ตอนที่ 111 ยังไขคดีไม่ได้
ชาวบ้านด้านนอกลานบ้านฮือฮาขึ้นมาทันที สองร้อยตำลึง นั่นเป็นเงินก้อนใหญ่ทีเดียว! ทั้งชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนั้นมาก่อน แต่หูเฟิงกลับขุดเงินสองร้อยตำลึงได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
เมิ่งหนานพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองชาวบ้านด้านนอก “ท่านหมอลู่อยู่หรือไม่”
“อยู่ขอรับ ข้าอยู่ หลีกไปเร็ว เร็วหน่อย!” หมอลู่มาถึงช้า จึงถูกพวกชาวบ้านเบียดอยู่วงน้อย มองไม่เห็นสถานการณ์ภายในลานบ้านโดยสิ้นเชิง ฟังเสียงก็ขาดๆ หายๆ คราวนี้ได้ยินข้าราชการเรียกชื่อของเขา จึงรีบเบียดเข้ามาด้านใน
หมอลู่เบียดเข้ามาในลานบ้านแล้ว เขาประสานมือคารวะเมิ่งหนาน “ใต้เท้า ข้ามีนามว่าลู่จ่างชุน ขอคารวะใต้เท้าขอรับ”
เมิ่งหนานโบกมือ “ไม่ต้องมากพิธี ข้าขอถามเจ้า หูจ่างหลินบอกว่าหูเฟิงขุดเจอโสมในป่า เป็นเจ้าช่วยพวกเขาขาย นี่เป็นความจริงหรือไม่”
“เป็นความจริงทุกคำขอรับ” หมอลู่รีบกล่าว
“ทั้งหมดขายได้เท่าไร” เมิ่งหนานถามอีก
“ทั้งหมดขายได้สองร้อยตำลึง ขายให้โถงสมุนไพร ใต้เท้าส่งคนไปสืบถามดูก็ได้ขอรับ ข้าไม่กล้าพูดโกหกแม้แต่คำเดียว” หมอลู่พูด
เวลานี้สีหน้าของคนสกุลไป๋ดูไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาคิดว่าถึงแม้หูจ่างหลินจะมีเงินจริง ก็ต้องเป็นเหมือนเช่นพวกเขา บอกที่มาของเงินไม่ได้อย่างละเอียดโดยสิ้นเชิง
แต่เมื่อฟังคำให้การของหมอลู่แล้ว พวกเขาก็รู้ว่าตนเองทำพลาดครั้งใหญ่
เมิ่งหนานถามอีก “เงินที่เจ้านำกลับมา เป็นตั๋วเงิน หรือว่าเป็นพวงเงิน”
หมอลู่กล่าว “เรียนใต้เท้า เงินที่ข้านำกลับมาล้วนเป็นพวงเงิน ข้างใต้มีตราสัญลักษณ์ของธนาคารไท่เฟิงด้วยขอรับ”
หูจ่างหลินนำพวงเงินในอกออกมาทันที ก่อนจะส่งไปตรงหน้าของเมิ่งหนาน “ใต้เท้าโปรดดู นี่ก็คือเงินของบ้านข้าขอรับ”
อีกฝ่ายรับเงินที่หูจ่างหลินส่งมาให้ พวงนี้สิบตำลึง ข้างใต้มีตราสัญลักษณ์ของธนาคารไท่เฟิงจริงดังว่า
จากนั้นเมิ่งหนานก็ส่งเงินกลับไปให้หูจ่างหลิน แล้วหันหน้าไปกล่าวกับหญิงชราและคนอื่นๆ “พวกเจ้ายังมีอะไรอยากพูดอีกหรือไม่”
สีหน้าของหญิงขราซีดเผือด รู้ว่าครั้งนี้ขายหน้าครั้งใหญ่แล้ว ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ หูจ่างหลินผู้นี้จะมีโชคลาภขึ้นมาเล่า
หลิวซื่อที่อดกลั้นไม่พูดจาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงรีบพูดเสียงดังว่า “เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้วกัน พวกข้าสกุลไป๋ทำเงินหายจริง และเห็นพวกนางซื้อที่ดินพอดี ย่อมเกิดความสงสัย เวลานี้ในเมื่อตรวจสอบชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เช่นนั้นพวกข้าก็จะไม่ซักไซ้ต่อแล้ว” นางจูงหญิงชราคิดจะจากไป
เมิ่งหนานกลับยกมือขึ้น “ช้าก่อน” เขาใช้สายตาเย็นชากวาดมองใบหน้าของคนสกุลไป๋ทั้งหมดอย่างเชื่องช้า “ในเมื่อพวกเจ้าทำเงินหายจริงๆ เช่นนั้นก็ถือว่ายังไขคดีไม่ได้ อีกอย่างข้าก็มาที่นี่แล้ว ย่อมต้องช่วยพวกเขาหาตัวหัวขโมยที่แท้จริงให้ได้”
“มะ ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ พวกข้าจะกล้ารบกวนใต้เท้าได้อย่างไร แค่เรื่องเล็กน้อยภายในบ้าน พวกข้าจัดการเองก็ได้เจ้าค่ะ” หลิวซื่อหัวเราะแห้งๆ พลางโบหมืออย่างต่อเนื่อง
“เรื่องเล็ก แต่นี่เป็นเงินที่พวกเจ้าสกุลไป๋หามาเกือบค่อนชีวิต ยิ่งเป็นเงินที่พวกเจ้าเตรียมให้บุตรชายคนโตใช้แต่งงานด้วย จะเป็นเรื่องเล็กได้อย่างไร” เมิ่งหนานมองหลิวซื่อคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม “เอาล่ะ นำทางไป ข้าจะไปดูสถานที่เกิดเหตุหน่อย”
บัดนี้คนสกุลไป๋ลำบากใจจนยากจะพูด แม้กระทั่งคิดอยากตาย ตอนนี้ทำอย่างไรได้บ้าง
สถานที่แสดงละครย้ายจากสกุลหูไปที่สกุลไป๋ ไป๋จื่อและจ้าวหลานจะพลาดละครสนุกๆ ได้อย่างไร ย่อมตามไปด้วยอยู่แล้ว
เดิมทีหูเฟิงและหูจ่างหลินไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องคึกคัก ทว่าวันนี้กลับตามไปด้วยอย่างผิดวิสัย ด้วยอยากดูว่าวันนี้จะสกุลไป๋จะรอดพ้นเงื้อมมือของใต้เท้าเมิ่งได้อย่างไร
……….
ตอนที่ 112 พู่หยก
เมิ่งหนานตามหญิงชราเข้าไปในเรือน เห็นนางหยิบหีบขนาดเล็กออกมาจากในกล่องไม้ใบใหญ่ที่ลงกุญแจไว้ด้วยตาตนเอง หีบขนาดเล็กนั่นก็ลงกุญแจไว้ด้วยเช่นกัน ส่วนกุญแจทั้งสองก็แขวนอยู่บนคอของนาง
เมื่อหญิงชราหยิบกุญแจจากบนคอออกมา นางดึงพู่หยกที่แขวนอยู่บนคอออกมาด้วย เห็นครั้งเดียวก็รู้ว่าพู่หยกนั้นไม่ใช่สิ่งของธรรมดาทั่วไป ทั้งยังมีรูปแบบเอกลักษณ์ยิ่งนัก ต้องเป็นฝีมือของช่างผู้ชำนาญคนหนึ่งแน่นอน แม้ว่าจะเป็นพู่หยกที่เขาพกติดตัวไว้ ก็ไม่อาจเทียบกับมันได้
ชาวบ้านยากจนเช่นนี้ จะมีของดีเช่นนี้ได้อย่างไร
หญิงชรารีบยัดพู่หยกกลับเข้าไปในคอเสื้อ ส่วนเมิ่งหนานสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พลางมองนางเปิดกล่องไม้ออก แล้วนำหีบใบเล็กนั้นออกมา
เมิ่งหนานหมุนกายไป กล่าวว่า “นำหีบมาให้ข้า”
เมื่อกลับมาที่ลานบ้าน เมิ่งหนานก็ถามไป๋ฟู่กุ้ยที่อยู่ข้างๆ เจ้ารองต่อหน้าทุกคน “หีบใบนี้ของท่านย่าเจ้า เจ้าเคยเห็น หรือเคยเปิดมันหรือไม่”
ไป๋ฟู่กุ้ยเคยเห็นข้าราชการอยู่หลายรั้ง ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ข้าราชการจะพูดกับเขา จึงตกใจจนตัวสั่นเทา พูดอะไรไม่ออก
เจ้ารองรีบกล่าว “หีบนี้แต่ไหนแต่ไรท่านแม่ข้าเป็นคนเก็บรักษา ลงกลอนมาหลายปี แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยสัมผัส ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟู่กุ้ย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฟู่กุ้ย ใต้เท้าอย่าได้ใส่ร้ายคนดีเลยขอรับ”
“ข้าไม่ได้บอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา เพียงแต่ข้าเพียงอยากทำความเข้าใจกับสถานการณ์สักหน่อย เหตุใดเจ้าต้องร้อนรนด้วย” เมิ่งหนานกล่าว
“ใต้เท้า กุญแจนี้ท่านแม่ของข้าเก็บรักษาไว้เอง แต่ไหนแต่ไรไม่เคยห่างกาย ฟู่กุ้ยจึงไม่เคยเห็นหีบเงินนี้” เจ้ารองกล่าว
หญิงชรารู้สึกไม่ดีอยู่รางๆ ทว่าสมองยังไม่ทันคิดคำนวณ จึงยังคิดไม่ตกว่าแท้จริงแล้วผิดพลาดที่ตรงไหน
ไป๋จื่อและหูเฟิงกลับยกยิ้มพร้อมกัน ดูท่าทางเมิ่งหนานจะเข้าใจคดีนี้แล้ว
เมิ่งหนานพยักหน้า แล้วกล่าวกับหญิงชราว่า “ข้าเพิ่งเห็นเจ้าเปิดหีบนั้นด้วยตาตนเอง รวมถึงกลอนของหีบเงินใบนี้ก็สมบูรณ์ไร้ความเสียหาย กุญแจก็เป็นเจ้าเองที่เก็บไว้ติดตัว เช่นนั้นเจ้าทำเงินนี้หายได้อย่างไร”
หญิงชราพลันรู้สึกร้อนรน มือชี้ไปที่ไป๋จื่อตามสัญชาตญาณ “เป็นนาง ต้องเป็นนางแน่ๆ ตอนที่ยังไม่ได้แยกบ้าน นางทำงานในเรือนใหญ่อยู่บ่อยครั้ง ต้องทำความสะอาดห้องของข้าเช่นกัน นอกจากนางแล้วจะเป็นใครได้อีก”
“เจ้าหมายความว่า ไป๋จื่อมีความสามารถหยิบของโดยที่ไม่ต้องสัมผัสได้ หีบนี้ของเจ้าลงกลอนไว้แท้ๆ กุญแจก็อยู่ที่ตัวเจ้า หากนางไม่มีความสามารถนั้น แล้วจะนำเงินจากในหีบของเจ้าไปได้อย่างไร” เมิ่งหนานกล่าว
“เอ่อ ข้า…ข้าไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไร แต่ต้องเป็นนางแน่ เป็นนางอย่างแน่นอน”
สีหน้าของเมิ่งหนานเย็นชาขึ้นสามส่วน เขากล่าวเสียงทุ้ม “เจ้าเปิดหีบออก”
หญิงชราสัมผัสเชือกบนคอพลางมือสั่น ขณะที่กำลังดึงออกมา นางก็ยัดพู่หยกที่ดึงติดออกมาด้วยเข้าไปในคอเสื้อ
พู่หยกส่องประกายสีอ่อนอันงดงามใต้แสงอาทิตย์ ใบหน้าของพระสังกัจจายน์ชัดเจน สีแดงกล่ำบริเวณนิ้วเตะตายิ่งนัก
เมื่อจ้าวหลานเหลือบเห็นพู่หยกนั้น สีหน้าของนางเปลี่ยนไปในทันที มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวพลันกำเป็นหมัด
หูเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หูจ่างหลินก็เห็นพู่หยกนั้นเช่นกัน ยามที่เห็นพู่หยกนั้น ในใจของเขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
คุ้นเคยนัก พู่หยกนี้ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ทว่าเขาคิดจนสมองแทบแตก ก็นึกอะไรไม่ออก
หญิงชรายัดพู่หยกเข้าไปในคอเสื้อ นางกำกุญแจขนาดเล็กด้วยมือที่กำลังสั่นระริก เปิดอยู่นานถึงจะเปิดหีบออกได้
หีบนี้เล็กนัก มีขนาดพอๆ กับฝ่ามือของเมิ่งหนาน
เขารับกล่องในมือหญิงชรามา ครั้นดูอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง ในกล่องมีเพียงเงินย่อยกระจัดกระจายอยู่น้อยนิด ไปจนถึงทองแดงสองสามพวง