คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา – ตอนที่ 273 หลี่ซื่อแห่งสกุลหวัง / ตอนที่ 274 ไปอยู่บ้านข้า

ตอนที่ 273 หลี่ซื่อแห่งสกุลหวัง

หรูเอ๋อร์ไข้ลดลงแล้ว ทว่ายังมีอาการไออยู่เล็กน้อย ไป๋จื่อนำยาชุดจากหมอลู่ให้นาง จากนั้นก็นำมันฝรั่งครึ่งถุง รวมถึงข้าวและหมี่อีกค่อนถุง ให้อาอู่นำไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านด้วย เผื่อไว้ว่าลูกสะใภ้ของเขากลับมาเห็นเข้า จะได้ไม่พูดจาส่อเสียดไม่น่าฟัง นำสิ่งของเหล่านี้ไปด้วย อย่างน้อยก็ทำให้นางไม่กล้าพูดอะไรมากความ

ครอบครัวของอาอู่ไม่มีกระเป๋าเดินทางอะไร มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ตัวและผ้าห่มเก่าสองผืนที่จ้าวหลานให้ อีกทั้งมีมันฝรั่ง แป้ง และหมี่ที่ไป๋จื่อให้พวกเขานำติดตัวไปด้วย

หลังนำข้าวของลงจากในรถม้าได้ไม่เท่าไร ฮูหยินอัน ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านก็ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางจึงมาเรียกพวกอาอู่ไปกินข้าวร่วมกัน “กินข้าวก่อนเถอะ ข้าวของพวกเจ้ามีไม่มาก อีกเดี๋ยวค่อยนำไปเก็บก็ได้ ข้าทำความสะอาดห้องไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”

จ้าวซู่เอ๋อรีบพาบุตรสาวไปช่วยยกอาหารในห้องครัว และถือโอกาสเก็บกวาดห้องครัวไปด้วยสักเล็กน้อย

ถึงอย่างไรฮูหยินอันก็อายุมากแล้ว ปกติทำงานบ้านเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกว่าเปลืองแรงนัก วันนี้ครอบครัวของอาอู่กลับมากินข้าวที่บ้าน นางจึงทำกับข้าวเพิ่มขึ้นสองอย่าง นางวิ่งวุ่นอยู่ในห้องครัวเพียงลำพัง บัดนี้นางหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ครั้นเห็นจ้าวซู่เอ๋อหน่วยก้านดี ทำอะไรคล่องแคล่วว่องไว ความเหน็ดเหนื่อยบนใบหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนรอยยิ้มออกมาในที่สุด

ขณะที่ทุกคนเพิ่งนั่งลงหน้าโต๊ะ ยังไม่ทันจะได้เริ่มกินข้าวแม้สักคำ ก็มีเสียงของหลี่ซื่อ สะใภ้ใหญ่ของพวกเขาดังออกมาจากข้างนอก

“กลิ่นหอมเชียว วันนี้คงจะได้กินเนื้อผัดไฟแดงกระมัง!” หลี่ซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทว่าฟังดูแล้วเหมือนนางกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่มากกว่า

หวังซูเกินที่อยู่ข้างกายหลี่ซื่อดันแขนของภรรยา “เบาเสียงหน่อย เดี๋ยวท่านพ่อท่านแม่ก็ได้ยินหรอก”

หลี่ซื่อกลอกตาขาวครั้งหนึ่ง “ได้ยินแล้วอย่างไร ข้าอยากให้พวกเขาได้ยินอยู่แล้ว”

เขากลัวว่าภรรยาจะมีชื่อเสียในหมู่บ้าน หลี่ซื่อชี้นก เขาจึงย่อมไม่กล้าตอบว่าเป็นไม้ ไม่เช่นนั้นหลายปีมานี้คงไม่ต้องแยกบ้านอยู่กับบิดามารดา แม้แต่ข้าวสักถุงเดียวก็ไม่กล้าส่งมาให้พวกท่าน

คิ้วของท่านฮูหยินอันขมวดเข้าหากันในทันที ก่อนจะวางตะเกียบที่ถืออยู่ในมือลงอย่างแรง นางไม่ต้อนรับสะใภ้ใหญ่ผู้นี้มากเพียงใด ดูจากสีหน้าและแววตาของนางก็รู้แล้ว

หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวกับอาอู่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร “ลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้ของข้ามา ไม่มีอะไรหรอก พวกเจ้ากินข้าวก่อนเถอะ ข้าจะไปดูสักหน่อย”

เมื่อได้ยินวาจาเสียดสีเช่นนี้ ผู้ใดจะยังกินข้าวลงกันเล่า อาอู่กลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านเจอสถานการณ์ยากลำบาก เขาจึงตามออกไปด้วย

หลี่ซื่อเห็นหัวหน้าหมู่บ้านออกมา ด้านหลังยังตามมาด้วยชายหนุ่มอายุสามสิบต้นๆ บนใบหน้าดุดันของนางพลันปรากฏสีหน้าดูแคลนออกมาทันที ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด หัวหน้าหมู่บ้านก็ชิงพูดตัดหน้านางเสียก่อน

“พวกเจ้ามาแล้วรึ ข้ากำลังคิดจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักอยู่พอดี นี่คืออาอู่ ครอบครัวของเขาจะมาเช่าห้องหนึ่งของข้า อาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว”

เช่า?

สีหน้าของหลี่ซื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหตุใดถึงเช่าอยู่ได้ หลิวกว้าหัวไม่ได้บอกนางเช่นนี้ อีกฝ่ายบอกว่าอาอู่หนีความยากลำบากมา ไป๋จื่อและจ้าวหลานอยากรั้งให้ครอบครัวของพวกเขาทำงาน ช่วยพวกนางทำงานโดยไม่ให้เงินอยู่ที่หมู่บ้าน แต่ตอนนี้บ้านของพวกนางยังสร้างไม่เสร็จ จึงจัดการให้พวกเขาทั้งครอบครัวเข้ามากินอยู่ในบ้านของชายแก่ใจดี อย่างหัวหน้าหมู่บ้านโดยไม่ต้องเสียงเงินสักแดง

หลิวกว้าหัวพูดไว้ชัดเจนมาก ว่ากินอยู่โดยไม่เสียเงิน ไม่ใช่เช่าอยู่!

หวังซู่เกินที่อยู่ข้างนางกระแอกหนักๆ เสียงหนึ่ง “ข้าก็บอกแล้วว่าเช่าอยู่ บ้านของท่านพ่อเงียบเหงามาตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาให้ผู้ใดอาศัยอยู่โดยไม่คิดเงินเลย”

หลี่ซื่อพิจารณาอาอู่ที่อยู่ตรงหน้า บุรุษผู้นี้แต่งกายด้วยผ้าหยาบ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เริ่มใส่มามีการเย็บปะไปกี่ครั้งแล้ว บนใบหน้าของเขายังมีรอยมีดน่าเกลียดอยู่รอยหนึ่ง ท่าทางยากจนยิ่งนัก อีกทั้งยังหนีความยากลำบากมาอีก ไหนเลยจะมีเงินเช่าห้องได้ หากมีเงินจริง เหตุใดต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านหวงถัว ไปอยู่ที่อื่นไม่ได้หรืออย่างไร

……….

ตอนที่ 274 ไปอยู่บ้านข้า

“ได้ยินว่ามีกันสามคน ยกโขยงมาอยู่ด้วยกันเช่นนี้ หนึ่งเดือนจ่ายค่าเช่าเท่าไร” หลี่ซื่อชำเลืองมองอีกฝ่าย

หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “เดือนละหนึ่งตำลึงเงิน จื่อยาโถวเป็นคนจ่ายเงินให้ อาอู่ช่วยพวกนางทำงาน นางจึงคอยดูแลเรื่องอาหารและที่อยู่ให้ ต่อไปบ้านใหม่ของพวกนางสร้างเสร็จ พวกเขาก็จะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”

หนึ่งตำลึงเงิน? หลี่ซื่อตาเป็นประกายในทันใด เช่าอยู่ในบ้านซอมซ่อเช่นนี้หนึ่งเดือน เป็นเงินถึงหนึ่งตำลึงเชียวหรือ

