ายจะตายไป ข้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษอันใด แต่เกรงว่าท่านจะไม่สามารถหาเบาะแสได้จนต้องเสียเวลาไปมากก็เท่านั้น”
คุณชายหยางรู้สึกไม่พอใจ ลึกๆ แล้วเขาไม่ต้องการให้นางเป็นต่อ “ใต้หล้าไม่ได้มีแค่ท่านที่เข้าใจเคล็ดวิชานี้ เพียงข้าส่งจดหมายกลับไป ข้าก็สามารถเชิญเสวียนชื่อที่เก่งที่สุดมาได้”
“ผิดแล้ว!”
หมิงเวยตอบ “ท่านไม่สามารถเชิญเสวียนชื่อที่เก่งที่สุดมาได้หรอก เพราะว่าข้าอยู่ที่นี่” รอยยิ้มของคุณชายหยางหายไป ความไม่พอใจเมื่อครู่กระจายหายไปทันที
นางหมายถึงไม่มีใครเก่งกาจไปกว่านางแล้วสินะ เขาคิดว่าตนหลงตัวเองพอสมควรแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าหญิงสาวนางนี้จะหลงตัวเองยิ่งกว่าเขาเสียอีก
“แม่นางหมิง การคุยโวโอ้อวดก่อนลงมือทำไม่ใช่นิสัยที่ดีหรอกนะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ท่านแน่ใจหรือว่าท่านเป็นเสวียนชื่อที่เก่งที่สุด”
“ใช่ ข้าแน่ใจเจ้าค่ะ”
คุณชายหยางแบมืออย่างไม่แยแส “แล้วอย่างไร”
“ปรมาจารย์แห่งชีวิต” หมิงเวยย้ำอย่างจริงจัง “ข้าคือปรมาจารย์แห่งชีวิต”
“…” เขาตอบ “ก็แค่คำเรียกจำเป็นต้องจริงจังเพียงนั้นเลยหรือ”
“แน่นอนว่าต้องจริงจังเจ้าค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากท่านอาจารย์ และข้าจะต้องรักษาชื่อนี้เอาไว้” คุณชายหยางเดิมทีมีความสงสัยเกี่ยวกับคำพูดของนาง แต่เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ เขาก็เชื่อเกินครึ่งแล้ว
คนที่มีความเชื่อจะไม่ล้อเล่นกับสิ่งที่ได้รับสืบทอดมา เขาคิดอยู่พักหนึ่ง “หากข้าเชื่อท่าน นับว่าเสี่ยงมาก! หากท่านกลับไปแล้วนำเรื่องนี้ไปพูด ข้าคงแก้ไขอันใดไม่ทัน”
หมิงเวยถอนหายใจ “ที่จริงแล้วข้าไม่ต้องการอยู่ที่นั่น แต่ที่ตระกูลหมิงยังต้องใช้ท่านแม่ของข้าอยู่ นางอยู่ในตระกูลหมิงในสถานการณ์ที่เลวร้าย ข้าไม่อยากให้นางอยู่คนเดียว”
คุณชายหยางรู้สึกประหลาดใจ “ท่านเป็นวิญญาณเข้าร่าง ท่านแม่ของคุณหนูเจ็ดเกี่ยวอันใดกับท่านกัน”
หมิงเวยหัวเราะแววตาอ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง “ข้ามาที่โลกนี้ เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้รับความรักความเอ็นดูจากนาง นี่คือเหตุผลเหมือนดั่งว่ามีความรักความผูกพัน พวกเราถูกลิขิตให้เป็นแม่ลูกกันชาตินี้ ถึงนางไม่ได้ให้กำเนิดข้า แต่นางก็ไม่ต่างจากแม่ของข้า”
คุณชายหยางปรบมือ “ฟังที่ท่านพูดมาแม่นางเป็นผู้ที่น่าคบหาผู้หนึ่ง เช่นนี้ข้าก็โล่งใจไม่น้อย”
หมิงเวยยิ้ม “ข้าน้อยคือปรมาจารย์แห่งชีวิต ใต้หล้าคือความรับผิดชอบของข้า แต่ก็ต้องเริ่มจากผู้ที่อยู่ข้างกายก่อน”
“ทำความสะอาดเรือน แล้วค่อยทำความสะอาดใต้หล้าอย่างนั้นหรือ” คุณชายหยางรู้สึกสนใจ “นั่นเป็นประโยคที่เหลยหงมักพูดประจำ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงปกป้องท่าน”
เมื่อเห็นว่าเลยยามสี่เข้าไปแล้วหมิงเวยรู้สึกเป็นกังวล แต่นางจำเป็นต้องพูดกับเขาตามลักษณะนิสัยของตน ใจจึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย “ในเมื่อพวกเรามีความเชื่อเดียวกัน แม้ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้ แต่เราควรร่วมใจร่วมคุณธรรมกันมิใช่หรือเจ้าคะ”
“ที่แม่นางพูดมาก็ถูก” คุณชายหยางยืนขึ้น “เย็นมากแล้ว…”
ในที่สุดก็ได้ยินประโยคที่รอคอย หมิงเวยยิ้ม “ใช่…”
นางเพิ่งพูดออกไปแค่คำเดียวก็รู้สึกเจ็บที่ต้นคอ ดวงตาของนางเบิกกว้างแล้วค่อยๆ สูญเสียการมองเห็นแล้วตัวนางก็ล้มลง
คุณชายหยางโอบกอดนางไว้ เขามองสาวงามในอ้อมแขนอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้วพูดประโยคหลังต่อให้ “ท่านพูดแล้วคิดว่าข้าจะเชื่องั้นหรือ คิดว่าข้าเลอะเลือนเพราะความงามจริงหรืออย่างไรกัน! ปล่อยให้ท่านกลับไปงั้นหรือ อย่าโง่ไปหน่อยเลย…”
…………..
ยามสี่ผ่านไป อาหว่านรออย่างใจจดใจจ่อ
ในครั้งนี้คุณชายไม่ได้เรียกนางไป นี่คือการปกป้องนาง อาหว่านเข้าใจดี นางจึงทำได้เพียงขอบคุณ และไม่รู้สึกว่าตนไม่ได้รับความไว้วางใจอันใด
แต่เพราะเหตุนี้นางจึงไม่สามารถรับข่าวสารจากคุณชายโดยตรงได้ หัวหน้าพ่อบ้านส่งคนมาบอกข่าวว่าคุณชายสบายดี แต่หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง อาหว่านคงไม่สามารถวางใจได้
“คุณชาย!” เสี่ยวถง สาวใช้ที่มายืนรอเป็นเพื่อนนางจู่ๆ ก็ร้องขึ้นมา และวิ่งออกไปข้างนอก อาหว่านเงยหน้าขึ้นแล้วนางก็เห็นร่างของคนที่คุ้นเคย
เพียงแต่…อาหว่านรีบก้าวไปข้างหน้า และเสี่ยวถงก็ได้ถามทุกอย่างที่นางต้องการจะถามหมดแล้ว
“คุณชาย! ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่เจ้าคะ ได้ยินมาว่าซื่อจื่อตกใจกลัว ท่านตกใจกลัวหรือไม่ เอ๋…นี่ผู้ใดหรือเจ้าคะ”
“ข้าไม่เป็นอันใด เจ้าคิดว่าคุณชายของเจ้าเป็นคนเยี่ยงไรกัน เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้จะทำให้ข้าตกใจกลัวได้อย่างไร” เขาตอบก่อนเดินเข้าห้องไป
เขาเพิกเฉยต่อสาวใช้ที่ออกมาต้อนรับเขาแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องด้านใน จากนั้นก็โยนคนในอ้อมแขนลงบนเตียงแล้วพูดว่า “อาหว่าน น้ำแกงสร่างเมา”
อาหว่านส่งสายตาแล้วก็มีคนนำน้ำแกงสร่างเมามาให้
“คุณชาย แม่นางท่านนี้คือ…”
“ไม่ต้องสนใจนาง” คุณชายหยางรับน้ำแกงสร่างเมาแล้วกรอกเข้าปาก “เตรียมน้ำสำหรับชำระกายแล้วไปเรียกอาสวนมาด้วย”
“เจ้าค่ะ” คุณชายกล่าวจบไม่อธิบายอันใดต่อ อาหว่านจึงต้องกลืนความสงสัยในใจแล้วรับฟังคำสั่ง ก่อนออกไปนางเหลือบมองไปที่เตียงที่อยู่ในห้องแล้วก็ต้องสะดุ้ง
เอ๊ะ แม่นางผู้นั้นดูคุ้นๆ คงไม่ใช่…
…………………………………………………
[1] จางสื่อ : หัวหน้าที่ปรึกษา