“น่าสนใจจริงๆ” หมิงเวยพึมพำ
ตัวฝูไม่เข้าใจ “น่าสนใจตรงไหนหรือเจ้าคะคุณหนู”
แน่นอนว่าน่าสนใจอยู่แล้ว ญาณชีวิตสามารถหล่อเลี้ยงสิ่งชั่วร้ายได้ ซึ่งนั่นทำให้มันชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น…
มันเป็นความเกลียดชังเช่นใดกัน ถึงได้ใช้วิธีนี้ทำร้ายฮูหยินสาม และบุตรสาวของนาง หากสิ่งชั่วร้ายนี้ได้รับการเลี้ยงดูในสวนแห่งนี้ ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ…
“ตัวฝู เจ้าเก็บของพวกนี้ห่อเอาไว้ให้ดี” หมิงเวยชี้ไปที่เหล่าสิ่งของเล็กๆ ตรงหน้า
“เจ้าค่ะคุณหนู” หมิงเวยเงยหน้าขึ้นมองสวนอวี๋ฟางภายใต้แสงอาทิตย์ พืชพรรณผลิดอกออกผล ดอกไม้นานาชนิดเบ่งบานสะพรั่ง แสงในฤดูใบไม้ผลิสว่างและงดงามขึ้นเรื่อยๆ
“ไปบอกท่านแม่ว่าสวนแห่งนี้จำเป็นต้องทำความสะอาด” นางพูดช้าๆ “ฤดูใบไม้ผลิหวนคืนแผ่นดินใหญ่ ผลผลิตท้องถิ่นเจริญงอกงาม ของสกปรกต้องเก็บกวาดให้หมดถึงจะมีอนาคตที่ดีขึ้น”
………
จวนตระกูลหมิงฝั่งทิศตะวันตก
ในปีนั้นนายท่านหมิงเซียงมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า จวนตระกูลหมิงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วเมืองตงหนิง หลังจากนั้นจวนก็ได้แยกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งทิศตะวันออกยกให้บุตรชายคนโต ฝั่งทิศตะวันตกยกให้บุตรชายคนรอง
ลานบ้านหลักของฝั่งตะวันตกแต่เดิมเป็นของนายท่านสาม แต่หลังจากนายท่านสามเสียไป ฮูหยินสามก็พาบุตรสาวกลับมาอยู่ที่เรือนเก่าปล่อยทิ้งลานบ้านหลักแล้วเข้ามาอยู่ที่สวนอวี๋ฟาง
พอนายท่านสามเสีย นางก็ไม่เหลือใครอีก ทางฝั่งเรือนรองก็ต้องการให้นายท่านสี่รับช่วงต่อแล้วฮูหยินสามจะทำอย่างไรได้ ทำได้เพียงอยู่ให้เป็นก็เท่านั้น
ฮูหยินสี่เองก็รู้สึกขอบคุณในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีเรื่องอันใดก็ตามนางจะเอาใจใส่สวนอวี๋ฟางเป็นอันดับแรกเสมอ ในสายตาของคนภายนอกช่างเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันเสียจริง
ยามซื่อ[1] ฮูหยินสี่จัดการเรื่องงานภายในเรือนเสร็จ พอนางกลับเรือนหลัก ก็เห็นนายท่านสี่นั่งขมวดคิ้วดื่มชาอยู่ ชานั่นไม่รู้ว่าชงมากี่รอบแล้ว เพียงแค่ครู่เดียวมันก็จืดชืดและไร้รสชาติ แต่เขาก็ไม่เรียกสาวใช้ให้มาเปลี่ยน เอาแต่ดื่มราวกับดื่มสุรา
ฮูหยินสี่ไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ นางตกใจมากยกมือลูบอก “เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะท่านพี่ เหตุใดจึงกลับมาเร็วนัก”
นายท่านสี่พูด “อืม” แล้วไม่กล่าวอันใดต่อ ฮูหยินสี่เห็นท่าทางของเขาเช่นนั้นแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงไม่กล้าชวนเขาคุยต่อจึงคิดจะปลีกตัวไปดูความเรียบร้อยในครัว
ผู้ใดจะรู้ว่าพอนางกำลังจะเดินออกไป นายท่านสี่ก็เรียกนางไว้ “เสี่ยวชีหายดีแล้วหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน นางโง่มาตั้งแต่เกิด เรียกหมอมามากมายรักษาก็ไม่หาย ทำไมจู่ๆ ถึงได้หายดีขึ้นมาได้”
ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้เองงั้นหรือเรื่องนี้มีอะไรน่าโกรธกัน ฮูหยินสี่สับสนเล็กน้อย กล่าวได้ว่าชีวิตของฮูหยินสี่ค่อนข้างสบายกว่าพี่สะใภ้น้องสะใภ้คนอื่นในตงหนิง
ฮูหยินสอง และนายท่านสองเข้ากันไม่ได้ แต่อยู่ด้วยกันเพื่อบุตรสาวบุตรชายมาหลายปีแล้ว นายท่านหกก็ลุ่มหลงอยู่กับสุราและสตรี ฮูหยินหกนางมีนิสัยอ่อนแอจึงมีเรื่องไม่ดีเข้ามาหาตลอด
นายท่านสี่เองนิสัยไม่ได้ดี แต่เมื่ออยู่ในเรือนก็พอจะยับยั้งอารมณ์ได้อยู่มาก หลายปีมานี้ไม่มีตบแต่งอนุภรรยา บุตรชายบุตรสาวทั้งสามคนล้วนเกิดจากฮูหยินสี่ทั้งสิ้น
หากถามเรื่องที่ไม่มีความสุขก็คงเป็นเรื่องที่ทั้งสองคนไม่เปิดใจกัน เป็นสามีภรรยากันมาสิบสองปี บุตรชายมีอายุสิบเจ็ดปีแล้วจนถึงตอนนี้ฮูหยินสี่ยังรู้สึกว่าตัวนางยังคงไม่อาจรู้ใจสามีได้ นอนร่วมเตียงกันทุกคืน แค่ชวนคุยประโยคเดียวก็ยังไม่รู้จะพูดเรื่องใดดี
บางครั้งพอคิดถึงเรื่องนี้นางก็มิอาจสงบใจได้ แต่พอนึกถึงฮูหยินสองและฮูหยินหก นางก็ไม่รู้จะบ่นอะไรดี ฮูหยินสี่ตอบกลับไปว่า “ท่านพี่คงจำได้ว่าในตอนแรกหมอเทวดาจงเคยบอกว่าอาการโง่ของเสี่ยวชีเกิดจากการสูญเสียดวงวิญญาณ…”
นายท่านสี่พยักหน้า “ในตอนนั้นพี่สามได้เชิญคนมาเสกดวงวิญญาณให้เสี่ยวชี แต่ก็ไม่ได้ผล”
“คิดว่าคนที่เชิญมาคงไม่มีความสามารถมากพอ…” ฮูหยินสี่พูดในสิ่งที่หมิงเวยบอกมา “…ยิ่งไปกว่านั้น”
นายท่านสี่จิบน้ำชาอีกคำ แต่กลับไม่พูดอันใด หัวใจของฮูหยินสี่เต้นระรัว นางไม่รู้ว่าตนเองพูดอันใดให้สามีไม่พอใจหรือเปล่า
“ท่านพี่…” พอจะเปลี่ยนคำพูดก็ถูกนายท่านสี่พูดขัดเสียก่อน “คำพูดเมื่อสักครู่ เสี่ยวชีพูดออกมาเองหรือ”
ฮูหยินสี่แปลกใจ “แน่นอนว่านางพูดเอง ผู้อื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าดวงวิญญาณของนางลอยไปที่ใด”
“ตอนเจ้ามองนาง นางดูไม่เหมือนคนโง่เลยใช่หรือไม่”
ฮูหยินสี่พยักหน้า “ไม่ใช่แค่ไม่โง่ แต่น้องคิดว่านางดูฉลาดกว่าคนในเรือนเสียอีก” หยุดไปพักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “จริงสิ เรื่องนำดวงวิญญาณของเสี่ยวชีกลับมา เพิ่งหาวิธีได้เมื่อเช้านี้เอง”
“วิธีใดกัน”
“เห็นพูดกันว่าเสวียนหนี่เหนียงเหนียงที่พี่สะใภ้สามกราบไหว้อยู่ศักดิ์สิทธิ์มาก เสวียนหนี่เหนียงเหนียงให้ดวงวิญญาณของเสี่ยวชีอยู่รับใช้ คำขอของพี่สะใภ้สามบรรลุผล เสวียนหนี่เหนียงเหนียงได้นำดวงวิญญาณของนางกลับมา”
นายท่านสี่ถือถ้วยน้ำชาอย่างกรุ่นโกรธ “เสวียนหนี่เหนียงเหนียงอะไรกัน เหลวไหลทั้งเพ!”
ฮูหยินสี่ตกใจรู้ดีว่าสามีเกลียดเรื่องผีสางเทวดามากนางจึงรีบพูดต่อว่า “เด็กคนนั้นพูดแบบนี้ ไม่มีผู้ใดคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรอกเจ้าค่ะ อาจเป็นเพราะพี่สะใภ้สามกลัวคนนอกเอาไปพูดกันนางถึงได้คิดข้ออ้างนี้ขึ้น”
“ฮึ!” นายท่านสี่รู้สึกโกรธ “พูดจาไร้สาระ! เจ้าก็อย่าไปยุ่งกับนางมากแล้วอย่าไปที่สวนอวี๋ฟางอีก ดูแลลูกให้ดีก็พอ”
ฮูหยินสี่พยักหน้า “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” มองนายท่านสี่ก้าวเท้าออกไปก็รีบถามไปว่า “ท่านพี่ ใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้วท่านจะกลับมาทานหรือไม่”
นายท่านสี่ไม่แม้แต่จะหันกลับมา “ไม่กลับ พวกเจ้ากินกันไปเถอะ!”
ฮูหยินสี่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ เป็นเช่นนี้อีกแล้ว ทุกครั้งที่กลับมาก็จะเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวโกรธเดี๋ยวอารมณ์ดี แต่ก็ไม่เคยเลยที่จะแบ่งปันร่วมกับนาง
ฮูหยินสี่รู้สึกขมขื่นในใจ แต่ในไม่ช้านางก็ขจัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ มีอะไรที่นางต้องไม่พอใจกันล่ะ ถึงแม้สามีจะไม่รักใคร่ใกล้ชิดกับนาง แต่ก็ยังเคารพกัน เรื่องภายนอกนางขอไม่เข้าไปยุ่ง แต่เรื่องภายในเรือนไม่ยุ่งไม่ได้ ยังมีเรื่องลูกอีก บุตรชายคนโตเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ บุตรสาว และบุตรชายคนเล็กก็น่ารักน่าเอ็นดู
นางควรพอใจได้แล้วฮูหยินสี่ที่มีเรื่องหนักใจอยู่เต็มอกหมุนตัวเดินกลับเข้าห้อง แต่แม่นมที่เป็นคนสนิทก็รีบวิ่งเข้ามาหาเสียก่อน “ฮูหยินเจ้าคะ! ที่สวนอวี๋ฟาง…”
นายท่านสี่ที่เพิ่งเดินออกจากเรือนไปหันกลับมาตามเสียงเรียกของฮูหยินสี่
“ท่านพี่! ท่านพี่เจ้าคะ!” เขาเห็นฮูหยินสี่รีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้น ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก “ข้าไม่ได้บอกไปหรือว่าพวกเจ้ากินกันไปเลย”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นเจ้าค่ะท่านพี่!” ฮูหยินสี่รีบบอก “เมื่อครู่แม่นมหยูมาบอกว่าที่สวนอวี๋ฟางมีการทำความสะอาดสวน…”
“ก็ให้พวกนางทำความสะอาดไปสิจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปทำไม”
ฮูหยินสี่พูดต่อว่า “…เสี่ยวชีต้องการที่จะทำลายกำแพงนั้นลง”
“เจ้าว่าอันใดนะ?” สีหน้าของนายท่านสี่เปลี่ยนไปยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็มุ่งหน้าไปทางสวนอวี๋ฟางแล้ว ฮูหยินสี่กำลังลังเลว่านางต้องตามสามีไปหรือไม่ และในตอนนั้นหมิงเฉิงก็กลับมา “ท่านแม่ ทำไมสีหน้าท่านถึงเป็นอย่างนั้น ท่านพ่อจะไปที่ใดหรือ”
ฮูหยินสี่มองบุตรชายที่ตัวสูงไม่ต่างจากสามีแล้ว และอีกไม่นานเขาก็จะกลายเป็นกำลังสำคัญของบ้าน “เสี่ยวชีต้องการทำลายกำแพงของท่านพ่อ ท่านพ่อของเจ้าโกรธมาก ตอนนี้กำลังรีบไปที่สวนอวี๋ฟาง…”
หมิงเฉิงตกใจรีบตามไปทันที
“เฉิงเอ๋อร์!” ฮูหยินสี่ร้องเรียก “อย่าไปขวางท่านพ่อนะ…”
“ทราบแล้วขอรับ!” หมิงเฉิงรีบตามไป แต่ก็ไม่ได้หยุดนายท่านสี่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในสวนอวี๋ฟาง เหล่าสาวใช้ที่ร่างกายแข็งแรงนั้นรับฟังคำสั่งของหมิงเวย ช่วยกันพังกำแพงลง กำแพงนี้ถูกสร้างขึ้นมาบางๆ ตอนที่นายท่านสี่มาถึง เหล่าสาวใช้ก็พังลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!” เขาโกรธจัดเป็นฟืนเป็นไฟ สาวเท้ามาหยุดตรงหน้าฮูหยินสาม “ท่านกำลังทำอันใดอยู่ ก่อนหน้านี้บอกมีผี ข้าถึงให้คนล้อมรอบเอาไว้ แต่ตอนนี้ท่านคิดจะพังมันลงงั้นรึ”
……………………………………………………….
[1] ยามซื่อ (巳:sì) คือ 09.00 – 10.59 น.