ตอนที่ 3 ช่วยแม่ของข้า
หัวหน้าหมู่บ้านมองตาขวางใส่สตรีสูงวัยและหลิวซื่อ
ทั้งสองคนก็ดูออกว่าไป๋จื่อไม่ใช่ศพฟื้น และนางไม่ได้ตายจริงๆ ย่อมไม่รู้สึกหวาดกลัวแล้ว พวกนางจึงตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น
ฝ่ายแม่สามีกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้าน “นี่เป็นเรื่องของสกุลไป๋ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องลำบากหัวหน้าหมู่บ้านหรอก”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวด้วยความโมโห “นี่ยังเรียกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีกหรือ? เกือบจะมีคนผู้หนึ่งตายแล้ว พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าฆ่าคนตายต้องชดใช้ด้วยชีวิต วันนี้โชคดีที่ไป๋จื่อยังไม่ตาย ถ้าหากมีอันเป็นไปจริง พวกเจ้าสองคนก็จงรอเข้าไปอยู่ในคุกเฉยๆ เสียเถอะ”
หญิงชรารู้สึกกลัวขึ้นมาบ้าง นางรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “หัวหน้าหมู่บ้านช่างพูดล้อเล่นเหลือเกิน ลูกบ้านไหนยังไม่ป่วยออดๆ แอดๆ บ้าง เช่นนั้นครอบครอบของเด็กที่ตายไปต้องเข้าคุกอย่างนั้นหรือ”
ไป๋จื่อที่อยู่ข้างๆ ลุกขึ้นยืน กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “นั่นเป็นเพราะยังไม่มีใครแจ้งความ อย่าเพิ่งไปสนใจพวกข้าราชการ หากข้าตายจริง เมื่อท่านแม่ไปฟ้องร้องที่อำเภอ พวกท่านสองคนจะหนีพ้นหรือ”
หัวหน้าหมู่บ้านเลิกคิ้วมองไป๋จื่อครั้งหนึ่ง ‘เด็กคนนี้ รู้เรื่องไม่น้อยเลย’
“ไป๋จื่อพูดถูกต้อง มีเหตุผล” หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้า
แม่สามีและหลิวซื่อสบตากันครั้งหนึ่ง ในแววตามีความขลาดกลัว ในใจคิดว่าโชคดีที่เด็กคนนี้ฟื้นขึ้นมา ไม่เช่นนั้นพวกนางต่างหากที่จะเป็นฝ่ายดูน่าสมเพช
ไป๋จื่อเห็นว่าจ้าวซื่อที่นอนอยู่บนพื้นคล้ายจะขยับตัว ทว่ายังไม่ฟื้นขึ้นมา
นางกลอกตา ก่อนจะฉุกคิดอะไรขึ้นได้ จึงรีบเงยใบหน้าเล็กน่าสงสารขึ้น แล้วกล่าวกับหญิงชราสกุลไป๋ว่า “ท่านย่า แม่ของข้าบาดเจ็บหนักนัก ท่านได้โปรดตามหมอมาให้แม่ของข้าด้วย”
หญิงชราขมวดคิ้ว ทำหน้าหงิกงอ “ตามหมอ? หากสกุลไป๋มีเงินเย็นถึงเพียงนั้น แล้วบิดาเจ้าจะตายได้อย่างไร เด็กอย่างเจ้านี่คิดเพ้อฝันทีเดียวนะ สันดานเลวนัก แค่ตีไปไม่กี่ไม้ ยังคิดจะเสียเงินเชิญหมอมา ฝันไปเสียเถอะ!”
คำตอบนี้อยู่ในความคาดหมายของทุกคน ในอดีตลูกชายคนสุดท้องได้รับบาดเจ็บ หญิงชราผู้นี้ก็ไม่ตัดใจเสียเงินเชิญหมอ ปล่อยให้แผลเล็กลุกลามเป็นแผลใหญ่ ผลสุดท้ายแม้แต่ชีวิตก็ไม่เหลือเช่นกัน
กับลูกชายตนเองยังใจไม้ไส้ระกำถึงเพียงนี้ กับสะใภ้นอกตระกูลและหลานสาวที่เก็บมาเลี้ยง นางจะใจดีด้วยได้อย่างไร
ไป๋จื่อหันไป ‘อ้อนวอน’ หัวหน้าหมู่บ้าน “หัวหน้าหมู่บ้านเจ้าคะ แม่ของข้าเกือบจะไม่ไหวแล้ว ท่านโปรดช่วยแม่ของข้าด้วย”
หัวหน้าหมู่บ้านสงสารจื่อยาโถว[1]จับใจ เขาเห็นเจ้าสามเก็บเด็กคนนี้มาจากในป่าด้วยตาของเขาเอง ทีแรกยายแก่ไป๋ไม่ยินยอมรับเลี้ยง และเขาเองก็เป็นคนให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เสียแรงและเปลืองน้ำลายไปไม่น้อย นี่ถึงทำให้เจ้าสามและภรรยาสมดังใจหวัง
กลับไม่คิดเลยว่านานวันเข้าหญิงชราคนนี้ยิ่งทำเกินไป หากไม่ถือโอกาสนี้สั่งสอนนางสักครั้ง นางอาจจะก่อเรื่องใหญ่มากกว่านี้ก็เป็นได้
หัวหน้าหมู่บ้านตัดสินใจ กล่าวกับสตรีสูงวัยสกุลไป๋ว่า “รีบตามหมอให้สองแม่ลูก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเจ้าแม่สามีและลูกสะใภ้สองคน ก็ต้องชดใช้หนี้ก้อนนี้ทั้งหมด!”
