ตอนที่ 51 เอาคืนเป็นสองเท่า
หัวหน้าหมู่บ้านคร้านจะสนใจนาง เขาหันไปเหลือบเห็นหมอลู่แบกล่วมยาเบียดฝูงชนเข้ามาพอดี เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายวิ่งมาตลอดทาง เหงื่อแตกเต็มหน้าไปหมด
“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว เร็วเข้าๆ รีบตรวจดูจ้าวหลาน เหมือนมือของนางจะบวมใหญ่ยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก”
หมอลู่หอบหายใจพลางกล่าว “ข้าเพิ่งมาจากบ้านของเหล่าหู มือของเหล่าหูก็หักเช่นกัน ข้าใส่ยาและพันแผลให้เขาแล้ว ถึงได้ล่าช้าไปหลายชั่วยาม”
เดิมทีหูเฟิงอยากกลับไปดูสักหน่อย แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหมอลู่ เขาจึงกลับหลังหัน ยืนอยู่ข้างกายของไป๋จื่อต่อ แม้ตอนนี้เขาจะทำอะไรไม่ได้ แต่อยู่ก็ดีกว่าไม่อยู่
หญิงชราสกุลไป๋ที่อยู่ข้างๆ พุ่งเข้าไปตรงหน้าของหมอลู่ ตะโกนว่า “ดูให้เจ้าใหญ่บ้านข้าก่อน นางสารเลวจ้าวหลานดวงแข็งนัก ไม่ตายหรอก เจ้าใหญ่ของข้าบาดเจ็บหนักกว่านาง”
หมอลู่ขมวดคิ้ว สายตากวาดมองเจ้าใหญ่ครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คนมีตาล้วนดูออกว่าใครบาดเจ็บหนักกว่า ยายเฒ่าอย่างเจ้าพูดจาขาดศีลธรรมเกินไปหน่อยกระมัง”
เดิมทีหญิงชราก็เสียดายเงินอยู่แล้ว คราวนี้หมอลู่ต่อว่านางว่าขาดศีลธรรมอีก นางจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทันที ตะโกนอีกว่า “เหตุใดเจ้าถึงต่อว่าข้า คนเช่นเจ้าคู่ควรจะเป็นหมอแล้วหรือ ไสหัวไปเสีย พวกข้าไม่ต้องการให้เจ้ารักษาแล้ว”
เมื่อหลิวซื่อได้ยินดังนั้น นางตกใจไม่น้อย รีบปล่อยแขนของสามี แล้วก้าวไปข้างหน้า “ท่านแม่ ท่านพูดอะไรน่ะ ท่านพี่บาดเจ็บจนเป็นเช่นนี้ หากไม่รักษา กลายเป็นคนพิการแล้วจะทำอย่างไร”
หญิงชราย่อมไม่อยากให้บุตรชายกลายเป็นคนพิการ ทว่าการรักษาครั้งนี้ต้องเสียเงินเท่าไรกัน เมื่อวานพันแผลที่มือข้างหนึ่งให้จ้าวหลานก็เสียไปสองตำลึงเงินแล้ว วันนี้เจ้าใหญ่บาดเจ็บทั้งสองแขน อย่างไรก็ต้องเสียสี่ตำลึงเงินกระมัง สี่ตำลึงเงิน นางต้องเก็บออมไปอีกนานเท่าไร
นางชำเลืองมองไปทางหูเฟิง ในใจเกิดความคิดในทันที รีบร้องไห้กับหัวหน้าหมู่บ้าน พลางกล่าวว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านก็เห็นแล้ว ว่าเจ้าใหญ่บ้านข้าถูกหูเฟิงตีจนบาดเจ็บ ตอนนี้ต้องรักษาเจ้าใหญ่ เช่นนั้นหูเฟิงก็ต้องเป็นคนจ่ายค่ารักษา ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับพวกข้านะ”
หัวหน้าหมู่บ้านเสมองหูเฟิง “เจ้าตีเจ้าใหญ่จนบาดเจ็บหรือ”
หูเฟิงพยักหน้า สีหน้าราบเรียบนัก “ข้าเป็นคนตีเอง ทว่าเขาตีท่านพ่อของข้าจนบาดเจ็บก่อน ข้าก็แค่ฟันต่อฟันเท่านั้น ข้ายังไม่ขอค่ารักษาพ่อข้าจากพวกเขาเลย เช่นนั้นนับว่ายุติธรรมแล้ว ไม่มีผู้ใดติดค้างกัน”
หัวหน้าหมู่บ้านแอบหัวเราะในใจ ทว่าสีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เขาทำหน้าบึ้งมองไปทางหญิงชรา “คนสกุลไป๋ของพวกเจ้าเป็นคนตีหูจ่างหลินจนบาดเจ็บหรือ”
หญิงชรากัดฟัน นางส่ายหน้า “ไม่ใช่ พวกข้าไม่ได้ตีหูจ่างหลิน เขาล้มบาดเจ็บเองต่างหาก”