ในหมู่บ้านนี้มีใครบ้างไม่รู้ว่าไป๋จื่อมีเงิน ครั้งก่อนใต้เท้านายอำเภอให้รางวัลนางถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน และทุกคนในหมู่บ้านล้วนเห็นเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินนั่นด้วยตาตัวเอง

บัดนี้นางเก็บเกี่ยวแตงดินของตนเองได้มาก เดิมทีคิดว่านางคงขายแตงดินไม่ออกแน่ๆ แต่สุดท้ายได้ยินว่าเช้าตรู่ของวันนี้ ร้านสือเค่อส่งรถมานำแตงดินไป ครั้งหนึ่งจะนำไปหนึ่งร้อยชั่ง หลังจากนี้สองวันจะมาอีกครั้ง นี่เท่ากับว่านางนั่งอยู่ในบ้านเฉยๆ ก็ได้รับเงินแล้ว มิน่าถึงใจกว้างช่วยเหลือผู้อื่นเช่นนี้

ความรู้สึกดูถูกบนใบหน้าของหลี่ซื่อหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันใด ใบหน้าดุดันของนางปรากฏรอยยิ้มจอมปลอมขึ้นมาแทนที่ “ท่านพ่อ ท่านทั้งสองอายุมากแล้ว บ้านนี้ก็ทั้งเล็ก ทั้งเก่า ให้พวกเขาทั้งครอบครัวอาศัยอยู่ที่นี่คงจะไม่สะดวก ให้พวกเขาไปอยู่ที่บ้านของพวกข้าน่าจะดีกว่ากระมัง”

“อยู่ที่บ้านของพวกเจ้า? บ้านของพวกเจ้าไม่มีห้องว่างแล้วไม่ใช่หรือ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว ครั้งก่อนฝนตกลงมาห่าใหญ่ บ้านของเขาน้ำรั่วหนักทีเดียว เตียงและผ้าห่มในบ้านล้วนเปียกน้ำฝนไปหมด เดิมทีซู่เกินอยากให้พวกเขาไปอยู่ที่บ้านของตนสักสองสามวัน ครั้นท้องฟ้าแจ่มใส ตากผ้าห่มและเก็บกวาดบ้านจนสะอาดแล้วค่อยกลับไป ทว่าหลี่ซื่อว่าอย่างไรบ้าง นางปฏิเสธข้อเสนอของซู่เกินท่าเดียว บอกว่าที่บ้านไม่มีห้องว่างเหลือแล้ว ให้คนมากมายมาเบียดอยู่ด้วยกันคงจะไม่ได้

ซู่เกินเป็นคนขี้ขลาด ภรรยาว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามนั้น แม้ในใจของเขาจะต้องอดกลั้นเพียงไร แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรกับภรรยาสักคำ

หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาไม่อยากสร้างความเดือนร้อนให้ซู่เกิน จึงไม่ได้พูดอะไรมากความ และอาศัยอยู่ในบ้านชุ่มน้ำฝนเสียสองคืน เมื่อท้องฟ้าปลอดโปร่งแล้วก็เชิญนายช่างจากในเมืองมาซ่อมบ้าน เปลี่ยนหลังคามุงจากเป็นมุงกระเบื้อง ใช้เงินไปไม่น้อยทีเดียว

และเพราะเรื่องนี้เองที่ทำให้ซู่เกินทะเลาะกับภรรยาอย่างหนัก นางเอาแต่บอกว่าพ่อและแม่สามีต่างก็ไม่รักลูกหลาน ถึงได้ใช้เงินมือเติบเช่นนี้

นับว่าหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยามองออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ว่าพวกเขาพึ่งพาใครบนโลกนี้ไม่ได้ ที่พึ่งพาได้มีแต่ตัวพวกเขาเอง แล้วจะเก็บเงินไว้ทำอะไร ยามเกิดไม่ได้นำติดตัวมา ถึงคราวตายก็นำไปด้วยไม่ได้ ขอเพียงทำให้ตนเองได้อยู่อย่างสุขสบายในขณะที่มีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ถือว่าได้ใช้เงินไปอย่างคุ้มค่าแล้ว

