ตอนที่ 293 สู้หมาป่า
“อาอู่ เจ้ามองอะไรอยู่ รีบไปเถอะ!” หัวหน้าหมู่บ้านเรียกอาอู่ ที่กำลังนั่งยองเหม่อมองที่บนริมเนินเขา
อาอู่ตอบรับเสียงหนึ่ง ในใจคิดว่าแม่นางไป๋และหูเฟิงไม่มีทางตกลงไปหรอก ไม่มีทาง เขาต้องคิดมากเกินไปแน่ๆ
เขาตามพวกหัวหน้าหมู่บ้านกลับไปที่หมู่บ้าน ในใจสับสนวุ่นวายอยู่ตลอด
“อาอู่ เจ้าเป็นอะไรไป ข้าเห็นว่าเจ้ามีท่าทีแปลกๆ มาตลอดทาง” หัวหน้าหมู่บ้านยื่นผ้าที่เช็ดหน้าไปแล้วคืนให้ภรรยา
อาอู่ไม่อยากปิดบังหัวหน้าหมู่บ้าน จึงเล่าความสงสัยของตนเองให้เขาฟัง
หัวหน้าหมู่บ้านหวนนึกถึงสถานการณ์เมื่อครู่อย่างเต็มกำลัง “เนินเขานั่น จริงด้วย เนินเขานั่นเรียกว่าเนินต้นงิ้ว แถวนั้นมีต้นงิ้วอยู่เยอะมาก จึงได้ตั้งชื่อว่าเนินต้นงิ้ว เจ้าบอกว่าพวกเขาอาจจะตกลงไปจากเนินต้นงิ้วหรือ”
อาอู่พยักหน้า “ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้ขอรับ”
“เนินต้นงิ้วนั้นไม่ใช่เนินเขาเล็กๆ มันลึกหลายสิบจั้ง หากตกลงไปจริงๆ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเชียว!” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
อาอู่ส่ายหน้า “มะ ไม่มีทาง วรยุทธ์ของหูเฟิงยอดเยี่ยม พวกเขาไม่มีทางเป็นอะไร”
หัวหน้าหมู่บ้านคิดดู แล้วรีบกล่าวว่า “ข้ารู้จักทางเส้นหนึ่งที่สามารถลงไปใต้เนินเขาต้นงิ้วได้ มิสู้เจ้าไปดูสักหน่อย อย่าเพิ่งให้หูจ่างหลินและจ้าวหลานรู้ พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจ”
อาอู่รีบพยักหน้า “ทำเช่นนั้นน่าจะดีขอรับ ข้าก็คิดเหมือนกับท่าน”
หัวหน้าหมู่บ้านบอกส้นทางลงเนินเขากับอาอู่ ทั้งยังให้เขานำมีดดาบสำหรับตัดฟืนไปด้วย อย่างไรก็ได้ใช้ป้องกันตัวระหว่างทาง
เดิมทีอาอู่คิดจะบอกว่าไม่จำเป็น แต่เขาก็ไม่อยากให้หัวหน้าหมู่บ้านต้องเป็นห่วง จึงรับมีดดาบไว้ ก่อนจะถือคบเพลิงออกจากหมู่บ้านหวงถัวไปอย่างรีบร้อน
…
ท้องฟ้าเริ่มมีสว่าง ขาวเหมือนพุงปลาก็ไม่ปาน กองไฟดับไปแล้ว บนศีรษะของไป๋จื่อและหูเฟิงมีเหงื่อสะสมอยู่ไม่น้อย เสื้อผ้าก็เปียกชุ่มไปเสียครึ่งหนึ่ง
ทั้งสองคนอิงแอบอยู่ด้วยกัน ด้วยเพราะอากาศหนาวเย็นจนเกินไป ไป๋จื่อจึงซุกตัวเข้าไปอยู่ในหูเฟิงอยู่ตลอด สีหน้าของหูเฟิงก็ไม่สู้ดีเท่าไรนัก บนใบหน้ามีแต่สีแดงระเรื่อจากอาการไข้ แม้ดวงตาจะปิดสนิท ทว่าหัวคิ้วกลับขมวดเข้าหากันไม่ยอมคลาย
…
อาอู่ทิ้งคบเพลิงที่อยู่ในมือไป ก่อนจะเดินฝ่าร่องน้ำในเขาที่ไร้ร่องรอยผู้คน ขณะที่เดินอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงที่แปลกประหลาดจำนวนหนึ่ง คล้ายกับเสียงร้องในลำคอของสัตว์ป่า
เขาดึงมีดดาบออกมาจากช่วงเอว พลางผ่อนฝีเท้าเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว จนกระทั่งเห็นภาพที่ทำให้เขาหัวใจเต้นรัวเร็ว
หมาป่ากำลังแยกเขี้ยวเข้าใกล้ไป๋จื่อและหูเฟิงที่กำลังนอนหลับ พวกมันก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ราวกับเฝ้าระวังมนุษย์ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดจะเข้าใกล้พวกเขาอย่างเงียบๆ แล้วสังหารเหยื่อของพวกมันอย่างรวดเร็วที่สุด