หญิงชราชะงักค้าง ฝ่ายหัวหน้าหมู่บ้านทำหน้าเคร่ง “ตรงนี้มีคนอยู่มากมาย ล้วนเห็นกับตาว่าเจ้าตีคนปางตาย พวกเจ้าสองคน สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่อาจรอดไปได้ เรื่องทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับพวกเจ้า ถึงเวลาที่ศาลาว่าการพาคนมา พวกข้าทั้งหมดจะเป็นพยานรู้เห็น”
บัดนี้แม่สามีทั้งโกรธ ทั้งแค้น โกรธที่หัวหน้าหมู่บ้านผู้นี้จุ้นจ้านจนเกินไป แค้นที่สองแม่ลูกนี้ไม่ตกตาย นางไม่มีกะใจอยากจะตีใครแล้วเช่นกัน เด็กสาววัยสิบสองที่เกือบจะขายได้ราคาดี สตรีวัยกลางคนที่ทำงานเก่งทั้งในและนอกบ้าน หากขาดสองแม่ลูกนี้ไป เช่นนั้นนางก็ไม่มีข้อดีอะไรแล้ว
……….
ตอนที่ 4 เหลือลมหายใจสุดท้าย
กระนั้น ให้นางนำเงินไปใช้เชิญหมอมารักษาในตอนนี้ นี่เจ็บปวดยิ่งกว่าเฉือนเนื้อของนางออกมาเสียอีก
ครั้นนึกถึงปีนั้น ที่เจ้าสามต้องตายเพราะไม่ได้รักษาบาดแผลให้ทันท่วงที ในใจของนางก็เริ่มรู้สึกเครียดเกร็งขึ้นมา หากจู่ๆ จ้าวซื่อและเด็กสาวผู้นี้เกิดตายขึ้นมา หัวหน้าหมู่บ้านนำเรื่องแจ้งทางการให้มาจับนาง เช่นนั้นจะทำอย่างไร
แม้เงินจะสำคัญ ทว่าก็ต้องเห็นแก่ชีวิตด้วยถึงจะถูกต้อง
“ตกลง ข้าจะเชิญหมอให้พวกนาง” หญิงชรากัดฟัน ในใจคิดจะรอให้ทุกคนแยกย้ายกันไปก่อน แล้วนางถึงจะเชิญหมอ ถึงตอนนั้นนางจะขอให้หมอจ่ายยาน้อยๆ หน่อย เพียงแค่รับรองว่าคนไม่ตายก็พอ
แต่ใครจะรู้ หมอลู่ที่ทั้งวันเป็นเทพเจ้ามังกร เห็นหัวไม่เห็นหาง[2]กลับดูความคึกคักอยู่ในฝูงชน บางทีเขาอาจจะรู้ว่าต้องได้ใช้งานเขา ถึงได้แบกล่วมยา[3]มาด้วย
หมอลู่เบียดออกมาจากฝูงชน เดินตรงไปนั่งยองๆ ลงข้างจ้าวซื่อที่กำลังสลบไสล “ไม่ต้องไปเชิญแล้ว ข้าอยู่พอดี ตอนนี้ข้าจะตรวจดูพวกนางสองแม่ลูกสักหน่อย”
เขาตรวจดูบาดแผลของจ้าวซื่อรอบหนึ่ง คิ้วที่เดิมทีขมวดมุ่นคลายลงบ้าง
ทว่าเมื่อเขาเงยหน้ามองหญิงชราสกุลไป๋ สีหน้าของเขาก็กลับย่ำแย่อย่างยิ่ง “แม่เฒ่า ข้าว่าท่านลงมือหนักเกินไปแล้ว คนผู้นี้เหลือลมหายใจสุดท้ายเท่านั้น หากคิดจะรักษาชีวิตนาง ต้องดื่มน้ำแกงโสม ข้าจะฝังเข็มให้นางด้วย อาจจะช่วยนางกลับมาได้”
ไป๋จื่อมองหมอลู่ที่ทำหน้าจริงจังพลางพูดมั่ว นางอยากหัวเราะ ทว่าก็ไม่กล้า อดทนไว้ทรมานยิ่งนัก
หญิงชราเป็นนางร้ายในหมู่บ้านมาโดยตลอด หมอลู่ผู้นี้ถูกนางรังแกก็ไม่น้อย ครั้งนี้มีโอกาสดีเช่นนี้ ไหนเลยจะปล่อยนางรอดไปได้