หลี่ซื่อกล่าวด้วยสีหน้าเดิม “มีสิเจ้าคะ มีห้องว่างอยู่ห้องหนึ่ง แม้จะรกไปหน่อย แต่เก็บกวาดแล้วก็เข้าไปอยู่ได้อย่างแน่นอน”

หัวหน้าหมู่บ้านแค่นหัวเราะในใจเสียงหนึ่ง หากไม่ได้เห็นแก่หน้าของซู่เกิน หรือเห็นแก่หน้าของหลานชาย ตอนนี้เขาอยากจะยกไม้กวาดขึ้นมาไล่ตะเพิดสตรีชั่วร้ายผู้นี้ออกไปเสียจริงๆ

เขาถามซู่เกิน “เจ้าว่าอย่างไร”

ซู่เกินมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาจะว่าอย่างไรได้ หากพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกไป ครั้นกลับไปบ้านแล้วคงจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นเป็นแน่

“ขะ…ข้าว่า…คงได้กระมัง” ซูเกินพูด พลางมองสีหน้าของภรรยาไปด้วย

หลี่ซื่อปรบมือ “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้นะเจ้าคะ ให้ครอบครัวของอาอู่ไปกับพวกข้าเถอะ ต่อไปให้พวกเขากินอยู่ที่บ้านของพวกข้า”

หัวหน้าหมู่บ้านเหล่มองอาอู่ “อาอู่ เจ้าเลือกเอาเองเถอะ จะอยู่ที่ใดเจ้าล้วนมีสิทธิ์ตัดสินใจอย่างอิสระ”

อาอู่อายุสามสิบปีแล้ว เขามีประสบการณ์ทั้งในเรื่องที่ควรและไม่ควรมี มนุษย์มีทั้งคนมีน้ำใจและไร้น้ำใจ ความโหดร้ายของโลกใบนี้ เขาล้วนรู้ดียิ่งกว่าใครๆ

เป้าหมายของหลี่ซื่อ รวมถึงจุดยืนของหัวหน้าหมู่บ้าน เขาจึงรู้ดีอยู่แก่ใจ

อาอู่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่สะใภ้มาก แต่ครอบครัวของพวกข้าอยู่ที่นี่ดีแล้ว ทั้งยังใกล้กับบ้านของไป๋จื่อด้วย ข้าไปทำงานจากที่นี่คงสะดวกกว่ามาก”

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
Score 7.2
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนาจู่ๆ แพทย์หญิงยอดฝีมือจากยุคปัจจุบัน ดันตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวชาวบ้านยุคโบราณที่ถูกย่าและป้าสะใภ้ตีจนตายทั้งเป็น ครั้นรอดชีวิตมาได้ ก็ถูกโขกสับไม่ต่างกับสาวใช้ในบ้าน ทั้งยังจะถูกจับขายแลกเงินให้แต่งกับบุรุษอายุคราวพ่อ แต่ไป๋จื่อคนใหม่นี้จะไม่ปล่อยให้พวกนางใช้งานข่มเหงรังแกได้ตามใจชอบอีกต่อไปแล้ว ให้ตายอย่างไรก็ต้องออกจากบ้านที่เหมือนกับขุมนรกแห่งนี้ไปให้ได้ จึงตัดสินใจสร้างอุบายทำให้ตนเองเสียชื่อ เพื่อแยกบ้านกับเหล่าคนสกุลไป๋ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพื่อให้มีข้าวกินอิ่มท้องสักมื้อ หญิงสาวที่เคยมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งประเทศในยุคปัจจุบันต้องถกแขนเสื้อทำไร่ทำนา ใช้วิชาแพทย์แผนปัจจุบันรักษาคนไข้ และจัดการกับเหล่าคนในหมู่บ้านที่เข้ามาเอารัดเอาเปรียบนางด้วย แต่ขณะเดียวกัน… ก็ต้องรักษาโรคความจำเสื่อมให้ชายหนุ่มกล้ามโตขี้น้อยใจอีก! เดิมทีคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หาเช้ากินค่ำ เลี้ยงชีพให้ตนและท่านแม่มีชีวิตที่ดี แต่ความหวังพรรค์นั้นน่าจะไม่มีทางเป็นจริงได้ หนทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเอาเสียเลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset