ผู้ที่มาร่วมพิธีศพที่จวนตระกูลหมิงส่วนใหญ่มาเพื่อชมความสนุกสนานแต่ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าความสนุกสนานมันจะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ตอนที่ลูกศิษย์ของซินแสวิ่งออกมานั้น พวกเขายังชมเรื่องตลกนี้ด้วยกันอยู่เลย
ตอนที่เด็กรับใช้ทั้งแปดคนวิ่งออกมาพวกเขาจึงเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยนั่นคือชายร่างใหญ่แปดคนที่ได้รับหน้าที่แบกโลงศพ หยางชี่เต็มเปี่ยมเช่นนี้ยังตกใจกลัวได้ หรือ…หรือว่าผีจะดุมาก!
เมื่อนายท่านสองถูกซินแสเนตรหยินหยางดึงตัวออกมาด้านนอก พวกเขาเลยทนไม่ได้อีกต่อไป ผะ…ผี! ผีอาละวาดจริงๆ! แม้แต่ซินแสเนตรหยินหยางยังถูกผีเข้าสิงเลย! ผีออกอาละวาดเช่นนี้หมายความว่าความฝันในคืนนั้นของนางเป็นจริงใช่หรือไม่
พอนึกถึงเรื่องนี้ฮูหยินสองรู้สึกเหมือนตนกำลังวิ่งไปพร้อมกับม้าป่าอยู่เลย นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องนี้
“ท่านแม่!” หมิงฮ่าววิ่งเข้ามาหา
“หมิงฮ่าว! ลูกวิ่งมาที่นี่ทำไมกัน” ฮูหยินสองตะโกนเรียกสาวใช้ “เจ้ารีบพาคุณชายหกกลับเรือนเร็วเข้า!”
หมิงฮ่าวปฏิเสธไม่ยอมไป “ท่านแม่ขอรับ ลูกโตแล้ว! ลูกไม่กลัว!”
จากนั้นเขาจึงหันไปตะโกนเรียกหมิงเฉิงที่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น “พี่สี่! เรียกคนให้ไปหยุดซินแสที ตอนนี้ผู้คนเยอะเกินไป!”
หมิงเฉิงพอได้สติกลับมาก็สั่งการออกไป “มัวแต่ยืนงงอะไรกันอยู่ รีบไปล้อมเขาไว้สิ อย่าให้เขาหนีไปได้!” แล้วเขาก็หันไปสั่งคนรับใช้อีกสองสามคน “พวกเจ้าไปเอาไม้มา ลงมือแต่พอดีอย่าลงมือในจุดที่อันตรายแล้วก็อย่าทำร้ายคนจนเจ็บหนัก!”
“เชือกอยู่ไหน เจ้าไปเอามาที มัดเขาไว้!”
“ประตู! รีบปิดประตูเร็วเข้า!”
“ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้ไปหลบอยู่ในเพิง อย่าออกมา!”
หมิงเวยยืนมองฉากนี้อยู่ที่ประตูทางเข้าห้องเซ่นไหว้ผู้ตายกับอาหว่าน “นั่นคุณชายสี่ใช่หรือไม่ เขาดูไม่เลวเลย..ในสถานการณ์เช่นนี้เขากลับไม่มีอาการตื่นตกใจแม้แต่น้อย จัดระเบียบต่างๆ ได้ดีเสียจริง”
หมิงเวยพยักหน้า
ใช่ บุตรชายบุตรสาวตระกูลหมิงล้วนไม่เลวเลยทีเดียว หมิงเฉิงมีความเป็นพี่ชายสูงมาก หมิงฮ่าวมีจิตใจบริสุทธิ์ หมิงเซียงมีชีวิตชีวาและตรงไปตรงมา
พวกเขาเป็นคนที่ดีมากจริงๆ
แต่ทำไม…บิดาของพวกเขาถึงเป็นคนเช่นนั้นกัน
คนหนึ่งบังคับน้องสะใภ้ คนหนึ่งมองเงียบๆ อยู่ข้างๆ หรือในตอนแรกพวกเขาล้วนไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น แต่กาลเวลาทำให้ผู้คนค่อยๆ เปลี่ยนไป
สิ่งที่หมิงเวยเรียกมาไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายและไม่ได้ทรงพลังอะไร
ในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ ซินแสเนตรหยินหยางถูกไม้กดที่คอให้ทรุดลงกับพื้น เหล่าเด็กรับใช้จึงช่วยกันมัดเขาเอาไว้
ในที่สุดนายท่านสองก็ได้รับการช่วยเหลือ มวยผมของเขากระจัดกระจายจนยุ่งเหยิงไปหมด เสื้อผ้าของเขาถูกดึงทึ้งจนไม่เหมือนเดิมใบหน้าประเดี๋ยวซีดเดี๋ยวม่วง เนื่องจากโดนกระแทกเมื่อสักครู่นี้
“นายท่านเป็นอันใดหรือไม่ขอรับ”
“รีบไปตามหมอเร็วเข้า!”
“ไม่…” นายท่านสองเค้นเสียงพูดออกมา “ข้าไม่เป็นอันใด เจ้าไม่ต้องเชิญหมอมา”
พิธีศพในวันนี้กลายเป็นเรื่องตลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเชิญหมอมาอีกเรื่องที่เขาถูกผีกลั่นแกล้งคงกลายเป็นเรื่องตลกไปด้วย
“ท่านลุงสองกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีหรือไม่ขอรับ อีกทั้งยังต้องหายารักษาแผลบนใบหน้าด้วย” หมิงเฉิงพูด “ไม่ต้องห่วงทางนี้ขอรับ หลานกับท่านป้าสองจะดูแลเอง”
นายท่านสองพยักหน้าเขาคิดในใจว่าถึงน้องสี่ของเขาจะดูไร้ประโยชน์ แต่บุตรชายของเขาไม่เลวเลยทีเดียว
จากนั้นเขาก็หันกลับไปเห็นหมิงเวยยืนอยู่หน้าห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย นางยืนอยู่บนขั้นบันได เขารู้สึกราวกับว่านางอยู่สูงเกินเอื้อมถึง
นางอยู่ในชุดไว้ทุกข์ใบหน้าที่สดใสงดงามนั้น ทั้งเรียบง่าย และงดงามถึงขีดสุด มีคำกล่าวไว้ว่าหากอยากงดงามต้องกตัญญูคงจะสมเหตุสมผลจริงๆ
แต่ตอนนี้นายท่านสองไม่มีเวลาว่างมาชื่นชมผู้ใด..
เขามองเห็นเงาของฮูหยินสามจากใบหน้านี้ จำได้ว่าในตอนแรกที่นางเดินทางมาจากเมืองหลวง นางก็มีลักษณะเช่นนี้
นางงดงามจนชวนให้ผู้คนใจหายใจคว่ำ ทั้งสวยงาม ทั้งรื่นรมย์ราวกับเมฆบนท้องฟ้า ในตอนแรกเขาไม่คิดอันใดมาก แม้เขาจะถอนหายใจในใจ ช่างน่าเสียดายที่สตรีงดงามผู้นี้ต้องเป็นหม้ายในช่วงวัยที่ดีที่สุดของนาง
จนกระทั่งวันหนึ่งน้องหกได้ก่อปัญหาขึ้น เขารีบไปดูนางก็เห็นว่านางราวกับดอกไม้ที่ถูกพายุฝนทำลายจนสิ้นหวังไปเสียแล้ว
นางเกือบจะฆ่าตัวตายแล้ว…
แต่เขารีบตะโกนออกไปว่า “ถ้าท่านตายไปแล้วเสี่ยวชีล่ะ”
นางหยุดชะงักแล้วมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่ามีน้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น “ตายไม่ได้ ข้าตายไม่ได้…”
นางร้องไห้สะอึกสะอื้น นายท่านสองจำไม่ได้ว่าตอนนั้นเขารู้สึกอย่างไรเหมือนเขาจะเห็นใจนาง แต่หลังจากนั้น…
นายท่านสองตกอยู่ในภวังค์ ผู้อื่นคงคิดว่าเขาตกใจกลัวจึงรีบพาเขากลับไปที่เรือน
เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้พิธีศพจึงดำเนินต่อไปไม่ได้ ฮูหยินสองและหมิงเฉิงจึงต้องออกมาอธิบายสถานการณ์ให้แขกแต่ละคนเข้าใจ และส่งพวกเขากลับไปอย่างสุภาพ
จนกระทั่งรุ่งสางถึงสามารถแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ หมิงเฉิงเดินเข้าไปในห้องเซ่นไหว้ผู้ตายอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวชี วันนี้วุ่นวายมาทั้งวันแล้วน้องไปงีบสักพักเถอะ”
พูดไปเขาก็นึกได้ว่าข้างในยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีก จะให้นางเข้าไปได้อย่างไรกัน เขาจึงเปลี่ยนคำพูด “น้องกลับไปพักที่สวนอวี๋ฟางเถอะ”
แล้วเขาก็นึกขึ้นได้อีกว่าที่สวนอวี๋ฟางเพิ่งขุดพบเจอโครงกระดูก…
หมิงเฉิงอึ้งไปชั่วขณะแล้วถอนหายใจในใจ ตระกูลหมิงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่นะ พอเขากลับมารอบนี้เหตุใดทุกอย่างดูเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้กัน
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หมิงเวยตอบ “น้องจะอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่”
“ไม่ได้!” หมิงเฉิงคัดค้าน “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ น้องก็เห็นแล้ว หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับน้องอีกจะทำอย่างไร”
“น้องไม่เป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ” นางพูด “นั่นคือท่านแม่ของน้อง นางไม่ทำร้ายน้องหรอก”
“ไม่ได้…” หมิงเวยไม่คุยกับเขาอีก นางหมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังห้องเซ่นไหว้ผู้ตาย อาหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตามนางไปอย่างระมัดระวัง
หมิงเฉิงไม่มีทางเลือกเขาทำได้เพียงเดินตามเข้าไปอย่างกล้าหาญ
หมิงเวยเดินตรงเข้าไปยังด้านหลังห้อง ตะปูที่ตอกโลงศพได้หลุดออกแล้ว นางจึงใช้แรงผลักฝาโลงออกไป
ฮูหยินสามยังนอนอยู่ในนั้นผลจากดวงตาหยินหยางได้หายไปแล้วอาหว่านจึงมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นอีก แต่นางก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ
ผู้ใดจะรู้เล่าว่าอาจมีผีอยู่ข้างๆ ตรงนั้นก็เป็นได้!
หมิงเฉิงเดินเข้ามาแล้วเขาก็เห็นภาพตรงหน้า โลงศพพังเละไปนิดหน่อย
ยันต์ถูกติดอย่างไม่เป็นระเบียบ เลือดสาดไปทั่วทุกที่…
หมิงเวยดึงยันต์ออกทีละอันแล้วหยิบผ้าออกมาเช็ดเลือด
“เสี่ยวชี!”
“ชู่!” หมิงเวยกดเสียงให้เบาลง “อย่ารบกวนท่านแม่เจ้าค่ะ”
หมิงเฉิงจึงต้องเดินไปหานางกระซิบเสียงเบา “น้องออกไปก่อนดีหรือไม่ ที่นี่เละเทะเช่นนี้…”
“เพราะเหตุนี้น้องจึงต้องทำความสะอาดที่นี่เจ้าค่ะ” หมิงเวยพูด “พี่สี่อย่ากังวลไปเลย ท่านดูสิท่านแม่ไม่ทำร้ายน้อง นางแค่ไม่ต้องการจากไปก็เท่านั้น…”
หมิงเฉิงเงียบ
ฮูหยินสามตายได้อย่างไร ผู้คนทั่วตงหนิงล้วนพูดต่อกันอย่างครึกโครม เขาจะไม่ได้ยินเรื่องนี้ได้อย่างไร
แต่ผู้น้อยอย่างเขาจะทำอย่างไรได้ไม่สามารถบอกได้ว่าท่านอาหกผิด หรือกล่าวโทษผู้อาวุโสว่าไม่เป็นธรรม เขาทำได้เพียงเงียบเอาไว้
เขาไม่สามารถให้ความยุติธรรมแก่ฮูหยินสามได้ ในเมื่อท่านอาหกเป็นเช่นนั้น หลานชายเยี่ยงเขาจะพูดอันใดได้อีก
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องได้ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้วเขาก็มีส่วนผิดเช่นกัน…
“พี่สี่…”
สติของหมิงเฉิงกลับมา “หืม…”
“ท่านช่วยไปบอกท่านป้าสองให้นำน้ำแข็งจำนวนหนึ่งมาให้ทีเจ้าค่ะ น้องไม่สามารถออกจากห้องนี้ได้ชั่วคราวศพของท่านแม่จำเป็นต้องดูแลเป็นอย่างดี”
หมิงเฉิงยิ้มแล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไปว่า “ได้”
………………………………………..