ทันใดนั้นเอง หมาป่าที่นำอยู่ข้างหน้าสุดก็พลันกระโจนตัว อ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมของมัน หมายจะกัดลงบนลำคอเล็กๆ ของไป๋จื่อ
อาอู่ไม่มีเวลาให้คิดมากแล้ว เขาเขวี้ยงมีดดาบในมือออกไปตามสัญชาตญาณ ถูกเป้าหมายอย่างแม่นยำ แทบจะตัดคอของหมาป่าจนขาดสะบั้น
หมาป่าล้มลงโดยที่ไม่ทันได้ร้องโหยหวน ทว่าเพียงแค่เสียงนี้ก็พอจะทำให้ทั้งสองคนตกใจตื่นแล้ว
หูเฟิงตื่นทันทีที่มีดดาบถูกตัวหมาป่า เขาเห็นมีดดาบเล่มนั้นบั่นคอของหมาป่าไปสองในสามส่วนด้วยตาของตัวเอง
สายตาของเขามองไปยังคนที่ขว้างมีดดาบอย่างรวดเร็ว เป็นอาอู่
เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ อาอู่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ วรยุทธ์ของเขาก็ไม่เลว ที่เขาแสร้งว่าตนเองต่อสู้ไม่เป็นก่อนหน้านี้ จะต้องเป็นเพราะเขามีเรื่องลำบากใจที่ไม่อยากพูดเป็นแน่
ไป๋จื่อก็ตื่นแล้วเช่นกัน นางพลันเห็นหมาป่าดุร้ายสองตัวอยู่เบื้องหน้า แม้นางจะตื่นตกใจไม่น้อย แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวนัก ก่อนจะถือโอกาสคว้าก้อนหินข้างๆ ทุบใส่หมาป่าตัวนั้นอย่างแรง
หมาป่าร่วมฝูงตายไปแล้ว เดิมพวกมันโมโหเป็นอย่างยิ่ง บัดนี้ถูกคนทุบเสียอีกครั้งหนึ่ง มันจึงยิ่งโมโหจนยากจะทานทน อ้าปากพุ่งไปหานางทันที
……….
ตอนที่ 294 สลบไสล
หูเฟิงพลิกมือคว้ากระบี่ยาวที่อยู่ข้างกายมา แทงทะลุคอหอยของหมาป่าในคราวเดียว ในขณะเดียวกันนั้น หมาป่าตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาหาเขาแล้ว
ไป๋จื่อไม่รู้ว่าได้ความกล้าหาญมาจากไหน นางหยิบมีดดาบที่อยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วถลันไปถึงเบื้องหน้าของหูเฟิง คิดจะใช้มีดดาบจบชีวิตของหมาป่าตัวนั้น แต่หน้าเสียดายที่บัดนี้นางมีกำลังกายไม่เพียงพอ มีดดาบมาสามารถสังหารหมาป่าได้ในครั้งเดียว หนำซ้ำหมาป่าที่มีแต่ฟันแหลมคมตัวนั้น กำลังแยกเขี้ยวเข้ามาหานางอย่างดุดันแล้ว
ฝ่ายหูเฟิงโมโหเป็นอย่างมาก เด็กสาวผู้นี้รนหาที่ตายหรืออย่างไร เขาดึงกระบี่ยาวออกจากคอหมาป่าอย่างแรง และอาจจะออกแรงมากจนเกินไป เบื้องหน้าของเขาพลันมืดมน แต่ก็ยังอาศัยการฟังที่เหนือกว่าผู้อื่นและลางสังหรณ์ของจอมยุทธ์ แทงกระบี่ทะลุคอหอยของหมาป่าตายในกระบี่เดียว
ขณะนี้อาอู่วิ่งเข้ามาถึงตรงหน้าแล้ว เมื่อครู่นี้เขาตกใจแทบตาย เพราะมองเห็นหมาป่าดุร้ายสองตัวนั้นพุ่งเข้าหาพวกเขา ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขารับมือไม่ทัน เขาเอาแต่วิ่งไปหาอย่างไม่คิดชีวิต ทว่าก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง โชคดีที่พวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว ถึงได้รอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้
หลังจากฆ่าหมาป่าตัวนี้ไปแล้ว หูเฟิงก็ล้มลงสู่อ้อมอกของไป๋จื่อ
ไป๋จื่อโอบเขาไว้ นางรู้สึกว่าร่างกายของเขาร้อนลวกเป็นอย่างยิ่ง ชีพจนก็เต้นเร็วเกินกว่าปกติ
