ตอนที่ 199 เจ้าไม่ใช่แม่ครัวของพวกเขา
องครักษ์จินชะเง้อคอมองไปข้างนอกต่อ ก่อนจะเห็นเงาร่างหนึ่งสูง หนึ่งเตี้ยเดินมาจากนอกเรือนแต่ไกล เขาร้องขึ้นมาทันที “มาแล้วๆ แม่นางไป๋มาแล้ว” สายตาของเขาจับจ้องไปที่กระเป๋าผ้าบนหลังของไป๋จื่อ พลางยิ้มกริ่ม “สะพายกระเป๋าใบใหญ่มาเช่นนี้ ข้างในจะต้องใส่ของอร่อยไว้ไม่น้อยแน่”
เมิ่งหนานก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ชะเง้อคอมองไปข้างนอก เรือนร่างที่เดิมทีผอมบางอยู่แล้วของไป๋จื่อ เมื่อเดินอยู่เคียงข้างหูเฟิง ก็ยิ่งทำให้นางดูบอบบางมากขึ้นเป็นกอง
“เด็กคนนี้ทำอาหารก็อร่อย ทั้งยังไม่ขี้เหนียว เหตุใดตนเองถึงยังผอมกะหร่องอยู่เช่นนี้”
สายตาขององครักษ์จินตกลงที่ร่างของหูเฟิง เขาแค่นหัวเราะ “ข้าว่าจะต้องเป็นหูเฟิงที่คอยแย่งของอร่อยในบ้านกินจนเกลี้ยง แม้จื่อยาโถวจะทำอาหารอร่อย แต่นางเพิ่งทำเสร็จ ยังไม่ทันขยับตะเกียบ หูเฟิงก็กินหมดแล้ว นางจะไม่ผอมได้อย่างไรเล่าขอรับ”
เมิ่งหนานกลอกตาขาว “เจ้าคิดว่าคนอื่นเป็นเหมือนเจ้ารึ ช่างเปรียบเทียบเสียจริง” แม้หูเฟิงจะดูเย็นชา แต่จิตใจของเขาไม่ใช่เช่นนั้นอย่างแน่นอน ถึงจะไม่ได้สนทนากันมากนัก แต่เขาดูออกว่าชายหนุ่มผู้นี้เย็นชากับไป๋จื่อแค่เพียงภายนอก ความจริงแล้วหูเฟิงเอาใจใส่เด็กสาวอย่างยิ่ง ไม่ได้เป็นเช่นที่เขาแสดงออกโดยสิ้นเชิง
ไป๋จื่อและหูเฟิงตามกันเข้ามาในลาน ก่อนจะเห็นบุรุษสองคนยืนรอนางอยู่ที่ประตูห้องโถง โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองข้างขององครักษ์จินที่จับจ้องกระเป๋าผ้าของนางตลอดเวลา ในแววตามีความตะกละฉายชัดอย่างเข้มข้น นางนึกขึ้นได้โดยพลันว่าครั้งก่อนนำจีตั้นปิ่งมาด้วย แต่วันนี้นางไม่ได้นำอะไรมาเลย…
เด็กสาวยิ้มแห้งๆ กล่าวกับเมิ่งหนานว่า “หลายวันนี้รู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
เมิ่งหนานยิ้มรับ “ดีทีเดียว นอกจากหิวอยู่ตลอดแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหน”
องครักษ์จินอดทนรอไม่ไหวแล้ว พุ่งเข้าไปรับกระเป๋าผ้าของนาง ขณะเดียวกันก็ยิ้มไม่ยอมหุบ “เจ้ามาก็ดีแล้ว เหตุใดต้องนำของติดมือมาด้วยทุกครั้ง เช่นนี้ลำบากเจ้านัก ข้าเกรงใจมากจริงๆ”
ไป๋จื่อตีมือเขา รอยยิ้มของนางดูเก้ๆ กังๆ ขึ้นเรื่อยๆ “พี่จิน ข้าขอโทษจริงๆ วันนี้รีบร้อนออกจากบ้าน จึงไม่ได้นำอะไรติดมือมาด้วย แต่ครั้งหน้าจะนำของอร่อยมาให้พวกท่านอย่างแน่นอน”
รอยยิ้มบนใบหน้าขององครักษ์จินชะงักค้าง “อะไรนะ ไม่ได้นำอะไรติดตัวมาเลยหรือ แม้แต่จีตั้นปิ่งก็ไม่มีรึ”
“ไม่มีเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อส่ายหน้า
“จ๊อก…” ปากขององครักษ์จินไม่ได้ส่งเสียงอะไร ทว่าเสียงจากท้องของเขายังคงส่งเสียงดัง
เมิ่งหนานก็รู้สึกหมดหวังเช่นกัน ทว่านึกถึงสภาพของตนเองและองครักษ์จินแล้ว เขาก็รู้สึกว่าน่าขันนัก เพราะพวกเขาเหมือนเด็กชายสองคนรอบิดามารดากลับมาป้อนอาหารให้อย่างไรอย่างนั้น
“จื่อยาโถว ขอเจ้าอย่าได้หัวเราะเยาะ จินเสี่ยวอันผู้นี้ตั้งแต่กินอาหารของเจ้า ก็ทรมานที่จะกลืนอาหารจากห้องครัวด้านหลังศาลาว่าการ วันนี้เห็นว่าเจ้าจะมา เขาจึงตื่นตั้งแต่เช้า จนตอนนี้แล้วยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย เพราะรอให้เจ้ามาช่วยทำให้สมปรารถนา”
องครักษ์จินเหล่มองเมิ่งหนาน “คุณชายพูดเหมือนท่านกินข้าวเช้าที่ห้องครัวทำให้แล้วอย่างนั้นแหละ ข้ารอให้แม่นางไป๋มาช่วยทำให้สมปรารถนา แล้วท่านไม่ได้รอเหมือนข้าหรอกหรือ”
ท่าทางตะกละและน่าเอ็นดูของพวกเขาทำให้ไป๋จื่อเบิกบานใจนัก จึงปลอบใจพวกเขาว่า “เอาล่ะ เป็นข้าเองที่ผิดต่อพวกท่าน ทำให้พวกท่านต้องหิ้วท้องรอเก้อ เอาอย่างนี้เจ้าค่ะ กลางวันข้าจะลงครัวเอง ทำอาหารให้พวกท่านสักสองสามอย่าง ข้ากับหูเฟิงจะอยู่กินข้าวกลางวันก่อนแล้วค่อยไป ดีหรือไม่เจ้าคะ”
ดวงตาที่เดิมทีหม่นหมองขององครักษ์จินและเมิ่งหนานเป็นประกายในทันใด ก่อนจะพยักหน้าราวกับไก่ผงกหัว ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ขาดก็แต่เพียงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
หูเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจ “ดีอย่างไร เจ้าไม่ใช่แม่ครัวของพวกเขา เหตุใดต้องอยู่ทำอาหารให้พวกเขาด้วย ที่บ้านยังยุ่งไม่พอหรือไร”
……….
ตอนที่ 200 ความลึกลับที่ยากหยั่งคาด
สายตาไม่สบอารมณ์ของเขากวาดมองเมิ่งหนานและองครักษ์จิน เหตุใดสองคนนี้ถึงเจ้าเล่ห์นัก ครั้นเห็นไป๋จื่อก็ต้องการของกิน หรือว่าตอนที่ไป๋จื่อไม่อยู่ พวกเขาไม่กินข้าวเลยหรือไร
ไป๋จื่อไม่ได้พูดอะไร องครักษ์จินกลัวว่านางจะกลับคำ จึงรีบดึงมือนางเดินเข้าไปในห้องโถง “แม่นางไป๋ สายแล้ว รีบดูบาดแผลให้คุณชายของข้าเถอะ กินยามาแล้วหลายวัน ยาภายนอกก็ใช้อย่างตรงเวลา ทว่าคุณชายบอกว่ามือของเขายังขยับไม่ได้ตามใจเหมือนเมื่อก่อนเลย”
เด็กสาวถูกลากเข้าไปในห้องโถง หูเฟิงจนใจนัก ทำได้เพียงตามเข้าไป
หลังจากตรวจดูบาดแผลแล้ว แม้จะไม่มีอุปกรณ์ของยุคปัจจุบันที่สามารถตรวจได้อย่างแม่นยำ ทว่าจากประสบการณ์ของนางแล้ว บาดแผลของเมิ่งหนานฟื้นฟูได้ไม่เลวทีเดียว
“ตอนนี้เอ็นข้อมือเพิ่งจะติดกัน ขยับไม่ได้ตามใจเป็นเรื่องปกตินัก เพียงแค่สามวันก็ฟื้นฟูได้ขนาดนี้แล้ว นับว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง อีกสองสามวันข้าจะมาตัดไหม ถึงตอนนั้นก็จะเริ่มมีแรงเคลื่อนไหวทั่วๆ ไปได้แล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินนางบอกว่าฟื้นฟูได้ไม่เลว เมิ่งหนานและจินเสี่ยวอันต่างก็ถอนใจด้วยความโล่งอก สามวันนี้พวกเขาบำรุงรักษาบาดแผลตามคำสั่งของไป๋จื่ออย่างเคร่งครัด ไม่กล้าเลินเล่อแม้สักนิด
จินเสี่ยวอันมองข้อมือของคุณชาย “แม่นางไป๋ เจ้าเรียนวิชาแพทย์นี้มาจากที่ใด ใช้เข็มเย็บบาดแผลของคน ข้าไม่เคยเห็นวิธีการรักษาบาดแผลเช่นนี้มาก่อนเลย”
เมิ่งหนานเห็นไป๋จื่อมีสีหน้ากระอักกระอ่วน จึงรีบกล่าว “เจ้าจะไปรู้จักได้อย่างไร วิชาแพทย์บนโลกนี้มีเป็นพันเป็นหมื่นชนิด เจ้าจะต้องรู้จักทุกชนิดเลยหรือ ไปๆๆ ไปบอกกับห้องครัวสักหน่อย ว่าให้พวกนางเตรียมวัตถุดิบไว้ให้ดี อีกเดี๋ยวเป็นลูกมือให้จื่อยาโถวด้วย”
องครักษ์จินเดิมทีไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ยินว่าจะให้แม่ครัวเป็นลูกมือแม่นางไป๋ ความไม่พอใจเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที “ขอรับๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ครั้นรับคำจบ เขาก็หายไปราวกับควัน
ไป๋จื่อยิ้มกล่าว “พวกท่านทั้งสองไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้องเลยสักนิด เหมือนพี่น้องกันมากกว่า”
เมิ่งหนานหันไปมองทางประตู อันเป็นทิศทางที่จินเสี่ยวอันหายวับไป เวลานี้ไม่มีเงาร่างของอีกฝ่ายแล้ว แต่ในสายตาของเขายังคงเหมือนกับเห็นจินเสี่ยวอันอยู่ “เขาติดตามข้าตั้งแต่สิบขวบ พวกข้าโตมาด้วยกัน ข้าไม่เคยเห็นเขาต่ำต้อยกว่า สำหรับข้าแล้ว เขาเป็นคนที่สนิมสนมกับข้ายิ่งกว่าพี่น้องในตระกูลของข้าเหล่านั้นอีก”
เด็กสาวมองตามสายตาของเขา มองไปทางประตู ตรงนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย แต่กลับคล้ายกับมีเงาร่างอยู่เลือนราง “เขาก็รู้สึกกับท่านเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ มีคนที่รู้ใจและสนิมสนมเช่นนี้อยู่ข้างกายสักคน นับว่าพวกท่านโชคดียิ่งนัก”
เมิ่งหนานตาเป็นประกาย ก่อนจะหันกลับมามองนางและหูเฟิง “เจ้ากับหูเฟิงไม่ได้มีความสัมพันธ์แนบชิดกันเช่นพี่ชายและน้องสาวหรอกหรือ”
ความสัมพันธ์แนบชิดกันเช่นพี่ชายและน้องสาว?
แต่ไหนแต่ไรไป๋จื่อไม่เคยคิดเช่นนั้น ทว่าเมิ่งหนานพูดเช่นนี้ นางถึงรู้สึกว่าเหมือนอยู่บ้างจริงๆ ตั้งแต่นางกับท่านแม่เข้าไปอาศัยในสกุลหู แม้หูเฟิงจะไม่ชอบพูดจานัก แต่การกระทำของเขาสำคัญกว่าคำพูดอย่างยิ่ง เขามักจะปกป้องนางอยู่ข้างๆ อย่างเงียบเชียบเสมอ คอยต้านลมบังฝนให้นาง
นางยิ้ม “ใช่เจ้าค่ะ ความจริงแล้วเขาเหมือน…”
“เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
ไป๋จื่อยังไม่ทันพูดจนจบ หูเฟิงก็ถลึงตามองเมิ่งหนานอย่างไม่สบอารมณ์ยิ่ง และถือโอกาสมองตาขวางใส่เด็กสาวด้วยความเฉยชาด้วย
เด็กสาวยิ้มแห้งๆ ก่อนจะอธิบายกับเมิ่งหนาน “เขาผู้นี้ไม่ชอบให้ใครวิจารณ์ ท่านอย่าได้ใส่ใจเลยนะเจ้าคะ”
เมิ่งหนานมองหูเฟิงคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม เขามองธาตุแท้ของคนออกเสมอ ทว่าไม่เคยมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งว่าหูเฟิงเป็นคนอย่างไร บนใบหน้าหล่อเหลานั้น อีกทั้งดวงตาสีดำขลับที่เหมือนกับบ่อน้ำไม่เห็นก้นคู่นั้น ช่างเต็มไปด้วยความลึกลับที่ยากหยั่งคาดและความเย็นชาเสียจริง