บัดนี้ด้านนอกมีเสียงตะโกนของคนในหมู่บ้านที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพูดว่า “แม่เฒ่า เจ้าพูดอะไรก็ให้มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหน่อยเถอะ เรื่องตอนนั้นพวกข้าล้วนเห็น เจ้าใหญ่บ้านเจ้าตีเหล่าหูจนบาดเจ็บ เหตุใดตอนนี้ไม่ยอมรับเล่า”
หญิงชราโมโหจนชี้หน้าต่อว่าคนผู้นั้น “สารเลว เรื่องสกุลไป๋ของพวกข้า เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ต้องการให้เจ้าพูดมั่วหรืออย่างไร รีบไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด”
หัวหน้าหมู่บ้านทำหน้าเคร่ง “หลายคนเห็นพวกเจ้าทำร้ายคน พวกเจ้ายังกล้าไม่ยอมรับอีกหรือ”
สีหน้าของหญิงชราเดี๋ยวแดงเถือก เดี๋ยวซีดขาว ตอนนี้เป็นสีแดงเจือสีดำ สีดำเจือสีม่วง อย่าพูดเลยว่ามากสีสันเพียงใด นางเชิดหน้ากล่าว “ใช่ ถูกต้อง เจ้าใหญ่ของข้าตีมือของหูจ่างหลินจนบาดเจ็บ แต่เจ้าใหญ่ตีแขนของเขาแค่ข้างเดียวเท่านั้น ทว่าหูเฟิงกลับตีจนแขนของเจ้าใหญ่บาดเจ็บทั้งสองข้าง แล้วเช่นนี้จะจัดการอย่างไร”
สายตาเยือนเย็นเจือความดุดันของหูเฟิงกวาดมองหญิงชราอย่างช้าๆ พลางกล่าวย้ำทีละคำ “หากไม่มีใครหาเรื่องข้า ข้าย่อมไม่หาเรื่องคนผู้นั้น หากมีคนหาเรื่องข้า ข้าจะเอาคืนเป็นสองเท่า”
……….
ตอนที่ 52 นางรู้จักวิชาฝังเข็ม
เขากวาดสายตามองแขนสองข้างของเจ้าใหญ่ พลางกล่าวอย่างเย็นชา “สองเท่า ยุติธรรมนัก”
ยุติธรรม
หญิงชราสกุลไป๋โกรธจนแทบจะเป็นลมสลบไป บิดาของเขาแขนหักข้างหนึ่ง ทว่าบุตรชายของนางกลับแขนหักทั้งสองข้าง เขายังพูดว่ายุติธรรมได้อยู่หรือนี่
ตอนที่หญิงชรากับหูเฟิงถกเถียงกัน หมอลู่ถูกไป๋จื่อลากไปถึงตรงหน้าของจ้าวหลานแล้ว วิชาแพทย์ของหมอลู่ไม่นับว่าล้ำลึกนัก ทว่าวิชาจัดกระดูกทั่วไปกลับได้ใช้อยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงชำนาญมาก
เขาคลึงตรงแขนของจ้าวหลานอยู่หลายจุด ก่อนจะก่นด่าเสียงเบาอย่างอดไม่อยู่ “น่าตายนัก ข้อต่อของแขนข้างนี้ผิดตำแหน่งอย่างยิ่ง ทั้งยังบวมจนมีสภาพเช่นนี้ ต้องจัดกระดูกใหม่”
หมอลู่มองสีหน้าซีดขาวของจ้าวหลาน อดกล่าวด้วยความกังวลไม่ได้ “จัดกระดูกใหม่จะเจ็บมาก เจ้าทนได้หรือไม่”
จ้าวหลานพยักหน้าน้อยๆ “ข้าไม่เป็นไร ท่านรักษาเถอะ ข้ารับไหว” นางเองก็ไม่รู้ว่าจะรับไหวหรือไม่ ความเจ็บปวดทำให้ตรงหน้าของนางมืดมัวเป็นระลอกๆ ทว่าเป็นเพราะมีจื่อเอ๋อร์คอยอยู่ข้างกายนาง และนางไม่อยากให้จื่อเอ๋อร์เป็นห่วงจนเกินไป ถึงได้กัดฟันกล่าวออกมาเช่นนี้
ไป๋จื่อเคยรักษาคนไข้ที่กระดูกหักและผิดตำแหน่งเช่นนี้มาก่อน ความเจ็บปวดตอนจัดกระดูกนั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรับไหว
นางถามหมอลู่เสียงเบา “ท่านหมอลู่ ในล่วมยาของท่านมีเข็มหรือไม่”
หมอลู่พยักหน้า “มี แต่การจัดกระดูกไม่จำเป็นต้องใช้เข็ม”
“ท่านให้ข้ายืมใช้หน่อยสิ” ไป๋จื่อกล่าว
หมอลู่รู้ว่าจื่อยาโถวผู้นี้แตกต่างจากเด็กทั่วไป นางมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นนางไม่มีทางฟังเพียงครั้งเดียว ก็รู้ว่าในสูตรยาที่ส่งทอดมาจากบรรพบุรุษของเขาขาดอะไร และไม่มีทางขุดเจอโสมภูเขาได้ตั้งแต่เข้าไปในภูเขาครั้งแรก นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกับโชคดีเช่นนั้น
เขาไม่ได้พูดมาก เพียงหมุนตัวหยิบห่อเข็มออกมาจากในล่วมยาด้านหลัง แล้วส่งให้ไป๋จื่อโดยไม่คิด
ไป๋จื่อมองคนสกุลไป๋ที่ยังเถียงกับหัวหน้าหมู่บ้านและหูเฟิง แล้วมองคนในหมู่บ้านที่กำลังมองดูความคึกคักอยู่ข้างนอก แล้วกล่าวกับหมอลู่เสียงเบา “ท่านหมอลู่ ท่านช่วยข้าบังหน่อย ข้าไม่อยากให้ใครเห็น”
หมอลู่เห็นนางดึงเข็มเงินออกมาสองเล่มแล้ว ในใจรู้สึกหวาดหวั่นเช่นกัน นางจะฝังเข็มให้จ้าวหลานหรือ นางรู้จักวิชาฝังเข็มด้วย
เด็กสาวอายุสิบสองรู้วิชาแพทย์และวิชายา และรู้วิชาฝังเข็มที่ร่ำเรียนได้ยากที่สุดด้วยอย่างนั้นหรือ
ในใจของเขาเกิดความรู้สึกแปลกใจ และอยากดูว่านางรู้วิชาฝังเข็มจริงหรือไม่ จึงบังตรงหน้าของนางและจ้าวหลานโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
จ้าวหลานนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไป๋จื่อรูปร่างเล็ก เมื่อเขาบังเช่นนั้น ก็บดบังพวกนางได้เจ็ดแปดส่วนจริงๆ คนที่อยู่โดยรอบจึงมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิงว่านางกำลังทำอะไรอยู่
แต่เขากลับมองเห็นอย่างชัดเจน ว่าไป๋จื่อหยิบเข็มเงินเล่มยาวบางแทงเข้าไปในจุดชวีฉือ[1] เทียนฝู่[2] และเหอกู่[3]ทั้งหมดสามจุด ก่อนจะดึงออกหลังจากบิดหมุนซ้ายขวาด้วยวิธีพิเศษอยู่สองสามรอบ แล้วจึงหยิบเข็มอีกเล่มแทงเข้าไปตรงจุดหลิงซวี[4] บริเวณหน้าอก
“เสร็จแล้ว อีกเดี๋ยวจัดกระดูกเสร็จค่อยดึงออกก็ใช้ได้”
เข็มยังคงอยู่ตรงจุดหลิวซวี่ มันสั่นไหวตามการหายใจของจ้าวหลาน
หมอลู่ไม่นับว่าแตกฉานในวิชาฝังเข็มนัก เขาไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิงว่าไป๋จื่อทำอะไรลงไป และไม่รู้ว่าหลังจากนางทำสิ่งเหล่านี้แล้ว จ้าวหลานจะมีความรู้สึกอย่างไร
เขาจึงถามว่า “จ้าวหลาน เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
สีหน้าของจ้าวหลานดูดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าปรากฏความปีติ “ไม่เจ็บแล้ว มือข้างนี้ของข้าก็ไม่เจ็บเลยสักนิด” รอยยิ้มนี้ยังเบ่งบานไม่ทันเต็มที ก็กลับแข็งค้างอย่างรวดเร็ว “แต่ แต่เหตุใดมือของข้าถึงไม่รู้สึกอะไรเลยเล่า แม้จะไม่เจ็บแล้ว ทว่าแม้แต่ขยับก็ขยับไม่ได้ นี่ นี่เกิดอะไรขึ้นหรือ”
ไป๋จื่อกล่าวเสียงเบา “ท่านแม่ ไม่เป็นไรนะ ข้าเพียงใช้เข็มกดจุดของท่านไว้ชั่วคราว เพื่อให้ความเจ็บปวดของท่านลดลงบ้าง อีกเดี๋ยวจัดกระดูกและพันแปลเสร็จแล้ว ข้าจะดึงเข็มออกให้ท่าน ถึงตอนนั้นก็จะดีขึ้นเอง เหมือนกับก่อนหน้านี้เลยเจ้าค่ะ”
[1] จุดชวีฉือ (曲池) อยู่บริวเณข้อพับแขนด้านนอก
[2] จุดเทียนฝู่ (天府) อยู่กึ่งกลางระหว่างข้อพับข้อศอกกับหัวไหล่
[3] จุดเหอกู่ (合谷) อยู่บริเวณง่ามนิ้วโป้งและนิ้วชี้
[4] จุดหลิงซวี (灵墟) อยู่บริเวณหน้าอก ตรงช่องซี่โครงที่สาม ห่างจากกึ่งกลางลำตัวในแนวระนาบประมาณสองนิ้ว