“หูเฟิงเป็นอะไรไป” อาอู่ถามด้วยความร้อนใจ
เด็กสาวขมวดคิ้วมุ่น กล่าวเสียงทุ้ม “ตอนที่พวกข้าตกลงมาจากด้านบน เพื่อที่จะปกป้องข้า เดิมทีเขาก็มีบาดแผลอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็ไข้ขึ้นไปแล้วรอบหนึ่ง กว่าไข้จะลดไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้เขา…” นางถอนใจครั้งหนึ่ง “ในป่าตอนกลางคืนอากาศเย็น ไม่รู้ว่ากองไฟนี้ดับไปตั้งแต่เมื่อใด เขาน่าจะได้รับลมหนาว บวกกับบาดแผลก่อนหน้านี้ เลือดลมผันผวนเพราะหมาป่าพวกนั้นอีก จึงได้สลบไปเช่นนี้”
“ร้ายแรงหรือไม่” อาอู่ไม่รู้วิชาหมอ ทว่าดูจากท่าทางของแม่นางไป๋แล้ว เกรงว่าจะรักษาได้ยากทีเดียว
ไป๋จื่อกล่าว “ข้ารักษาได้ แต่ต้องพาเขากลับไปก่อน ท่านแบกเขาได้หรือไม่”
อาอู่รีบกล่าว “เรื่องอื่นข้าคงทำไม่เป็น ทว่าเรื่องใช้กำลังนับว่าพอไหว” เขาพูดพลางก้มลงดึงหูเฟิงขึ้นมาแบก
นางเองก็ได้รับลมหนาวเช่นกัน ครั้นลุกขึ้นยืน นางรู้สึกเวียนศีรษะอยู่พักหนึ่ง ทว่าก็ฝืนตนเองไว้ได้ แล้วหยิบมีดดาบขึ้นมา ทั้งยังดึงกระบี่ยาวที่แทงทะลุคอหมาป่าออกมาด้วย ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามอาอู่ไป
ก่อนหน้านี้อาอู่รู้สึกระยะทางค่อนข้างสั้น ทว่าเมื่อได้ลองเดินดูแล้ว กลับยาวไกลราวกับห่างออกไปเป็นพันเป็นหมื่นลี้อย่างไรอย่างนั้น
ยังไม่ทันถึงหน้าหมู่บ้าน ไป๋จื่อสองคนมองเห็นรถเทียมม้าออกมาจากในหมู่บ้านอย่างเร่งรีบ โดยมีลุงหู จ้าวหลาน รวมถึงหัวหน้าหมู่บ้านนั่งอยู่ในตัวรถ
ลุงหูเห็นพวกเขาแล้วเช่นนี้ เขาลุกขึ้นยืนอย่างร้อนรน พลางกล่าวกับไป๋จื่อและอาอู่ที่อยู่ไกลออกไป “นั่นไม่ใช่จื่อยาโถวกับอาอู่หรอกหรือ”
จ้าวหลานและหัวหน้าหมู่บ้านก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน “เป็นพวกเขาจริงๆ”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “เมื่อคืนหลังจากอาอู่ตามพวกเรากลับไปแล้ว เขาไปที่ใต้เนินต้นงิ้ว เพราะสงสัยว่าหูเฟิงและจื่อยาโถวจะตกลงจากเนินต้นงิ้ว”
หูจ่างหลินทนรอไม่ไหวแล้ว เขาเหลือบเห็นอาอู่แบกคนไว้ผู้หนึ่ง จากรูปร่างต้องเป็นหูเฟิงไม่ผิดแน่ ในใจของเขาพลันหวาดหวั่น น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ หรือว่า…
หัวหน้าหมู่บ้านจับมือของหูจ่างหลินไว้ “อย่าเพิ่งคิดมาก ข้าว่าหูเฟิงเพียงแค่บาดเจ็บเท่านั้น เขาจะต้องไม่เป็นอะไร”
ทั้งสามคนลงจากรถ ก่อนจะพากันวิ่งไปหาอาอู่และไป๋จื่ออย่างร้อนรน
“จื่อเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรนะ เจ้าไม่เป็นไรย่อมดีที่สุด” จ้าวหลานจับมือของบุตรสาวไว้ น้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้สิเจ้าคะ ข้าไม่เป็นไร” นางเห็นลุงหูมีน้ำตาท่วมใบหน้าเช่นเดียวกัน จึงรีบกล่าวว่า “พวกข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แม้หูเฟิงจะได้รับบาดเจ็บ แต่ขอให้พวกท่านวางใจ มีข้าอยู่ตรงนี้ เขาต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”