นางมองท่านหมอลู่ด้วยความสงสัย พร้อมทั้งกล่าวว่า “ไม่กระมัง ลูกสะใภ้ของข้าเอง ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร นางผิวด้านหนังหนา เพียงแค่ตีไม่กี่ไม้ จะเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายได้อย่างไร เจ้าตั้งใจทำให้ข้ากลัวกระมัง”
ครั้นไป๋จื่อได้ยินคำพูดนี้ ไฟโทสะในใจนางก็พลันปะทุขึ้น
ไป๋จื่อที่ตายไปแล้วและจ้าวซื่ออาศัยอยู่ในตระกูลนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลยสักวัน ต้องตรากตรำทำงานไม่พูดจาทั้งวัน ส่วนคนในบ้านไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงแค่อารมณ์ไม่ดี ก็ล้วนระบายความโกรธใส่พวกนางทั้งสิ้น ทั้งตบตีและด่าทอ ในสายตาของแม่สามีก็เป็นแค่เรื่องที่ทำทุกวัน ย่อมไม่รู้สึกรู้สาอะไร
เด็กสาวระงับอารมณ์โกรธที่ก่อตัวอยู่ในอก ขณะนี้มีคนอยู่มากมาย อีกทั้งตัวนางกำลังได้เปรียบ ไป๋จื่อจะปล่อยโอกาสทำให้หญิงชรากระอักเลือดได้อย่างไร
“ท่านย่า แม่ของข้าใกล้จะตายแล้ว หรือว่าท่านมองไม่เห็น ได้โปรดเถิด เห็นแก่ที่ท่านแม่ของข้าทำงานต่างวัวต่างม้าที่บ้านนี้ทุกวัน ช่วยท่านแม่ของข้าเถิดเจ้าค่ะ”
หมอลู่เลิกคิ้วมองสตรีสูงวัย พลางกล่าว “จะรักษาหรือไม่ก็รีบยื่นคำขาด เคี่ยวยาและฝังเข็มต้องใช้เวลา หากท่านโอ้เอ้ต่อไปเช่นนี้ ก็คงเสียลมหายใจสุดท้ายของนางไปแน่”
ครั้นหลิวซื่อได้ยินดังนั้น นางก็รีบดึงแขนเสื้อของแม่สามี “ท่านแม่ รักษาให้นางเถิดเจ้าค่ะ ตราบใดที่มีชีวิต เช่นนั้นย่อมมีความหวัง เงินที่เสียไปเพื่อการรักษาในวันนี้ ช้าเร็วอย่างไรพวกเราก็เอาคืนมาจากพวกนางได้ แต่หากไม่รักษา สุดท้ายพวกเราสองคนล้วนต้องเข้าไปอยู่ในคุกนะเจ้าคะ”
หญิงชราอายุปูนนี้แล้ว ว่าอย่างไรว่าตามกัน ทว่านางยังสาว นางไม่อยากฝังชีวิตที่เหลือของตนอยู่ในคุกเพียงเพราะเรื่องเงินไม่เท่าไร
บัดนี้สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่ตัวหญิงชรา นางรู้ว่าไม่รักษาบาดแผลนี้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงพยักหน้าให้ท่านหมอลู่ “เช่นนั้นก็รักษาเถิด ทว่าตอนนี้ในมือข้ามีเงินอยู่ไม่เท่าไร จำเป็นต้องติดหนี้เอาไว้ก่อน”
ท่านหมอลู่ขมวดคิ้ว “ติดเงินค่ารักษาไม่เป็นไร อย่างไรก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน แต่เงินค่ายานี้ไม่อาจติดกันได้”
[1] ยาโถว (丫头) เป็นคำใช้เรียกเด็กผู้หญิง
[2] เทพเจ้ามังกร เห็นหัวไม่เห็นหาง หมายถึง หาตัวจับยาก มองเห็นเพียงแวบเดียว พริบตาเดียวก็หายตัวไป
[3] ล่วมยา คือ กล่อง หีบ หรือถุง สำหรับยา มักทำด้วยผ้า หรือโลหะ